ตอนที่ 99. สะสางบุญคุณความแค้น
เฮาเสงและเพื่อนนายทหารกระทำสัตย์ร่วมกันที่จะกำจัดลิโป้แล้วพากันไปเข้าด้วยโจโฉเพราะเห็นว่าขืนอยู่กับลิโป้ต่อไปก็จะพากันตายเปล่า เพราะหากไม่ถูกลิโป้ฆ่าเสียก่อนก็อาจถูกโจโฉฆ่าในภายหลัง
ครั้นเวลาใกล้ค่ำเฮาเสงจึงไปที่โรงม้า เกลี้ยกล่อมบรรดาลูกน้องให้เข้าร่วมการทหารในกองม้าล้วนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเฮาเสงจึงปลงใจร่วมการด้วยเฮาเสงสิ้น
เฮาเสงจึงเข้าไปที่คอกม้า แก้เชือกม้าเซ็กเธาว์แล้วขี่ออกประตูเมืองด้านตะวันออกตรงไปที่ค่ายของโจโฉ ทหารรักษาการณ์ของโจโฉเห็นเป็นทหารมาแต่ในเมืองจึงเข้าคุมตัวไว้ ครั้นไต่ถามทราบความแล้วจึงพาเฮาเสงเข้าไปพบโจโฉ
ครั้นโจโฉทราบความก็มีความยินดี รีบออกมาต้อนรับเฮาเสงแล้วพาเข้าไปสนทนาที่โรงบัญชาการ เฮาเสงได้เล่าความเป็นไปภายในเมืองและที่ได้คิดการวางแผนกับเพื่อนนายทหารให้โจโฉทราบ โจโฉมีความยินดียิ่งนักจึงว่าการตัดสินใจของพวกท่านในครั้งนี้เป็นความชอบแก่แผ่นดินนักหนา ราษฎรทั้งปวงจะได้ความสุขก็เพราะท่าน เสร็จศึกแล้วเราจะกราบบังคมทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ปูนบำเหน็จจนถึงขนาด
เฮาเสงจึงเสนอให้โจโฉรีบเข้าตียึดเอาเมือง โจโฉเห็นชอบกับข้อเสนอจึงสั่งทหารให้เขียนใบปลิวเป็นจำนวนมากแล้วผูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมือง เรียกร้องให้ชาวเมืองสวามิภักดิ์ หากผู้ใดจับตัวลิโป้มามอบจะให้บำเหน็จและจะแต่งตั้งเป็นขุนนาง
ครั้นรุ่งขึ้นโจโฉจึงสั่งให้แม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้าโจมตีเมืองแห้ฝือทั้งสี่ด้านพร้อมกัน ลิโป้ได้ทราบรายงานการเข้าโจมตีจึงเรียกทหารให้เอาม้าเซ็กเธาว์มาขี่จึงได้ทราบว่าเฮาเสงลักเอาไปมอบแก่โจโฉแล้วก็โกรธรีบคว้าทวนประจำกายแล้วจึงขึ้นไปบัญชาการทหารบนเชิงเทิน ครั้นเห็นซงเหียนและงุยซกซึ่งได้ขอชีวิตเฮาเสงไว้ก็พาลหาว่าเป็นใจรู้เห็นด้วยและคาดโทษว่าเสร็จศึกแล้วจะประหารชีวิตเสียทั้งสองคน
ลิโป้ถึงคราวชะตาขาดจึงประมาทแก่ทหารผู้ถืออาวุธเพราะการคาดโทษเช่นนี้ก็คือการเร่งเวลาให้สองทหารเอกสังหารตัวนั่นเอง ด้วยใครใดจะรอให้เสร็จศึกเพื่อเอาศีรษะเข้ารับคมดาบ ณ ลานประหาร
ทหารบนเชิงเทินเกรงอาญาลิโป้จึงต่อสู้ป้องกันเมืองไว้เป็นสามารถ โจโฉให้ทหารหักเข้าตีเมืองตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงก็ยังไม่สำเร็จ จึงสั่งให้สัญญาณถอยออกมาจากกำแพงเมืองแล้วคุมเชิงอยู่
ลิโป้เห็นทหารข้าศึกถอยไปคุมเชิงอยู่เช่นนั้นก็ไม่วางใจแต่อากาศยามเที่ยงร้อนจัดและแสงแดดจ้า จึงเข้าไปนั่งพักในศาลาบัญชาการบนกำแพงเมืองนั้น เอาทวนประจำกายพิงไว้กับเสาศาลา พักหนึ่งลิโป้ก็เผลอตัวม่อยหลับไปเพราะความอิดโรย
ซงเหียนและงุยซกเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ เห็นลิโป้หลับจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้ทหารในที่ข้างเคียงถอยออกไปแล้วทำทีจะเข้าไปปรึกษาราชการด้วยลิโป้ เห็นลิโป้ยังคงหลับอยู่จึงเอาเชือกมัดลิโป้วนตรึงไว้กับเสาศาลาอย่างแน่นหนา ลิโป้ตื่นขึ้นรู้ตัวว่าถูกมัดก็ตกใจ ร้องเรียกให้ทหารช่วยแต่ไม่มีใครเข้าช่วย
ครั้นมัดลิโป้ไว้มั่นคงแล้วซงเหียนและงุยซกจึงสั่งทหารให้เปิดประตูเมืองและร้องบอกโจโฉว่าบัดนี้พวกเราได้จับตัวลิโป้ไว้ได้แล้ว
แฮหัวเอี๋ยนอยู่ในระยะใกล้ได้ยินดังนั้นจึงควบม้าเข้ามาใกล้ประตูเมือง แล้วร้องถามว่าไหนเล่าที่ว่าลิโป้ถูกจับตัวไว้ งุยซกเห็นฝ่ายโจโฉยังไม่วางใจจึงหยิบเอาทวนประจำตัวลิโป้โยนออกไปนอกกำแพงเมือง แฮหัวเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็สิ้นสงสัยจึงสั่งทหารให้ยกเข้าไปในเมือง
ฝ่ายโกสุ้นและเตียวเลี้ยวรักษาการณ์อยู่บนเชิงเทินด้านตะวันตกได้ทราบข่าวว่าซงเหียนและงุยซกก่อการขบถจึงรีบลงจากเชิงเทินจะมาช่วยลิโป้ ทหารของโจโฉที่เข้ามาในเมืองได้แล้วเห็นโกสุ้นและเตียวเลี้ยวจึงเข้าล้อมจับไว้ได้ทั้งสองคน
ทางด้านตันก๋งเห็นทหารโจโฉเข้ามาในเมืองได้ก็รีบควบม้าหนีออกจากเมืองทางประตูเมืองด้านทิศใต้ แต่พอพ้นจากประตูเมืองก็พบกับซิหลงทหารเอกของโจโฉและถูกซิหลงจับตัวไว้ได้
โจโฉได้นำทหารยกตามกองหน้าเข้าไปในเมือง เห็นน้ำท่วมเมืองตามแผนการความคิดของกุยแก ก็นึกสรรเสริญสติปัญญาของที่ปรึกษาผู้นี้ว่าเป็นเลิศกว่าที่ปรึกษาทั้งปวงแล้วออกคำสั่งให้ทหารรื้อถอนเขื่อนที่ทดน้ำนั้นออกไป น้ำที่ท่วมเมืองอยู่ก็แห้งลงอย่างรวดเร็ว
โจโฉได้จัดแจงการปกครองเมืองแห้ฝือเป็นปกติเรียบร้อยแล้วจึงชวนเล่าปี่ขึ้นไปที่หอบัญชาการบนกำแพงเมือง กวนอู และเตียวหุยก็เดินตามเล่าปี่ขึ้นไปด้วย จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้ทหารคุมเอาตัวลิโป้ขึ้นมา ลิโป้ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาได้รับความเวทนาเป็นอันมากจึงร้องขอให้โจโฉช่วยแก้มัด แต่โจโฉกลับตอบว่า “อันธรรมดาเสือจำจะผูกให้มั่นคง ซึ่งจะคลายออกนั้นไม่ได้”
ลิโป้เห็นซงเหียนและงุยซกยืนอยู่ ณ ที่นั้น ก็รู้ว่าสองนายทหารได้แปรพักตร์ไปเข้าโจโฉ จึงต่อว่าต่อขานด้วยความน้อยใจว่าเราเลี้ยงดูพวกท่านเป็นอย่างดี ไฉนจึงทรยศต่อเรา สองนายทหารจึงว่าพวกเราเป็นข้าในพระเจ้าเหี้ยนเต้ร่วมงานกับท่านมาโดยไม่เคยเห็นแก่ความยากลำบาก แต่ตัวท่านเปลี่ยนแปลงไปไม่เอาใจใส่เชื่อฟังเหล่าทหาร ถือเอาแต่คำสตรีเป็นใหญ่ และยังพาลคาดโทษพวกเราจะเอาถึงตาย ดั่งนี้จะว่าพวกเราทรยศได้อย่างไร
ขณะนั้นทหารได้คุมตัวโกสุ้นเข้ามา โจโฉได้หันไปถามโกสุ้นว่าเจ้ามีสิ่งใดจะว่ากล่าวสั่งเสียหรือไม่ โกสุ้นไม่ตอบคำและเบือนหน้าหนี โจโฉจึงสั่งให้ทหารเอาตัวโกสุ้นไปประหาร
จากนั้นซิหลงได้คุมตัวตันก๋งเข้ามาอีกคนหนึ่ง โจโฉเห็นตันก๋งใจหนึ่งก็คิดถึงบุญคุณที่ตันก๋งสู้เสียสละละทิ้งอำนาจมาเข้าร่วมอุดมการณ์ในตอนเริ่มตั้งตัว แต่ใจหนึ่งก็คุมแค้นตันก๋งที่คิดอ่านวางแผนให้ลิโป้ทำสงครามจนโจโฉต้องเสียทีหลายครั้งหลายหน ความรู้สึกนึกคิด ทั้งบุญคุณและความแค้นเคล้าคละกันดั่งนี้ สีหน้าโจโฉก็บึ้งตึง แต่กล่าวความเป็นทำนองที่ยังอาลัยอาวรณ์ว่า ตั้งแต่ท่านจากเรามาถึงบัดนี้ยังสบายดีอยู่หรือ?
