ตอนที่ 91. อุบาย "ลวงตะวันตก ตีตะวันออก"
เตียวสิ้วปักหลักอยู่ที่เมืองเซียงหยง ครั้นทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาจึงให้ทหารถือหนังสือไปให้เล่าเปียวที่เมืองเกงจิ๋ว ให้ยกกองทัพมาตีกระหนาบหลังกองทัพโจโฉ ส่วนตัวเตียวสิ้วเองคุมทหารยกออกมาตั้งค่ายสกัดกองทัพโจโฉที่นอกเมือง
พอกองทัพโจโฉยกมาถึงจึงปะทะกับกองทัพของเตียวสิ้วที่ตั้งสกัดอยู่นั้น เตียวสิ้วสู้ไม่ได้และแตกหนีเข้าไปในเมือง โจโฉจึงให้เคลื่อนกองทัพเข้าล้อมเมืองเซียงหยงไว้ทั้งสี่ด้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปใกล้กำแพงเมืองได้ เพราะคูเมืองทั้งกว้างและลึก
เตียวสิ้วตั้งมั่นอยู่ในเมือง ไม่ยอมออกมารบกับโจโฉอีก ทหารโจโฉก็รุกเข้าไปที่กำแพงเมืองไม่ได้ เพราะคูเมืองขวางอยู่ ระยะห่างกันเป็นดั่งนี้ โจโฉจึงไม่ได้ข่าวคราวความเป็นไปในเมือง ดังนั้นจึงให้ทหารสร้างหอคอยสูงขึ้นทั้งสี่ด้าน เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวภายในเมือง
โจโฉได้พาทหารที่สนิทขึ้นไปบนหอคอยดูความเคลื่อนไหวภายในเมืองติดต่อกันถึงสามวัน ก็จับจุดอ่อนความเป็นไปในเมืองเซียงหยงได้ว่า ทหารซึ่งรักษาการณ์บนกำแพงและที่อยู่ภายในเมืองด้านตะวันออกเบาบาง ก็คิดที่จะบุกเข้าตีทางด้านตะวันออก
เพื่อลวงเตียวสิ้ว โจโฉจึงวางอุบาย “ลวงตะวันตก ตีตะวันออก” และสั่งทหารให้เอากิ่งไม้ใบหญ้าใส่กระสอบจำนวนมากไปกองไว้ทางด้านตะวันตกของกำแพงเมือง ทำทีว่าเตรียมการที่จะถมคูเมืองและบุกเข้าโจมตีทางด้านตะวันตก
ทหารที่รักษาเชิงเทินเห็นความเคลื่อนไหวของกองทัพโจโฉทางด้านตะวันตก มีลักษณะคึกคัก เกรงว่าโจโฉจะยกเข้าตีจึงรายงานให้เตียวสิ้วทราบ
เตียวสิ้วจึงปรึกษาด้วยกาเซี่ยงว่าจะรับมือการโจมตีของกองทัพโจโฉอย่างไร
กาเซี่ยงจึงว่า สามวันมานี้ข้าพเจ้าได้ทราบว่าโจโฉพาทหารคนสนิทขึ้นไปดูเหตุการณ์บนหอคอยทั้งสี่ด้านและเห็นว่าทหารฝ่ายเราทางด้านตะวันออกมีอยู่น้อยจึงคิดอ่านจะบุกโจมตีเข้ามาทางด้านตะวันออก แต่โจโฉนั้นเจ้าความคิดจึงวางอุบายลวงว่าเตรียมการจะเข้าตีทางด้านตะวันตก เพื่อให้ท่านหลงแล้วเตรียมทหารมาตั้งรับทางด้านตะวันตก ครั้นโจโฉยกเข้าตีทางด้านตะวันออกเราก็จะเสียทีแก่ข้าศึก
เตียวสิ้วจึงถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะคิดอ่านประการใด กาเซี่ยงจึงว่าข้าพเจ้าจะคิดซ้อนกลโจโฉตีทัพโจโฉให้แตกไปในคืนนี้ แล้วเสนอว่าก่อนค่ำวันนี้ให้ท่านระดมชาวเมืองอาสาปลอมเป็นทหารขึ้นไปรักษาการณ์อยู่บนเชิงเทินด้านตะวันตกให้จงมาก ซ้อนกลว่าท่านหลงกลโจโฉจึงเตรียมป้องกันเมืองทางด้านตะวันตกแล้วลอบเคลื่อนกำลังทหารไปซุ่มอยู่ทางด้านตะวันออก ข้าพเจ้าคาดหมายว่าคืนวันนี้โจโฉคงยกเข้าตีทางด้านตะวันออก ท่านจงปล่อยให้ทหารโจโฉข้ามคูเมืองเข้ามาก่อน พอทหารโจโฉบุกเข้าปีนกำแพงจึงค่อยจุดประทัดสัญญาณ แล้วยกทหารออกโจมตีกองทัพโจโฉ คงจะจับตัวได้โดยง่าย
เตียวสิ้วฟังแผนการของกาเซี่ยงแล้วมีความยินดียิ่งนัก เรียกบรรดาแม่ทัพนายกองเข้ามาสั่งให้เตรียมการตามคำกาเซี่ยงทุกประการ
