ตกรถ ไม่เจ็บแต่เสียดาย

หลาย คนคงงุนงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากซึนามิถล่มญี่ปุ่นไม่นาน ตลาดหุ้นบ้านเราก็เจอซึนามิจากกระแสเงินต่างชาติ ถล่มต่อเนื่อง ลากหุ้นไทยจาก 1000 จุดไปทดสอบแนวต้านต่างๆ โดยเฉพาะต้านที่ 1050 ผ่านฉลุย จนหลายคนเริ่มฝันถึง 1200 กันแล้ว บ้างก็ว่าไปถึง 1700 จุดในปลายปี การซื้ออย่างต่อเนื่อง ราวกับแย่งซื้อของราคาถูกย่อมทำให้ นักลงทุนหลายคนประหลาดใจ อาจจะเพราะความมั่นใจในสเถียรภาพการเมืองไทย ที่คิดว่าปีนี้เลือกตั้งจะไม่มีม๊อบออกมาป่วน เผาตลาดหุ้นแบบปีทีแล้ว แต่กระนั้นเองก็ยังไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าหุ้นไทยจะบวกได้ไกลสักเพียงไหน



อา นิสงค์ของนักลงทุนตัวน้อยๆแบบอย่างผมที่พลอยได้ยิ้มไปกับกระแส fund flow ด้วยเพราะหุ้นในพอร์ตเขียวสว่างสดใสตัวละหลายสิบเปอร์เซ็นต์ (หุหุหุ) แต่ยังเพื่อนๆหลายคนที่บ่นกระปอดกระแป๊ดว่าตกรถ!!! ไม่ทันขบวนรอบนี้ วันนี้ผมมีวิธีแก้ปัญหาการตกรถง่ายๆมาแนะนำเพื่อนๆกัน 


อาการตกรถ
"ตก รถ" เป็นอีกหนึ่งอาการที่แมงเม่า ย่อมต้องเคยเจอ อาจจะนิยามได้ว่าเป็นอาการที่ไม่ได้เจ็บตัวแต่เจ็บที่ใจ อาจจะเกิดจากการซื้อไม่ทัน กลัวไม่กล้าซื้อ หรือรอนานจนขายทิ้งไป ไปถือตัวอื่น และแล้วหุ้นก็ขึ้นโดยไม่มีเรา... 


ทันที ที่ทราบข่าวก็ รู้งี้ ทันที อาการแบบนี้เป็นง่าย หายยาก ตราบใดที่เรายังเล่นหุ้นตามอารมณ์ ตามข่าว หรือพยายามไปคาดเดาว่าราคาจะขึ้นหรือลง บางคนมีหุ้นดีแต่ราคาไม่ไปไหน นานๆเข้าเกือบ 80% เรามักคิดว่ามันต้องลงมากกว่าขึ้น เอาเข้าจริงๆ พอบอกเลิกลาขาด ขายไปเข้าตัวใหม่ หุ้นเก่าที่เราเคยขี่มันก็วิ่งฮ้อออกตัวแรงไปหลายเปอร์เซนต์ต่อหน้าต่อตา ของแบบนี้จะซื้อ จะขายต้องมีเหตุผลรองรับ ขายก็ต้องมีเหตุผลที่ไม่ใช่อารมณ์ เช่น ขายเพราะพื้นฐานเปลี่ยน ขายเพราะราคาหุ้นแพงไปจากที่ซื้อ ขายเพราะสัญญาณเทคนิคเป็นขาลง จงอย่าขายเพราะมันอยู่เฉยๆ เพราะการที่มันอยู่เฉยๆไม่ได้แปลว่า ราคาจะลงเสมอไป


ถ้า จะผิดก็คงผิดตั้งแต่เราเข้า ถ้าคนที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ถ้าจะซื้อหุ้นตอน sideway ถ้ามันยังไม่ sideway up ก็ไม่ควรเข้าหรือแม้แต่ค่า STO และ RSI ไม่คอนเฟริมการยกตัวยิ่งไม่ควรไปยุ่งกับหุ้นที่ราคาออกข้างแบบนี้


