ตอนที่ 93. แผนช่วยศัตรูเพื่อรักษาตัวเอง

 โจโฉฟังคำแนะนำของกุยแกและซุนฮกแล้ว แม้จะเห็นว่าหากทำสงครามกับอ้วนเสี้ยวในตอนนี้ก็ย่อมได้รับชัยชนะ แต่เมื่อคำนึงถึงประเด็นที่สำคัญสูงสุดที่ว่าควรรบหรือไม่ควรรบแล้ว ก็เห็นว่าหากทำสงครามกับอ้วนเสี้ยวในขณะนี้ก็จะมีโอกาสสูญเสียเมืองฮูโต๋และสูญเสียอำนาจรัฐ เพราะลิโป้ศัตรูตัวสำคัญกำลังขยายอิทธิพลและอาจฉวยโอกาสยกมายึดเมืองฮูโต๋ ดังนั้นจึงตัดสินใจกำจัดลิโป้เสียก่อน

            ครั้นตัดสินใจจะกำจัดลิโป้แล้ว ซุนฮกจึงเสนอให้กำหนดแผนการรบโดยให้โจโฉมีหนังสือไปถึงเล่าปี่ ให้เล่าปี่ยกมากำจัดลิโป้เสียก่อน จากนั้นโจโฉจึงค่อยยกไปในภายหลัง

            แผนการทั้งนี้ของซุนฮกก็คือแนวความคิดเดิมที่จะพร่ากำลังของเล่าปี่และลิโป้ลงเสียก่อน แม้หากสองเสือนี้ทำสงครามกันล้มตายลงไปข้างหนึ่ง โจโฉก็จะซ้ำเติมเอากับฝ่ายที่ชนะได้โดยสะดวก แนวความคิดเช่นนี้ไม่จริงใจต่อมิตร จึงทำให้สงครามขยายตัวลุกลามมากยิ่งขึ้นทุกที และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นความล้มเหลวที่สำคัญที่สุดของโจโฉในฐานะผู้ครองอำนาจรัฐก็ได้

            วิธีคิดชนิดนี้รัฐบาลผสมในบางยุคได้นำมาใช้อย่างพลิกแพลง โดยการเปิดช่องให้พรรคร่วมรัฐบาลกระทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งทำให้เกิดผลสองด้านคือด้านแรก พรรคร่วมรัฐบาลนั้นก็จะถูกผู้คนเหยียดหยามประณามและเสื่อมความนิยม ด้านที่สองทำให้พรรคที่เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลสามารถกุมความลับที่เป็นประดุจดั่งขอช้างที่สามารถใช้สับช้างให้เดินทางไปทางไหนได้ตามใจชอบ หากเมื่อใดที่สังคมประณามและขึ้นสู่กระแสสูงก็จะฉวยโอกาสนั้นกำจัดพรรคร่วมรัฐบาลนั้น สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองให้กลายเป็นวีรชนได้อีกด้วย

            ข้อเสนอของซุนฮกต้องด้วยอัธยาศัยของโจโฉ ซึ่งมีแนวความคิดเป็นแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปให้เล่าปี่ ณ เมืองเสียวพ่าย ในขณะเดียวกันก็ได้วางอุบายหลอกอ้วนเสี้ยวเพื่อซื้อโอกาสกำจัดลิโป้เสียก่อนด้วยการทำเป็นพระบรมราชโองการของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้งให้อ้วนเสี้ยวเป็นเจ้าเมืองกิจิ๋วอย่างเป็นทางการ และให้เมืองเป๊งจิ๋ว เมืองอิวจิ๋ว และเมืองเชียงจิ๋ว อีกสามเมืองขึ้นต่อการบังคับบัญชาของเมือง กิจิ๋ว เป็นการใช้อำนาจวาสนาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงอ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นคนโลภโมโทสันในอำนาจวาสนานั้น

            พร้อมกับการให้ข้าหลวงเชิญพระบรมราชโองการไปถึงอ้วนเสี้ยว โจโฉได้มีหนังสือไปถึงอ้วนเสี้ยวอีกฉบับหนึ่งสั่งการให้อ้วนเสี้ยวยกกองทัพไปตีเมืองปักเป๋ง โดยอ้างว่าจะยกกองทัพไปช่วยในภายหลัง

            ความจริงกองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋งมิได้มีสิ่งใดแค้นเคืองกับโจโฉ และไม่มีความผิดใด ๆ ต่อราชสำนักฮั่น  ควรที่โจโฉต้องห้ามปรามอ้วนเสี้ยวมิให้ทำสงครามกับเมืองปักเป๋งให้เป็นที่เดือดร้อนแก่อาณาประชาราษฎร หรือมิฉะนั้นก็จะต้องช่วยเหลือเจ้าเมืองที่ภักดีและขึ้นต่อราชสำนักฮั่นมิให้ถูกข่มเหงรังแก แต่โจโฉนั้นเพียงเพื่อที่จะกำจัดลิโป้ศัตรูของตัวเอง กลับกระทำการในทางตรงกันข้าม ทำให้สงครามระหว่างเมืองกิจิ๋วกับเมืองปักเป๋งเกิดขึ้นอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นการผิดหน้าที่ของอัครมหาเสนาบดี

            อ้วนเสี้ยวได้รับพระบรมราชโองการและหนังสือของโจโฉแล้วมีความยินดียิ่งนัก วาสนาและบรรดาศักดิ์ที่โจโฉหยิบยื่นให้ทำให้อ้วนเสี้ยวหลงลืมไปว่าเคยมีหนังสือไปถึงเมืองฮูโต๋ขอทหารและเสบียง ความกระหยิ่มยิ้มย่องและลำพองต่ออำนาจวาสนานั้นยิ่งทำให้อ้วนเสี้ยวไม่มีความเฉลียวใจว่าเหตุใดโจโฉจึงกระทำการเช่นนั้น จึงเท่ากับอ้วนเสี้ยวกินสินบนของโจโฉ และรอวันเวลาที่จะถูกโจโฉกำจัดนั่นเอง

            ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้เตรียมทหารเป็นจำนวนมากแล้วยกไปเมืองปักเป๋ง

            ฝ่ายตันก๋งที่ปรึกษาของลิโป้อยู่ ณ เมืองชีจิ๋ว เห็นพฤติกรรมของตันกุ๋ยและตันเต๋งสองพ่อลูกที่ตั้งหน้าตั้งตาประจบสอพลอ สรรเสริญเยินยอลิโป้จนเลอเลิศ ทั้งลิโป้เองก็พออกพอใจและมีความสุขอยู่ท่ามกลางความเอาอกเอาใจและสรรเสริญเยินยอนั้น ถึงขนาดเชิญสองพ่อลูกมากินโต๊ะที่จวนทุกวัน ตันก๋งจึงรู้สึกน้อยใจ และไม่พอใจสองพ่อลูกเป็นอันมาก

            ครั้นสบโอกาสตันก๋งจึงเข้าไปว่ากับลิโป้ว่า ตันกุ๋ย ตันเต๋งสองพ่อลูกกำลังคิดร้ายต่อลิโป้ การยกย่องสรรเสริญเยินยอที่กระทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นเป็นเพียงอุบายให้ตายใจ

            ลิโป้กำลังหลงความพินอบพิเทาเอาอกเอาใจของสองพ่อลูก ได้ยินคำตันก๋งก็คิดว่าตันก๋งริษยาตันกุ๋ยและตันเต๋ง จึงตวาดใส่ตันก๋งว่าเป็นผู้ใหญ่ มีน้ำใจไม่เป็นธรรมต่อเพื่อนร่วมงาน อย่าได้มากล่าวความเช่นนี้อีกต่อไป

            ตันก๋งได้ฟังลิโป้ก็ยิ่งน้อยใจกลายเป็นไข้ใจนอนซมอยู่กับบ้านเป็นหลายวัน จนวันหนึ่งนึกรำคาญจึงพาทหารคนสนิทออกไปเที่ยวป่าล่าสัตว์ ในระหว่างอยู่ในป่าได้เห็นทหารของโจโฉซึ่งถือหนังสือไปให้เล่าปี่และกลับมาจากเมืองเสียวพ่ายมีลักษณะเป็นพิรุธจึงสั่งทหารให้จับตัวผู้ถือหนังสือนั้นแล้วตรวจค้นจึงพบหนังสือของเล่าปี่ที่ตอบความหนังสือของโจโฉ จึงคุมตัวทหารนั้นไปพบลิโป้ และมอบหนังสือที่ค้นได้ให้แก่ลิโป้