ฝ่ายทหารรักษาการณ์บนหอคอยเห็นฝ่ายในเมืองเสริมกำลังทางด้านตะวันตกคึกคักจึงรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉทราบแล้วคิดว่าเตียวสิ้วหลงกลจึงมีความยินดีว่าการคงสมความคิดที่จะยึดเมืองเซียงหยงได้สำเร็จในคืนนี้ และสั่งทหารให้เตรียมการให้พร้อมรอเวลารับคำสั่งโจมตีเมืองเชียงหยงต่อไป
ครั้นสิ้นยามสอง โจโฉจึงออกคำสั่งให้เคลื่อนกำลังทหารไปทางด้านตะวันออกของกำแพงเมือง ให้ทหารลอบว่ายน้ำข้ามคูเมืองไปอย่างเงียบกริบ แล้วเคลื่อนกำลังเข้าประชิดกำแพงเมือง
ทหารของโจโฉใช้บันไดและตะขอเหล็กปีนป่ายขึ้นกำแพงเมือง ทันใดนั้นประทัดและพลุสัญญาณดังขึ้นตลอดแนวกำแพง ทหารรักษาเชิงเทินที่ซุ่มอยู่ก็พร้อมกันเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงมาที่กองทหารของโจโฉประดุจห่าฝน ในขณะเดียวกันทหารของเตียวสิ้วอีกสามกองก็ยกออกจากประตูเมืองทั้งสามด้าน
ทหารของเตียวสิ้วที่ออกจากประตูเมืองด้านทิศเหนือและทิศใต้ได้ยกเข้าสกัดทางถอยของทหารโจโฉไว้ ในขณะที่ทหารของเตียวสิ้วที่ออกจากประตูเมืองด้านทิศตะวันออกได้ยกเข้าตีทหารโจโฉที่ข้ามคูเมืองมาอย่างดุเดือด
กองทหารของโจโฉครั้นรู้ว่าต้องกลฝ่ายเตียวสิ้ว และถูกกองทหารเตียวสิ้วระดมยิงเกาทัณฑ์ลงมาจากเชิงเทิน และรุมกระหนาบตีทั้งสามด้านก็ตกใจ พากันแตกตื่นสับสนอลหม่านคุมกันไม่ติด จึงถูกทหารเตียวสิ้วสังหารล้มตายลงเป็นอันมาก
โจโฉเห็นว่าเสียทีแก่เตียวสิ้วจึงพาทหารที่รอดตายรีบยกหนีไป เตียวสิ้วนำทหารกวาดล้างทหารของโจโฉอยู่จนสว่างจึงยกกลับเข้าไปในเมือง
โจโฉพาทหารหนีไปได้ไกลสามร้อยเส้นก็ให้พักพลสำรวจทหาร ปรากฏว่าการศึกเพียงคืนเดียวต้องสูญเสียทหารไปถึงห้าหมื่น ทั้งอิกิ๋มและลิยอยก็ถูกเกาทัณฑ์และบาดเจ็บหลายแห่ง และเห็นว่าหากจะยกกองทัพกลับมาตีเมืองเซียงหยงอีกก็คงจะไม่ได้ชัยชนะเพราะเตียวสิ้วไม่ยอมออกรบซึ่งหน้า
ดังนั้นโจโฉจึงคิดกลลวงที่จะล่อให้เตียวสิ้วออกจากเมืองมาไล่ตามตีแล้วถือโอกาสนั้นพลิกสถานการณ์จากแพ้เป็นชนะ จึงสั่งให้เคลื่อนทัพเพื่อจะกลับเมืองฮูโต๋ แต่ให้เดินทัพเพียงวันละร้อยเส้น เป็นการเคลื่อนทัพอย่างช้า ๆ
ฝ่ายกาเซี่ยงเห็นโจโฉเสียที สูญเสียทหารเป็นอันมากก็คาดการณ์ว่าโจโฉจะต้องยกทัพกลับเมืองฮูโต๋ จึงเสนอเตียวสิ้วให้ม้าเร็วถือหนังสือไปให้เล่าเปียวยกทหารมาสกัดตีโจโฉในตอนถอยทัพกลับ เตียวสิ้วเห็นด้วยกับข้อเสนอของกาเซี่ยงจึงให้ทหารถือหนังสือไปเมืองเกงจิ๋ว
เล่าเปียวทราบความตามหนังสือเตียวสิ้วแล้วก็เตรียมทหารจะยกไปสกัดตีกองทัพโจโฉ ขณะนั้นจึงได้ทราบว่าซุนเซ็กยกกองทัพเรือมาตั้งที่ปากอ่าวเมืองเกงจิ๋วก็พะวงหลัง จึงปรึกษากับเก๊งเหลียงว่าจะจัดการประการใด
เก๊งเหลียงที่ปรึกษาจึงว่าลักษณะของกองทัพซุนเซ็กที่ยกมาครั้งนี้มีทหารไม่มาก มิใช่ลักษณะกองทัพที่จะยกเข้าตีเมืองเกงจิ๋ว หากเป็นเพียงหวังผลให้เกิดการพะวักพะวงเท่านั้น กรณีน่าจะเป็นความคิดของโจโฉให้เราห่วงหลังไม่กล้ายกไปช่วยเตียวสิ้ว
