ตอนที่ 98. พลังชีวิตกับพิษสุรา

โจโฉออกคำสั่งสนามวางโทษประหารชีวิตแก่แม่ทัพนายกองด้านที่ฝ่ายลิโป้เข้าออกเมืองได้แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นคำสั่งปกติ แต่เล่าปี่ยินแล้วไม่วางใจโจโฉเกรงว่าหากพลาดพลั้งโจโฉอาจพาลหาเหตุเอาถึงตาย ครั้นกลับถึงค่ายจึงรีบเรียกกวนอู เตียวหุยมากำชับว่าเจ้าทั้งสองอย่าดูแคลนคำสั่งครั้งนี้ของโจโฉเป็นอันขาด   เพราะโจโฉอาจถือเอาเป็นเหตุกำจัดพวกเราก็เป็นได้   กวนอู  เตียวหุย ก็รับคำเล่าปี่แล้วออกมาถ่ายทอดคำสั่งให้บรรดาทหารในบังคับบัญชาปฏิบัติต่อไป

            ฝ่ายเค้ากี๋และอ๋องก้ายเมื่อหลบหลีกเข้าเมืองแห้ฝือได้จึงพากันเข้าไปพบลิโป้รายงานการไปเจรจาความกับอ้วนสุดให้ทราบทุกประการ   ลิโป้จึงว่าสถานการณ์ขณะนี้มีแต่ต้องทำตามที่อ้วนสุดตั้งเงื่อนไข แต่วิตกว่าจะไม่สามารถส่งลูกสาวเราไปให้บุตรอ้วนสุดได้ สองที่ปรึกษาจึงเสนอว่ากรณีมีความจำเป็นที่ท่านต้องนำทหารมีฝีมือคุ้มกันบุตรสาวนำไปส่งอ้วนสุดด้วยตนเอง  เพราะแม้ทหารโจโฉจะขัดขวางท่านก็สามารถตีฝ่าออกไปได้ ลิโป้เห็นชอบกับข้อเสนอของสองที่ปรึกษาจึงสั่งให้เตียวเลี้ยวและโกสุ้นจัดเตรียมทหารสามพันให้พร้อมที่จะตีฝ่าออกไปในคืนนี้

            ครั้นสองยามผ่านไปลิโป้จึงให้เอาแพรสีมัดบุตรีสะพายแล่งไว้ข้างหลังเอาเสื้อเกราะคลุมทับขึ้นม้าถือทวนประจำกายแล้วไปที่กองทหาร ซึ่งเตียวเลี้ยวได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว สั่งให้เคลื่อนกำลังออกจากประตูเมืองไปท่ามกลางความมืด

            ครั้นลิโป้ไปใกล้จะถึงค่ายของเล่าปี่ก็ได้ยินเสียงกลองศึกดังขึ้น ทันใดนั้นกวนอู เตียวหุยได้คุมทหารออกมาสกัดหน้าลิโป้ไว้

            ลิโป้เห็นดังนั้นก็ตกใจจึงรีบตีฝ่าเพื่อจะไปให้พ้นจากการถูกสกัดกั้นโดยเร็ว   แต่บุตรีซึ่งเป็นเครื่องหลังกีดขวางกระบวนทวนให้ติดขัด ทั้งในขณะนั้นเล่าปี่ได้ยกทหารหนุนเนื่องเข้ามา   และพอดีที่ซิหลงกับเคาทูสองนายทหารเอกของโจโฉก็คุมทหารตามมาทัน   ลิโป้เห็นท่าจะตีฝ่าออกไปไม่สำเร็จ  ทั้งเกรงว่าบุตรสาวจะเป็นอันตราย  จึงชักม้าหันหลังกลับแล้วพาทหารตีฝ่ากลับเข้าเมืองแห้ฝือ 

            ลิโป้ทำการไม่สมความคิดก็เกิดความท้อแท้หาทางออกไม่ได้จึงเรียกหาสุรามาดื่มจนเมามาย และยึดถือเอาสุราเป็นเครื่องประโลมใจทุกวันไม่ยอมออกรบกับโจโฉถึงสองเดือนเต็ม จนราศีเศร้าหมองผิดรูปผิดร่างที่เคยสง่างามไปเป็นคนละคน  ใบหน้าที่เคยขาวเจือชมพูระเรื่อกลับกลายเป็นเขียวคล้ำ

