ซื้อหุ้น ลดความเสี่ยง หรือ การกระจายความเสี่ยง

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ผมได้สังเกตเห็นจำนวนสมาชิกของชมรมนักลงทุน เน้น มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่มีสมาชิกใหม่บางท่านเข้ามาขอคำแนะนำจากสมาชิกเดิมก็หลายราย บางท่านยังไม่กล้าถามอะไรเพราะยังเกรงว่าจะโดนดุ หรือว่ายังไม่รู้จะถามอะไร

ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่เริ่มเห็นว่าการเล่นหุ้นแบบไม่รู้ เรื่อง อะไรแล้วซื้อหุ้นตามกระแสข่าวนั้นไม่ได้ผลดีจึงคิดจะเข้ามาหาแนวทางการลงทุน ที่น่าจะทำให้เขาเหล่านั้นลงทุนได้ดีกว่าที่เคยทำมา


ที่ว่าเขาใจนั้นก็เพราะว่าเคยเป็นมาก่อน เคยล้มเหลวมาก่อน เคยขาดทุนย่อยยับมาก่อน และเคยสับสนมาก่อน ทั้งๆ ที่มีความรู้ มากมาย ผมเรียนมาทุกอย่างตั้งแต่การวิเคราะห์งบการเงิน วิเคราะห์การลงทุน เศรษฐศาสตร์ สารพัดเกี่ยวกับการวิเคราะห์ธุรกิจ แต่ผมก็ล้มเหลว และสับสนว่าทำไมความรู้ก็ไม่ด้อยกว่าใครทำไมขาดทุนอยู่ร่ำไป

สมัยของผมนั้นไม่มีหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนให้อ่านมากมายอย่างใน ปัจจุบัน นี้ ไม่มีชมรมที่มีคนยินดีให้คำแนะนำดีๆอย่างทุกวันนี้ แต่นักลงทุนรุ่นเดียวกับผมก็สามารถหาหนทางที่จะจัดการกับการลงทุนของพวกเรา ให้กลับมามีผลตอบแทนที่น่าพอใจได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับผู้ที่คิดจะหันมาใช้หลักการลงทุนแบบเน้นมูลค่านั้นสิ่งที่ต้องทำ เป็น อันดับแรกๆคือการควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มั่นคง ให้นิ่งให้ได้ ไม่เช่นนั้นถึงคุณจะเอาหุ้นที่นักลงทุนแบบเน้นมูลค่าบอกว่าดีไปลงทุนคุณอาจ จะติดดอยก็ได้ เพราะหุ้นที่ดีนั้นอาจจะราคาสูงเกินไปแล้ว เข้าตำรา“หุ้น ดีอาจไม่ใช่การลงทุนที่ดี”

การควบคุมอารมณ์ที่ว่านี้คือการที่คุณยอมรับความผันผวนของราคา หุ้นที่คุณซื้อได้ไม่ว่ามันจะขึ้นหรือมันจะลงรุ่นแรงแค่ไหนก็ตาม เพราะว่าราคามันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนส่วนใหญ่ แต่มูลค่านั้นขึ้นอยู่กับการสร้างผลกำไรที่เป็นเงินสด และมันมักไม่ผันผวนรวดเร็วเป็นรายวัน รายอาทิตย์ แม้แต่รายเดือนก็ตาม

หุ้นที่ผมซื้อนั้นมักไม่ค่อยเห็นผลขาดทุนอย่างรุนแรงเพราะผมซื้อตอนที่ มัน ราคาค่อนข้างต่ำ ไม่ค่อยมีคนสนใจ แต่พอราคามันเริ่มขึ้นเพราะมีคนสนใจมัน ราคาก็เริ่มผันผวน บางครั้งขึ้นลงเป็นสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเห็นก็เสียดายกำไรที่น่าจะได้เลยถ้าขายเสีย ส่วนใหญ่นั้นระหว่างการขึ้นของหุ้นนั้นมักจะผันผวนรุนแรงแต่สุดท้ายผมได้ รับรางวัลที่คุ้มค่ากับการรอคอยเสมอ เรื่องอย่างนี้นักลงทุนแบบเน้นมูลค่าเข้าใจดี

ผมเห็นนักลงทุนใหม่ๆที่จะปรับมาใช้การลงทุนแบบเน้นมูลค่าถามถึงวิธีการ มาก มาย แต่ผมก็เห็นว่ากลับไม่ฟัง ไม่พิจารณาให้ดีว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่กลับไปค้นดูว่าหุ้นอะไรที่นักลงทุนแบบเน้นมูลค่าคุยกันว่าดีและก็ซื้อตาม ซึ่งผมก็บอกว่ามันไม่ต่างอะไรไปจากการเที่ยวได้ไปหาข่าวลือที่พวกแมงมุม ปล่อยข่าวล่อเหยื่อมาติดกับหรอก เพียงแต่ว่าหุ้นที่นักลงทุนแบบเน้นมูลค่าคุยกันนั้นจะคุยกันเรื่องพื้นฐาน ธุรกิจ ตัวเลขในงบการเงินที่จำเป็นและเป็นข้อเท็จจริงซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ถ่อง แท้ แต่หากหยิบเอามาแต่ชื้อหุ้นแล้วลงทุนตามนั้นสิ่งที่คุณได้รับอาจจะได้หุ้น ที่มีส่วนต่างความปลอดภัยที่ต่ำมากๆหรือไม่มีเลยด้วยซ้ำ อันตรายไม่แพ้ข่าวลือ แต่ถ้าคุณอ่านแล้วทำความเข้าใจหลักการและวิธีการเพื่อนำไปปรับใช้ในหุ้นตัว อื่นๆคุณจะได้รับประโยชน์อย่างมาก

