ตอนที่ 96. แรงฤทธิ์คำลวง

ตันเต๋งวางกลอุบายให้ลิโป้และตันก๋งรบกันจนเสียด่านเสียวก๋วน และเสียทั้งเมืองชีจิ๋วแล้วยังไม่สาแก่ใจ ยังคงดำเนินกลอุบายทำลายล้างลิโป้อย่างคมเข้มต่อไป เมื่อออกจากเมืองชีจิ๋วแล้วตรงไปเมืองเสียวพ่าย เข้าไปหาโกสุ้นและเตียวเลี้ยวซึ่งรับคำสั่งลิโป้ให้อยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย

            ตันเต๋งพบโกสุ้นและเตียวเลี้ยวแล้วจึงแจ้งว่า เมื่อวานนี้โจโฉได้ยกกองทัพมาและล้อมกองทัพลิโป้ไว้ ลิโป้เห็นว่าศึกครั้งนี้หนักมือนัก จึงให้ข้าพเจ้ารีบมาเมืองเสียวพ่ายให้ท่านรีบยกทหารไปช่วยลิโป้ตีกระหนาบกองทัพโจโฉ

            โกสุ้นและเตียวเลี้ยวฟังคำลวงตันเต๋งแล้วสำคัญว่าเป็นความจริง จึงสั่งให้ยกทหารจากเมืองเสียวพ่ายจะไปช่วยลิโป้

            ตันเต๋งเห็นดังนั้นจึงขอลาโกสุ้นและเตียวเลี้ยวแล้วออกจากเมืองเสียวพ่ายไปหากองทัพโจหยินซึ่งโจโฉได้สั่งให้นำกำลังสามพันยกมายึดเมืองเสียวพ่าย และตั้งค่ายคุมเชิงอยู่

            ตันเต๋งได้เล่าความทั้งปวงให้โจหยินทราบ โจหยินได้ทราบความแล้วก็มีความยินดี สั่งให้ทหารยกเข้าตีเมืองเสียวพ่าย ทหารในเมืองเสียวพ่ายเมื่อทราบว่าโกสุ้นและเตียวเลี้ยวทิ้งเมืองไปแล้วก็ไม่มีใจสู้รบ พอเห็นกองทัพโจหยินยกมาจึงเปิดประตูเมืองรับ โจหยินจึงให้ทหารเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองเสียวพ่าย

            ด้วยกลอุบายและคำลวงของตันเต๋งเพียงเท่านี้ เมืองเสียวพ่ายก็ตกอยู่ในน้ำมือของโจโฉอย่างง่ายดายอีกเมืองหนึ่ง

            ฝ่ายลิโป้และตันก๋งเดินทัพมาเมืองเสียวพ่าย ครั้นใกล้จะถึงเขตเมืองเสียวพ่ายจึงได้พบกับกองทัพของโกสุ้นและเตียวเลี้ยวยกสวนมา โกสุ้นและเตียวเลี้ยวเห็นกองทัพลิโป้ยกมาจึงพากันเข้าไปหาลิโป้

            ลิโป้เห็นโกสุ้นและเตียวเลี้ยวก็กริ่งใจว่าคงเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น จึงกล่าวกับโกสุ้นว่าเราให้ท่านและเตียวเลี้ยวอยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย เหตุไฉนจึงทิ้งเมืองยกทหารมาที่นี่

            โกสุ้นและเตียวเลี้ยวได้ยินคำลิโป้ก็ตกใจ จึงเล่าความที่ตันเต๋งมาแจ้งข่าวให้ลิโป้ทราบทุกประการ ลิโป้ได้ทราบความตลอดแล้วก็โกรธตันกุ๋ย ตันเต๋ง สองพ่อลูกเป็นอันมาก ลั่นปากว่าจะต้องตัดศีรษะสองพ่อลูกนี้แล้วสับร่างให้ละเอียดมิให้กากลืนแค้นให้จงได้

            ลิโป้เสียเมืองชีจิ๋ว เสียด่านเสียวก๋วน จึงหวังจะมาตั้งหลักที่เมืองเสียวพ่ายทำการศึกกับโจโฉ แต่ครั้นต้องเสียเมืองเสียวพ่ายไปอีกเมืองหนึ่งและเห็นว่าเมืองเสียวพ่ายเป็นเมืองเล็ก ทหารโจโฉอยู่รักษาเมืองไม่มากนัก จึงคิดจะยึดเมืองเสียวพ่าย ดังนั้นลิโป้จึงสั่งทหารให้เคลื่อนทัพไปที่เมืองเสียวพ่าย