            ลิโป้เปิดหนังสือนั้นออกดูจึงทราบความว่า เล่าปี่ได้รับหนังสือของโจโฉที่สั่งให้คิดอ่านกำจัดลิโป้แล้ว แต่เล่าปี่บ่ายเบี่ยงว่าเมืองเสียวพ่ายเป็นเมืองเล็ก มีทหารจำนวนน้อย ไม่สามารถยึดเมืองชีจิ๋วได้โดยลำพัง ขอให้โจโฉยกกองทัพมาก่อน แล้วเล่าปี่จะยกกองทัพจากเมืองเสียวพ่ายไปสมทบ

            ตามหนังสือของเล่าปี่นี้แสดงว่าเล่าปี่รู้ทันความคิดของโจโฉที่ต้องการอาศัยมือลิโป้กำจัดตนเสียก่อน แล้วค่อยยกกองทัพมากำจัดลิโป้ในภายหลัง ดังนั้นจึงขอให้โจโฉยกกองทัพมารบกับลิโป้ก่อน แล้วเล่าปี่ก็จะยกมาสมทบ นับเป็นการบ่ายเบี่ยงที่แยบยลในขณะเดียวกันก็ได้ช่วงชิงความเป็นฝ่ายถนอมกำลังอย่างเต็มที่

            ลิโป้ทราบความว่าโจโฉคิดร้ายต่อตัวก็โกรธ จึงคิดยึดดินแดนของราชวงศ์ฮั่นเป็นการแก้แค้นโจโฉ ดังนั้นจึงสั่งการให้เตรียมกองทัพแล้วจัดกำลังเป็นสี่กอง

            กองแรก ให้ตันก๋งและจงป้ายกทหารไปยึดหัวเมืองตะวันออกไปจนถึงเมืองกุนจิ๋ว และให้ทำการเกลี้ยกล่อมกลุ่มโจรท้องถิ่นสี่กลุ่มเข้าเป็นพวก คือ กลุ่มของซุนก้วน กลุ่มของงอตุ้น กลุ่มของอินเล้ และกลุ่มของเซียงหู ซึ่งมีอิทธิพลและเคลื่อนไหวอยู่แถบเขาไทสัน

            กองที่สอง ให้โกสุ้นและเตียวเลี้ยวยกทหารไปยึดเมืองเสียวพ่ายกำจัดเล่าปี่

            กองที่สาม ให้ซงเหียนและงุยซกยกไปยึดเมืองยีเอ๋ง

            กองที่สี่ ตัวลิโป้คุมทหารออกไปตั้งอยู่นอกเมือง เป็นกองหนุนกองทัพทั้งสามกอง หากกองใดต้องการกำลังหนุนก็จะยกไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที

            ฝ่ายเล่าปี่เมื่อทราบว่ากองทัพของฝ่ายลิโป้ยกมาจะยึดเมืองเสียวพ่ายก็ตกใจ ปรึกษากับบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองแล้ว เห็นว่ากรณีมีความจำเป็นจะต้องขอให้เมืองหลวงส่งกองทัพมาช่วย ดังนั้นจึงแต่งหนังสือให้ตันหยงถือไปเมืองหลวง ขอให้โจโฉยกกองทัพมาช่วย ในขณะเดียวกันก็เตรียมกำลังตั้งรับศึกอยู่ในเมือง และรักษาเชิงเทินไว้อย่างมั่นคงทั้งสี่ด้าน

            ครั้นกองทัพของโกสุ้นและเตียวเลี้ยวยกมาถึง จึงตั้งค่ายรายล้อมเมืองเสียวพ่ายไว้ทั้งสี่ด้าน

            รุ่งขึ้นโกสุ้นจึงยกทหารจะเข้าตีเมืองเสียวพ่ายทางด้านเหนือ แต่เล่าปี่ก็ต้านทานไว้ได้ ในขณะนั้นเตียวเลี้ยวก็ยกทหารอีกกองหนึ่งเข้าตีเมืองทางด้านตะวันตก ซึ่งกวนอูรักษาการอยู่