ตกแล้วขึ้นเลยดีไหม
กรณี รอบใหญ่ๆแบบคราวนี้ วิ่งมาเกือบ 80 จุด หุ้นกลุ่มใหญ่ๆหลายตัวบวกเกือบ 10% ถ้าขึ้นทันทีในช่วงแรก วันสองวันมักจะทัน แต่แมงเม่าสวนใหญ่ตอนช่วงนั้นมักยังลังเลหรือไม่ก็คิดว่าเดี่ยวมันก็ลงบวก วันเดียว สองวัน สุดท้ายก็ตกรถ และต้องมานั้งแช่งให้หุ้นลง เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นจงละอัตตาและอยู่กับความจริงที่เป็นปัจจุบันครับ ถ้าสัญญาณมันว่าขึ้นก็เล่นไปกับมัน ล่องไปตามแนวโน้มอย่าไป พยายามเดาหรือจะเป็นโครตเซียนที่คอยเดาแนวโน้ม เมื่อขึ้นไปแล้วก็ลงทุนด้วยสติและความระมัดระวัง 


แต่ ส่วนใหญ่หลายคนไม่อยากตกรถ มักจะโดดเข้าหุุ้นตอนมันวิ่งมาสองสามวัน หรือหลาย % แล้ว ออกแนวเอาชัวร์ แบบนี้ถ้าไม่ดูจังหวะจากกราฟเทคนิคดีๆ โอกาสได้ของแพงเสี่ยงติดดอยก็มีสูง อันนี้แย่แน่ๆ ดังนั้นถ้าไม่มั่นใจ ก็ควรรอให้ราคาย่อลงมาแล้วค่อยรับ 


หาจังหวะเข้า
สำหรับ คนที่อยากจะเข้า ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดเทรนด์ขาขึ้นรอบนี้ สิ่งที่ควรทำไม่ใช้การรีบกระโจนเข้าหุ้น ทั้งที่ราคาวิ่งไปแล้วเกือบ 10% ผมมองว่าควรจะรอ จังหวะให้ราคาย่อลงมา แล้วค่อยขึ้นไป ย้ำนะครับว่าย่อลงมาไม่ใช้ เปลี่ยนเป็นขาลง


วิ่ง ทีการสังเกตุคือดูการกราฟราคา เมื่อราคาวิ่งไปจุดหนึ่งแล้วลดลง แต่ที่ Low2 จะไม่ต่ำกว่า Low1 แบบนี้เป็นการย่อโดยไม่เสียรูปแบบแนวโน้มขาขึ้น เราสามารถ ใช้เป็นจุดเข้าซื้อหุ้นเพื่อทำกำไรในรอบขาขึ้นต่อไปได้



แต่ สิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนักคือ อย่าไปยึดติดกับราคา บางครั้งเราอาจะมองที่ราคาและคิดว่า ตอนนี้หุ้นแพง ไม่น่าซื้อ (เพราะจิตใต้สำนึกพยายามไปเปรียบเทียบราคาที่เราเคยซื้อ ซึ่งตอนนั้นดัชนียังต่ำหรือยังไม่มี fund flow เข้า) เช่น เคยซื้อ PTT ที่ 300 พอ 340 ไม่กล้าซื้อเพราะคิดว่าแพง จริงๆแล้วคำว่าแพงมันมีบริบทของเวลามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอครับ เราควรมองที่แนวรับ แนวต้านจะดีที่สุด มองแนวโน้มปัจจุบันและเทรดไปกับมันดีที่สุดครับ


สรุป
ตลาด หุ้นมีให้เราลงทุนตลอดไปครับ เพียงแต่ตัวเราจะรักษาเงินทุนเพื่อลงทุนให้งอกเงยได้ยืนยาวหรือไม่ ที่เขียนเช่นนี้เพราะคนส่วนใหญ่ เร่งรีบลงทุน รีบกระโจนทะยานซื้อหุ้น โดยขาดสติเพียงเพราะคิดอยากจะรวย กลัวตกรถ สุดท้ายได้ขึ้นรถสองวันก็ต้องไปติดดอยแทน รอบนี้ไม่ทันก็ติดตาม รอรอบหน้าก็ยังได้ครับ จำไว้ว่าในตลาดหุ้นนี้ เรื่องแบบนี้มันเกิดซ้ำๆซ้ำๆตลอด มี fund flow แรงๆมา หุ้นบวกมากๆ รอบนี้พลาดไปไม่เป็นไร โอกาสหน้ายังมีเสมอ เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ประมาท มั่นติดตามราคาหุ้นสม่ำเสมอ อยู่กับปัจจุบันอย่าไปคาดเดาอนาคตที่ยังไม่เกิด เตรียมพร้อมตัวเองไว้ เมื่อโอกาสที่ดีจะเข้ามาหาเรา จะได้ฉกฉวยและใช้ประโยชน์จากมันได้ทันทีครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