เล่าเปียวเห็นด้วยกับการคาดการณ์ของเก๊งเหลียงจึงถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะมีความคิดอ่านประการใด เก๊งเหลียงจึงเสนอว่าขอให้ท่านรีบยกทหารไปตีซ้ำกองทัพ โจโฉที่แตกทัพมา คงจะกำจัดโจโฉได้ในครั้งนี้ การข้างเมืองเกงจิ๋วนี้คงไม่มีอันตราย แต่ให้ท่านสั่งการให้หองจอยกทหารไปตั้งขัดตาทัพซุนเซ็กไว้ก็จะพอแก่การ เพราะเมื่อซุนเซ็กรู้ว่าโจโฉแตกทัพแล้วก็คงจะยกทัพกลับแดนกังตั๋ง
เล่าเปียวเห็นด้วยกับข้อเสนอของเก๊งเหลียง สั่งการทางด้านเมืองเกงจิ๋วแล้วรีบยกทหารไปตั้งสกัดกองทัพโจโฉอยู่ที่ด่านอันจงก๋วน
ขณะนั้นกองทัพโจโฉเคลื่อนมาถึงแม่น้ำหยกซุย แดนวิปโยคที่โจโฉต้องเสียเตียนอุย โจอันบิ๋น โจงั่งและทหารเป็นอันมากก็เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ จึงคิดอุบายผูกน้ำใจทหารแล้วแสร้งทำร้องไห้เป็นทีว่ารำลึกถึงเตียนอุย และสั่งให้ตั้งการพิธีเซ่นไหว้เตียนอุย บุตรหลานและทหารซึ่งเสียชีวิตในการศึกครั้งแรกกับเตียวสิ้ว
เซ่นไหว้เสร็จแล้วโจโฉจึงให้เคลื่อนทัพข้ามแม่น้ำหยกซุย พอดีซุนฮกได้ให้ทหารถือหนังสือมาเตือนโจโฉว่าบัดนี้เล่าเปียวได้ยกทหารมาตั้งสกัดอยู่ที่ด่านอันจงก๋วน เมื่อเตียวสิ้วทราบว่าเล่าเปียวยกทหารมาสกัดเช่นนี้คงจะยกกองทัพมาตามตี ขอให้ท่านระวังตัวจงหนัก
โจโฉทราบความในหนังสือซุนฮกแล้วจึงตอบไปว่าเรากำลังทำกลอุบายลวงให้เตียวสิ้วยกมาตามตีจะได้พลิกสถานการณ์เอาชนะเตียวสิ้วและเล่าเปียวในคราวเดียวกัน ท่านอย่าได้กังวลเลย
โจโฉรู้ดีว่าเล่าเปียวมาตั้งสกัดอยู่ที่ด่านอันจงก๋วน ในขณะเดียวกันก็แสร้งเดินทัพอย่างอ้อยอิ่งเพื่อล่อให้เตียวสิ้วยกมาตามตี ครั้นเดินทัพมาถึงเขตด่านอันจงก๋วน ภูมิประเทศเป็นซอกเขามีป่าสองข้างทางรกชัฏ มีทางเดินจำเพาะ โจโฉจึงให้แยกทหารเป็นสองกอง ตั้งค่ายแอบซอกเขาอยู่สองข้างทาง สั่งทหารให้เตรียมพร้อมรอฟังสัญญาณให้ยกตีกระหนาบพร้อมกันทั้งสองข้าง
ฝ่ายเตียวสิ้วแม้ว่าจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่แล้วถึงสองครั้ง แต่ขยาดกองทัพโจโฉอยู่จึงไม่บุ่มบ่ามเพราะเกรงว่าจะถูกโจโฉวางทหารซุ่มโจมตี ครั้นได้ทราบว่าเล่าเปียวยกกองทัพไปตั้งสกัดอยู่ที่ด่านอันจงก๋วนก็ดีใจ คลายความวิตกลงว่าโจโฉคงจะไม่ยกหวนกลับมาอีก จึงสั่งให้เตรียมทหารเพื่อยกไปตามตีกระหนาบกองทัพโจโฉที่เขตด่านอันจงก๋วน
โจโฉปล่อยให้กองทัพเตียวสิ้วเดินทัพผ่านจุดซุ่มไปในตอนใกล้ค่ำ กองทัพเตียวสิ้วยกผ่านจุดซุ่มไปจนถึงด่านอันจงก๋วนโดยไม่พบกับกองทหารของโจโฉก็แปลกใจ เตียวสิ้วจึงเข้าไปพบเล่าเปียวที่ในด่าน ต่างคนต่างแปลกใจเพราะอยู่ดี ๆ กองทัพของ โจโฉก็หายไป แต่เห็นว่าบัดนี้กองทัพของโจโฉเหลือทหารอยู่น้อยตัว จึงแอบซุ่มหลบภัยอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ดังนั้นเตียวสิ้วและเล่าเปียวจึงยกทหารย้อนกลับมาตามทางเดิมเพื่อไล่ล่ากองทหารของโจโฉ
ครั้นมาถึงจุดซุ่มเห็นค่ายโจโฉเงียบสงบอยู่ก็คิดว่าเหลือทหารอยู่น้อยจึงสั่งทหารให้เข้าตีค่ายโจโฉทั้งสองค่ายนั้น
ทันใดนั้นโจโฉได้สั่งทหารให้จุดพลุสัญญาณขึ้น กองทหารของโจโฉได้ยกออกมาทั้งด้านหน้า ด้านหลังของทาง และยกออกจากสองข้างทางกรูเข้ามาล้อมกองทหารของเตียวสิ้วและเล่าเปียวไว้ แล้วใช้เกาทัณฑ์ยิงใส่กองทหารของเล่าเปียวและเตียวสิ้ว และให้ทหารกรูเข้าตีกองทัพของเล่าเปียวและเตียวสิ้วอย่างดุเดือด
เล่าเปียวและเตียวสิ้วครั้นรู้ว่าต้องกลของโจโฉ และทหารตกใจแตกตื่นถูกฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมากก็ตกใจ จึงรีบตีฝ่าไปทางด้านเมืองเชียงหยง
ครั้นเล่าเปียวและเตียวสิ้วแตกหนีไปแล้ว โจโฉเกรงว่าหากไล่ติดตามไปก็อาจถูกเตียวสิ้วและเล่าเปียวซุ่มทหารโจมตีกลับคืน ดังนั้นจึงสั่งทหารให้รีบเคลื่อนกำลังออกจากซอกเขาจนพ้นเขตด่านอันจงก๋วน จึงให้ตั้งค่ายไว้เพราะคาดว่าเตียวสิ้วและเล่าเปียวจะต้องยกตามตีอีกครั้งหนึ่ง
ครั้นตั้งค่ายเสร็จลงปรากฏว่าซุนฮกได้ให้ทหารถือหนังสือมาจากเมืองฮูโต๋ แจ้งแก่โจโฉว่าบัดนี้ฝ่ายข่าวกรองได้ทราบว่าอ้วนเสี้ยวเตรียมกองทัพจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉทราบดังนั้นจึงสั่งให้เลิกทัพรีบยกกลับเมืองฮูโต๋ในทันที
ฝ่ายเตียวสิ้วและเล่าเปียวเมื่อแตกหนีมาถึงเมืองเซียงหยงแล้ว พอสว่างก็รวบรวมทหารเพื่อเตรียมไล่ตามตีโจโฉอีกครั้งหนึ่ง ครั้นได้รับรายงานว่าบัดนี้โจโฉเลิกทัพและกำลังเคลื่อนทัพจะกลับเมืองฮูโต๋ ก็เห็นเป็นโอกาสที่จะไล่ตามตี จึงให้เตรียมเคลื่อนกองทัพไล่ตามตีกองทัพโจโฉต่อไป
กาเซี่ยงทราบความก็ทัดทานว่าโจโฉถอยทัพครั้งนี้คงเตรียมป้องกันการไล่ตามตีเป็นอันดี ดังนั้นถ้าหากท่านจะยกไปคงจะเสียทีแก่โจโฉ แต่เล่าเปียวเห็นว่าโอกาสที่โจโฉถอยทัพครั้งนี้เป็นโอกาสเหมาะสมที่สุด เตียวสิ้วเห็นด้วยกับเล่าเปียวจึงให้กาเซี่ยงรักษาเมืองแล้วเล่าเปียวกับเตียวสิ้วก็ยกทหารตามโจโฉไป
โจโฉถอยทัพครั้งนี้ได้คาดหมายไว้ก่อนว่าคงจะถูกไล่ตามตี จึงสั่งให้สลับขบวนทัพให้เอาหน่วยเสบียงไปไว้เป็นกองหน้า ให้จัดทหารฝีมือดีมาไว้เป็นกองหลัง เตรียมโจมตีกองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวเมื่อยกติดตามมา และให้แบ่งกองหลังเป็นสองกอง กองหนึ่งตั้งคุมเชิง ในขณะที่กองหนึ่งตามขบวนไป ทุกร้อยเส้นก็ให้กองที่ตามขบวนตั้งมั่นคุมเชิง แล้วให้กองทหารที่ตั้งคุมเชิงอยู่แต่เดิมรีบเคลื่อนตามขบวนไป
ดังนั้นเมื่อกองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวไล่ตามมาทัน กองหลังที่ตั้งสกัดอยู่ก็จุดประทัดให้สัญญาณเข้าตี กองหลังอีกกองหนึ่งที่เคลื่อนตามขบวนไปก็แปรขบวนยกกลับมาหนุนกองที่ตั้งสกัดอยู่
กองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวไล่ตามตีมาด้วยคาดหมายว่าจะโจมตีกองหลังซึ่งเป็นกองเสบียงแต่เมื่อปะทะกับทหารหน่วยรบฝีมือดีก็แตกตื่น ทหารโจโฉได้หนุนเนื่องเข้าตีกองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวแตกหนีไปอีกครั้งหนึ่ง
เตียวสิ้วและเล่าเปียวพาทหารที่แตกหนีมากลับเข้าเมืองเซียงหยง ปรากฏว่ากาเซี่ยงได้รอพบอยู่ก่อนแล้ว และได้เสนอว่าให้รีบยกทหารไล่ตามตีโจโฉอีกครั้งหนึ่งคงจะได้ชัยชนะ แต่เล่าเปียวไม่เห็นด้วยแย้งว่าเราเพิ่งแตกหนีมา ขืนยกตามไปอีกก็คงจะต้องแตกหนีกลับมาอีก กาเซี่ยงจึงว่าถ้าแม้นยกไปในครั้งนี้แล้วไม่ได้รับชัยชนะ ข้าพเจ้าขอเอาศีรษะเป็นประกัน.