            กวนอูสังเกตเห็นเตียวเลี้ยวมีลักษณะสง่างามสมเป็นนายทหาร จึงร้องถามว่าตัวท่านนี้สง่างามควรแก่ลักษณะของทหารหลวง เหตุไฉนจึงยอมเป็นข้ารับใช้ของลิโป้คนทรยศต่อชาติ และเป็นปิตุฆาตเล่า

            เตียวเลี้ยวได้ยินคำของกวนอูก็เกิดความรู้สึกละอายใจจึงคุมทหารถอยออกจากด้านตะวันตก แล้วยกไปทางด้านตะวันออกซึ่งเตียวหุยรักษาการอยู่

            เตียวหุยเห็นเตียวเลี้ยวยกทหารมาจึงให้ทหารเปิดประตูเมืองแล้วยกทหารออกไปรบด้วยเตียวเลี้ยว

            ทหารของเตียวเลี้ยวเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเตียวหุยว่ามีฝีมือองอาจเข้มแข็ง ก็พากันแตกตื่นตกใจกลัว ชะงักอยู่กับที่แล้วค่อย ๆ ถอยร่นไปทางด้านหลัง เตียวเลี้ยวเห็นอาการทหารฝ่ายตนเช่นนั้นจึงสั่งให้ถอยทัพเพื่อกลับไปที่ค่าย เตียวหุยเห็นได้ทีก็เตรียมจะไล่ตามตี

            พอดีกวนอูจะยกมาช่วยเตียวหุย ครั้นเห็นเหตุการณ์จึงให้ทหารตีระฆังสัญญาณเรียกเตียวหุยให้กลับเข้าเมือง

            เตียวหุยพาทหารกลับเข้าเมืองแล้วถามกวนอูว่าเหตุใดจึงให้สัญญาณเรียกให้ข้าพเจ้าถอยกลับเข้าเมือง กวนอูจึงว่าเตียวเลี้ยวเป็นสุภาพบุรุษ รู้สึกละอายใจที่อยู่กับ  ลิโป้ กำลังคิดเอาใจออกห่าง จึงไม่ควรกดดันให้เตียวเลี้ยวต้องออกรบ การละเตียวเลี้ยวไว้จะทำให้เตียวเลี้ยวต้องหาทางตีตัวออกจากลิโป้เอง เตียวหุยฟังเหตุผลของกวนอูแล้วก็เห็นชอบด้วย

            ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่นั้น ตันหยงได้เดินทางถึงเมืองฮูโต๋แล้วมอบหนังสือของเล่าปี่แก่โจโฉ โจโฉทราบความแล้วคิดจะประวิงเวลาให้เล่าปี่เพลี่ยงพล้ำเสียก่อน จึงแจ้งแก่บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองว่า หากกองทัพจากเมืองหลวงยกไปช่วยเล่าปี่ ก็เกรงว่าเล่าเปียวและเตียวสิ้วจะสมคบกันฉวยโอกาสมายึดเมืองฮูโต๋

            ซุนฮิวที่ปรึกษาฟังคำโจโฉแล้วก็รู้ทันความคิด แต่เกรงว่าหากประวิงเวลาไว้นานเกินไป ถ้าลิโป้ได้รับชัยชนะต่อเล่าปี่แล้ว ลิโป้ก็จะกลับไปผูกดองกับอ้วนสุด เพราะถือว่าบัดนี้ได้แตกหักตัดความสัมพันธ์กับโจโฉแล้ว และถ้าลิโป้กับอ้วนสุดผูกดองกันได้สำเร็จ ลิโป้ก็จะมีกำลังมากขึ้น เมืองฮูโต๋ก็จะยิ่งเป็นอันตราย

            ดังนั้นซุนฮิวจึงเสนอโดยไม่ให้เสียหน้าแก่โจโฉว่า ความคิดของท่านอัครมหาเสนาบดีช่างรอบคอบยิ่งนัก แต่ทว่าเล่าเปียวกับเตียวสิ้วเพิ่งแพ้ศึกเมื่อไม่นานมานี้ กำลังคงยังไม่พร้อมที่จะยกมายึดเมืองฮูโต๋สถานหนึ่ง ทั้งท่านอัครมหาเสนาบดีได้สั่งการซุนเซ็กให้คอยถ่วงหลังเล่าเปียวอยู่ และยังมีลีถองเจ้าเมืองยีหลำ ซึ่งได้รับคำสั่งให้คอยตรวจตราชายแดนที่ติดกับเมืองเกงจิ๋วอยู่อีกทางหนึ่ง เมื่อประเมินการศึกทางด้านนี้แล้วจึงไม่น่าห่วงใย

            ซุนฮิวได้เสนอต่อไปว่า บัดนี้เมื่อลิโป้ได้ตัดความสัมพันธ์กับเมืองหลวงแล้ว หากได้ชัยชนะต่อเล่าปี่ก็จะกำเริบคิดการใหญ่ และจะหันไปผูกดองกับอ้วนสุดต่อไป จากนั้นหากอ้วนเสี้ยวชนะกองซุนจ้านยึดเมืองปักเป๋งได้แล้ว ตระกูล “อ้วน” สองพี่น้องก็อาจร่วมมือกันยกมายึดเมืองฮูโต๋ เมืองหลวงก็จะเป็นอันตราย ดังนั้นจึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม และขอเสนอให้รีบยกกองทัพไปช่วยเล่าปี่กำจัดลิโป้โดยเร็วที่สุด

            โจโฉฟังคำซุนฮิวแล้วเกิดความพรั่นใจ เพราะหากการเป็นไปดังความคิดของ  ซุนฮิว ตัวเองก็จะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และมีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเช่นนั้น ดังนั้นจึงเห็นประโยชน์ในการที่จะช่วยเล่าปี่มากกว่าที่จะปล่อยให้ลิโป้กำจัดเล่าปี่ตามความคิดเดิม ทั้งขณะนั้นกุยแกก็ได้กล่าวเสริมสนับสนุนความคิดของซุนฮิว และเร่งให้โจโฉรีบยกกองทัพไปช่วยเล่าปี่ โจโฉจึงมีคำสั่งให้เตรียมกองทัพให้แฮหัวตุ้น แฮหัว เอี๋ยน ลิเตียน และลิยอย คุมทหารห้าหมื่นเป็นกองทัพหน้า โจโฉคุมทหารเป็นกองทัพหลวงแล้วยกไปเมืองเสียวพ่าย และให้ตันหยงผู้ถือหนังสือของเล่าปี่ตามไปในกองทัพด้วย

            ฝ่ายหน่วยลาดตระเวนของกองทัพโกสุ้นและเตียวเลี้ยวได้ทราบข่าวว่ากองทัพโจโฉยกมาช่วยเล่าปี่จึงรีบนำความเข้ารายงานให้โกสุ้นทราบว่าบัดนี้โจโฉได้ยกกองทัพเป็นจำนวนมากมาช่วยเมืองเสียวพ่าย โดยมีแฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพกองทัพหน้า และบัดนี้กองทัพหน้าของโจโฉยกมาใกล้เขตเมืองเสียวพ่ายแล้ว โกสุ้นได้ทราบรายงานก็ตกใจจึงทำหนังสือให้ทหารรีบถือไปให้ลิโป้ ขอให้ลิโป้ยกกองทัพมาช่วย และสั่งให้ทหารถอยเข้ามาอยู่ในค่ายเพื่อเตรียมตั้งรับศึกต่อไป

            ลิโป้ได้ทราบความตามหนังสือของโกสุ้นแล้วจึงสั่งให้จัดกองทัพหนุนโดยให้   แฮหัวเหลง หลังเป้ง และโจเสง คุมทหารม้าสองร้อยห้าสิบ เพื่อยกไปช่วยโกสุ้นและเตียวเลี้ยวที่เมืองเสียวพ่าย

            ฝ่ายโกสุ้นครั้นได้รับทหารที่ลิโป้ส่งมาสมทบแล้วยังคงเกรงว่าหากตั้งค่ายรายล้อมเมืองเสียวพ่ายในลักษณะเดิม เมื่อกองทัพโจโฉยกมาก็จะตกอยู่ท่ามกลางการถูกกระหนาบทั้งสองด้าน จึงสั่งทหารให้ถอนค่ายถอยไกลออกจากเมืองเสียวพ่ายสามร้อยเส้นแล้วตั้งค่ายเตรียมรับกองทัพโจโฉ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร