หุ้นมีสัณญาณ

ถ้าถามผมว่าวันจันทร์จะซื้อหุ้นตัวไหน ผมตอบไม่ได้หรอกครับ แต่อยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างให้ฟังเพื่อจะได้สะท้อนแง่มุมบางมุมของสนามแข่งขันแห่งนี้

ทุกคนที่เข้ามาสู่ตลาดหุ้นต่างมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป บ้างมาจากการชักชวนของเพื่อนร่วมงาน พี่น้อง ญาติสนิท บ้างค้นเริ่มมาจากการศึกษาอ่านหนังสือ อ่านจากเว็บไซต์ ซึ่งล้วนเริ่มเล่นหุ้นเพราะคิดว่าคนที่เล่นแล้วมักจะได้เงินร่ำรวย แท้จริงคนส่วนมากเวลาบอกคนอื่นๆว่าเล่นหุ้นมักจะบอกแต่ด้านดีบอกว่าปีนี้กำไรเท่านั้นเท่านี้ ได้หลายหมื่น หลายแสน แต่ไม่พูดถึงตอนขาดทุน ซึ่งด้วยสิ่งที่ทุกคนมีและพกมาคือความอยากรวยหรือเรียกอีกอย่างว่า ความโลภ มันทำให้เราได้มาเจอะเจอกันในสนามแห่งนี้

ย้อนกลับไปเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนเป็นสัปดาห์ที่หลายคน หันมาเล่นเดย์เทรดเพราะทนอึดอัดกับการไม่ขยับของหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่ไม่ได้ บางคนขายทิ้งเพื่อเปลี่ยนมาเล่นในหุ้นขนาดกลางและเล็กเพราะทำกำไรได้มาก วิ่งวันละหลายช่อง คนที่ผมรู้จักทุกคนได้กำไรจากการซื้อหุ้นแทบทั้งสิ้น หลายคนเก็งและซื้อหุ้นตัวไหนก็บวกเอาบวกเอา เช้าเปิดดูหุ้นตามบทวิเคราะห์ เลือกหุ้นขนาดเล็ก ราคาถูก วิ่งเยอะๆ ช่วงสายก็ซื้อ บ่ายแก่ๆขาย ไม่ห่อกลับบ้าน เท่านี้ก็ได้กำไรสบายแฮแล้ว ไม่ยากเย็นอะไรเลย จนบางคนเผลอหลุดปากไปว่าเล่นหุ้นมันง่ายอะไรเช่นนี้ ที่สำคัญยังเผื่อแพร่ความรวยด้วยการบอกต่อให้หน้าใหม่หลุดเข้ามาสู่ตลาดหุ้น บนมุมมองที่สวยงามราวกับว่าที่แห่งนี้เป็นบ่อเงินบ่อทอง มือใหม่ที่หลงเข้ามาด้วยความโลภและความอยากได้เงินแบบที่ไม่ต้องออกแรงทำงานหนัก จึงเริ่มซื้อหุ้น ซื้อหุ้นทุกราคาที่เริ่มมีการเชียร์ด้วยความเชื่อที่ว่าตลาดขาขึ้นไม่ต้องคิดมาก ซื้อยังไงก็ขายได้ ปากต่อปากทำให้ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงหุ้น เรียกว่าแถบจะย้ายเงินจากธนาคารมาเก็บไว้พอร์ตการลงทุนเพื่อแสวงโชค ด้วยคำพูดที่สวยหรูล่อใจว่า”ให้เงินทำงาน”

เมื่อมาถึงสัปดาห์นี้รอยยิ้มและเสียงแห่งความปิติรอบตัวผมจากกลุ่มเพื่อนๆพี่ๆก็หายไป กลายเป็นเสียงบ่น โทษฟ้าโทษตัวเอง เสียดายในโชคชะตา บ้างขายหมู บ้างเข้าซื้อหุ้นแล้วหุ้นลง(ติดดอย) แต่ก็ยังฝืนทนเล่นต่อไปด้วยความหวังที่ว่าหุ้นของเราราคาจะทำ New high สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่กลัวแม้ว่ากราฟจะชันโด่ง ไม่สนใจผลประกอบการใดๆ เพียงแต่มี volume มีคนไล่ราคาก็พร้อมจะโดดเข้าไปร่วมขบวนทันทีเพื่อหวังแก้ตัวและกอบโกยผลกำไร มีเงินเท่าไหร่ขนมาเติม บ้างกู้ได้ก็ดึงมาร์จิ้นมาเล่น ยิ่งเล่นยิ่งเล่นยิ่งเครียด ยิ่งเล่นยิ่งกลัว เมื่อความกลัวเข้าครอบงำ หุ้นวิ่งสามช่อง ขาย หุ้นลงห้าหกช่องซื้อกลับ วันหนึ่งเล่นห้าหกตัวกระจายกันมั่วไปหมดตัวไหนเขาว่าดี กลุ่มไหนเขาว่ามา ก็รับไว้หมดด้วยความคิดที่ไม่ต้องการตกขบวนรถ

มือใหม่ที่เพิ่งเปิดพอร์ตสัปดาห์กว่าๆก็ยิ่งแล้วใหญ่ แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงเพราะเข้าซื้อหุ้นช่วงตลาดวาย ช่วงที่ราคาใกล้จุดสูงสุด รับไปปุ๊บหุ้นลงปั๊บ ติดดอยทันที ตัดขายทุนก็ยังไม่เป็น ตัวที่บวกก็ไม่มากเพราะขึ้นช้าแต่ลงเร็วจี๋ ตอนเริ่มคนที่เคยยุยง คนที่เคยชักจูงแนะนำตอนนี้หายหัวไปหมดแล้ว หายไปเฝ้าพอร์ตรายวันตัวเองที่แย่ลงไม่มีเวลามาดูให้ เวลาถามก็บอกว่าหุ้นดี หุ้นมีชื่อ(แม้ราคาแพงเพราะวิ่งเลยพื้นฐานมาเยอะ) ยังเก็บไว้ได้ ที่บอกว่าไม่ต้องขายเพราะไม่อยากเสียหน้าคนแนะนำ(เซียนกำมะลอ) จวบจนเวลาที่ลงเยอะจนเกินรับได้ ถามคราวนี้ก็พลิกลิ้นบอกให้ขายเพราะพื้นฐานธุรกิจมันเปลี่ยนแล้ว อนาคตไม่สดใส(แค่สองวันนี่นะ)

ผมนั่งดูพฤติกรรมของคนรอบตัว เลยอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าเค้ามีความสุขในการเล่นหุ้นจริงไหม? หรือว่ายิ่งเล่นยิ่งทุกข์? มองดูตอนนี้รูปแบบการเล่นก็ไม่ต่างจากการลุ้นหวยหรือการพนันแต่อย่างใด ผมเชื่อเสมอว่าการตลาดหุ้นเป็นเสมือนแหล่งสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนดีที่สุด แต่แน่นอนว่าทุกอย่างมันต้องอยู่บนหลักของเหตุและผล หุ้นก็คือตัวแทนของธุรกิจ ไม่มีธุรกิจใดจะโตได้ 50 -60 % ในไม่กี่วันโดยปราศจากการทำราคาของผู้ที่เก็งกำไร เมื่อใดก็ตามหุ้นถูกชี้นำทั้งจากปากต่อปากหรือบทวิเคราะห์แสดงว่าเมื่อนั้น รายใหญ่มีหุ้นพร้อมจะปล่อยเพื่อทำกำไรแก่รายย่อยแล้ว เพียงแต่ล่อใจด้วยกำไรเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นความโลภให้วิ่งเข้ามา ถึงเวลาก็ทุบและจากไป

ถ้าลงทุนแล้วต้องมานั่งเสี่ยงทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน มันคงเป็นการลงทุนที่ยากจะยั่งยืนเพราะเมื่อวันนี้คุณได้ พรุ่งนี้คุณอาจจะเสียหมดตัวก็ได้เช่นกัน ถ้าอยากอยู่รอดจากเกมส์ล่าส่วนต่างราคาในสนามแห่งนี้ ต้องถามตัวเองให้ได้ก่อน เราซื้อหุ้นตัวที่ต้องการนี้เพราะอะไร และขายไปเพราะอะไร เรียนรู้เทคนิคและวิธีการวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้นเพื่อการลงทุนแท้จริงด้วยตนเอง แทนการถามผู้รู้คนนั้นคนนี้ จงอย่าเอาเงินออม เงินเก็บ หรือเงินกู้มาเดิมพันในเกมส์ซื้อขายรายวันที่รายย่อยเสียเปรียบทุกประตูจะดีกว่า จงเล่นเมื่อคุณมั่นใจคิดว่าทำการบ้านมาดีแล้ว

หนทางสู่ความสำเร็จ มันไม่มีลิฟต์ให้ขึ้นไป เพราะมันมีแต่บันไดให้ก้าวเดินทีละขั้น หวังว่าท่ามกลางความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทย ที่มีวอลุ่มซื้อขายหนาแน่นต่อเนื่องติดกันหลายสัปดาห์ทุกท่านจะเล่นหุ้นหรือลงทุนกันอย่างมีสติและระมัดระวังตัวมากขึ้นนะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