สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 8 สุรามิทันหายอุ่น-ฮัวหยงหัวขาด
ตั๋งโต๊ะเข้ามายึดอำนาจในเมืองหลวง ตั้งตัวเป็นใหญ่ปลดฮ่องเต้องค์เดิม สถาปนาฮ่องเต้องค์ใหม่โดยพละการ ในสายตาของชาวฮั่นทั่วไป ถือว่าเป็นการกระทำที่หยาบช้า จาบจ้วงต่อเบื้องสูง อหังการ์ที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดินโอรสแห่งสวรรค์ของพวกเขา ความชอบธรรม ในความเป็นใหญ่ของตั๋งโต๊ะ จึงตั้งอยู่บน ความแคลงใจของคนทั้งแผ่นดิน เว้นแต่พวกขาดอุดมการณ์บริสุทธิ์ เห็นแก่ลาภยศ รักชาติแต่ปาก เห็นแก่เศษเงิน
การขึ้นมาเป็นใหญ่ของตั๋งโต๊ะ จึงมิได้ขึ้นมาโดยอาศัยอัจฉริะภาพบารมีของตนเอง ถ้าเทียบภูมิหลังแล้ว ตั๋งโต๊ะมิได้เป็นผู้นำที่อุดมด้วยภูมิปัญญาความสามารถมากนัก ที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ก็ด้วยอาศัยวิชามารติดสินบนขันที รวมทั้งความคิดผิด ๆ ของอ้วนเสี้ยวกับโฮจิ๋นให้ทัพหัวเมืองมาฆ่า 10 ขันที สถานการณ์บ้านเมืองกำลัง ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ ลกเอี๋ยงอยู่ในสภาพที่ขาดผู้นำที่แท้ ขาดกองกำลังที่เข้มแข็งพอที่จะต้านทัพหัวเมืองได้ ที่ทำให้บ้านเมืองวิปริตก็เพราะ คนเก่งมีฝีมืออย่างลิโป้กลับไปเข้ากับคนโฉดเยี่ยงตั๋งโต๊ะ ยิ่งทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองเลวร้ายหนักกว่าเดิมอีก
สามพี่น้องเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย กับกองกำลังส่วนน้อย หลังจากที่เตียวหุยทำร้ายต๊กอิ้วขุนนางชั่วฉ้อราษฎร์บังหลวง ก็หนีเตลิดจากอันห้อก้วนมุ่งหน้าไปอาศัยเล่าเก๊งเจ้าเมืองไต้จิ๋วที่สงสารเพราะเห็นเป็นคนแซ่เดียวกัน อีกทั้งยังเห็นว่าต๊กอิ้วทำไม่ถูก และเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ เล่าเก๊งจึงให้ทั้งสามเปลี่ยนชื่อแซ่แล้วซ่อนไว้ในบ้าน เพื่อหลบเลี่ยงหมายจับที่ทั้งสามทำร้ายขุนนาง
ต่อมา มีพระบรมราชโองการให้เล่าหงีเจ้าเมืองอิจิ๋วยกทัพไปปราบกบถ เตียวกี เตียวซุ่น ที่ยึดเมืองยีหยง เล่าเก๊งจึงฝากเล่าปี่กับเล่าหงีให้ไปช่วยทำการรบ เพื่อแก้ความผิดที่ตีต๊กอิ้ว เล่าหงีมีความยินดีด้วยเล่าปี่ เพราะเป็นคนแซ่เดียวกัน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยรบชนะพวกขบถ เล่าหงีจึงกราบทูลความชอบของเล่าปี่ให้ทรงทราบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็โปรดยกโทษให้เล่าปี่ พอดีกับเพื่อนร่วมโรงเรียนของเล่าปี่ชื่อกองซุนจ้านเป็นขุนนางอยู่ในวัง จึงกราบทูลขอให้ตั้งเล่าปี่ไปเป็นเจ้าเมืองชั้นจัตวาเพงงวนก๋วน พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นชอบด้วย ส่วนกวนอู เตียวหุย ขาดเส้นสายไม่มีใครทูลความดีความชอบ ก็คงเป็นทหารเลวไร้ยศตำแหน่งเช่นเดิม