            ลิโป้เห็นทหารในเมืองเสียวพ่ายรักษากำแพงเชิงเทินแน่นหนาและธงที่ปักไว้ตามกำแพงเมืองซึ่งแสดงว่าเป็นกองทัพของโจโฉได้ยึดเมืองเสียวพ่ายไว้แล้วก็โกรธ ครั้นเข้าไปใกล้กำแพงเมืองเห็นตันเต๋งยืนอยู่บนเชิงเทิน ลิโป้จึงร้องด่าตันเต๋งว่าทั้งตันกุ๋ยและตันเต๋งสองพ่อลูกเป็นคนเนรคุณ สู้อุตส่าห์อุปถัมภ์ค้ำชูเลี้ยงดูอย่างเต็มที่ สิกลับมาทรยศหักหลัง

            ตันเต๋งได้ยินลิโป้ด่าว่าเช่นนั้นจึงลำเลิกบุญคุณเอากับลิโป้ว่า ตัวท่านนี้เจรจาหามีความละอายต่อฟ้าดินไม่ เพราะตัวเรานั้นไม่ใช่ข้าของท่าน หากเป็นข้าในแผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้ เราสิกลับทำคุณไว้กับท่าน จำไม่ได้หรือว่าเมื่อครั้งที่อ้วนสุดยกกองทัพใหญ่มาจะกำจัดท่านนั้น ก็ได้อาศัยความคิดเราสองพ่อลูกจึงรอดจากความตายมาได้ ไฉนจึงมาตู่ว่าเราทรยศ

            ลิโป้ได้ฟังตันเต๋งด่าตอบมาเช่นนั้นก็โกรธ สั่งทหารให้หักเข้าตีเมืองเสียวพ่าย

            ในขณะที่กองทัพลิโป้กำลังเข้าตีเมืองเสียวพ่ายอยู่นั้น เตียวหุยซึ่งแตกทัพหนีมาตั้งหลักอยู่ ณ เขาบองเอี๊ยงสัน ได้ทราบความว่าลิโป้เสียกลความคิดตันเต๋งและกำลังยกเข้าตีเมืองเสียวพ่าย จึงรีบพาทหารมาเพื่อจะล้างแค้นลิโป้ ครั้นเห็นทหารลิโป้กำลังเข้าตีเมือง เตียวหุยจึงสั่งทหารให้ตีตลบหลังกองทัพลิโป้

            ลิโป้กำลังคุมทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่ายเห็นทหารในแนวหลังแตกตื่นอลหม่านก็เข้าใจว่าต้องกลโจโฉก็ตกใจ จึงสั่งให้ถอยทหารออกมา เห็นเตียวหุยนำทหารตีตลบหลังอยู่จึงสั่งให้โกสุ้นเข้ารบด้วยเตียวหุย

            ลิโป้เห็นโกสุ้นรบกับเตียวหุยได้ห้าเพลงมีทีท่าว่าจะเสียทีแก่เตียวหุย จึงชักม้าเข้าไปช่วยโกสุ้น
ในขณะที่ลิโป้และโกสุ้นรบอยู่กับเตียวหุยนั้น พอดีโจโฉซึ่งได้ทราบข่าวว่าลิโป้เสียเมืองชีจิ๋วให้แก่บิต๊กและตันกุ๋ยแล้วก็หมดห่วงการข้างเมืองชีจิ๋ว รีบยกทหารตามลิโป้มาเมืองเสียวพ่าย ครั้นเห็นลิโป้กับเตียวหุยรบติดพันกันอยู่ โจโฉจึงสั่งทหารให้เข้าล้อมลิโป้ไว้

            ลิโป้เห็นดังนั้นก็ตกใจรีบผละม้าออกจากการรบกับเตียวหุย แล้วตีฝ่าทหารของโจโฉหนีออกไป เตียวหุยเห็นได้ทีก็ขับม้าไล่ตามลิโป้ไป

            ในขณะเดียวกันนั้น กวนอูซึ่งแตกทัพและพาทหารไปซ่องสุมอยู่ ณ เมืองไฮจิ๋ว ได้ทราบว่าลิโป้เสียเมืองชีจิ๋วและด่านเสียวก๋วนกำลังยกมาตีเมืองเสียวพ่าย จึงรีบยกทหารจะมาล้างแค้นลิโป้ จึงพบกับลิโป้ซึ่งกำลังขับม้าหนีเตียวหุย กวนอูจึงชักม้าเข้าสกัดลิโป้ไว้

            ขณะที่ลิโป้กำลังรบกับกวนอูอยู่นั้น เตียวหุยก็ไล่ตามมาทัน ลิโป้เกรงว่าจะสู้ไม่ได้จึงรีบชักม้าหนี แล้วพาทหารที่แตกติดตามมานั้นยกไปเมืองแห้ฝือ แล้วสั่งทหารให้เตรียมพร้อม ให้รักษาเชิงเทินค่ายคูประตูหอรบเตรียมรับศึกกับโจโฉต่อไป

            กวนอู เตียวหุย พบกันก็มีความยินดี ต่างคนต่างเข้าสวมกอดแล้วร้องไห้ ถามความถึงเล่าปี่จากกันและกัน เตียวหุยจึงว่าบัดนี้ได้ทราบข่าวเล่าปี่พี่เราว่าได้เข้าด้วยโจโฉแล้ว และโจโฉได้ยกกองทัพมาเมืองเสียวพ่าย คาดว่าพี่เราคงจะติดตามมาในกองทัพด้วย จึงชวนกันไปหาเล่าปี่ที่กองทัพโจโฉ

            เล่าปี่เมื่อได้ทราบว่ากวนอู และเตียวหุยมาหาก็ดีใจรีบวิ่งออกจากค่ายมารับน้องร่วมสาบานทั้งสองคน  ต่างคนต่างสวมกอดด้วยความดีใจแล้วเล่าความที่พลัดพรากจนกระทั่งมาพบกันสู่กันฟัง แล้วพากันเข้าไปหาโจโฉ

            โจโฉครั้นได้เมืองเสียวพ่ายแล้วจึงให้ยกทัพไปเมืองชีจิ๋ว เพื่อเตรียมเป็นฐานกำลังที่จะยกไปตีลิโป้ที่เมืองแห้ฝือต่อไป

            ฝ่ายบิต๊กและตันกุ๋ยครั้นทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาเมืองชีจิ๋วก็พาบรรดาขุนนางเมืองชีจิ๋วออกไปรับโจโฉที่นอกเมือง แล้วเชิญเข้าไปในเมืองชีจิ๋ว มอบอำนาจว่าราชการเมืองให้แก่โจโฉ และรายงานการศึกที่ผ่านมาให้โจโฉทราบ

            โจโฉทราบความแล้วมีความยินดียิ่งนัก สั่งให้ปูนบำเหน็จแก่ขุนนาง และแม่ทัพนายกองเมืองชีจิ๋วถ้วนหน้ากัน และให้จัดงานเลี้ยงขอบคุณบรรดาแม่ทัพนายกองที่ได้กรากกรำทำศึกจนยึดด่านเสียวก๋วน เมืองชีจิ๋ว และเมืองเสียวพ่ายได้

            ครั้นเสร็จงานเลี้ยงแล้วบิต๊กจึงเข้าไปหาเล่าปี่ เล่าเนื้อความที่ลิโป้ยึดเมืองเสียวพ่ายแล้วส่งครอบครัวของเล่าปี่มาไว้ที่เมืองชีจิ๋วและเหตุการณ์ถึงขณะที่โจโฉยกมาเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่ทราบทุกประการ

            เล่าปี่ทราบว่าครอบครัวปลอดภัยดีทุกประการก็มีความยินดี แล้วกระทำคารวะขอบคุณบิต๊กที่ได้คิดอ่านป้องกันรักษาครอบครัวให้ปลอดภัย และยังยึดเมืองชีจิ๋วกลับคืนได้อีกครั้งหนึ่ง

            ฝ่ายตันเต๋งเมื่อกลับมาถึงเมืองชีจิ๋วได้เข้าไปเยี่ยมตันกุ๋ยผู้บิดา เล่าความทั้งปวงให้ตันกุ๋ยทราบ แล้วสองพ่อลูกจึงพากันเข้าไปหาโจโฉ

            โจโฉทราบว่าตันกุ๋ย ตันเต๋งมาพบก็มีความยินดี สั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงสองพ่อลูกที่จวน แล้วว่าท่านทั้งสองได้ทำความชอบไว้กับแผ่นดินครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ศัตรูของแผ่นดินจึงพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน ดังนั้นเราจะปูนบำเหน็จความชอบให้แก่ท่านโดยจะยกหัวเมืองตะวันออกสิบหัวเมืองให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของตันกุ๋ย ส่วนตันเต๋งนั้นขอแต่งตั้งให้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายทหารในตำแหน่งรองเสนาธิการ

            ครั้นจัดแจงการข้างในเมืองชีจิ๋วเป็นปกติแล้ว โจโฉจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง ปรึกษาว่าจะยกกองทัพไปตีเมืองแห้ฝือกำจัดลิโป้ให้เสร็จสิ้นเสียในครั้งนี้

            เทียหยกที่ปรึกษาจึงเสนอว่า ลิโป้เสียทีแก่ท่านแตกไปอยู่เมืองแห้ฝือครั้งนี้จึงเปรียบประดุจดั่งสุนัขจนตรอก ด้านหนึ่งคงจะทำการต่อสู้กับท่านอย่างไม่คิดชีวิต อีกด้านหนึ่งคงจะหันไปคืนดีกับอ้วนสุด หากลิโป้เสียทีก็คงจะหนีไปหาอ้วนสุด หรือหากลิโป้กับอ้วนสุดคืนดีกันสำเร็จ อ้วนสุดก็อาจยกกองทัพมาช่วยลิโป้  นอกจากนี้ทหารกลุ่มสี่นายโจรที่แตกทัพไปยังไม่ทราบความแน่ชัดว่าไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในที่ใด เกรงว่าจะยกกลับมาตีเมืองชีจิ๋ว หรือไม่ก็ยึดด่านเสียวก๋วนคืน จึงต้องคิดอ่านป้องกันทางเสียไว้ให้บริบูรณ์ก่อนจึงคิดทางได้

            โจโฉจึงว่าท่านมีความคิดเห็นประการใดจงว่ามาให้แจ้งเถิด

            เทียหยกจึงเสนอว่า ขอให้ท่านจัดทหารไปตั้งค่ายอยู่ที่ปากทางไปเมืองห้วยหนำ ป้องกันมิให้อ้วนสุดกับลิโป้ไปมาถึงกันได้ทางหนึ่ง  ส่วนทางด้านนี้ขอเสนอให้ท่านติดตามปราบสี่นายโจรให้ราบคาบเสียก่อนแล้วจึงค่อยยกไปกำจัดลิโป้

            โจโฉเห็นชอบกับแผนการของเทียหยก จึงมอบหมายหน้าที่แก่เล่าปี่ให้นำทหารยกไปตั้งค่ายไว้ที่ปากทางที่จะไปเมืองห้วยหนำ ให้คิดอ่านป้องกันมิให้อ้วนสุดกับลิโป้ไปมาถึงกันได้

            เล่าปี่รับมอบหมายหน้าที่แล้วจึงสั่งให้บิต๊กและตันหยงอยู่เมืองชีจิ๋วดูแลครอบครัว ส่วนตัวเล่าปี่พากวนอู เตียวหุย และซุนเขียน พร้อมทหารยกออกจากเมืองชีจิ๋วไปตั้งค่ายมั่นไว้ที่ปากทางไปเมืองห้วยหนำ

            ฝ่ายลิโป้ครั้นแตกทัพและยกมาอยู่เมืองแห้ฝือแล้ว ก็สั่งทหารให้เตรียมการรับศึกกับโจโฉโดยใช้วิธีตั้งรับอยู่ในเมือง และอาศัยคูเมืองซึ่งทั้งกว้าง ทั้งลึกเป็นปราการชั้นนอกรับมือกับกองทัพของโจโฉ

            ครั้นโจโฉยกกองทัพล่วงเขตแดนเมืองแห้ฝือเข้ามา ทหารลาดตระเวนจึงเข้าไปรายงานให้ลิโป้ทราบ ตันก๋งซึ่งอยู่ในที่นั้นด้วยจึงเสนอความเห็นว่าโจโฉยกทหารรีบเดินทางมาเมืองแห้ฝือ ทหารกำลังอิดโรยอยู่ ดังนั้นขอให้ลิโป้จัดทหารออกไปตีกองทัพของโจโฉมิให้ทันตั้งตัว

            ข้อเสนอของตันก๋งครั้งนี้เป็นข้อเสนอที่ตั้งอยู่บนรากฐานความคิดเช่นเดียวกับที่เคยเสนอแก่ลิโป้เมื่อครั้งทำศึกกับโจโฉที่เขตเขาไทสันในตอนแรกเริ่มของสงครามระหว่างลิโป้กับโจโฉ ซึ่งครั้งนั้นลิโป้ปฏิเสธข้อเสนอโดยอ้างว่าวิสัยชายชาติทหารไม่ต้องการเอาเปรียบข้าศึก รอให้โจโฉตั้งค่ายให้เสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วค่อยทำศึกต่อกัน ซึ่งนับว่าเป็นความคิดที่โง่บัดซบที่สุดในการทำศึกสงคราม เพราะในสงครามนั้นไม่มีธรรมะ มีแต่ชัยชนะเท่านั้น ลิโป้ยามปกติปกครองบ้านเมืองกลับไม่ถือธรรม แต่พอมาถึงการศึกสงครามกลับอ้างธรรมยุทธ์ ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เหมือนกับรัฐบาลเผด็จการทรราชย์ที่คำหนึ่งก็อ้างธรรมรัฐ คำหนึ่งก็อ้างธรรมาภิบาล คำหนึ่งก็อ้างประชาธิปไตย

            เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเดิม ตันก๋งอาศัยแนวทางความคิดเดิมเสนอลิโป้อย่างไร มาครั้งนี้ก็เสนออย่างนั้น ฝ่ายลิโป้เคยอาศัยแนวความคิดเดิมปฏิเสธข้อเสนอของตันก๋งอย่างไร มาครั้งนี้ก็ปฏิเสธอย่างนั้น จนกระทั่งกองทัพของโจโฉยกมาตั้งค่ายห่างจากกำแพงเมืองเพียงประมาณสามสิบเส้นแล้วเสร็จ

            โจโฉตั้งค่ายเสร็จแล้วจึงพาทหารออกตรวจแนวกำแพงเมือง เห็นลิโป้ยืนอยู่บนเชิงเทินจึงว่ากับลิโป้ว่า “เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเป็นกบฏ ท่านคิดอ่านฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ท่านมีความชอบต่อแผ่นดินเป็นอันมาก บัดนี้ท่านมาคบคิดกับอ้วนสุดซึ่งเป็นกบฏต่อแผ่นดิน กิตติศัพท์ทั้งนี้รู้ขึ้นไปถึงเมืองฮูโต๋ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระพิโรธจึงให้เรายกทัพมา แม้ท่านมิได้คบคิดกับอ้วนสุด แลมีใจซื่อตรงต่อแผ่นดินอยู่ ก็เร่งออกมาหาเราโดยดี จะได้ช่วยแก้ไขกราบทูลเลี้ยงท่านเป็นขุนนางสืบไป ถ้าหากท่านไม่ออกมาหาเราโดยดี เมื่อเราตีเมืองได้แล้ว ท่านจึงจะแจ้งในโทษท่าน ซึ่งกระทำความผิดไว้แต่ก่อน”

            โจโฉได้กล่าวความใช้ชั้นเชิงทางจิตวิทยาลวงล่อลิโป้ให้ยอมจำนน ทั้ง ๆ ที่เจตจำนงแท้จริงในการยกกองทัพมาครั้งนี้คือการกำจัดลิโป้สถานเดียวเท่านั้น ลิโป้ไม่แจ้งในคำลวงของโจโฉ น้ำใจจึงโลเล โน้มไปในทางที่จะสวามิภักดิ์ จึงร้องตอบลงมาว่า “แม้มหาอุปราชกรุณาข้าพเจ้าแล้ว ก็ยกทหารกลับไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะหารือที่ปรึกษาทั้งปวงก่อน”.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร