ตอนที่ 95. คมอาวุธข้อมูลข่าวสาร
โจโฉคุมกองทัพสังเกตการรบระหว่างเคาทูกับสี่นายโจรอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นว่านายโจรทั้งสี่อ่อนกำลังลง จึงสั่งให้เคลื่อนกำลังบุกเข้าตีกองทหารของสี่นายโจร กองทัพของโจโฉได้รุกรบเข้าตีอย่างรวดเร็ว โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งตั้งตัวไม่ทัน
ทหารของโจโฉได้ตีฝ่าตะลุยเข้าไปในกองทหารของสี่นายโจรและฆ่าฟันทหารของสี่นายโจรบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พวกที่เหลือพากันตกใจแตกตื่น สี่นายโจรเห็นดังนั้นก็สั่งให้ทหารที่เหลือรีบถอยกลับเข้าไปในด่านเสียวก๋วน
โจโฉเห็นดังนั้นจึงให้ทหารตั้งค่ายประชิดด่านเสียวก๋วนไว้
ฝ่ายลิโป้ครั้นทราบว่าสี่นายโจรแพ้ศึกโจโฉต้องถอยกลับเข้าไปอยู่ในด่านก็หวั่นว่าโจโฉจะยกกองทัพไปยึดเมืองชีจิ๋ว จึงรีบยกทหารกลับไปเมืองชีจิ๋ว จัดแจงแต่งเมืองชีจิ๋วเตรียมรับศึกโจโฉ และให้ตันกุ๋ยเป็นผู้รักษาเมือง ตัวลิโป้เองจัดแจงทหารจำนวนมากจะยกไปด่านเสียวก๋วนเพื่อรับหน้าศึกโจโฉที่ด่านเสียวก๋วน
ในขณะที่ลิโป้เตรียมการจัดแจงทหารอยู่นั้น ตันเต๋งได้เข้าไปปรึกษากับตันกุ๋ยผู้บิดาว่า การที่โจโฉยกกองทัพใหญ่มาครั้งนี้เห็นว่าลิโป้คงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นมั่นคง เราสองพ่อลูกได้รับอาสาโจโฉทำการเป็นไส้ศึกอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว บัดนี้โอกาสทำการมาถึงแล้ว เพราะบิดาท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รักษาเมืองชีจิ๋ว เท่ากับเมืองชีจิ๋วใกล้ตกอยู่กับมือเราแล้ว ทั้งลิโป้ก็กำลังจะยกทหารไปรบกับโจโฉที่ด่านเสียวก๋วน ข้าพเจ้าจะตามไปในกองทัพของลิโป้ คิดอ่านให้ลิโป้เสียทีแก่โจโฉจงได้ และเมื่อนั้นลิโป้คงจะต้องยกทหารกลับมาเมืองชีจิ๋ว ขอให้บิดาท่านกับบิต๊กรักษาเมืองชีจิ๋วไว้อย่าให้ลิโป้กลับเข้าเมืองได้
ตันกุ๋ยได้ฟังความคิดของตันเต๋งจึงว่า ตัวเราก็มีความเห็นเช่นเดียวกับคำเจ้า แต่ทว่าในเมืองชีจิ๋วนี้ใช่ว่าจะมีแต่เรากับบิต๊กเท่านั้นก็หาไม่ หากยังมีทหารของลิโป้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก คงจะทำการไม่สะดวกสมกับความคิดของเจ้า
ตันเต๋งจึงว่าความข้อนี้ข้าพเจ้าได้คิดอ่านเตรียมการไว้แล้ว บิดาท่านอย่าได้กังวลเลย ตันกุ๋ยจึงถามว่าเจ้าคิดอ่านไว้ประการใด ตันเต๋งจึงไขว่าข้าพเจ้าจะวางแผนเสนอให้ลิโป้แบ่งทหารออกจากเมืองชีจิ๋วไปอยู่เสียที่อื่น ทำให้ทหารของลิโป้ในเมืองชีจิ๋วนี้เหลือน้อยลง บิดาท่านจะได้ทำการสะดวก ตันกุ๋ยได้ฟังดังนั้นก็ยินดี
ตันเต๋งลาบิดาแล้วจึงเข้าไปหาลิโป้ เมื่อลิโป้เห็นตันเต๋งมาพบก็ดีใจ แจ้งกับตันเต๋งว่าเราจะยกกองทัพไปตั้งรับศึกโจโฉที่ด่านเสียวก๋วน ท่านมาก็ดีแล้ว ขอให้ตามเราไปคิดอ่านรบกับโจโฉ
ตันเต๋งจึงเสนอว่าเมืองชีจิ๋วนี้เป็นเมืองหน้าศึก ดังนั้นโจโฉอาจยกกองทัพลอบวกเข้ามาตีเมืองชีจิ๋ว ครอบครัวของท่านอยู่ในเมืองนี้จะไม่ปลอดภัยอย่างหนึ่ง และจะทำให้ท่านห่วงหน้าพะวงหลังอีกอย่างหนึ่ง อันครอบครัวนั้นเปรียบประดุจกล่องดวงใจ สมควรที่จะต้องรักษาไว้ในที่อันปลอดภัย ท่านจึงจะทำการได้โดยสะดวก
ลิโป้จึงถามว่าท่านมีข้อเสนออันใดหรือ ตันเต๋งจึงว่าเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวท่าน ขอให้ท่านย้ายครอบครัวไปอยู่ที่เมืองแห้ฝือ แล้วนำเสบียงจำนวนหนึ่งแบ่งไปไว้ที่เมืองแห้ฝือนั้น และให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งไปรักษาเมือง ดังนั้นท่านก็จะทำการได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป แม้หากเมืองชีจิ๋วจะเสียทีแก่ข้าศึก ท่านก็จะใช้เมืองแห้ฝือเป็นฐานทัพทำการศึกกับโจโฉได้อีกต่อไป