พอกองทัพโจโฉยกมาถึงจึงปะทะกับกองทัพของเตียวสิ้วที่ตั้งสกัดอยู่นั้น เตียวสิ้วสู้ไม่ได้และแตกหนีเข้าไปในเมือง โจโฉจึงให้เคลื่อนกองทัพเข้าล้อมเมืองเซียงหยงไว้ทั้งสี่ด้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปใกล้กำแพงเมืองได้ เพราะคูเมืองทั้งกว้างและลึก
เตียวสิ้วตั้งมั่นอยู่ในเมือง ไม่ยอมออกมารบกับโจโฉอีก ทหารโจโฉก็รุกเข้าไปที่กำแพงเมืองไม่ได้ เพราะคูเมืองขวางอยู่ ระยะห่างกันเป็นดั่งนี้ โจโฉจึงไม่ได้ข่าวคราวความเป็นไปในเมือง ดังนั้นจึงให้ทหารสร้างหอคอยสูงขึ้นทั้งสี่ด้าน เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวภายในเมือง
โจโฉได้พาทหารที่สนิทขึ้นไปบนหอคอยดูความเคลื่อนไหวภายในเมืองติดต่อกันถึงสามวัน ก็จับจุดอ่อนความเป็นไปในเมืองเซียงหยงได้ว่า ทหารซึ่งรักษาการณ์บนกำแพงและที่อยู่ภายในเมืองด้านตะวันออกเบาบาง ก็คิดที่จะบุกเข้าตีทางด้านตะวันออก
เพื่อลวงเตียวสิ้ว โจโฉจึงวางอุบาย “ลวงตะวันตก ตีตะวันออก” และสั่งทหารให้เอากิ่งไม้ใบหญ้าใส่กระสอบจำนวนมากไปกองไว้ทางด้านตะวันตกของกำแพงเมือง ทำทีว่าเตรียมการที่จะถมคูเมืองและบุกเข้าโจมตีทางด้านตะวันตก
ทหารที่รักษาเชิงเทินเห็นความเคลื่อนไหวของกองทัพโจโฉทางด้านตะวันตก มีลักษณะคึกคัก เกรงว่าโจโฉจะยกเข้าตีจึงรายงานให้เตียวสิ้วทราบ
เตียวสิ้วจึงปรึกษาด้วยกาเซี่ยงว่าจะรับมือการโจมตีของกองทัพโจโฉอย่างไร
กาเซี่ยงจึงว่า สามวันมานี้ข้าพเจ้าได้ทราบว่าโจโฉพาทหารคนสนิทขึ้นไปดูเหตุการณ์บนหอคอยทั้งสี่ด้านและเห็นว่าทหารฝ่ายเราทางด้านตะวันออกมีอยู่น้อยจึงคิดอ่านจะบุกโจมตีเข้ามาทางด้านตะวันออก แต่โจโฉนั้นเจ้าความคิดจึงวางอุบายลวงว่าเตรียมการจะเข้าตีทางด้านตะวันตก เพื่อให้ท่านหลงแล้วเตรียมทหารมาตั้งรับทางด้านตะวันตก ครั้นโจโฉยกเข้าตีทางด้านตะวันออกเราก็จะเสียทีแก่ข้าศึก
เตียวสิ้วจึงถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะคิดอ่านประการใด กาเซี่ยงจึงว่าข้าพเจ้าจะคิดซ้อนกลโจโฉตีทัพโจโฉให้แตกไปในคืนนี้ แล้วเสนอว่าก่อนค่ำวันนี้ให้ท่านระดมชาวเมืองอาสาปลอมเป็นทหารขึ้นไปรักษาการณ์อยู่บนเชิงเทินด้านตะวันตกให้จงมาก ซ้อนกลว่าท่านหลงกลโจโฉจึงเตรียมป้องกันเมืองทางด้านตะวันตกแล้วลอบเคลื่อนกำลังทหารไปซุ่มอยู่ทางด้านตะวันออก ข้าพเจ้าคาดหมายว่าคืนวันนี้โจโฉคงยกเข้าตีทางด้านตะวันออก ท่านจงปล่อยให้ทหารโจโฉข้ามคูเมืองเข้ามาก่อน พอทหารโจโฉบุกเข้าปีนกำแพงจึงค่อยจุดประทัดสัญญาณ แล้วยกทหารออกโจมตีกองทัพโจโฉ คงจะจับตัวได้โดยง่าย
เตียวสิ้วฟังแผนการของกาเซี่ยงแล้วมีความยินดียิ่งนัก เรียกบรรดาแม่ทัพนายกองเข้ามาสั่งให้เตรียมการตามคำกาเซี่ยงทุกประการ
ฝ่ายทหารรักษาการณ์บนหอคอยเห็นฝ่ายในเมืองเสริมกำลังทางด้านตะวันตกคึกคักจึงรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉทราบแล้วคิดว่าเตียวสิ้วหลงกลจึงมีความยินดีว่าการคงสมความคิดที่จะยึดเมืองเซียงหยงได้สำเร็จในคืนนี้ และสั่งทหารให้เตรียมการให้พร้อมรอเวลารับคำสั่งโจมตีเมืองเชียงหยงต่อไป
