HACK#10 การสร้างแบบฟอร์มการค้นหาใน Google

คุณสามารถที่จะสร้างแบบฟอร์มการค้นหาเฉพาะกิจไว้ใช้เป็นการส่วนตัวได้
หากคุณต้องการสืบค้นแบบง่ายด้วยการใช้ Google คุณ ก็ไม่ต้องใช้อะไรนอกจากรูปแบบการสืบค้นอย่างง่ายๆที่เป็นมาตรฐาน (จากโฮมเพจของ Google) แต่ถ้าคุณต้องการรูปแบบการค้นหาแบบพิเศษเอาไว้สำหรับใช้เองเป็นประจำ หรือสร้างให้คนอื่นใช้ คุณก็สามารถกำหนดแบบฟอร์มการค้นหาที่เป็นส่วนตัวได้ ดังนี้
นี่ คือแบบฟอร์มที่ง่ายๆ แต่มันจะรวบรวมเอาคำสั่งของคุณและส่งตรงไปให้กับ Google โดยไม่เพิ่มเติมคำสั่งอะไรอีก แต่คุณสามารถใส่ตัวแปรบางอย่างที่จะช่วยเปลี่ยนการสืบค้นให้เป็นไปตามที่ ต้องการได้ ซึ่งคุณมีวิธีการอยู่ 2 วิธี คือ ด้วยการซ่อนตัวแปร หรือการเพิ่มอินพุทลงไปในแบบฟอร์ม