ตันก๋งเห็นสีหน้าและน้ำคำของโจโฉก็แจ้งในความรู้สึกนึกคิด จึงตอบกลับไปว่าตัวท่านเป็นคนอาสัตย์ ไม่สำนึกถึงบุญคุณคน มีจิตใจดำอำมหิต เราจึงทิ้งท่าน
โจโฉจึงว่า ท่านกล่าวหาเราว่าเป็นคนไร้คุณธรรม แต่เหตุใดเมื่อหนีจากเราแล้วจึงไม่ไปอยู่ด้วยผู้มีคุณธรรม กลับไปอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นปิตุฆาต ยิ่งกว่าไร้คุณธรรมเสียอีก
ตันก๋งแก้ว่า ถึงลิโป้เป็นคนไร้คุณธรรม หาสติปัญญามิได้ แต่มิได้เป็นคนล่อลวงปลิ้นปล้อนเหมือนกับตัวท่าน เราจึงมาอยู่ทำการด้วย
โจโฉโต้ว่า ตัวว่าลิโป้ไร้สติปัญญา แต่อ้างตัวว่ามีสติปัญญาความคิดอ่าน ดังนี้เหตุใดลิโป้จึงเสียทีแก่เราเล่า
ตันก๋งได้ฟังคำถามที่หนักหน่วงดังนี้จึงเหลียวหน้ามาทางลิโป้ แล้วกล่าวไปทางลิโป้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านเชื่อฟังคำเราจึงสามารถตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ได้ แต่มาระยะหลังกลับลุ่มหลงอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอของตันกุ๋ย ตันเต๋ง ไส้ศึกสองพ่อลูก และถือเอาแต่คำภรรยามาบริหารราชการ และการสงคราม จึงได้เสียทีถึงเพียงนี้ การครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากท่านเชื่อฟังคำเรา ที่ไหนเลยจะได้รับความอัปยศแก่คนทั้งปวง
โจโฉจึงเยาะว่า ก็แลเมื่อลิโป้ไม่ฟังตัวจึงเสียทีแก่เรา บัดนี้เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว จะคิดอ่านประการใดสืบไป
ตันก๋งและโจโฉโต้วาทีกันมาจนถึงจุดที่ตันก๋งเห็นว่าขืนต่อปากต่อคำกันต่อไปก็มิได้ประโยชน์อันใด เพราะที่ไหนจะมีฐานะที่เป็นต่อขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่าเมื่อตัวเราตกอยู่ในเงื้อมมือท่าน จะมาซักไซร้หาเหตุผลไปทำไมกัน
โจโฉตีสีหน้าเป็นปกติลง ทั้งน้ำใจก็นึกเห็นการที่ตันก๋งได้กระทำมาเป็นการควรแก่หน้าที่ ประกอบทั้งมีน้ำใจรักใฝ่ได้คนดีมีสติปัญญามาร่วมงาน จึงคิดที่จะเกลี้ยกล่อมตันก๋งให้กลับเข้ารับราชการด้วย ปฏิบัติการทางจิตวิทยาจึงได้เริ่มขึ้น
โจโฉจึงถามตันก๋งว่า ที่ท่านกล่าวมาทั้งนี้ก็ต้องด้วยเหตุและผล แต่มารดากับภรรยาของท่านเล่า สิ้นท่านเสียแล้วคนข้างหลังจะว่าอย่างไร
ตันก๋งจึงว่าวิสัยคนที่คิดทำการใหญ่ย่อมจำแนกแจกแจงมิตร ศัตรู คุณและโทษแจ่มแจ้ง ถึงจะจับศัตรูคู่อาฆาตได้ ก็ย่อมเอาโทษเฉพาะแต่ตัวผู้นั้น ไม่คิดอ่านเป็นพาลกลั่นแกล้งผู้อื่นที่มิได้เกี่ยวข้องด้วย บัดนี้ตัวเราแม้ถึงที่ตายแล้วก็หาได้อาลัยแก่ชีวิตไม่จะขอฝากมารดากับภรรยาไว้กับท่านช่วยดูแลตามควรด้วย
โจโฉได้ฟังตันก๋งดั่งนั้นก็เห็นว่าตันก๋งมีจิตใจมั่นคงเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ยังมิทันจะได้ว่ากล่าวประการใด ตันก๋งก็เดินลากผู้คุมจะลงจากศาลาบัญชาการบนเชิงเทิน เร่งให้เอาตัวเองไปประหาร โจโฉยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ จึงสั่งทหารให้หยุดยั้งไว้ แต่ตันก๋งก็มิฟัง โจโฉจึงเดินตามไปทำทีเป็นร้องไห้อาลัยอาวรณ์แล้วว่า ในเมื่อตัวท่านไม่พอใจที่จะอยู่กับเราก็ตามใจเถิด มารดาและภรรยาของท่านอยู่ข้างหลัง เราจะดูแลมิได้อนาทร
