หุ้นกับมนุษย์เงินเดือน

อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่ ค่อนข้างลำบากยากเข็น ไม่ว่าทั้งหุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ ก็ทำเอาช้ำใจได้ทั้งนั้น เมื่อเปิดพอร์ตแล้วเจอแต่ตัวแดงแปร๊ดดด หุ้นตัวที่คิดว่าซื้อถูกแบบลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ยังไม่ทันข้ามวัน ราคามันก็ลงมาอีก มีคนถามผมว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องทำอย่างไร ผมเองค่อนข้างมองในแง่บวกว่ามันเป็นธรรมชาติของตลาด เมื่อมันเป็นไปมันก็เป็นไป ความผันผวนเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับการลงทุน สมัยผมเริ่มลงทุนใหม่ๆ อาจารย์ผมมักสอนว่าไม่ควรลงทุนในช่วง sideway หรือช่วงที่เราไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้ ถึงแม้ว่าจะนับคลื่น อ่านเทรนด์ของหุ้นตัวนั้นได้แล้ว แต่ถ้าตลาดถูกแทรกแซงจากปัจจัยลบภายนอกและภายใน หุ้นที่มีสัญญาณซื้อ ก็เจอแท่งแดง ซาละวันเตี้ยลง ราคาไม่ไปไหนได้เช่นกัน อารมณ์มันคล้ายกับดูนักมวยไทยชกในเอเซียนเกมส์ ต่อยดีแค่ไหน แต่คะแนนไม่มาก็แพ้ได้อยู่ดี

ที่ผมเขียนเรื่องนี้เพราะวันนี้มีโอกาสไปประชุมงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ในห้องประชุมมีผู้เข้าประชุมหลายคน แต่มีอยู่คนหนึ่งผมสังเกตอาการณ์ว่าดูเขาไม่มีสมาธิในการประชุมเลย พอพ้นวาระตัวเองก็รีบออกไปจากห้องเพื่อทำอะไรสักอย่าง แล้วก็กลับมาประชุมต่อ พลุบๆโผล่ ตอนแรกนึกว่าท้องเสีย แต่ด้วยความเสือกโดยไม่ตั้งใจผมก็ไปได้ยิน ชายหนุ่มคนนี้คุยกับมาร์เรื่องหุ้นจึงรู้ได้ทันทีว่านี้คืออาการ ของพวกโดนหุ้นเล่น

อาการโดนหุ้นเล่นคือ อาการของคนที่พยายามจะหาหุ้นเล่นให้ได้ทุกวี่ทุกวัน โดยไม่ได้ดูดินฟ้าอากาศหรือดูสภาพตลาด ส่งผลให้ต้องขาดทุน ที่แย่ไปกว่านั้นการลงทุนแบบรายวัน โดยที่ไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด มันทำให้แพ้มากกว่าชนะ แล้วเสียสมาธิในการทำงาน ความกังวลใจที่กลัวจะต้องเสียเงินในการเล่นหุ้นรายวัน ก็เข้ามาแทนที่ความสนใจในการทำงาน มีเวลาว่างก็นั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือจอมือถือ แล้วก็โทรศัพท์ติดต่อกับมาร์ตลอด คุยกับมาร์บ่อยราวกับเป็นแฟนคนที่สอง เวลาในการปรึษาพูดคุยเรื่องงาน หรือเวลาที่จะศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมที่ต้องใช้ในการทำงานก็แทบจะไม่มี ด้วยอารมณ์ค้างๆคาๆขาดสมาธิ ผลตอบแทนการลงทุนก็แย่ไปด้วย

การได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้วเห็นผลสำเร็จและภาคภูมิใจไปกับงาน ดูน่าจะมีความสุขกว่าการทำงานแบบครึ่งๆกลางๆให้เสร็จไปวันๆ การลงทุนถ้าจะสำเร็จได้เราต้องรู้ข้อจำกัดของตนเอง สำหรับมนุษย์เงินเดือนแบบเรา ที่ยังไม่อาจจะตัดใจไปจากรายได้ประจำที่แน่นอน "เวลา" คือข้อจำกัดหลักในการลงทุน ถ้าต้องเก็งกำไรระยะสั้นรายวัน แน่นอนว่าต่อให้คุณเทพแค่ไหนก็ไม่อาจจะสู้กับคนที่นั่งเฝ้าจอ ดูกราฟตลอดทั้งวันได้แน่นอน แล้วคุณก็จะเป็นคนสุดท้ายที่เข้าซื้อหุ้น จากนั้นก็จะกลายเป็นคนสุดท้ายที่ขายหุ้น ผลที่ตามมาคือตัดเลขแดงๆบนพอร์ตที่ทำให้เราช้ำใจกลับบ้านได้ทุกวัน

ผมเองไม่ปฏิเสธการเก็งกำไร แต่การเก็งกำไรที่มนุษย์เงินเดือนแบบเราจะชนะได้ ต้องอยู่บนข้อจำกัดที่เรามี ลองเปลี่ยนจากการเล่นหุ้นรายวัน มาเล่นหุ้นแบบรายรอบ หุ้นที่ใช้รอบการขึ้นลงในช่วงสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ โดยมี upside ในช่วง 10-30% แต่สิ่งที่เราต้องทำ ก็คือใช้เวลาก่อนหรือหลังทำงานสัก 1 ชั่วโมงในการสแกนหาหุ้นน้ำดีที่มีสัญญาณ ซื้อแล้วขายตามรอบสัปดาห์ละครั้ง สองครั้งตามจังหวะของกราฟ วิธีนี้รวยช้าและต้องทำงานหนัก แต่ก็คุ้มค่าในด้านจิตใจ คุณจะมีความสุขในการทำงานมากขึ้น อารมณ์ดี มีกำไรที่พอเพียงมากกว่าเสียเงิน ประหยัดค่าโทรศัพท์ในการโทรคุยกับมาร์ ที่สำคัญเจ้านายจะชมเชยในความตั้งใจในการทำงานของคุณ

ไม่ว่าจะลงทุนหรือเล่นหุ้น มันก็คือการทำเพื่ออนาคต แต่จะดีแค่ไหนที่อนาคตดีๆของเราจะได้มาพร้อมกับความสุขในปัจจุบัน เล่นหุ้นได้แต่อย่าปล่อยให้หุ้นเล่นเรา อย่าให้หุ้นเข้ามาชักจูงเราเปลี่ยนนิสัยเรา เมื่อตลาดปิด เราก็ควรออกจากโหมดนักลงทุนมาเป็นมนุษย์ธรรมดาใช้ชีวิตกับครอบครัวกับเพื่อนๆ ลืมกำไรลืมขาดทุน ลืม PTT ลืม TMB ลืม TTW ลืม CPF แล้วเปลี่ยนไปจำหน้าแฟนจะดีที่สุดครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