            คนเรานั้นมีพลังชีวิตประจำอยู่ทุกตัวคน  ยามใดสุขภาพสมบูรณ์สีแดงซึ่งเป็นพลังชีวิตก็จะปรากฎให้เห็นทั่วร่างและเปล่งประกายเด่นชัดที่สีหน้าที่เห็นได้ด้วยจักษุธรรมดาว่าราศีสดใสอิ่มเอิบ  แต่ยามใดเศร้าหมองหรือสุขภาพไม่ปกติสีเขียวซึ่งเป็นพลังแห่งความตายก็จะปรากฎให้เห็นได้ด้วยจักษุธรรมดาเช่นเดียวกัน

            สีเขียวปรากฎขึ้นที่ส่วนใดของร่างกายย่อมเป็นสัญญาณว่าส่วนนั้นกำลังถูกพลังแห่งความตายเข้าสัมผัส พลังแห่งความตายนั้นจะมากน้อยหรืออ่อนแรงประการใดย่อมขึ้นอยู่กับความเข้มและปริมณฑลแห่งสัญญาณสีเขียวว่ามากน้อยหรือเข้มอ่อนประการนั้น การแพทย์แผนโบราณจึงได้อาศัยเป็นที่ตั้งแห่งการวินิจฉัยโรคแลสมมุติฐานของโรคได้อย่างแม่นยำ 

            สีเขียวคล้ำที่ครอบงำใบหน้า และขอบตาทั้งสองของลิโป้จึงเป็นพลังแห่งความตายที่เยื้องกรายเข้าสัมผัสลิโป้แล้ว ดวงตานั้นเป็นหน้าต่างแห่งดวงจิต แม้นใจคิดงามงด ตาสดใส คิดชั่วช้าตาก็บอกออกความนัย ลิโป้คิดแก้ไขการศึกไม่ตก โรคจึงกำเริบขึ้นในใจ พลังแห่งความตายจึงสะท้อนออกทางขอบตาทั้งสอง ครั้นเวลาล่วงผ่านไปก็ยิ่งทรุดหนักลง ปริมณฑลของสีเขียวคล้ำจึงลุกลามจากขอบตาครอบงำทั้งใบหน้า ความหมองคล้ำดังนี้เรียกกันว่า “ราศีเศร้าหมอง” ผู้ชาญเชิงนรลักษณ์จึงอ่านสถานการณ์ของผู้คนได้กระจ่างถึงแก่นแท้ เพราะได้อ่านจากธาตุแท้หรือสมมุติฐานของปรากฏการณ์นั่นเอง

            นางเหงียมซีเห็นผู้เป็นผัวมีราศีเศร้าหมองดั่งนี้ก็ตกใจ ได้กล่าวเตือนลิโป้ให้ละวางสุราแต่ลิโป้ไม่ฟังคำ จึงเอากระจกให้ลิโป้ส่องดูใบหน้าตัวเอง ครั้นลิโป้เห็นประจักษ์สภาพสังขารตนก็ตกใจ “คิดว่าเป็นเหตุทั้งนี้เพราะกินสุรา สุรานี้เป็นโทษมากนัก ถึงผู้ใดรูปงามก็เศร้าหมองเพราะสุรา” จึงออกคำสั่งห้ามมิให้ทหารทั้งปวงดื่มสุรา  และกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนถึงประหารชีวิต

            ฝ่ายเตียวเอ๋งซึ่งเป็นเจ้าเมืองโห้ลายได้ทราบข่าวว่าโจโฉยกกองทัพมารบลิโป้ก็เกรงว่าหากโจโฉได้เมืองแห้ฝือแล้วจะยกไปยึดเมืองโห้ลาย จึงยกกองทัพจะไปช่วยลิโป้  แต่เอียวสิวนายทหารได้คัดค้านว่าเมืองโห้ลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักรฮั่น มิได้มีเหตุขัดข้องหมองใจกันแต่ประการใด จึงไม่ควรเข้าเกี่ยวข้องด้วยกรณีนี้ การยกกองทัพไปช่วยลิโป้เป็นการชักศึกเข้าบ้าน อาณาประชาราษฎรจะได้รับความเดือดร้อนในภายหลัง