ตันก๋งเดินลากทหารผู้คุมมาจนถึงประตูเมืองก็เร่งให้ทหารประหารตัวเองเสีย ทหารผู้คุมจึงประหารชีวิตตันก๋ง โจโฉทราบว่าตันก๋งถูกประหารแล้วก็สั่งทหารให้แต่งการศพตันก๋งอย่างสมเกียรติแล้วนำไปฝังอย่างธรรมเนียม และให้นำมารดาและภรรยาตันก๋งไปอาศัยอยูที่เมืองฮูโต๋ จัดทหารและคนรับใช้ดูแลอารักขาตามคำที่รับรองไว้กับตันก๋งนั้น
ตันก๋งเดิมเป็นเจ้าเมืองจงพวน เห็นแผ่นดินเป็นจลาจลวุ่นวายจึงตั้งอุดมการณ์กอบกู้ฟื้นฟูชาติ ในขณะนั้นโจโฉถูกคำสั่งทางการให้จับตัวส่งเข้าเมืองหลวงในข้อหาเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และถูกขังอยู่ในคุกเมืองจงพวน ตันก๋งเห็นว่าโจโฉมีอุดมการณ์ที่จะกอบกู้ฟื้นฟูชาติตรงกับอุดมการณ์ของตัว จึงละทิ้งตำแหน่งเจ้าเมืองปล่อยโจโฉแล้วตามโจโฉเพื่อทำการใหญ่ให้แก่บ้านเมือง ครั้นประจักษ์ชัดว่าโจโฉเป็นคนเนรคุณ ไร้คุณธรรม ไม่อาจร่วมอุดมการณ์ได้อีกต่อไปจึงหนีจากโจโฉ แม้ยามใกล้ตายถูกโจโฉเกลี้ยกล่อมก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิดเนื่องเพราะทนงในสติปัญญาของตัว ทั้งแลเห็นว่าหากไปทำการด้วยโจโฉ ความเลวร้ายของโจโฉก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นจนกลายเป็นทรราชย์ จึงยอมตายดีกว่าที่จะยอมเสียอุดมการณ์
ในข้อที่ว่าเมื่อตันก๋งหนีจากโจโฉแล้ว เหตุใดจึงไม่ไปร่วมทำการกับบรรดาเจ้าเมืองอื่น ๆ ที่อาจเลือกสรรได้ว่ามีกำลังและสติปัญญาเพื่อดำเนินการตามอุดมการณ์ของตนให้บรรลุผลสำเร็จ กลับมาอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นคนไร้คุณธรรมและไร้สติปัญญา ข้อนี้ย่อมขึ้นกับอุปนิสัยที่ทรนงในความคิดสติปัญญาตัวว่าล้ำเลิศกว่าใคร หากไปอยู่กับหัวเมืองอื่นที่มีกำลังคนและกำลังสติปัญญาคงจะเห็นว่าเป็นอุปสรรค ไม่อาจใช้ความคิดอ่านให้บังเกิดผลได้เพราะย่อมมีการแก่งแย่งแข่งดีและยากที่จะได้รับความสำคัญ ส่วนลิโป้นั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตของโจโฉโดยธรรมชาติ มีกำลังฝีมือเข้มแข็ง แต่ความไร้สติปัญญานั้นกลับจะทำให้ลิโป้ต้องพึ่งพาตันก๋งแต่ผู้เดียว ทั้งตันก๋งอาจมีความเชื่อว่าด้วยความคิดและสติปัญญาของตัวจะสามารถใช้ลิโป้ไปทำการตามอุดมการณ์ของตนได้ นี่คือปมเงื่อนที่ตันก๋งยอมอยู่กับลิโป้ และปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตันก๋งได้คิดอ่านวางแผนจนทำให้ลิโป้ซึ่งเป็นเพียงคนอาศัยของอ้วนสุดตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นในเมืองชีจิ๋วและหัวเมืองภาคตะวันออก แต่มาเสียทีตรงที่ตันกุ๋ย ตันเต๋ง สองพ่อลูกขายตัวให้กับโจโฉ ยอมเป็นไส้ศึก ช่วงชิงเอาความเชื่อถือจากลิโป้ได้สำเร็จ แล้วคิดอ่านทำลายจนลิโป้ย่อยยับลงอย่างเป็นขั้นตอน จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของทั้งตันก๋งและลิโป้มาถึงในบัดนี้
ตันก๋งผู้มีความคิดอ่านและสติปัญญาเลิศล้ำคนหนึ่งของสามก๊กและมีความคิดจิตใจที่ทรนงเด็ดเดี่ยวในอุดมการณ์ที่มุ่งกอบกู้ฟื้นฟูชาติ ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรให้เป็นสุข ไม่ยอมค้อมหัวให้กับทรราชย์ จึงต้องถึงแก่การล่วงลับ โดยยอมเสียชีพพลีให้แก่อุดมการณ์ที่ตัวเองเห็นว่าถูกต้อง จึงนับว่าเป็นวีรชนคนหนึ่งที่ควรได้รับการยกย่อง.