ครั้นสิ้นยามสอง โจโฉจึงออกคำสั่งให้เคลื่อนกำลังทหารไปทางด้านตะวันออกของกำแพงเมือง ให้ทหารลอบว่ายน้ำข้ามคูเมืองไปอย่างเงียบกริบ แล้วเคลื่อนกำลังเข้าประชิดกำแพงเมือง
ทหารของโจโฉใช้บันไดและตะขอเหล็กปีนป่ายขึ้นกำแพงเมือง ทันใดนั้นประทัดและพลุสัญญาณดังขึ้นตลอดแนวกำแพง ทหารรักษาเชิงเทินที่ซุ่มอยู่ก็พร้อมกันเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงมาที่กองทหารของโจโฉประดุจห่าฝน ในขณะเดียวกันทหารของเตียวสิ้วอีกสามกองก็ยกออกจากประตูเมืองทั้งสามด้าน
ทหารของเตียวสิ้วที่ออกจากประตูเมืองด้านทิศเหนือและทิศใต้ได้ยกเข้าสกัดทางถอยของทหารโจโฉไว้ ในขณะที่ทหารของเตียวสิ้วที่ออกจากประตูเมืองด้านทิศตะวันออกได้ยกเข้าตีทหารโจโฉที่ข้ามคูเมืองมาอย่างดุเดือด
กองทหารของโจโฉครั้นรู้ว่าต้องกลฝ่ายเตียวสิ้ว และถูกกองทหารเตียวสิ้วระดมยิงเกาทัณฑ์ลงมาจากเชิงเทิน และรุมกระหนาบตีทั้งสามด้านก็ตกใจ พากันแตกตื่นสับสนอลหม่านคุมกันไม่ติด จึงถูกทหารเตียวสิ้วสังหารล้มตายลงเป็นอันมาก
โจโฉเห็นว่าเสียทีแก่เตียวสิ้วจึงพาทหารที่รอดตายรีบยกหนีไป เตียวสิ้วนำทหารกวาดล้างทหารของโจโฉอยู่จนสว่างจึงยกกลับเข้าไปในเมือง
โจโฉพาทหารหนีไปได้ไกลสามร้อยเส้นก็ให้พักพลสำรวจทหาร ปรากฏว่าการศึกเพียงคืนเดียวต้องสูญเสียทหารไปถึงห้าหมื่น ทั้งอิกิ๋มและลิยอยก็ถูกเกาทัณฑ์และบาดเจ็บหลายแห่ง และเห็นว่าหากจะยกกองทัพกลับมาตีเมืองเซียงหยงอีกก็คงจะไม่ได้ชัยชนะเพราะเตียวสิ้วไม่ยอมออกรบซึ่งหน้า
ดังนั้นโจโฉจึงคิดกลลวงที่จะล่อให้เตียวสิ้วออกจากเมืองมาไล่ตามตีแล้วถือโอกาสนั้นพลิกสถานการณ์จากแพ้เป็นชนะ จึงสั่งให้เคลื่อนทัพเพื่อจะกลับเมืองฮูโต๋ แต่ให้เดินทัพเพียงวันละร้อยเส้น เป็นการเคลื่อนทัพอย่างช้า ๆ
ฝ่ายกาเซี่ยงเห็นโจโฉเสียที สูญเสียทหารเป็นอันมากก็คาดการณ์ว่าโจโฉจะต้องยกทัพกลับเมืองฮูโต๋ จึงเสนอเตียวสิ้วให้ม้าเร็วถือหนังสือไปให้เล่าเปียวยกทหารมาสกัดตีโจโฉในตอนถอยทัพกลับ เตียวสิ้วเห็นด้วยกับข้อเสนอของกาเซี่ยงจึงให้ทหารถือหนังสือไปเมืองเกงจิ๋ว
เล่าเปียวทราบความตามหนังสือเตียวสิ้วแล้วก็เตรียมทหารจะยกไปสกัดตีกองทัพโจโฉ ขณะนั้นจึงได้ทราบว่าซุนเซ็กยกกองทัพเรือมาตั้งที่ปากอ่าวเมืองเกงจิ๋วก็พะวงหลัง จึงปรึกษากับเก๊งเหลียงว่าจะจัดการประการใด
เก๊งเหลียงที่ปรึกษาจึงว่าลักษณะของกองทัพซุนเซ็กที่ยกมาครั้งนี้มีทหารไม่มาก มิใช่ลักษณะกองทัพที่จะยกเข้าตีเมืองเกงจิ๋ว หากเป็นเพียงหวังผลให้เกิดการพะวักพะวงเท่านั้น กรณีน่าจะเป็นความคิดของโจโฉให้เราห่วงหลังไม่กล้ายกไปช่วยเตียวสิ้ว
เล่าเปียวเห็นด้วยกับการคาดการณ์ของเก๊งเหลียงจึงถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะมีความคิดอ่านประการใด เก๊งเหลียงจึงเสนอว่าขอให้ท่านรีบยกทหารไปตีซ้ำกองทัพ โจโฉที่แตกทัพมา คงจะกำจัดโจโฉได้ในครั้งนี้ การข้างเมืองเกงจิ๋วนี้คงไม่มีอันตราย แต่ให้ท่านสั่งการให้หองจอยกทหารไปตั้งขัดตาทัพซุนเซ็กไว้ก็จะพอแก่การ เพราะเมื่อซุนเซ็กรู้ว่าโจโฉแตกทัพแล้วก็คงจะยกทัพกลับแดนกังตั๋ง
เล่าเปียวเห็นด้วยกับข้อเสนอของเก๊งเหลียง สั่งการทางด้านเมืองเกงจิ๋วแล้วรีบยกทหารไปตั้งสกัดกองทัพโจโฉอยู่ที่ด่านอันจงก๋วน
ขณะนั้นกองทัพโจโฉเคลื่อนมาถึงแม่น้ำหยกซุย แดนวิปโยคที่โจโฉต้องเสียเตียนอุย โจอันบิ๋น โจงั่งและทหารเป็นอันมากก็เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ จึงคิดอุบายผูกน้ำใจทหารแล้วแสร้งทำร้องไห้เป็นทีว่ารำลึกถึงเตียนอุย และสั่งให้ตั้งการพิธีเซ่นไหว้เตียนอุย บุตรหลานและทหารซึ่งเสียชีวิตในการศึกครั้งแรกกับเตียวสิ้ว
เซ่นไหว้เสร็จแล้วโจโฉจึงให้เคลื่อนทัพข้ามแม่น้ำหยกซุย พอดีซุนฮกได้ให้ทหารถือหนังสือมาเตือนโจโฉว่าบัดนี้เล่าเปียวได้ยกทหารมาตั้งสกัดอยู่ที่ด่านอันจงก๋วน เมื่อเตียวสิ้วทราบว่าเล่าเปียวยกทหารมาสกัดเช่นนี้คงจะยกกองทัพมาตามตี ขอให้ท่านระวังตัวจงหนัก
โจโฉทราบความในหนังสือซุนฮกแล้วจึงตอบไปว่าเรากำลังทำกลอุบายลวงให้เตียวสิ้วยกมาตามตีจะได้พลิกสถานการณ์เอาชนะเตียวสิ้วและเล่าเปียวในคราวเดียวกัน ท่านอย่าได้กังวลเลย
โจโฉรู้ดีว่าเล่าเปียวมาตั้งสกัดอยู่ที่ด่านอันจงก๋วน ในขณะเดียวกันก็แสร้งเดินทัพอย่างอ้อยอิ่งเพื่อล่อให้เตียวสิ้วยกมาตามตี ครั้นเดินทัพมาถึงเขตด่านอันจงก๋วน ภูมิประเทศเป็นซอกเขามีป่าสองข้างทางรกชัฏ มีทางเดินจำเพาะ โจโฉจึงให้แยกทหารเป็นสองกอง ตั้งค่ายแอบซอกเขาอยู่สองข้างทาง สั่งทหารให้เตรียมพร้อมรอฟังสัญญาณให้ยกตีกระหนาบพร้อมกันทั้งสองข้าง
ฝ่ายเตียวสิ้วแม้ว่าจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่แล้วถึงสองครั้ง แต่ขยาดกองทัพโจโฉอยู่จึงไม่บุ่มบ่ามเพราะเกรงว่าจะถูกโจโฉวางทหารซุ่มโจมตี ครั้นได้ทราบว่าเล่าเปียวยกกองทัพไปตั้งสกัดอยู่ที่ด่านอันจงก๋วนก็ดีใจ คลายความวิตกลงว่าโจโฉคงจะไม่ยกหวนกลับมาอีก จึงสั่งให้เตรียมทหารเพื่อยกไปตามตีกระหนาบกองทัพโจโฉที่เขตด่านอันจงก๋วน
โจโฉปล่อยให้กองทัพเตียวสิ้วเดินทัพผ่านจุดซุ่มไปในตอนใกล้ค่ำ กองทัพเตียวสิ้วยกผ่านจุดซุ่มไปจนถึงด่านอันจงก๋วนโดยไม่พบกับกองทหารของโจโฉก็แปลกใจ เตียวสิ้วจึงเข้าไปพบเล่าเปียวที่ในด่าน ต่างคนต่างแปลกใจเพราะอยู่ดี ๆ กองทัพของ โจโฉก็หายไป แต่เห็นว่าบัดนี้กองทัพของโจโฉเหลือทหารอยู่น้อยตัว จึงแอบซุ่มหลบภัยอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ดังนั้นเตียวสิ้วและเล่าเปียวจึงยกทหารย้อนกลับมาตามทางเดิมเพื่อไล่ล่ากองทหารของโจโฉ
ครั้นมาถึงจุดซุ่มเห็นค่ายโจโฉเงียบสงบอยู่ก็คิดว่าเหลือทหารอยู่น้อยจึงสั่งทหารให้เข้าตีค่ายโจโฉทั้งสองค่ายนั้น
ทันใดนั้นโจโฉได้สั่งทหารให้จุดพลุสัญญาณขึ้น กองทหารของโจโฉได้ยกออกมาทั้งด้านหน้า ด้านหลังของทาง และยกออกจากสองข้างทางกรูเข้ามาล้อมกองทหารของเตียวสิ้วและเล่าเปียวไว้ แล้วใช้เกาทัณฑ์ยิงใส่กองทหารของเล่าเปียวและเตียวสิ้ว และให้ทหารกรูเข้าตีกองทัพของเล่าเปียวและเตียวสิ้วอย่างดุเดือด