ฝ่ายโจโฉหลังจากก่ออาชญากรรมและแยกทางกับตันก๋งแล้ว ก็ลอบไปหาโจโก๋บิดาที่เมืองตันลิวหา ทางขอเงินทุนจากพ่อซื้อม้ากับอาวุธส้องสุมผู้คนเพื่อทำการพลิกแผ่นดิน ได้อุยหองเศรษฐีใจดีที่มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เห็นด้วยกับอุดมการณ์กู้แผ่นดินของโจโฉจึงให้ความช่วยเหลือเต็มกำลัง โจโฉจึงตั้งกองกำลังที่เมืองตันลิว ทันสมัยใช้คำขวัญบนธงขาวว่า ภักดี-ยุติธรรม เกลี้ยกล่อมผู้คน มีประชาชนเข้ามา ร่วมมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งพวกแซ่แฮหัว กับแซ่โจที่อยู่เมืองอื่นก็มาร่วมด้วย ในจำนวนนี้มีแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน สองพี่น้องคุมกำลังพันเศษ กับโจหยินกับโจหองพี่น้องคุมกำลังอีกพันเศษมาร่วมหัวจมท้ายด้วย
เมื่ออ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองปุดไฮเพื่อนเก่าโจโฉสมัยรับราชการกับโฮจิ๋นรู้ข่าว ยกทหารสมทบกับโจโฉ ทั้งสองปรึกษากันแต่งหนังสือไปกล่อมหัวเมืองต่าง ๆ ให้มาร่วมการแผ่นดิน ในจำนวนนั้นมีกองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋งยกกำลังมาเข้าด้วย โดยชักชวนเล่าปี กวนอู เตียวหุยให้มาร่วมทัพกู้แผ่นดิน อีกทั้งยังมีทัพของซุนเกี๋ยนเจ้าเมืองเตียงสา ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียงและอื่น ๆ ทัพ 18 หัวเมืองจึงกลายเป็นทัพใหญ่ขึ้นมา พร้อมใจกันยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่ ด้วยเห็นว่ามาจากตระกูลขุนนางหลายชั่วคน
อ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่มีบารมีด้วยบุญเก่า แต่ขาดความเป็นผู้นำ กองทัพ 18 หัวเมือง จึงมีแค่ปริมาณแต่ไร้เอกภาพ เมื่อตั๋งโต๊ะรู้ข่าวโจโฉกับอ้วนเสี้ยวนำทัพ 18 หัวเมืองมาประชิดเมืองหลวง จึงออกปากแต่งตั้งลิโป้เป็นแม่ทัพคุมพลออกต่อต้าน แต่ฮัวหยงแม่ทัพฝีมือดีขันรับอาสาบอกตั๋งโต๊ะว่า เชือดไก่ทำไมจะต้องใช้มีดฆ่าโค ตั๋งโต๊ะจึงให้ฮัวหยงเป็นแม่ทัพคุมพลออกต่อต้าน ฮัวหยงเป็นทหารฝีมือเยี่ยม ฆ่าฟันทหารของอ้วนเสี้ยวตายคนแล้วคนเล่า จนอ้วนเสี้ยวนั่งเป็นทุกข์อยู่ มิรู้จะส่งใครไปรบกับฮัวหยงดี กวนอูเห็นเหตุการณ์โดยตลอดรำคาญเต็มที จึงก้าวออกจากแถวทหารเลวที่อยู่ด้านหลังกองซุนจ้าน พูดด้วยเสียงอันดัง ขออาสาไปตัดศีรษะฮัวหยง อ้วนเสี้ยวหรี่ตาถามว่าเจ้าเป็นใคร กองซุนจ้านที่เป็นแม่ทัพชี้แจงว่า ชื่อกวนอู เป็นน้องของเล่าปี่ อ้วนเสี้ยวจึงถามต่อว่า เจ้ามีตำแหน่งอะไร กองซุนจ้านตอบแทนว่า เป็นพลทหารม้า ถือเกาทัณฑ์
แค่นี้เอง อ้วนเสี้ยวโกรธจัดตวาดว่า เจ้าเป็นแค่ทหารเลว ไฉนมาดูหมิ่นแม่ทัพนายกองหัวเมืองทั้งปวงเหมือนกับว่าหมดทางหาใครออกไปสู้ศึก จึงสั่งให้ขับกวนอูออกไป โจโฉยกมือขึ้นห้าม บอกอ้วนเสี้ยวว่าท่านอย่าได้โกรธไปเลย ดูท่วงท่าคนผู้นี้จะมีฝีมือดีอยู่ จึงกล้าขันอาสา ถ้ามันไปเอาศีรษะฮัวหยงมาไม่ได้ เราจึงค่อยลงโทษมันอย่างหนักมิดีกว่าหรือ อ้วนเสี้ยวยังไม่ยอมบอกว่า มันเป็นแค่ทหารเลว ฮัวหยงรู้เข้าจะเยาะเย้ยเราได้ว่าสิ้นฝีมือ โจโฉจึงว่า คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่คมสัน ท่วงทีเป็นทหารเอก ฮัวหยงคงไม่รู้ว่าเป็นทหารเลว กวนอูย้ำอาสาอีกครั้ง ถ้าข้าพเจ้าเอาศีรษะฮัวหยงมาไม่ได้ ท่านจงตัดศีรษะข้าพเจ้าแทน