ครั้นเวลาใกล้ค่ำเฮาเสงจึงไปที่โรงม้า เกลี้ยกล่อมบรรดาลูกน้องให้เข้าร่วมการทหารในกองม้าล้วนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเฮาเสงจึงปลงใจร่วมการด้วยเฮาเสงสิ้น
เฮาเสงจึงเข้าไปที่คอกม้า แก้เชือกม้าเซ็กเธาว์แล้วขี่ออกประตูเมืองด้านตะวันออกตรงไปที่ค่ายของโจโฉ ทหารรักษาการณ์ของโจโฉเห็นเป็นทหารมาแต่ในเมืองจึงเข้าคุมตัวไว้ ครั้นไต่ถามทราบความแล้วจึงพาเฮาเสงเข้าไปพบโจโฉ
ครั้นโจโฉทราบความก็มีความยินดี รีบออกมาต้อนรับเฮาเสงแล้วพาเข้าไปสนทนาที่โรงบัญชาการ เฮาเสงได้เล่าความเป็นไปภายในเมืองและที่ได้คิดการวางแผนกับเพื่อนนายทหารให้โจโฉทราบ โจโฉมีความยินดียิ่งนักจึงว่าการตัดสินใจของพวกท่านในครั้งนี้เป็นความชอบแก่แผ่นดินนักหนา ราษฎรทั้งปวงจะได้ความสุขก็เพราะท่าน เสร็จศึกแล้วเราจะกราบบังคมทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ปูนบำเหน็จจนถึงขนาด
เฮาเสงจึงเสนอให้โจโฉรีบเข้าตียึดเอาเมือง โจโฉเห็นชอบกับข้อเสนอจึงสั่งทหารให้เขียนใบปลิวเป็นจำนวนมากแล้วผูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมือง เรียกร้องให้ชาวเมืองสวามิภักดิ์ หากผู้ใดจับตัวลิโป้มามอบจะให้บำเหน็จและจะแต่งตั้งเป็นขุนนาง
ครั้นรุ่งขึ้นโจโฉจึงสั่งให้แม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้าโจมตีเมืองแห้ฝือทั้งสี่ด้านพร้อมกัน ลิโป้ได้ทราบรายงานการเข้าโจมตีจึงเรียกทหารให้เอาม้าเซ็กเธาว์มาขี่จึงได้ทราบว่าเฮาเสงลักเอาไปมอบแก่โจโฉแล้วก็โกรธรีบคว้าทวนประจำกายแล้วจึงขึ้นไปบัญชาการทหารบนเชิงเทิน ครั้นเห็นซงเหียนและงุยซกซึ่งได้ขอชีวิตเฮาเสงไว้ก็พาลหาว่าเป็นใจรู้เห็นด้วยและคาดโทษว่าเสร็จศึกแล้วจะประหารชีวิตเสียทั้งสองคน
ลิโป้ถึงคราวชะตาขาดจึงประมาทแก่ทหารผู้ถืออาวุธเพราะการคาดโทษเช่นนี้ก็คือการเร่งเวลาให้สองทหารเอกสังหารตัวนั่นเอง ด้วยใครใดจะรอให้เสร็จศึกเพื่อเอาศีรษะเข้ารับคมดาบ ณ ลานประหาร
ทหารบนเชิงเทินเกรงอาญาลิโป้จึงต่อสู้ป้องกันเมืองไว้เป็นสามารถ โจโฉให้ทหารหักเข้าตีเมืองตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงก็ยังไม่สำเร็จ จึงสั่งให้สัญญาณถอยออกมาจากกำแพงเมืองแล้วคุมเชิงอยู่
ลิโป้เห็นทหารข้าศึกถอยไปคุมเชิงอยู่เช่นนั้นก็ไม่วางใจแต่อากาศยามเที่ยงร้อนจัดและแสงแดดจ้า จึงเข้าไปนั่งพักในศาลาบัญชาการบนกำแพงเมืองนั้น เอาทวนประจำกายพิงไว้กับเสาศาลา พักหนึ่งลิโป้ก็เผลอตัวม่อยหลับไปเพราะความอิดโรย
ซงเหียนและงุยซกเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ เห็นลิโป้หลับจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้ทหารในที่ข้างเคียงถอยออกไปแล้วทำทีจะเข้าไปปรึกษาราชการด้วยลิโป้ เห็นลิโป้ยังคงหลับอยู่จึงเอาเชือกมัดลิโป้วนตรึงไว้กับเสาศาลาอย่างแน่นหนา ลิโป้ตื่นขึ้นรู้ตัวว่าถูกมัดก็ตกใจ ร้องเรียกให้ทหารช่วยแต่ไม่มีใครเข้าช่วย
ครั้นมัดลิโป้ไว้มั่นคงแล้วซงเหียนและงุยซกจึงสั่งทหารให้เปิดประตูเมืองและร้องบอกโจโฉว่าบัดนี้พวกเราได้จับตัวลิโป้ไว้ได้แล้ว
แฮหัวเอี๋ยนอยู่ในระยะใกล้ได้ยินดังนั้นจึงควบม้าเข้ามาใกล้ประตูเมือง แล้วร้องถามว่าไหนเล่าที่ว่าลิโป้ถูกจับตัวไว้ งุยซกเห็นฝ่ายโจโฉยังไม่วางใจจึงหยิบเอาทวนประจำตัวลิโป้โยนออกไปนอกกำแพงเมือง แฮหัวเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็สิ้นสงสัยจึงสั่งทหารให้ยกเข้าไปในเมือง
ฝ่ายโกสุ้นและเตียวเลี้ยวรักษาการณ์อยู่บนเชิงเทินด้านตะวันตกได้ทราบข่าวว่าซงเหียนและงุยซกก่อการขบถจึงรีบลงจากเชิงเทินจะมาช่วยลิโป้ ทหารของโจโฉที่เข้ามาในเมืองได้แล้วเห็นโกสุ้นและเตียวเลี้ยวจึงเข้าล้อมจับไว้ได้ทั้งสองคน
ทางด้านตันก๋งเห็นทหารโจโฉเข้ามาในเมืองได้ก็รีบควบม้าหนีออกจากเมืองทางประตูเมืองด้านทิศใต้ แต่พอพ้นจากประตูเมืองก็พบกับซิหลงทหารเอกของโจโฉและถูกซิหลงจับตัวไว้ได้
โจโฉได้นำทหารยกตามกองหน้าเข้าไปในเมือง เห็นน้ำท่วมเมืองตามแผนการความคิดของกุยแก ก็นึกสรรเสริญสติปัญญาของที่ปรึกษาผู้นี้ว่าเป็นเลิศกว่าที่ปรึกษาทั้งปวงแล้วออกคำสั่งให้ทหารรื้อถอนเขื่อนที่ทดน้ำนั้นออกไป น้ำที่ท่วมเมืองอยู่ก็แห้งลงอย่างรวดเร็ว
โจโฉได้จัดแจงการปกครองเมืองแห้ฝือเป็นปกติเรียบร้อยแล้วจึงชวนเล่าปี่ขึ้นไปที่หอบัญชาการบนกำแพงเมือง กวนอู และเตียวหุยก็เดินตามเล่าปี่ขึ้นไปด้วย จากนั้นโจโฉจึงสั่งให้ทหารคุมเอาตัวลิโป้ขึ้นมา ลิโป้ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาได้รับความเวทนาเป็นอันมากจึงร้องขอให้โจโฉช่วยแก้มัด แต่โจโฉกลับตอบว่า “อันธรรมดาเสือจำจะผูกให้มั่นคง ซึ่งจะคลายออกนั้นไม่ได้”
ลิโป้เห็นซงเหียนและงุยซกยืนอยู่ ณ ที่นั้น ก็รู้ว่าสองนายทหารได้แปรพักตร์ไปเข้าโจโฉ จึงต่อว่าต่อขานด้วยความน้อยใจว่าเราเลี้ยงดูพวกท่านเป็นอย่างดี ไฉนจึงทรยศต่อเรา สองนายทหารจึงว่าพวกเราเป็นข้าในพระเจ้าเหี้ยนเต้ร่วมงานกับท่านมาโดยไม่เคยเห็นแก่ความยากลำบาก แต่ตัวท่านเปลี่ยนแปลงไปไม่เอาใจใส่เชื่อฟังเหล่าทหาร ถือเอาแต่คำสตรีเป็นใหญ่ และยังพาลคาดโทษพวกเราจะเอาถึงตาย ดั่งนี้จะว่าพวกเราทรยศได้อย่างไร
ขณะนั้นทหารได้คุมตัวโกสุ้นเข้ามา โจโฉได้หันไปถามโกสุ้นว่าเจ้ามีสิ่งใดจะว่ากล่าวสั่งเสียหรือไม่ โกสุ้นไม่ตอบคำและเบือนหน้าหนี โจโฉจึงสั่งให้ทหารเอาตัวโกสุ้นไปประหาร
จากนั้นซิหลงได้คุมตัวตันก๋งเข้ามาอีกคนหนึ่ง โจโฉเห็นตันก๋งใจหนึ่งก็คิดถึงบุญคุณที่ตันก๋งสู้เสียสละละทิ้งอำนาจมาเข้าร่วมอุดมการณ์ในตอนเริ่มตั้งตัว แต่ใจหนึ่งก็คุมแค้นตันก๋งที่คิดอ่านวางแผนให้ลิโป้ทำสงครามจนโจโฉต้องเสียทีหลายครั้งหลายหน ความรู้สึกนึกคิด ทั้งบุญคุณและความแค้นเคล้าคละกันดั่งนี้ สีหน้าโจโฉก็บึ้งตึง แต่กล่าวความเป็นทำนองที่ยังอาลัยอาวรณ์ว่า ตั้งแต่ท่านจากเรามาถึงบัดนี้ยังสบายดีอยู่หรือ?