คราวนี้ผมจะขอกล่าวถึงสิ่งที่ต้องทำสำหรับผู้เริ่มต้นอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดมีดังนี้

1. เริ่มศึกษาหาความรู้ในหลักการลงทุนที่ถูก ต้อง ตรงนี้หาได้จากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนซึ่งมีมากมาย อ่านหลายๆเล่ม หามุมมองหลายๆคนและปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเราเอง

2. หา ข้อมูลของบริษัท จากรายงานประจำปี แบบ56-1 และงบการเงิน หรือจะเอาข้อมูลที่ค้นหาได้มาปรึกษาหารือกับเหล่านักลงทุนแบบเน้นมูลค่าใน

http://www.thaivi.com ก็ได้ มีคนยินดีให้คำแนะนำ หากแต่ว่าคุณต้องนำข้อมูลที่คุณมีอยู่มาแสดงอย่างละเอียด พวกเขาจะช่วยคุณได้อย่างมาก แต่ถ้ามาถามว่าหุ้นนั้นดีไหม รับรองว่าไม่ได้อะไรแน่นอน ทั้งนี้เพราะว่าต้องช่วยตัวเองก่อน ก่อนจะให้คนอื่นช่วย

3. เมื่อแน่ใจในข้อมูลบริษัทที่วิเคราะห์มาอย่าง ดีแล้ว คราวนี้มาดูว่าราคาหุ้นนั้นมันสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าที่เราประเมินได้ มีส่วนต่างความปลอดภัยเพียงพอไหม สิ่งนี้จะช่วยทำให้คุณนิ่งมากขึ้นเพราะอย่างไรก็ตามคนไม่เจ็บตัวมากแน่ๆถ้า หุ้นนั้นดูผิดพลาดไป จำไว้ว่าเมื่อพบว่าพลาดให้ขายทันที เท่าไรก็ต้องขาย แล้วเก็บไว้เป็นบทเรียนว่าพลาดเพราะอะไร จะได้ไม่พลาดอีก และที่สำคัญถ้าเห็นว่าหุ้นแพงแล้วอย่าซื้อ ให้รอหรือหาบริษัทใหม่ คุณไม่เสียเวลาและความพยายามฟรีๆหรอก เพราะคุณได้ความรู้และประสบการณ์มามากทีเดียว

4. ติดตามผลดำเนิน งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูพัฒนาการทั้งด้านดีและด้านที่อ่อนแอของบริษัทเพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าจะขายออกหรือถือต่อไป

5. โดยปกติผมจะใช้เวลาในการศึกษาบริษัทนั้น เป็นเวลานานก่อนจะซื้อ ดังนั้นผมไม่มีปัญญาศึกษาหุ้นได้มากมาย ผมจึงมีหุ้นเพียงไม่เกินสี่บริษัทเท่านั้น หรือช่วงที่มากสุดก็ไม่เกินห้าบริษัท แน่นอนว่าการกระจายความเสี่ยงนั้นเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ประสบการณ์ยัง น้อย แต่ผมก็ยังคิดว่าผู้มีประสบการณ์น้อยควรให้เวลากับการศึกษาข้อมูลให้มากๆและ เอาใจใส่กับส่วนต่างความปลอดภัยให้มากๆ สองสิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากกว่าการกระจายความเสี่ยงแบบถือหุ้นหลายๆ บริษัท

สังเกตให้ดีผมแนะให้ลดความเสี่ยงมากกว่าการกระจายความ เสี่ยง ถ้าคุณกระจายความเสี่ยงนั่นหมายความว่าความเสี่ยงไม่ได้หายไปไหน มันยังคงมีอยู่แต่มันได้ถูกแบ่งออกไปสู่หุ้นบริษัทอื่นๆ แต่ถ้าคุณลดความเสี่ยงนั่นคือคุณทำความเสี่ยงให้ลดลงไปด้วยความรู้ความเข้าใจ ในบริษัทที่ชาวบ้านรู้แค่ผิวเผิน และแน่นอนคุณได้เปรียบคนอื่นเขาอยู่หลายก้าว


เป็นแนวคิดและหลักการพื้นฐานสำหรับการลงทุนระยะยาวครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