            เตียวเอ๋งไม่ฟังคำทัดทานกลับหาว่าเอียวสิวไม่เป็นใจในราชการ ด่าว่า      เอียวสิวต่าง ๆ นานา เอียวสิวจึงผูกใจเจ็บและเห็นว่าหากปล่อยให้เตียวเอ๋งทำการตามความคิดจะเกิดอันตรายแก่บ้านเมืองแลราษฎร จึงวางแผนสังหารเตียวเอ๋งเสียแล้วตัดศีรษะจะเอามามอบแก่โจโฉเพื่อเอาความชอบในราชการ

            ในขณะที่กำลังเดินทางจะไปหาโจโฉนั้น อุยก้อซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทของเตียวเอ๋งได้ยกทหารไล่ตามมาทันจับเอียวสิวประหารชีวิต และเอาศีรษะเตียวเอ๋งกลับไปเมืองโห้ลายได้

            ครั้นโจโฉทราบความก็คาดหมายว่าภายในเมืองโห้ลายเหตุการณ์ย่อมไม่เป็นปกติ จึงสั่งให้สูหวนคุมทหารไปยึดเมืองโห้ลาย สูหวนรับคำสั่งแล้วยกกองทัพไปเมืองโห้ลาย ทหารภายในเมืองได้ทราบข่าวว่าเตียวเอ๋งเจ้าเมืองตายแล้วจึงไม่เป็นใจสู้รบ เปิดประตูเมืองรับกองทัพของสูหวนแล้วยอมสวามิภักดิ์ สูหวนเข้าเมืองได้แล้วสั่งทหารให้จับอุยก้อประหารชีวิต ตัดศีรษะเสียบประจานว่าเป็นขบถต่อแผ่นดิน แล้วให้เสียบศีรษะปักไว้ที่เชิงเทิน

            โจโฉล้อมเมืองแห้ฝือกว่าสองเดือนก็ยังไม่สามารถยึดเมืองได้ ฝนแรกแห่งวสันตฤดูก็โปรยมา น้ำเหนือเริ่มหลากไหลบ่าเอ่อแม่น้ำทางด้านตะวันตกของตัวเมือง โจโฉวิตกว่าทหารจะลำบากจึงปรึกษาด้วยที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่ากองทัพของเรายกมาจากเมืองหลวงเป็นเวลาช้านานแล้ว เสบียงอาหารก็ร่อยหรอ ทหารก็อิดโรยเต็มที ทั้งบัดนี้เตียวเอ๋งก็ตายแล้วศัตรูทางฝ่ายเหนือเหลืออยู่แต่เพียงอ้วนเสี้ยว  ศัตรูทางฝ่ายตะวันตกยังมีเล่าเปียวและเตียวสิ้วซึ่งกล้าแข็งอยู่วางใจไม่ได้ ทั้งเวลานี้ก็เป็นฤดูฝนทหารจะได้ไข้แลลำบาก ดังนั้นเราจึงคิดที่จะเลิกทัพกลับเมืองหลวงบำรุงทแกล้วทหารให้เข้มแข็งสมบูรณ์แล้วจึงค่อยยกมาทำการใหม่ ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นประการใด

            ความตอนนี้ดูเหมือนว่าโจโฉจะมีศัตรูเพียงลิโป้ เล่าเปียว  เตียวสิ้วและอ้วนเสี้ยวเท่านั้น  แต่ความจริงเป็นการกล่าวเชิงปฏิบัติการทางจิตวิทยาของโจโฉเพื่อมิให้ทหารเสียกำลังใจ และคิดไปได้ว่าไฉนคนแบบโจโฉจึงมีศัตรูมากมาย เพราะบัดนี้ศัตรูของโจโฉยังมีมากกว่าที่กล่าว เช่น อ้วนสุด  ซุนเซ็ก เล่าปี่  กองซุนจ้าน หรือแม้แต่ขุนนางในราชสำนักอีกจำนวนไม่น้อย

            ความคิดที่จะเลิกทัพในครั้งนี้ได้แสดงว่าความคิดและความรู้ของโจโฉที่จะเอาชนะต่อลิโป้ในสถานการณ์ที่กล่าวแล้วนั้นได้มาถึงจุดอับจนแล้ว ที่สำคัญคือยังขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังจักรวาลจากธาตุน้ำซึ่งมีมาตามฤดูกาล  เพราะการทั้งปวงนั้นหาได้มีด้านที่เป็นคุณหรือโทษแต่เพียงด้านเดียวไม่ หากยังมีด้านที่ตรงกันข้ามดำรงอยู่คู่กันเสมอไป  ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดมีสติปัญญาคิดอ่านใช้ด้านที่เป็นคุณให้เกิดอานุภาพได้เพียงใดหรือไม่เท่านั้น