เล่าเปียวและเตียวสิ้วครั้นรู้ว่าต้องกลของโจโฉ และทหารตกใจแตกตื่นถูกฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมากก็ตกใจ จึงรีบตีฝ่าไปทางด้านเมืองเชียงหยง
ครั้นเล่าเปียวและเตียวสิ้วแตกหนีไปแล้ว โจโฉเกรงว่าหากไล่ติดตามไปก็อาจถูกเตียวสิ้วและเล่าเปียวซุ่มทหารโจมตีกลับคืน ดังนั้นจึงสั่งทหารให้รีบเคลื่อนกำลังออกจากซอกเขาจนพ้นเขตด่านอันจงก๋วน จึงให้ตั้งค่ายไว้เพราะคาดว่าเตียวสิ้วและเล่าเปียวจะต้องยกตามตีอีกครั้งหนึ่ง
ครั้นตั้งค่ายเสร็จลงปรากฏว่าซุนฮกได้ให้ทหารถือหนังสือมาจากเมืองฮูโต๋ แจ้งแก่โจโฉว่าบัดนี้ฝ่ายข่าวกรองได้ทราบว่าอ้วนเสี้ยวเตรียมกองทัพจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ โจโฉทราบดังนั้นจึงสั่งให้เลิกทัพรีบยกกลับเมืองฮูโต๋ในทันที
ฝ่ายเตียวสิ้วและเล่าเปียวเมื่อแตกหนีมาถึงเมืองเซียงหยงแล้ว พอสว่างก็รวบรวมทหารเพื่อเตรียมไล่ตามตีโจโฉอีกครั้งหนึ่ง ครั้นได้รับรายงานว่าบัดนี้โจโฉเลิกทัพและกำลังเคลื่อนทัพจะกลับเมืองฮูโต๋ ก็เห็นเป็นโอกาสที่จะไล่ตามตี จึงให้เตรียมเคลื่อนกองทัพไล่ตามตีกองทัพโจโฉต่อไป
กาเซี่ยงทราบความก็ทัดทานว่าโจโฉถอยทัพครั้งนี้คงเตรียมป้องกันการไล่ตามตีเป็นอันดี ดังนั้นถ้าหากท่านจะยกไปคงจะเสียทีแก่โจโฉ แต่เล่าเปียวเห็นว่าโอกาสที่โจโฉถอยทัพครั้งนี้เป็นโอกาสเหมาะสมที่สุด เตียวสิ้วเห็นด้วยกับเล่าเปียวจึงให้กาเซี่ยงรักษาเมืองแล้วเล่าเปียวกับเตียวสิ้วก็ยกทหารตามโจโฉไป
โจโฉถอยทัพครั้งนี้ได้คาดหมายไว้ก่อนว่าคงจะถูกไล่ตามตี จึงสั่งให้สลับขบวนทัพให้เอาหน่วยเสบียงไปไว้เป็นกองหน้า ให้จัดทหารฝีมือดีมาไว้เป็นกองหลัง เตรียมโจมตีกองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวเมื่อยกติดตามมา และให้แบ่งกองหลังเป็นสองกอง กองหนึ่งตั้งคุมเชิง ในขณะที่กองหนึ่งตามขบวนไป ทุกร้อยเส้นก็ให้กองที่ตามขบวนตั้งมั่นคุมเชิง แล้วให้กองทหารที่ตั้งคุมเชิงอยู่แต่เดิมรีบเคลื่อนตามขบวนไป
ดังนั้นเมื่อกองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวไล่ตามมาทัน กองหลังที่ตั้งสกัดอยู่ก็จุดประทัดให้สัญญาณเข้าตี กองหลังอีกกองหนึ่งที่เคลื่อนตามขบวนไปก็แปรขบวนยกกลับมาหนุนกองที่ตั้งสกัดอยู่
กองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวไล่ตามตีมาด้วยคาดหมายว่าจะโจมตีกองหลังซึ่งเป็นกองเสบียงแต่เมื่อปะทะกับทหารหน่วยรบฝีมือดีก็แตกตื่น ทหารโจโฉได้หนุนเนื่องเข้าตีกองทัพเตียวสิ้วและเล่าเปียวแตกหนีไปอีกครั้งหนึ่ง
เตียวสิ้วและเล่าเปียวพาทหารที่แตกหนีมากลับเข้าเมืองเซียงหยง ปรากฏว่ากาเซี่ยงได้รอพบอยู่ก่อนแล้ว และได้เสนอว่าให้รีบยกทหารไล่ตามตีโจโฉอีกครั้งหนึ่งคงจะได้ชัยชนะ แต่เล่าเปียวไม่เห็นด้วยแย้งว่าเราเพิ่งแตกหนีมา ขืนยกตามไปอีกก็คงจะต้องแตกหนีกลับมาอีก กาเซี่ยงจึงว่าถ้าแม้นยกไปในครั้งนี้แล้วไม่ได้รับชัยชนะ ข้าพเจ้าขอเอาศีรษะเป็นประกัน.