ลิโป้ฟังข้อเสนอของตันเต๋งแล้วตรงกับความในใจของตัวที่ห่วงครอบครัวมากกว่าสิ่งอื่น จึงเห็นชอบกับความคิดของตันเต๋งนั้น แล้วสั่งให้ซงเหียนและงุยซกสองทหารเอกคุมครอบครัว เสบียงอาหาร และทหารไปอยู่เมืองแห้ฝือตามคำของตันเต๋ง ตัวลิโป้จัดแจงเรื่องทางครอบครัวเรียบร้อยแล้วจึงให้ยกทหารไปด่านเสียวก๋วน
ครั้นมาถึงกลางทางตันเต๋งจึงเสนอกับลิโป้ว่า ท่านยกมาครั้งนี้ยังไม่รู้ความนัยภายในด่านเสียวก๋วน ทั้งยังไม่รู้กำลังศึกว่ามาก น้อย แข็ง อ่อนประการใด จึงไม่ควรผลีผลามยกเข้าไปในด่าน หากควรต้องสืบสภาพความเป็นไปทั้งภายในด่านและสภาพความเป็นไปของข้าศึกให้กระจ่างเสียก่อน ดังนั้นจึงขอให้ท่านปลงทัพไว้ที่นี่ ส่วนตัวข้าพเจ้าจะอาสาไปสืบสภาพ แม้นได้ความประการใดจะได้รีบกลับมารายงานท่าน
ลิโป้เห็นด้วยกับข้อเสนอของตันเต๋งจึงให้หยุดทัพตั้งค่ายไว้ ตันเต๋งก็ลาลิโป้ไปที่ด่านเสียวก๋วน เข้าไปพบตันก๋งซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบรักษาด่านแล้วแจ้งว่าบัดนี้ลิโป้ได้ทราบความว่านายโจรทั้งสี่ที่เกลี้ยกล่อมไว้นั้นเสียทีแก่ข้าศึก โจโฉจึงยกทหารมาตั้งประชิดด่านไว้ได้ ลิโป้ไม่พอใจท่านที่ทำการเสียทีแก่ข้าศึก จึงยกมาหวังจะเอาโทษท่าน
ตันก๋งไม่คาดคิดว่าตันเต๋งกำลังทำศึกข่าวสารกับตัว จึงว่ากองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ข้าพเจ้าเห็นจะสู้กับโจโฉซึ่งหน้าไม่ได้ จึงตั้งหลักรับศึกอยู่ในด่าน การที่ลิโป้ทิ้งเมืองชีจิ๋วมาครั้งนี้ เมืองชีจิ๋วจะเป็นอันตราย ขอให้ท่านกลับไปแจ้งความแก่ลิโป้ให้รีบยกกลับไปรักษาเมืองชีจิ๋วไว้อย่าให้เสียแก่ข้าศึกได้
ตันเต๋งฟังคำตันก๋งก็พยักหน้า แล้วพากันขึ้นไปดูบนเชิงเทินเห็นกองทัพโจโฉตั้งประชิดอยู่ ลงมาจากเชิงเทินแล้วจึงลาตันก๋งไปที่พักซึ่งตันก๋งจัดไว้ให้
ค่ำลงตันเต๋งก็แต่งหนังสือเป็นใจความว่า บัดนี้ตันก๋งคิดตั้งรับศึกอยู่แต่ในด่านไม่ยอมออกรบ หวังรอกำลังกองทัพลิโป้ยกมาช่วย และลิโป้ได้เคลื่อนทัพออกจากเมืองชีจิ๋วแล้ว คงจะมาถึงเขตด่านเสียวก๋วนในค่ำวันพรุ่งนี้ ขอให้ท่านจัดทหารสังเกตการณ์และเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม ถ้าข้าพเจ้าเห็นการพร้อมแล้วก็จะจุดเพลิงขึ้นเป็นสัญญาณ เพลิงลุกขึ้นทางด้านใดก็ให้ท่านยกกำลังเข้าตีทางด้านนั้น แต่งหนังสือเสร็จแล้วจึงเอาหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปที่ค่ายของโจโฉ
ทหารของโจโฉเห็นลูกเกาทัณฑ์นำสารตกลงในค่ายก็นำเอาเกาทัณฑ์นำสารนั้นไปมอบแก่โจโฉ โจโฉได้อ่านหนังสือทราบความแล้วก็มีความยินดี
รุ่งขึ้นตันเต๋งจึงลาตันก๋งกลับออกไปหาลิโป้แล้วลวงลิโป้ว่า กองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้มีกำลังพลเป็นจำนวนมาก นายโจรทั้งสี่ซึ่งเข้าเกลี้ยกล่อมด้วยท่านนั้นไม่เต็มใจทำศึก เห็นทีจะเป็นใจออกห่างเข้าข้างด้วยโจโฉ ข้าพเจ้าจึงได้กำชับตันก๋งให้ระมัดระวังสี่นายโจร และให้ระมัดระวังรักษาด่านไว้ให้มั่นคงจนกว่าท่านจะยกทหารเข้าไปในด่านได้สำเร็จ ตันก๋งได้ฝากความมาว่ามีความวิตกในศึกครั้งนี้ เกรงว่าจะรับมือกองทัพโจโฉไม่ได้นาน จึงขอให้ท่านรีบยกไปให้ถึงด่านในวันนี้ จะได้ร่วมกันทำศึกกับโจโฉ
ลิโป้ได้ฟังตันเต๋งก็มีความยินดี แล้วปรึกษาว่าเวลานี้กองทัพโจโฉตั้งประชิดด่านเสียวก๋วนอยู่ หากเรายกกองทัพไปก็ยากที่จะเข้าไปในด่านได้ ดังนั้นจึงให้ท่านรีบกลับไปพบตันก๋งอีกครั้งหนึ่งให้เตรียมทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกกองทัพไปถึงด่านในค่ำวันนี้ ให้ตันก๋งเตรียมเปิดประตูเมืองรับกองทัพของเราด้วย
ตันเต๋งจึงว่าความคิดของท่านนี้รอบคอบถ้วนถี่ดีนัก แต่ว่าเมื่อท่านยกไปถึงด่านแล้ว เกรงว่าในด่านจะไม่ทราบความ ดังนั้นขอให้ถือไฟเป็นสัญญาณ เมื่อใดที่ในด่านพร้อมแล้วก็ให้จุดเพลิงขึ้น เมื่อท่านเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นในด่านก็ให้รีบยกทหารเข้าไป ลิโป้เห็นชอบตามข้อเสนอและให้ตันเต๋งรีบกลับเข้าไปในด่าน
ตันเต๋งลาลิโป้แล้วกลับไปที่ด่านเสียวก๋วน ขอพบตันก๋งแล้วแจ้งแก่ตันก๋งว่าทหารในด่านเสียวก๋วนนี้มีอยู่จำนวนน้อย คงจะรับมือโจโฉไม่ได้ ทั้งด่านเสียวก๋วนก็ไม่มีความสำคัญต่อการรับศึกโจโฉ ดังนั้นลิโป้จะยกกลับไปรักษาเมืองชีจิ๋วตามความเห็นของท่าน และให้ท่านรีบยกทหารตามลิโป้ไปเมืองชีจิ๋ว โดยให้ตีฝ่าออกไปในค่ำวันนี้
ตันก๋งสำคัญผิดคิดว่าคำลวงของตันเต๋งเป็นเรื่องจริงก็สั่งให้ทหารเตรียมการที่จะยกไปเมืองชีจิ๋ว ครั้นค่ำลงก็สั่งให้เปิดประตูด่านเพื่อจะยกไปเมืองชีจิ๋ว
ตันเต๋งได้ยินตันก๋งสั่งการให้ทหารเปิดประตูด่านเพื่อจะยกทหารออกไปก็ออกมาลอบจุดเพลิงขึ้น ฝ่ายลิโป้ยกกองทัพมาถึงใกล้ด่านเสียวก๋วนเห็นแสงเพลิงสว่างขึ้นจากในด่านก็เข้าใจว่าตันก๋งให้สัญญาณให้ยกทหารเข้าไปในเมืองได้ จึงนำทหารรีบยกจะเข้าไปในด่าน ในขณะนั้นตันก๋งก็ยกทหารออกมาจากด่าน ต่างฝ่ายต่างสำคัญว่าเป็นกองทัพของโจโฉ ทหารของทั้งสองฝ่ายจึงปะทะกัน บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก
ฝ่ายโจโฉเห็นแสงเพลิงสัญญาณตามคำของตันเต๋งจึงสั่งทหารให้เคลื่อนกำลังตีหักเข้าไปในด่าน นายโจรทั้งสี่ซึ่งรักษาด่านอยู่และไม่ทราบความที่ตันก๋งยกทหารจะกลับไปเมืองชีจิ๋ว เห็นเหตุการณ์จึงสั่งให้ทหารป้องกันด่านไว้ แต่ทหารของโจโฉเข้าไปในด่านได้ก่อนและทหารภายใต้บังคับบัญชาของสี่นายโจรกำลังตกใจแตกตื่นที่จู่ ๆ กองทัพโจโฉก็เคลื่อนเข้ามาในด่านได้ ก็พากันแตกหนีออกจากด่าน โจโฉจึงยึดด่านเสียวก๋วนได้โดยง่ายดาย
ทหารลิโป้และทหารตันก๋งเข้าใจผิดรบกันตั้งแต่ตอนกลางคืนจนสว่างขึ้นจึงเห็นหน้ากันถนัด ก็จำกันได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน ตันก๋งจึงเข้าไปหาลิโป้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลิโป้ทราบ ลิโป้ก็เล่าความให้ตันก๋งทราบ เมื่อความปรากฏขึ้นเช่นนี้ลิโป้และตันก๋งจึงรู้ว่าต้องกลอุบายของตันเต๋ง ลิโป้จึงสั่งให้กองทัพรีบเคลื่อนกลับไปเมืองชีจิ๋ว
ฝ่ายการข้างในเมืองชีจิ๋วนั้น เมื่อลิโป้ยกกองทัพไปแล้ว ตันกุ๋ยจึงไปหาบิต๊กเล่าความตามที่ได้วางแผนกับตันเต๋งให้บิต๊กทราบ บิต๊กได้ทราบความก็มีความยินดีจึงให้ประสานงานกับบรรดาขุนนางและแม่ทัพนายกองของเมืองชีจิ๋วที่ใกล้ชิดและเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเล่าปี่มาแต่ก่อน บรรดาขุนนางและแม่ทัพนายกองต่างก็มีความยินดีจึงพากันเข้าด้วยกับบิต๊กและยึดอำนาจการปกครองเมืองชีจิ๋วเอาไว้ได้
บิต๊กและตันกุ๋ยยึดอำนาจปกครองเมืองชีจิ๋วไว้แล้วก็สับเปลี่ยนกำลังทหารรักษาเชิงเทินและประตูเมืองเป็นทหารที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเล่าปี่มาแต่ก่อน และให้ทหารรักษาเชิงเทินประตูเมืองไว้ ตัวบิต๊กเองคอยตรวจตราบนเชิงเทินเพื่อเตรียมรับมือ หากว่าลิโป้แตกทัพกลับมา
ครั้นบิต๊กเห็นกองทัพลิโป้ยกกลับมาเมืองชีจิ๋ว ลิโป้นำทหารมาที่ประตูเมืองแล้วร้องเรียกให้เปิดประตูเมืองรับ บิต๊กจึงสั่งให้ทหารรักษาเชิงเทินยิงเกาทัณฑ์ใส่กองทหารของลิโป้ แล้วว่าเมืองชีจิ๋วนี้เป็นของเล่าปี่ หาใช่ของลิโป้ไม่ บัดนี้เมืองชีจิ๋วตกเป็นของเล่าปี่นายข้าพเจ้าแล้ว ท่านจงกลับไปเสียเถิด
ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็ตกใจถามบิต๊กว่าบัดนี้ตันกุ๋ยอยู่ที่ไหน บิต๊กจึงลวงลิโป้ว่าเราจับ ตันกุ๋ยประหารเสียแล้ว ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็หันมาถามตันก๋งว่าบัดนี้ตันเต๋งอยู่ที่ไหน
ตันก๋งจึงว่าสถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้วท่านยังจะมาถามหาไอ้กบฏไปใยกัน ลิโป้สงสัยจึงให้ตรวจในกองทหารก็ไม่พบตัวตันเต๋ง จึงปรึกษาตันก๋งว่าจะคิดอ่านประการใด
ตันก๋งจึงว่าท่านยกหนีมาครั้งนี้โจโฉคงยกตามมา ดังนั้นหากจะคิดหักเอาเมืองชีจิ๋วคงจะไม่สำเร็จในเร็ววัน ครั้นโจโฉยกมาถึงเราก็จะตกอยู่ท่ามกลางศึกกระหนาบ เห็นขัดสนนักขอให้ท่านยกไปเมืองเสียวพ่าย ซึ่งโกสุ้นและเตียวเลี้ยวอยู่รักษาเมืองนั้นเถิด แล้วค่อยคิดอ่านต่อไป ลิโป้ฟังข้อเสนอของตันก๋งแล้วเห็นด้วย จึงสั่งให้เคลื่อนกองทัพจะไปเมืองเสียวพ่าย
ฝ่ายตันเต๋งครั้นได้จุดเพลิงให้สัญญาณแล้ว เห็นทหารของลิโป้กับตันก๋งรบพุ่งกันก็รีบขึ้นม้าออกจากเมืองชีจิ๋ว ไปเมืองเสียวพ่าย
ตันเต๋งและตันกุ๋ยสองพ่อลูกถูกโจโฉใช้ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองชีจิ๋ว ได้ใช้คมอาวุธแห่งปัญญาประกอบเข้ากับการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร สร้างความสับสนและเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นในกองทัพของลิโป้ จนลิโป้ต้องเสียด่านเสียวก๋วน และเสียทั้งเมืองชีจิ๋วให้แก่โจโฉอย่างง่ายดาย นี่คืออานุภาพของอาวุธแห่งข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกในสามก๊ก โดยความคิดและน้ำมือของตันเต๋ง
ตันก๋งเองแม้มีสติปัญญา กระจ่างแจ้งในกลศึกทุกกระบวน ทั้งไม่วางใจตันกุ๋ย ตันเต๋งมาแต่ต้น แต่มาครั้งนี้เมื่ออยู่หน้าศึกภยาคติได้ครอบงำความคิดและสติปัญญา ทำให้ไม่เฉลียวใจในกลอุบายของตันเต๋ง และยังหลงเชื่อด้วยคาดคิดว่าตันเต๋งยังทำการอยู่ด้วยลิโป้ จึงพลาดพลั้งเสียทีครั้งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้
อันการสงครามนั้น การใช้จารชนหรือไส้ศึกนับเป็นเรื่องสำคัญซึ่งซุนหวู่ได้รจนาในบรรพที่ 13 ว่า
“ราชาผู้ทรงธรรมและขุนพลผู้หลักแหลม เมื่อถึงคราวทำศึกก็จะชนะ ทั้งได้รับผลสำเร็จเป็นเยี่ยมกว่าบุคคลอื่นนั้นก็เนื่องจากสืบรู้ความนัยของข้าศึกก่อนนั่นเอง
การที่จะล่วงรู้ถึงความนัยของข้าศึกนั้นจงอย่าถือเอาจากภูตพราย หรือเทพยดาอารักษ์ อย่าคาดคะเนจากปรากฎการณ์หรือลางเหตุเพียงผิวเผิน อย่าพิสูจน์จากมุมฉากโคจรแห่งวิถีดาวเดือน จำเป็นต้องรู้จากบุคคลจึงจะนับว่ารู้ความนัยของข้าศึกอย่างแท้จริง
จึ่งหากมิใช่ผู้ที่ทรงสติปัญญาปราดเปรื่องยิ่ง ไม่อาจใช้จารชน มิใช่ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาการุณยธรรมไม่อาจบัญชาจารชน และหากมิใช่ผู้ที่ละเอียดสุขุมคัมภีรภาพประดุจมีญาณวิเศษ จักไม่อาจถึงซึ่งสารัตถะประโยชน์ในจารกรรมได้
เพราะฉะนั้นราชาผู้ทรงธรรมและขุนพลผู้หลักแหลมสามารถใช้ผู้ทรงปัญญาชั้นเลิศทำหน้าที่จารกรรมย่อมสัมฤทธิ์ผลยิ่งใหญ่ นี่เป็นหลักสำคัญของการทำศึกด้วยเหตุว่ากองทัพได้อาศัยรหัสนั้น ๆ เป็นแนวทางในการทำศึกแล.”
ทหารของโจโฉได้ตีฝ่าตะลุยเข้าไปในกองทหารของสี่นายโจรและฆ่าฟันทหารของสี่นายโจรบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พวกที่เหลือพากันตกใจแตกตื่น สี่นายโจรเห็นดังนั้นก็สั่งให้ทหารที่เหลือรีบถอยกลับเข้าไปในด่านเสียวก๋วน
โจโฉเห็นดังนั้นจึงให้ทหารตั้งค่ายประชิดด่านเสียวก๋วนไว้
ฝ่ายลิโป้ครั้นทราบว่าสี่นายโจรแพ้ศึกโจโฉต้องถอยกลับเข้าไปอยู่ในด่านก็หวั่นว่าโจโฉจะยกกองทัพไปยึดเมืองชีจิ๋ว จึงรีบยกทหารกลับไปเมืองชีจิ๋ว จัดแจงแต่งเมืองชีจิ๋วเตรียมรับศึกโจโฉ และให้ตันกุ๋ยเป็นผู้รักษาเมือง ตัวลิโป้เองจัดแจงทหารจำนวนมากจะยกไปด่านเสียวก๋วนเพื่อรับหน้าศึกโจโฉที่ด่านเสียวก๋วน
ในขณะที่ลิโป้เตรียมการจัดแจงทหารอยู่นั้น ตันเต๋งได้เข้าไปปรึกษากับตันกุ๋ยผู้บิดาว่า การที่โจโฉยกกองทัพใหญ่มาครั้งนี้เห็นว่าลิโป้คงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นมั่นคง เราสองพ่อลูกได้รับอาสาโจโฉทำการเป็นไส้ศึกอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว บัดนี้โอกาสทำการมาถึงแล้ว เพราะบิดาท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รักษาเมืองชีจิ๋ว เท่ากับเมืองชีจิ๋วใกล้ตกอยู่กับมือเราแล้ว ทั้งลิโป้ก็กำลังจะยกทหารไปรบกับโจโฉที่ด่านเสียวก๋วน ข้าพเจ้าจะตามไปในกองทัพของลิโป้ คิดอ่านให้ลิโป้เสียทีแก่โจโฉจงได้ และเมื่อนั้นลิโป้คงจะต้องยกทหารกลับมาเมืองชีจิ๋ว ขอให้บิดาท่านกับบิต๊กรักษาเมืองชีจิ๋วไว้อย่าให้ลิโป้กลับเข้าเมืองได้
ตันกุ๋ยได้ฟังความคิดของตันเต๋งจึงว่า ตัวเราก็มีความเห็นเช่นเดียวกับคำเจ้า แต่ทว่าในเมืองชีจิ๋วนี้ใช่ว่าจะมีแต่เรากับบิต๊กเท่านั้นก็หาไม่ หากยังมีทหารของลิโป้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก คงจะทำการไม่สะดวกสมกับความคิดของเจ้า
ตันเต๋งจึงว่าความข้อนี้ข้าพเจ้าได้คิดอ่านเตรียมการไว้แล้ว บิดาท่านอย่าได้กังวลเลย ตันกุ๋ยจึงถามว่าเจ้าคิดอ่านไว้ประการใด ตันเต๋งจึงไขว่าข้าพเจ้าจะวางแผนเสนอให้ลิโป้แบ่งทหารออกจากเมืองชีจิ๋วไปอยู่เสียที่อื่น ทำให้ทหารของลิโป้ในเมืองชีจิ๋วนี้เหลือน้อยลง บิดาท่านจะได้ทำการสะดวก ตันกุ๋ยได้ฟังดังนั้นก็ยินดี
ตันเต๋งลาบิดาแล้วจึงเข้าไปหาลิโป้ เมื่อลิโป้เห็นตันเต๋งมาพบก็ดีใจ แจ้งกับตันเต๋งว่าเราจะยกกองทัพไปตั้งรับศึกโจโฉที่ด่านเสียวก๋วน ท่านมาก็ดีแล้ว ขอให้ตามเราไปคิดอ่านรบกับโจโฉ
ตันเต๋งจึงเสนอว่าเมืองชีจิ๋วนี้เป็นเมืองหน้าศึก ดังนั้นโจโฉอาจยกกองทัพลอบวกเข้ามาตีเมืองชีจิ๋ว ครอบครัวของท่านอยู่ในเมืองนี้จะไม่ปลอดภัยอย่างหนึ่ง และจะทำให้ท่านห่วงหน้าพะวงหลังอีกอย่างหนึ่ง อันครอบครัวนั้นเปรียบประดุจกล่องดวงใจ สมควรที่จะต้องรักษาไว้ในที่อันปลอดภัย ท่านจึงจะทำการได้โดยสะดวก
ลิโป้จึงถามว่าท่านมีข้อเสนออันใดหรือ ตันเต๋งจึงว่าเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวท่าน ขอให้ท่านย้ายครอบครัวไปอยู่ที่เมืองแห้ฝือ แล้วนำเสบียงจำนวนหนึ่งแบ่งไปไว้ที่เมืองแห้ฝือนั้น และให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งไปรักษาเมือง ดังนั้นท่านก็จะทำการได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป แม้หากเมืองชีจิ๋วจะเสียทีแก่ข้าศึก ท่านก็จะใช้เมืองแห้ฝือเป็นฐานทัพทำการศึกกับโจโฉได้อีกต่อไป
ลิโป้ฟังข้อเสนอของตันเต๋งแล้วตรงกับความในใจของตัวที่ห่วงครอบครัวมากกว่าสิ่งอื่น จึงเห็นชอบกับความคิดของตันเต๋งนั้น แล้วสั่งให้ซงเหียนและงุยซกสองทหารเอกคุมครอบครัว เสบียงอาหาร และทหารไปอยู่เมืองแห้ฝือตามคำของตันเต๋ง ตัวลิโป้จัดแจงเรื่องทางครอบครัวเรียบร้อยแล้วจึงให้ยกทหารไปด่านเสียวก๋วน
ครั้นมาถึงกลางทางตันเต๋งจึงเสนอกับลิโป้ว่า ท่านยกมาครั้งนี้ยังไม่รู้ความนัยภายในด่านเสียวก๋วน ทั้งยังไม่รู้กำลังศึกว่ามาก น้อย แข็ง อ่อนประการใด จึงไม่ควรผลีผลามยกเข้าไปในด่าน หากควรต้องสืบสภาพความเป็นไปทั้งภายในด่านและสภาพความเป็นไปของข้าศึกให้กระจ่างเสียก่อน ดังนั้นจึงขอให้ท่านปลงทัพไว้ที่นี่ ส่วนตัวข้าพเจ้าจะอาสาไปสืบสภาพ แม้นได้ความประการใดจะได้รีบกลับมารายงานท่าน
ลิโป้เห็นด้วยกับข้อเสนอของตันเต๋งจึงให้หยุดทัพตั้งค่ายไว้ ตันเต๋งก็ลาลิโป้ไปที่ด่านเสียวก๋วน เข้าไปพบตันก๋งซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบรักษาด่านแล้วแจ้งว่าบัดนี้ลิโป้ได้ทราบความว่านายโจรทั้งสี่ที่เกลี้ยกล่อมไว้นั้นเสียทีแก่ข้าศึก โจโฉจึงยกทหารมาตั้งประชิดด่านไว้ได้ ลิโป้ไม่พอใจท่านที่ทำการเสียทีแก่ข้าศึก จึงยกมาหวังจะเอาโทษท่าน
ตันก๋งไม่คาดคิดว่าตันเต๋งกำลังทำศึกข่าวสารกับตัว จึงว่ากองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ข้าพเจ้าเห็นจะสู้กับโจโฉซึ่งหน้าไม่ได้ จึงตั้งหลักรับศึกอยู่ในด่าน การที่ลิโป้ทิ้งเมืองชีจิ๋วมาครั้งนี้ เมืองชีจิ๋วจะเป็นอันตราย ขอให้ท่านกลับไปแจ้งความแก่ลิโป้ให้รีบยกกลับไปรักษาเมืองชีจิ๋วไว้อย่าให้เสียแก่ข้าศึกได้
ตันเต๋งฟังคำตันก๋งก็พยักหน้า แล้วพากันขึ้นไปดูบนเชิงเทินเห็นกองทัพโจโฉตั้งประชิดอยู่ ลงมาจากเชิงเทินแล้วจึงลาตันก๋งไปที่พักซึ่งตันก๋งจัดไว้ให้
ค่ำลงตันเต๋งก็แต่งหนังสือเป็นใจความว่า บัดนี้ตันก๋งคิดตั้งรับศึกอยู่แต่ในด่านไม่ยอมออกรบ หวังรอกำลังกองทัพลิโป้ยกมาช่วย และลิโป้ได้เคลื่อนทัพออกจากเมืองชีจิ๋วแล้ว คงจะมาถึงเขตด่านเสียวก๋วนในค่ำวันพรุ่งนี้ ขอให้ท่านจัดทหารสังเกตการณ์และเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม ถ้าข้าพเจ้าเห็นการพร้อมแล้วก็จะจุดเพลิงขึ้นเป็นสัญญาณ เพลิงลุกขึ้นทางด้านใดก็ให้ท่านยกกำลังเข้าตีทางด้านนั้น แต่งหนังสือเสร็จแล้วจึงเอาหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปที่ค่ายของโจโฉ
ทหารของโจโฉเห็นลูกเกาทัณฑ์นำสารตกลงในค่ายก็นำเอาเกาทัณฑ์นำสารนั้นไปมอบแก่โจโฉ โจโฉได้อ่านหนังสือทราบความแล้วก็มีความยินดี
รุ่งขึ้นตันเต๋งจึงลาตันก๋งกลับออกไปหาลิโป้แล้วลวงลิโป้ว่า กองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้มีกำลังพลเป็นจำนวนมาก นายโจรทั้งสี่ซึ่งเข้าเกลี้ยกล่อมด้วยท่านนั้นไม่เต็มใจทำศึก เห็นทีจะเป็นใจออกห่างเข้าข้างด้วยโจโฉ ข้าพเจ้าจึงได้กำชับตันก๋งให้ระมัดระวังสี่นายโจร และให้ระมัดระวังรักษาด่านไว้ให้มั่นคงจนกว่าท่านจะยกทหารเข้าไปในด่านได้สำเร็จ ตันก๋งได้ฝากความมาว่ามีความวิตกในศึกครั้งนี้ เกรงว่าจะรับมือกองทัพโจโฉไม่ได้นาน จึงขอให้ท่านรีบยกไปให้ถึงด่านในวันนี้ จะได้ร่วมกันทำศึกกับโจโฉ
ลิโป้ได้ฟังตันเต๋งก็มีความยินดี แล้วปรึกษาว่าเวลานี้กองทัพโจโฉตั้งประชิดด่านเสียวก๋วนอยู่ หากเรายกกองทัพไปก็ยากที่จะเข้าไปในด่านได้ ดังนั้นจึงให้ท่านรีบกลับไปพบตันก๋งอีกครั้งหนึ่งให้เตรียมทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกกองทัพไปถึงด่านในค่ำวันนี้ ให้ตันก๋งเตรียมเปิดประตูเมืองรับกองทัพของเราด้วย
ตันเต๋งจึงว่าความคิดของท่านนี้รอบคอบถ้วนถี่ดีนัก แต่ว่าเมื่อท่านยกไปถึงด่านแล้ว เกรงว่าในด่านจะไม่ทราบความ ดังนั้นขอให้ถือไฟเป็นสัญญาณ เมื่อใดที่ในด่านพร้อมแล้วก็ให้จุดเพลิงขึ้น เมื่อท่านเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นในด่านก็ให้รีบยกทหารเข้าไป ลิโป้เห็นชอบตามข้อเสนอและให้ตันเต๋งรีบกลับเข้าไปในด่าน
ตันเต๋งลาลิโป้แล้วกลับไปที่ด่านเสียวก๋วน ขอพบตันก๋งแล้วแจ้งแก่ตันก๋งว่าทหารในด่านเสียวก๋วนนี้มีอยู่จำนวนน้อย คงจะรับมือโจโฉไม่ได้ ทั้งด่านเสียวก๋วนก็ไม่มีความสำคัญต่อการรับศึกโจโฉ ดังนั้นลิโป้จะยกกลับไปรักษาเมืองชีจิ๋วตามความเห็นของท่าน และให้ท่านรีบยกทหารตามลิโป้ไปเมืองชีจิ๋ว โดยให้ตีฝ่าออกไปในค่ำวันนี้
ตันก๋งสำคัญผิดคิดว่าคำลวงของตันเต๋งเป็นเรื่องจริงก็สั่งให้ทหารเตรียมการที่จะยกไปเมืองชีจิ๋ว ครั้นค่ำลงก็สั่งให้เปิดประตูด่านเพื่อจะยกไปเมืองชีจิ๋ว
ตันเต๋งได้ยินตันก๋งสั่งการให้ทหารเปิดประตูด่านเพื่อจะยกทหารออกไปก็ออกมาลอบจุดเพลิงขึ้น ฝ่ายลิโป้ยกกองทัพมาถึงใกล้ด่านเสียวก๋วนเห็นแสงเพลิงสว่างขึ้นจากในด่านก็เข้าใจว่าตันก๋งให้สัญญาณให้ยกทหารเข้าไปในเมืองได้ จึงนำทหารรีบยกจะเข้าไปในด่าน ในขณะนั้นตันก๋งก็ยกทหารออกมาจากด่าน ต่างฝ่ายต่างสำคัญว่าเป็นกองทัพของโจโฉ ทหารของทั้งสองฝ่ายจึงปะทะกัน บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก
ฝ่ายโจโฉเห็นแสงเพลิงสัญญาณตามคำของตันเต๋งจึงสั่งทหารให้เคลื่อนกำลังตีหักเข้าไปในด่าน นายโจรทั้งสี่ซึ่งรักษาด่านอยู่และไม่ทราบความที่ตันก๋งยกทหารจะกลับไปเมืองชีจิ๋ว เห็นเหตุการณ์จึงสั่งให้ทหารป้องกันด่านไว้ แต่ทหารของโจโฉเข้าไปในด่านได้ก่อนและทหารภายใต้บังคับบัญชาของสี่นายโจรกำลังตกใจแตกตื่นที่จู่ ๆ กองทัพโจโฉก็เคลื่อนเข้ามาในด่านได้ ก็พากันแตกหนีออกจากด่าน โจโฉจึงยึดด่านเสียวก๋วนได้โดยง่ายดาย
ทหารลิโป้และทหารตันก๋งเข้าใจผิดรบกันตั้งแต่ตอนกลางคืนจนสว่างขึ้นจึงเห็นหน้ากันถนัด ก็จำกันได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน ตันก๋งจึงเข้าไปหาลิโป้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลิโป้ทราบ ลิโป้ก็เล่าความให้ตันก๋งทราบ เมื่อความปรากฏขึ้นเช่นนี้ลิโป้และตันก๋งจึงรู้ว่าต้องกลอุบายของตันเต๋ง ลิโป้จึงสั่งให้กองทัพรีบเคลื่อนกลับไปเมืองชีจิ๋ว
ฝ่ายการข้างในเมืองชีจิ๋วนั้น เมื่อลิโป้ยกกองทัพไปแล้ว ตันกุ๋ยจึงไปหาบิต๊กเล่าความตามที่ได้วางแผนกับตันเต๋งให้บิต๊กทราบ บิต๊กได้ทราบความก็มีความยินดีจึงให้ประสานงานกับบรรดาขุนนางและแม่ทัพนายกองของเมืองชีจิ๋วที่ใกล้ชิดและเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเล่าปี่มาแต่ก่อน บรรดาขุนนางและแม่ทัพนายกองต่างก็มีความยินดีจึงพากันเข้าด้วยกับบิต๊กและยึดอำนาจการปกครองเมืองชีจิ๋วเอาไว้ได้
บิต๊กและตันกุ๋ยยึดอำนาจปกครองเมืองชีจิ๋วไว้แล้วก็สับเปลี่ยนกำลังทหารรักษาเชิงเทินและประตูเมืองเป็นทหารที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเล่าปี่มาแต่ก่อน และให้ทหารรักษาเชิงเทินประตูเมืองไว้ ตัวบิต๊กเองคอยตรวจตราบนเชิงเทินเพื่อเตรียมรับมือ หากว่าลิโป้แตกทัพกลับมา
ครั้นบิต๊กเห็นกองทัพลิโป้ยกกลับมาเมืองชีจิ๋ว ลิโป้นำทหารมาที่ประตูเมืองแล้วร้องเรียกให้เปิดประตูเมืองรับ บิต๊กจึงสั่งให้ทหารรักษาเชิงเทินยิงเกาทัณฑ์ใส่กองทหารของลิโป้ แล้วว่าเมืองชีจิ๋วนี้เป็นของเล่าปี่ หาใช่ของลิโป้ไม่ บัดนี้เมืองชีจิ๋วตกเป็นของเล่าปี่นายข้าพเจ้าแล้ว ท่านจงกลับไปเสียเถิด
ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็ตกใจถามบิต๊กว่าบัดนี้ตันกุ๋ยอยู่ที่ไหน บิต๊กจึงลวงลิโป้ว่าเราจับ ตันกุ๋ยประหารเสียแล้ว ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็หันมาถามตันก๋งว่าบัดนี้ตันเต๋งอยู่ที่ไหน
ตันก๋งจึงว่าสถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้วท่านยังจะมาถามหาไอ้กบฏไปใยกัน ลิโป้สงสัยจึงให้ตรวจในกองทหารก็ไม่พบตัวตันเต๋ง จึงปรึกษาตันก๋งว่าจะคิดอ่านประการใด
ตันก๋งจึงว่าท่านยกหนีมาครั้งนี้โจโฉคงยกตามมา ดังนั้นหากจะคิดหักเอาเมืองชีจิ๋วคงจะไม่สำเร็จในเร็ววัน ครั้นโจโฉยกมาถึงเราก็จะตกอยู่ท่ามกลางศึกกระหนาบ เห็นขัดสนนักขอให้ท่านยกไปเมืองเสียวพ่าย ซึ่งโกสุ้นและเตียวเลี้ยวอยู่รักษาเมืองนั้นเถิด แล้วค่อยคิดอ่านต่อไป ลิโป้ฟังข้อเสนอของตันก๋งแล้วเห็นด้วย จึงสั่งให้เคลื่อนกองทัพจะไปเมืองเสียวพ่าย
ฝ่ายตันเต๋งครั้นได้จุดเพลิงให้สัญญาณแล้ว เห็นทหารของลิโป้กับตันก๋งรบพุ่งกันก็รีบขึ้นม้าออกจากเมืองชีจิ๋ว ไปเมืองเสียวพ่าย
ตันเต๋งและตันกุ๋ยสองพ่อลูกถูกโจโฉใช้ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองชีจิ๋ว ได้ใช้คมอาวุธแห่งปัญญาประกอบเข้ากับการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร สร้างความสับสนและเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นในกองทัพของลิโป้ จนลิโป้ต้องเสียด่านเสียวก๋วน และเสียทั้งเมืองชีจิ๋วให้แก่โจโฉอย่างง่ายดาย นี่คืออานุภาพของอาวุธแห่งข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกในสามก๊ก โดยความคิดและน้ำมือของตันเต๋ง
ตันก๋งเองแม้มีสติปัญญา กระจ่างแจ้งในกลศึกทุกกระบวน ทั้งไม่วางใจตันกุ๋ย ตันเต๋งมาแต่ต้น แต่มาครั้งนี้เมื่ออยู่หน้าศึกภยาคติได้ครอบงำความคิดและสติปัญญา ทำให้ไม่เฉลียวใจในกลอุบายของตันเต๋ง และยังหลงเชื่อด้วยคาดคิดว่าตันเต๋งยังทำการอยู่ด้วยลิโป้ จึงพลาดพลั้งเสียทีครั้งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้
อันการสงครามนั้น การใช้จารชนหรือไส้ศึกนับเป็นเรื่องสำคัญซึ่งซุนหวู่ได้รจนาในบรรพที่ 13 ว่า
“ราชาผู้ทรงธรรมและขุนพลผู้หลักแหลม เมื่อถึงคราวทำศึกก็จะชนะ ทั้งได้รับผลสำเร็จเป็นเยี่ยมกว่าบุคคลอื่นนั้นก็เนื่องจากสืบรู้ความนัยของข้าศึกก่อนนั่นเอง
การที่จะล่วงรู้ถึงความนัยของข้าศึกนั้นจงอย่าถือเอาจากภูตพราย หรือเทพยดาอารักษ์ อย่าคาดคะเนจากปรากฎการณ์หรือลางเหตุเพียงผิวเผิน อย่าพิสูจน์จากมุมฉากโคจรแห่งวิถีดาวเดือน จำเป็นต้องรู้จากบุคคลจึงจะนับว่ารู้ความนัยของข้าศึกอย่างแท้จริง
จึ่งหากมิใช่ผู้ที่ทรงสติปัญญาปราดเปรื่องยิ่ง ไม่อาจใช้จารชน มิใช่ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาการุณยธรรมไม่อาจบัญชาจารชน และหากมิใช่ผู้ที่ละเอียดสุขุมคัมภีรภาพประดุจมีญาณวิเศษ จักไม่อาจถึงซึ่งสารัตถะประโยชน์ในจารกรรมได้
เพราะฉะนั้นราชาผู้ทรงธรรมและขุนพลผู้หลักแหลมสามารถใช้ผู้ทรงปัญญาชั้นเลิศทำหน้าที่จารกรรมย่อมสัมฤทธิ์ผลยิ่งใหญ่ นี่เป็นหลักสำคัญของการทำศึกด้วยเหตุว่ากองทัพได้อาศัยรหัสนั้น ๆ เป็นแนวทางในการทำศึกแล.”