            แม้สงครามก็หาได้พ้นไปจากกฎเอกภาพแห่งความขัดแย้งนี้ไม่ สงครามมีคุณสมบัติในการทำลายล้างซึ่งเป็นด้านที่เป็นโทษก็จริงอยู่ แต่สงครามก็มีคุณสมบัติในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ซึ่งเป็นด้านที่เป็นคุณดำรงอยู่พร้อมกันไปด้วย เหตุนี้สงครามในประวัติศาสตร์จึงจำแนกเป็นสงครามที่เป็นธรรมและสงครามที่ไม่เป็นธรรม สงครามทำให้เกิดความพินาศ และสูญเสีย แต่สงครามก็ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้น ธุรกิจจำนวนมาก เศรษฐีใหม่จำนวนมากที่รู้จักกุมโอกาสก็สามารถอาศัยประโยชน์จากสงครามนั้นได้

            ซุนฮกที่ปรึกษาจึงเสนอว่าลิโป้กำลังตกอยู่ในตาอับ หากเป็นหมากรุกสถานการณ์ข้างฝ่ายลิโป้กำลังใกล้อับจนเต็มประดาแล้ว  ดังนั้นหากท่านเลิกทัพกลับไปในโอกาสเช่นนี้ชัยชนะก็จะห่างไกลออกไป  ทั้งลิโป้ก็จะอาศัยโอกาสนี้ฟื้นตัวแล้วกระชับไมตรีกับอ้วนสุดจะทำให้สถานการณ์ยิ่งยากลำบาก จึงขอให้ท่านมานะทำการให้ได้ชัยชนะเสียแต่ในครั้งนี้

            กุยแกที่ปรึกษาได้กล่าวสนับสนุนความคิดของซุนฮกและว่าฤดูฝนและน้ำเหนือที่หลากมานี้ประดุจดังเทพยดาประทานชัยชนะให้แก่ท่านแล้ว

            โจโฉสงสัยจึงถามว่าจะเอาชัยชนะต่อลิโป้ได้โดยประการใด 

            กุยแกจึงไขว่าลักษณะภูมิประเทศของเมืองแห้ฝือนี้มีแม่น้ำไหลผ่านตัวเมืองด้านตะวันตก ดังนั้นจึงขอให้ท่านสั่งการให้ทำเขื่อนทดน้ำไว้ที่ปลายน้ำทางด้านทิศใต้  ครั้นน้ำเหนือหลากแรงมาน้ำก็จะท่วมเมืองแห้ฝือ ลิโป้คงถึงกาลปราชัยในครั้งนี้ เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงว่าเทพดาได้ประทานชัยชนะแก่ท่านแล้ว 

            โจโฉฟังข้อเสนอของกุยแกแล้วเห็นกระจ่างในชัยชนะจึงมีความยินดียิ่งนักสั่งการให้ทำการทดน้ำตามแผนของกุยแก และเพื่อเร่งให้น้ำท่วมเมืองเร็วขึ้นจึงให้ทำทำนบตามแนวฝั่งแม่น้ำฝั่งตะวันตกบังคับให้น้ำสูงท่วมเมืองมากขึ้นอย่างรวดเร็ว 

            ครั้นฝนตกหนักน้ำเหนือหลากแรงไหล่บ่าล้นทั้งสองฝั่งของแม่น้ำและไหลเข้าในเมือง ท่วมเมืองแห้ฝือเกือบทั้งเมือง คงเหลือแต่ด้านตะวันออกของเมืองซึ่งเป็นที่ดอนเท่านั้นที่น้ำท่วมไม่ถึง ชาวเมืองและทหารต้องพากันหนีน้ำไปอยู่บนที่ดอนได้รับความลำบากและอดอยากแสนสาหัสจึงพากันไปร้องทุกข์ต่อลิโป้แต่ไม่ได้รับการแก้ไขแต่ประการใด มิหนำซ้ำยังกล่าวคล้ายกับรัฐบาลศรีธนญชัยว่าน้ำท่วมดั่งนี้ดีกว่าฝนแล้ง และนี่คือผลงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้สำเร็จแล้ว

            ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเฮาเสงนายกองม้าได้จับทหารที่แอบลักม้าเอาไปให้แก่เล่าปี่ได้ บรรดาเพื่อนนายทหารจึงพากันไปเยี่ยมเฮาเสงและขอร้องให้เฮาเสงจัดโต๊ะเลี้ยงสุราอาหาร เฮาเสงขัดใจพวกไม่ได้แต่เกรงอาญาลิโป้ที่ห้ามทหารดื่มสุราจึงไปขออนุญาตต่อลิโป้

            ลิโป้กำลังเครียดหาทางออกในการศึกไม่ได้ ครั้นได้ยินคำเฮาเสงขออนุญาตเลี้ยงสุราเพื่อนนายทหารก็โกรธหาว่าเฮาเสงไม่เคารพวินัยศึก จึงสั่งให้ทหารเอาตัวเฮาเสงไปประหาร

            ซงเหียน งุยซกและเพื่อนนายทหารเห็นดังนั้นก็ตกใจ แล้วช่วยกันขออภัยโทษให้กับเฮาเสง  ลิโป้เห็นนายทหารจำนวนมากขอร้องก็เว้นโทษตายให้แต่ให้เฆี่ยนเฮาเสงห้าสิบที 

            หลังจากเฮาเสงกลับไปบ้านบรรดาเพื่อนทหารก็พากับไปเยี่ยมอาการเจ็บ      เฮาเสงเห็นเพื่อนทหารมาเยี่ยมก็ลุกขึ้นจากที่คารวะขอบคุณผองเพื่อนที่ช่วยขอชีวิตแล้วนึกน้อยใจร่ำไห้ต่อหน้าเพื่อนนายทหาร 

            เพื่อนนายทหารทั้งนั้นเห็นอาการของเฮาเสงก็พากันสลดใจ  ซงเหียนจึงว่าบัดนี้ลิโป้เปลี่ยนแปรไปแล้วไม่ฟังความคิดที่ปรึกษาแลแม่ทัพนายกอง ฟังแต่คำภรรยามาปกครองบ้านเมืองและราชการสงคราม  มีปัญหาในราชการก็ไม่แก้ไข ขืนอยู่กับลิโป้ต่อไปก็จะพากันตายสิ้น ควรที่พวกเราจะได้แยกย้ายหนีเอาชีวิตรอดกันเถิด

            งุยซกได้ยินคำซงเหียนเช่นนั้นจึงว่า พวกเราเป็นทหารทำการศึกไม่กลัวยาก ไม่กลัวตาย แต่มาบัดนี้เมื่อลิโป้ตกเป็นทาสแห่งสุรา อยู่ภายใต้น้ำคำของสตรี ครั้นจะหนีไปก็เหมือนหนึ่งไม่สำนึกในเกียรติศักดิ์แห่งทหาร ดังนั้นเมื่อจะไม่ร่วมการด้วยลิโป้แล้ว ชอบที่จะขอเข้าด้วยโจโฉ เป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ จึงจะดำรงศักดิ์และศรีของชายชาติทหารเอาไว้ได้ และในการไปขอเข้าด้วยโจโฉนี้ย่อมสมควรที่จะกำจัดลิโป้ซึ่งเป็นศัตรูแผ่นดินเป็นความชอบไว้ในราชการในครั้งนี้

            เฮาเสงจึงว่าลิโป้บัดนี้หลงใหลอยู่กับสุราจนสุขภาพทรุดโทรม แต่กระนั้นความเข้มแข็งของลิโป้ก็ใช่ว่าจะหมดไป เพราะยังมีม้าเซ็กเธาว์และทวนประจำกายที่มีอานุภาพร้ายแรงสำหรับตัวอยู่ ดังนั้นหากพวกเราคิดจะกำจัดลิโป้ ข้าพเจ้าจะลักม้าเซ็กเธาว์เอาไปมอบแก่โจโฉ แล้วแจ้งความทั้งปวงให้โจโฉได้รับทราบไว้ชั้นหนึ่งก่อน

            บรรดานายทหาร ณ ที่นั้นเห็นด้วยกับความคิดของซงเหียน งุยซก และ  เฮาเสง จึงจับมือกระทำสัตย์ต่อกันว่าจะตั้งใจทำการตามแผนการนี้ให้สำเร็จ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร