ขายหมูหรือปล่อยเสือ
สวัสดีวันเสาร์-อาทิตย์สุดสัปดาห์นะครับเพื่อนๆ เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดว่าคงทำงานปฏิบัติภารกิจกันได้ลุล่วงไปได้มากนะครับ หลังจากที่หลายๆ กิจการมีการหยุดพักช่วงของวันตรุษจีนกันไป เมื่อวันศุกร์อดีตประธานาธิปดีของอิยิปต์ได้ประกาศลาออกแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ คงคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิม สิ่งที่ต้องจับตามองต่อในช่วงสัปดาห์หน้าคงเป็นเรื่องของหนี้ยุโรปคือ โปรตุเกส และเรื่องการคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจของจีน แต่สุดท้ายแล้ว ตลาดอเมริกาที่ยังคงเปิดทำการในช่วงที่มีข่าวจากประเทศอียิปต์ก็ปิดบวกได้ ทั้งสามดัชนีสำคัญครับ
ขายหมูหรือปล่อยเสือ
หลายๆ ครั้งที่ได้ยินเพื่อนๆ ในตลาดหลักทรัพย์บ่นถึงเรื่องการ "ขายหมู" ออกไป ซึ่งผมเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีเนื่องจากเคยทำอะไรทำนองนั้นอยู่บ่อยๆ สำหรับเพื่อนนักลงทุนรุ่นน้องที่ยังไม่รู้จักคำว่า "ขายหมู" คงต้องอธิบายได้ง่ายๆ คือ การที่ซื้อหุ้นมาราคาหนึ่งเช่น 10 บาทต่อหุ้น เมื่อหุ้นค่อยๆ ขึ้นไปถึงราคาหนึ่งเช่น 12 บาท ก็ขายออกไป และทันใดนั้น เจ้าหุ้นตัวนั้นก็วิ่งร้อยเมตรจ้ำอ้าวพรวดๆ ขึ้นไปเป็น 13, 14, 15 บาท ต่อหน้าต่อตาเราเลย คำถามก็คือ ฟ้านี้หนอช่างไม่ปราณีเราเอง ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นไปได้?
ทีนี้ก็กลับมาพิจารณากันอีกครั้งหนึ่งว่า เราได้ "ขายหมู" ไปจริงๆ หรือไม่ การขายหมูที่เป็นหมูจริงๆ ก็คือการที่เราขายหุ้นที่ราคายังต่ำกว่าราคาพื้นฐานของมันออกไป เช่นได้ซื้อหุ้นราคา 10 บาทนั้นมาซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าพื้นฐานมากๆ โดยที่พื้นฐานที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ 18 บาท และเมื่อราคาขยับตัวขึ้นไปเป็น 12 บาท ก็ขายหุ้นนั้นออกไปเสียแล้ว อย่างนี้เรียกว่าขายหมูของจริงครับ (ขายแล้วมีเสียงอู๊ดๆ ร้องตามมากันเลยเชียวล่ะ)
แต่ในบางกรณี เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างข้างบนนักเช่น ได้ซื้อหุ้นมาในราคา 10 บาท แต่เป็นราคาที่ค่อนข้างแพงแล้วเช่น P/E อยู่ที่ 20 เท่า และเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเป็น 12 บาททำให้ P/E กลายเป็น 24 เท่า แบบนี้การตัดสินใจขายอาจจะไม่ผิดก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ขับดันทำให้ P/E ของราคาหุ้นนี้วิ่งขึ้นมาเป็น 20 กว่าเท่าได้นั้น ได้เปลี่ยนแปลงไป (เช่น ข่าวที่ว่าบริษัทจะได้งาน เซ็นสัญญา ได้ลูกค้า ได้สินค้าใหม่ กลายเป็นตรงกันข้าม เป็นต้น) ราคาของหุ้นอย่างนี้จะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้ขายออกไปที่ราคา 12 บาท เผลอไม่กี่วัน หรือแม้บางครั้งไม่กี่นาที ราคาก็อาจจะปรับตัวต่ำกว่าต้นทุนที่ 10 บาทจนกลายเป็นขาดทุนไปได้ทันที การขายหุ้นอย่างนี้ออกไปที่ราคา 12 บาท อาจจะถือว่าเป็นการ "ปล่อยเสือ" ไปก็ได้ ซึ่งเป็นการดี เพราะหากเราเก็บเสือเอาไว้ใกล้ตัว มันอาจจะกัดเราเข้าวันไหนก็ได้นะครับ
ขายหมูหรือปล่อยเสือ
หลายๆ ครั้งที่ได้ยินเพื่อนๆ ในตลาดหลักทรัพย์บ่นถึงเรื่องการ "ขายหมู" ออกไป ซึ่งผมเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีเนื่องจากเคยทำอะไรทำนองนั้นอยู่บ่อยๆ สำหรับเพื่อนนักลงทุนรุ่นน้องที่ยังไม่รู้จักคำว่า "ขายหมู" คงต้องอธิบายได้ง่ายๆ คือ การที่ซื้อหุ้นมาราคาหนึ่งเช่น 10 บาทต่อหุ้น เมื่อหุ้นค่อยๆ ขึ้นไปถึงราคาหนึ่งเช่น 12 บาท ก็ขายออกไป และทันใดนั้น เจ้าหุ้นตัวนั้นก็วิ่งร้อยเมตรจ้ำอ้าวพรวดๆ ขึ้นไปเป็น 13, 14, 15 บาท ต่อหน้าต่อตาเราเลย คำถามก็คือ ฟ้านี้หนอช่างไม่ปราณีเราเอง ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นไปได้?
ทีนี้ก็กลับมาพิจารณากันอีกครั้งหนึ่งว่า เราได้ "ขายหมู" ไปจริงๆ หรือไม่ การขายหมูที่เป็นหมูจริงๆ ก็คือการที่เราขายหุ้นที่ราคายังต่ำกว่าราคาพื้นฐานของมันออกไป เช่นได้ซื้อหุ้นราคา 10 บาทนั้นมาซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าพื้นฐานมากๆ โดยที่พื้นฐานที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ 18 บาท และเมื่อราคาขยับตัวขึ้นไปเป็น 12 บาท ก็ขายหุ้นนั้นออกไปเสียแล้ว อย่างนี้เรียกว่าขายหมูของจริงครับ (ขายแล้วมีเสียงอู๊ดๆ ร้องตามมากันเลยเชียวล่ะ)
แต่ในบางกรณี เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างข้างบนนักเช่น ได้ซื้อหุ้นมาในราคา 10 บาท แต่เป็นราคาที่ค่อนข้างแพงแล้วเช่น P/E อยู่ที่ 20 เท่า และเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นไปเป็น 12 บาททำให้ P/E กลายเป็น 24 เท่า แบบนี้การตัดสินใจขายอาจจะไม่ผิดก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ขับดันทำให้ P/E ของราคาหุ้นนี้วิ่งขึ้นมาเป็น 20 กว่าเท่าได้นั้น ได้เปลี่ยนแปลงไป (เช่น ข่าวที่ว่าบริษัทจะได้งาน เซ็นสัญญา ได้ลูกค้า ได้สินค้าใหม่ กลายเป็นตรงกันข้าม เป็นต้น) ราคาของหุ้นอย่างนี้จะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้ขายออกไปที่ราคา 12 บาท เผลอไม่กี่วัน หรือแม้บางครั้งไม่กี่นาที ราคาก็อาจจะปรับตัวต่ำกว่าต้นทุนที่ 10 บาทจนกลายเป็นขาดทุนไปได้ทันที การขายหุ้นอย่างนี้ออกไปที่ราคา 12 บาท อาจจะถือว่าเป็นการ "ปล่อยเสือ" ไปก็ได้ ซึ่งเป็นการดี เพราะหากเราเก็บเสือเอาไว้ใกล้ตัว มันอาจจะกัดเราเข้าวันไหนก็ได้นะครับ