ตัวแปรซ่อน (Hidden Variables)
หากคุณรู้จักวิธีที่จะระบุตัวเลือกของการสืบค้นใน Google คุณ ก็สามารถที่จะแทรกตัวนี้ลงไปในแบบฟอร์มการค้นหาด้วยการซ่อนตัวแปร ซึ่งจริงๆแล้วการซ่อนตัวแปรนั้นก็หมายความว่ามันคือแบบฟอร์มการค้นหาที่ผู้ ใช้ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้อีก เพราะพวกเขาจะมองไม่เห็นตัวแปรเหล่านี้ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะอ่านจากซอร์สโค้ด โดยดูจากการ View Source
  • Tip ในขณะที่คุณสามารถจะระบุตัวแปรซ่อนไว้ที่ใดก็ได้ระหว่างแท็ก
    แต่ มันจะเป็นระเบียบและได้ประโยชน์กว่า หากจะใส่ไว้เป็นฟิลด์ที่ต่อท้ายฟิลด์อื่นๆทั่วไปที่สามารถมองเห็นได้ (visible field) ในแบบฟอร์ม
การระบุเพื่อจำกัดชนิดของไฟล์ (File Type)
ชื่อ ก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นคำสั่งที่จะช่วยกรองเฉพาะชนิดของไฟล์ที่คุณต้องการ (เช่น ไฟล์ไมโครซอฟต์เวิร์ดที่ลงท้ายด้วย .doc, ไฟล์ .pdf ของ Adobe, ไฟล์ .ppt ของพาวเวอร์พอยต์และไฟล์ .txt ธรรมดาๆ เป็นต้น) ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่มตัวแปรเพื่อกรองชนิดของไฟล์พาวเวอร์พอยต์ให้อยู่ในการสืบค้น จะกำหนดค่าของตัวแปร ดังนี้
การเจาะจงเว็บไซต์ (Site Search)
คำ สั่งนี้จะช่วยให้คุณสืบค้นได้ละเอียดไปถึงเว็บไซต์ที่ต้องการ ในขณะที่ Domain ประเภท .com ก็พอใช้ได้ แต่การระบุเฉพาะเจาะจงลงไป เช่น example.com น่าจะให้ผลที่ดีกว่า เช่น
ช่วงเวลาของข้อมูล (Date Searching)
คำ สั่งนี้จะจำกัดการสืบค้นลงไปถึง Web Page ที่มีการจัดทำอินเด็กซ์ภายในช่วงระยะเวลาที่ระบุจำนวนเดือนเอาไว้ ซึ่งตัวเลขที่จะรับได้มีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 12 หากเราต้องการผลการสืบค้นที่มีการจัดทำอินเด็กซ์ภายในเจ็ดเดือนที่ผ่านมา เราก็สามารถกำหนดค่าของตัวแปรในคำสั่งได้ ดังนี้
กำหนดจำนวนรายการผลการสืบค้น (Number of Rresults)
คำ สั่งนี้ทำให้คุณสามารถระบุจำนวนผลการสืบค้นที่คุณต้องการในแต่ละหน้า คุณสามารถที่จะเลือกระบุตัวเลขได้ตั้งแต่ 1 ถึง 100 ในตัวอย่างคำสั่งต่อไปนี้ ระบุจำนวนผลการสืบค้นในแต่ละหน้าเป็น 50
คุณ จะใช้คำสั่งเหล่านี้ในกรณีใดได้บ้าง หากคุณต้องการ Search Engine ที่สามารถจะสืบค้นชนิดของไฟล์ในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งได้โดยง่าย คำสั่งเหล่านี้จะใช้งานได้ดีมาก เพราะมันเป็นการสืบค้นเพียงครั้งเดียว (one-time search) ซึ่งคุณจะสามารถเจาะลึกลงภายใต้ URL จากผลลัพธ์ที่ได้อีกที่หนึ่ง (ดู Hack #9) เพื่ออ่านค่าตัวแปรและค่าอื่นๆ ที่ได้รับกลับมาภายใน URL นั้น
ตัวอย่างการทำงานร่วมกันของคำสั่งซ่อนตัวแปร
หากคุณดูที่เว็บไซต์ tompeters.com (http://www.tompeters.com/) คุณจะเห็นว่ามีไฟล์พาวเวอร์พอยต์ (PPT) อยู่มากมายในเว็บไซต์นี้ หากคุณต้องการที่จะสืบค้นเฉพาะไฟล์พาวเวอร์พอยต์เพียงบางไฟล์จากเว็บไซต์นี้ คุณจะต้องมานั่งตรองดูว่า Search Engine ของเว็บไซต์นี้เองมีการทำงานอย่างไรบ้าง หรือคุณอาจจะต้องหาวิธีที่จะให้มันยอมรับการสืบค้นที่สามารถระบุชนิดของไฟล์ ได้ แต่คุณเองก็สามารถสร้างแบบฟอร์มการสืบค้นซึ่งจะค้นหาเฉพาะไฟล์พาวเวอร์พอยต์ จากเว็บไซต์นี้ได้ด้วยตนเอง หรืออาจจะสร้างขึ้นมาในลักษณะเป็นออปชันก็ได้เช่นกัน
  • Tip แม้ ว่าคุณจะมีวิธีที่จะสร้างแบบฟอร์มการสืบค้นที่ใช้ได้สะดวกด้วยวิธีนี้ ทว่าคุณก็ยังต้องอาศัยสมมติฐานที่ว่า Google มีการรวบรวมเอาเว็บไซต์ส่วนใหญ่หรือเว็บไซต์แทบทั้งหมดที่คุณกำลังค้นหาอยู่ ไว้ในอินเด็กซ์ แต่หากคุณยังไม่แน่ใจเช่นนั้นก็ขอให้ตั้งข้อสมมุติฐานเอาไว้ล่วงหน้าก่อนว่า ผลการค้นหาที่คุณได้จาก Google นั้นจะยังไม่สมบูรณ์เสียทีเดียวนัก
แบบฟอร์มการค้นหาของคุณ จะมีหน้าตาดังนี้
การ ใช้วิธีซ่อนตัวแปรจะมีประโยชน์เมื่อคุณต้องการสืบค้นในแบบพิเศษเช่นนี้ตลอด เวลา แต่หากว่าคุณต้องการให้มีความยืดหยุ่นในการสืบค้นมากกว่านี้ คุณก็สามารถที่จะสร้างแบบฟอร์มที่เปลี่ยนค่าในภายหลังได้เช่นกัน
การสร้างแบบฟอร์มสำหรับ Google ของคุณเอง
ตัว แปรบางชนิดก็เหมาะที่จะซ่อนเอาไว้ แต่ถ้าไม่สามารถกำหนดให้ซ่อนตัวแปรดังกล่าวได้ ก็จะทำให้ผู้ใช้แบบฟอร์มของคุณมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม ย้อนกลับไปยังตัวอย่างที่แล้ว ที่กำหนดว่าคุณต้องการให้ผู้ใช้แบบฟอร์มของคุณ ทำการสืบค้นเฉพาะไฟล์ชนิดที่เป็นไฟล์พาวเวอร์พอยต์เท่านั้น แต่หากว่าคุณต้องการที่จะให้ผู้ใช้เหล่านั้นสามารถสืบค้นไฟล์ที่เป็นไฟล์ เอ็กเซลและไฟล์ไมโครซอฟต์เวิร์ดได้ด้วย และต้องการให้พวกเขาเลือกสืบค้นจากในเว็บไซต์ tompeters.com ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯได้ตามต้องการ คุณก็สามารถที่จะทำได้หลายวิธีด้วยกัน ตัวอย่างข้างล่างนี้คือตัวอย่างที่แสดงเมนูตัวเลือก (pull-down menu) ให้ผู้ใช้ระบุตัวแปรที่ต้องการได้ตามความต้องการของเขา

เว็บไซต์ FaganFinder (http://www.faganfinder.com/engines/google.shtml) เป็นเว็บไซต์ที่ดีมากสำหรับตัวอย่างแบบฟอร์มการสืบค้นที่สามารถกำหนดค่าตัวแปรได้ตามใจผู้ใช้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