ตันก๋งเห็นสีหน้าและน้ำคำของโจโฉก็แจ้งในความรู้สึกนึกคิด จึงตอบกลับไปว่าตัวท่านเป็นคนอาสัตย์ ไม่สำนึกถึงบุญคุณคน มีจิตใจดำอำมหิต เราจึงทิ้งท่าน
โจโฉจึงว่า ท่านกล่าวหาเราว่าเป็นคนไร้คุณธรรม แต่เหตุใดเมื่อหนีจากเราแล้วจึงไม่ไปอยู่ด้วยผู้มีคุณธรรม กลับไปอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นปิตุฆาต ยิ่งกว่าไร้คุณธรรมเสียอีก
ตันก๋งแก้ว่า ถึงลิโป้เป็นคนไร้คุณธรรม หาสติปัญญามิได้ แต่มิได้เป็นคนล่อลวงปลิ้นปล้อนเหมือนกับตัวท่าน เราจึงมาอยู่ทำการด้วย
โจโฉโต้ว่า ตัวว่าลิโป้ไร้สติปัญญา แต่อ้างตัวว่ามีสติปัญญาความคิดอ่าน ดังนี้เหตุใดลิโป้จึงเสียทีแก่เราเล่า
ตันก๋งได้ฟังคำถามที่หนักหน่วงดังนี้จึงเหลียวหน้ามาทางลิโป้ แล้วกล่าวไปทางลิโป้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านเชื่อฟังคำเราจึงสามารถตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ได้ แต่มาระยะหลังกลับลุ่มหลงอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอของตันกุ๋ย ตันเต๋ง ไส้ศึกสองพ่อลูก และถือเอาแต่คำภรรยามาบริหารราชการ และการสงคราม จึงได้เสียทีถึงเพียงนี้ การครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากท่านเชื่อฟังคำเรา ที่ไหนเลยจะได้รับความอัปยศแก่คนทั้งปวง
โจโฉจึงเยาะว่า ก็แลเมื่อลิโป้ไม่ฟังตัวจึงเสียทีแก่เรา บัดนี้เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว จะคิดอ่านประการใดสืบไป
ตันก๋งและโจโฉโต้วาทีกันมาจนถึงจุดที่ตันก๋งเห็นว่าขืนต่อปากต่อคำกันต่อไปก็มิได้ประโยชน์อันใด เพราะที่ไหนจะมีฐานะที่เป็นต่อขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่าเมื่อตัวเราตกอยู่ในเงื้อมมือท่าน จะมาซักไซร้หาเหตุผลไปทำไมกัน
โจโฉตีสีหน้าเป็นปกติลง ทั้งน้ำใจก็นึกเห็นการที่ตันก๋งได้กระทำมาเป็นการควรแก่หน้าที่ ประกอบทั้งมีน้ำใจรักใฝ่ได้คนดีมีสติปัญญามาร่วมงาน จึงคิดที่จะเกลี้ยกล่อมตันก๋งให้กลับเข้ารับราชการด้วย ปฏิบัติการทางจิตวิทยาจึงได้เริ่มขึ้น
โจโฉจึงถามตันก๋งว่า ที่ท่านกล่าวมาทั้งนี้ก็ต้องด้วยเหตุและผล แต่มารดากับภรรยาของท่านเล่า สิ้นท่านเสียแล้วคนข้างหลังจะว่าอย่างไร
ตันก๋งจึงว่าวิสัยคนที่คิดทำการใหญ่ย่อมจำแนกแจกแจงมิตร ศัตรู คุณและโทษแจ่มแจ้ง ถึงจะจับศัตรูคู่อาฆาตได้ ก็ย่อมเอาโทษเฉพาะแต่ตัวผู้นั้น ไม่คิดอ่านเป็นพาลกลั่นแกล้งผู้อื่นที่มิได้เกี่ยวข้องด้วย บัดนี้ตัวเราแม้ถึงที่ตายแล้วก็หาได้อาลัยแก่ชีวิตไม่จะขอฝากมารดากับภรรยาไว้กับท่านช่วยดูแลตามควรด้วย
โจโฉได้ฟังตันก๋งดั่งนั้นก็เห็นว่าตันก๋งมีจิตใจมั่นคงเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ยังมิทันจะได้ว่ากล่าวประการใด ตันก๋งก็เดินลากผู้คุมจะลงจากศาลาบัญชาการบนเชิงเทิน เร่งให้เอาตัวเองไปประหาร โจโฉยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ จึงสั่งทหารให้หยุดยั้งไว้ แต่ตันก๋งก็มิฟัง โจโฉจึงเดินตามไปทำทีเป็นร้องไห้อาลัยอาวรณ์แล้วว่า ในเมื่อตัวท่านไม่พอใจที่จะอยู่กับเราก็ตามใจเถิด มารดาและภรรยาของท่านอยู่ข้างหลัง เราจะดูแลมิได้อนาทร
ตันก๋งเดินลากทหารผู้คุมมาจนถึงประตูเมืองก็เร่งให้ทหารประหารตัวเองเสีย ทหารผู้คุมจึงประหารชีวิตตันก๋ง โจโฉทราบว่าตันก๋งถูกประหารแล้วก็สั่งทหารให้แต่งการศพตันก๋งอย่างสมเกียรติแล้วนำไปฝังอย่างธรรมเนียม และให้นำมารดาและภรรยาตันก๋งไปอาศัยอยูที่เมืองฮูโต๋ จัดทหารและคนรับใช้ดูแลอารักขาตามคำที่รับรองไว้กับตันก๋งนั้น
ตันก๋งเดิมเป็นเจ้าเมืองจงพวน เห็นแผ่นดินเป็นจลาจลวุ่นวายจึงตั้งอุดมการณ์กอบกู้ฟื้นฟูชาติ ในขณะนั้นโจโฉถูกคำสั่งทางการให้จับตัวส่งเข้าเมืองหลวงในข้อหาเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และถูกขังอยู่ในคุกเมืองจงพวน ตันก๋งเห็นว่าโจโฉมีอุดมการณ์ที่จะกอบกู้ฟื้นฟูชาติตรงกับอุดมการณ์ของตัว จึงละทิ้งตำแหน่งเจ้าเมืองปล่อยโจโฉแล้วตามโจโฉเพื่อทำการใหญ่ให้แก่บ้านเมือง ครั้นประจักษ์ชัดว่าโจโฉเป็นคนเนรคุณ ไร้คุณธรรม ไม่อาจร่วมอุดมการณ์ได้อีกต่อไปจึงหนีจากโจโฉ แม้ยามใกล้ตายถูกโจโฉเกลี้ยกล่อมก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิดเนื่องเพราะทนงในสติปัญญาของตัว ทั้งแลเห็นว่าหากไปทำการด้วยโจโฉ ความเลวร้ายของโจโฉก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นจนกลายเป็นทรราชย์ จึงยอมตายดีกว่าที่จะยอมเสียอุดมการณ์
ในข้อที่ว่าเมื่อตันก๋งหนีจากโจโฉแล้ว เหตุใดจึงไม่ไปร่วมทำการกับบรรดาเจ้าเมืองอื่น ๆ ที่อาจเลือกสรรได้ว่ามีกำลังและสติปัญญาเพื่อดำเนินการตามอุดมการณ์ของตนให้บรรลุผลสำเร็จ กลับมาอยู่กับลิโป้ซึ่งเป็นคนไร้คุณธรรมและไร้สติปัญญา ข้อนี้ย่อมขึ้นกับอุปนิสัยที่ทรนงในความคิดสติปัญญาตัวว่าล้ำเลิศกว่าใคร หากไปอยู่กับหัวเมืองอื่นที่มีกำลังคนและกำลังสติปัญญาคงจะเห็นว่าเป็นอุปสรรค ไม่อาจใช้ความคิดอ่านให้บังเกิดผลได้เพราะย่อมมีการแก่งแย่งแข่งดีและยากที่จะได้รับความสำคัญ ส่วนลิโป้นั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตของโจโฉโดยธรรมชาติ มีกำลังฝีมือเข้มแข็ง แต่ความไร้สติปัญญานั้นกลับจะทำให้ลิโป้ต้องพึ่งพาตันก๋งแต่ผู้เดียว ทั้งตันก๋งอาจมีความเชื่อว่าด้วยความคิดและสติปัญญาของตัวจะสามารถใช้ลิโป้ไปทำการตามอุดมการณ์ของตนได้ นี่คือปมเงื่อนที่ตันก๋งยอมอยู่กับลิโป้ และปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตันก๋งได้คิดอ่านวางแผนจนทำให้ลิโป้ซึ่งเป็นเพียงคนอาศัยของอ้วนสุดตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นในเมืองชีจิ๋วและหัวเมืองภาคตะวันออก แต่มาเสียทีตรงที่ตันกุ๋ย ตันเต๋ง สองพ่อลูกขายตัวให้กับโจโฉ ยอมเป็นไส้ศึก ช่วงชิงเอาความเชื่อถือจากลิโป้ได้สำเร็จ แล้วคิดอ่านทำลายจนลิโป้ย่อยยับลงอย่างเป็นขั้นตอน จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของทั้งตันก๋งและลิโป้มาถึงในบัดนี้
ตันก๋งผู้มีความคิดอ่านและสติปัญญาเลิศล้ำคนหนึ่งของสามก๊กและมีความคิดจิตใจที่ทรนงเด็ดเดี่ยวในอุดมการณ์ที่มุ่งกอบกู้ฟื้นฟูชาติ ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรให้เป็นสุข ไม่ยอมค้อมหัวให้กับทรราชย์ จึงต้องถึงแก่การล่วงลับ โดยยอมเสียชีพพลีให้แก่อุดมการณ์ที่ตัวเองเห็นว่าถูกต้อง จึงนับว่าเป็นวีรชนคนหนึ่งที่ควรได้รับการยกย่อง.