โจโฉผู้มีสมองกับการอ่านคนฉับไวเหนือกว่าอ้วนเสี้ยว รำพึงในใจว่า คนผู้นี้มิเพียงแต่อาจหาญอย่างเดียว ยังมีความห้าวหาญแฝงอยู่ในบุคลิกภาพเต็มเปี่ยม โจโฉจึงสั่งให้ทหารอุ่นสุรารินใส่จอก ยื่นให้กวนอูดื่มเป็นกำลังใจก่อนออกรบ กวนอูคำนับแล้วบอกว่า ข้าพเจ้าเป็นแค่ทหารเลว มิบังอาจรับเกียรติยศนี้ ของดไว้ก่อน เมื่อข้าพเจ้าได้ศีรษะฮัวหยงมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะขอรับเกียรตินี้จากท่าน
ว่าแล้วกวนอูขี่ม้าถือง้าวออกรบ เสียงกลองศึกและม้าล่อดังอึงคะนึงขึ้นชั่วอึดใจ แม่ทัพนายกองหัวเมืองต่าง ๆ พลันเห็นกวนอูหิ้วศีรษะฮัวหยงเข้ามาทิ้งไว้หน้าค่าย โจโฉยินดียิ่งนัก ยื่นจอกสุราให้แก่กวนอูเป็นเกียรติยศ กวนอูคำนับแล้วรับจอกสุรามาดื่ม ปรากฏว่า สุราจอกนั้นยังโชยควันอุ่นอยู่
เตียวหุยคนเลือดร้อน จึงตะโกนขึ้นมาว่า กวนอูพี่ข้าตัดศีรษะฮัวหยงมาได้ ข้าผู้น้องขออาสาเข้าตีเมืองหลวง จับตัวตั๋งโต๊ะมาให้ท่าน ณ บัดนี้ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธจัดตวาดว่า มึงเป็นแค่ทหารเลว บังอาจอาสาหักหน้าผู้ใหญ่เช่นนี้หยาบคายนัก มึงจงออกไปอยู่ข้างนอกอย่าช้า
โจโฉจึงว่า อันการศึกสงคราม เราไม่ควรจะมัวถือยศถือศักดิ์ ใครทำดีเราก็ควรสนับสนุนส่งเสริมจึงจะชอบ อ้วนเสี้ยวขัดใจนักตอกกลับโจโฉว่า ถ้าท่านเอาแต่ยกทหารเลวขึ้นมาตีเสมอทหารเอก ข้าพเจ้าย่อมไม่อาจบัญชาการรบได้ จำต้องขอยกทัพกลับ โจโฉจึงปลอบว่า อย่าให้เรื่องเล็กแค่นี้ ทำให้เราต้องละทิ้งการใหญ่ ว่าแล้วโจโฉจึงให้กองซุนจ้านพาเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยกลับไปค่าย แต่ก็ได้แอบแต่งหมูเป็ดไก่ลอบส่งไปกำนัลแก่สามพี่น้องเป็นการผูกใจไว้ตามประสาหัวหน้าที่ดี
เพชรตกไปอยู่สถานที่ใด ก็ยังคงความเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ เพียงแต่ว่าจะแสดงตัวดุจเดียวกับกวนอูหรือไม่เท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นความแตกต่างในความเป็นผู้นำของโจโฉกับอ้วนเสี้ยวอย่างเห็นได้ชัด การอ่านคนเป็น อ่านใจคนเก่ง ไม่ถือยศถืออย่าง ยอมรับยกย่องคนดีคนเก่งมีความสามารถ จึงเป็นคุณสมบัติของโจโฉที่มีเหนือกว่าอ้วนเสี้ยวทุกประการ
การขึ้นมาเป็นใหญ่ของตั๋งโต๊ะ จึงมิได้ขึ้นมาโดยอาศัยอัจฉริะภาพบารมีของตนเอง ถ้าเทียบภูมิหลังแล้ว ตั๋งโต๊ะมิได้เป็นผู้นำที่อุดมด้วยภูมิปัญญาความสามารถมากนัก ที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ก็ด้วยอาศัยวิชามารติดสินบนขันที รวมทั้งความคิดผิด ๆ ของอ้วนเสี้ยวกับโฮจิ๋นให้ทัพหัวเมืองมาฆ่า 10 ขันที สถานการณ์บ้านเมืองกำลัง ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ ลกเอี๋ยงอยู่ในสภาพที่ขาดผู้นำที่แท้ ขาดกองกำลังที่เข้มแข็งพอที่จะต้านทัพหัวเมืองได้ ที่ทำให้บ้านเมืองวิปริตก็เพราะ คนเก่งมีฝีมืออย่างลิโป้กลับไปเข้ากับคนโฉดเยี่ยงตั๋งโต๊ะ ยิ่งทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองเลวร้ายหนักกว่าเดิมอีก
สามพี่น้องเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย กับกองกำลังส่วนน้อย หลังจากที่เตียวหุยทำร้ายต๊กอิ้วขุนนางชั่วฉ้อราษฎร์บังหลวง ก็หนีเตลิดจากอันห้อก้วนมุ่งหน้าไปอาศัยเล่าเก๊งเจ้าเมืองไต้จิ๋วที่สงสารเพราะเห็นเป็นคนแซ่เดียวกัน อีกทั้งยังเห็นว่าต๊กอิ้วทำไม่ถูก และเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ เล่าเก๊งจึงให้ทั้งสามเปลี่ยนชื่อแซ่แล้วซ่อนไว้ในบ้าน เพื่อหลบเลี่ยงหมายจับที่ทั้งสามทำร้ายขุนนาง
ต่อมา มีพระบรมราชโองการให้เล่าหงีเจ้าเมืองอิจิ๋วยกทัพไปปราบกบถ เตียวกี เตียวซุ่น ที่ยึดเมืองยีหยง เล่าเก๊งจึงฝากเล่าปี่กับเล่าหงีให้ไปช่วยทำการรบ เพื่อแก้ความผิดที่ตีต๊กอิ้ว เล่าหงีมีความยินดีด้วยเล่าปี่ เพราะเป็นคนแซ่เดียวกัน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยรบชนะพวกขบถ เล่าหงีจึงกราบทูลความชอบของเล่าปี่ให้ทรงทราบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็โปรดยกโทษให้เล่าปี่ พอดีกับเพื่อนร่วมโรงเรียนของเล่าปี่ชื่อกองซุนจ้านเป็นขุนนางอยู่ในวัง จึงกราบทูลขอให้ตั้งเล่าปี่ไปเป็นเจ้าเมืองชั้นจัตวาเพงงวนก๋วน พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นชอบด้วย ส่วนกวนอู เตียวหุย ขาดเส้นสายไม่มีใครทูลความดีความชอบ ก็คงเป็นทหารเลวไร้ยศตำแหน่งเช่นเดิม
ฝ่ายโจโฉหลังจากก่ออาชญากรรมและแยกทางกับตันก๋งแล้ว ก็ลอบไปหาโจโก๋บิดาที่เมืองตันลิวหา ทางขอเงินทุนจากพ่อซื้อม้ากับอาวุธส้องสุมผู้คนเพื่อทำการพลิกแผ่นดิน ได้อุยหองเศรษฐีใจดีที่มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เห็นด้วยกับอุดมการณ์กู้แผ่นดินของโจโฉจึงให้ความช่วยเหลือเต็มกำลัง โจโฉจึงตั้งกองกำลังที่เมืองตันลิว ทันสมัยใช้คำขวัญบนธงขาวว่า ภักดี-ยุติธรรม เกลี้ยกล่อมผู้คน มีประชาชนเข้ามา ร่วมมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งพวกแซ่แฮหัว กับแซ่โจที่อยู่เมืองอื่นก็มาร่วมด้วย ในจำนวนนี้มีแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน สองพี่น้องคุมกำลังพันเศษ กับโจหยินกับโจหองพี่น้องคุมกำลังอีกพันเศษมาร่วมหัวจมท้ายด้วย
เมื่ออ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองปุดไฮเพื่อนเก่าโจโฉสมัยรับราชการกับโฮจิ๋นรู้ข่าว ยกทหารสมทบกับโจโฉ ทั้งสองปรึกษากันแต่งหนังสือไปกล่อมหัวเมืองต่าง ๆ ให้มาร่วมการแผ่นดิน ในจำนวนนั้นมีกองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋งยกกำลังมาเข้าด้วย โดยชักชวนเล่าปี กวนอู เตียวหุยให้มาร่วมทัพกู้แผ่นดิน อีกทั้งยังมีทัพของซุนเกี๋ยนเจ้าเมืองเตียงสา ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียงและอื่น ๆ ทัพ 18 หัวเมืองจึงกลายเป็นทัพใหญ่ขึ้นมา พร้อมใจกันยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่ ด้วยเห็นว่ามาจากตระกูลขุนนางหลายชั่วคน
อ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่มีบารมีด้วยบุญเก่า แต่ขาดความเป็นผู้นำ กองทัพ 18 หัวเมือง จึงมีแค่ปริมาณแต่ไร้เอกภาพ เมื่อตั๋งโต๊ะรู้ข่าวโจโฉกับอ้วนเสี้ยวนำทัพ 18 หัวเมืองมาประชิดเมืองหลวง จึงออกปากแต่งตั้งลิโป้เป็นแม่ทัพคุมพลออกต่อต้าน แต่ฮัวหยงแม่ทัพฝีมือดีขันรับอาสาบอกตั๋งโต๊ะว่า เชือดไก่ทำไมจะต้องใช้มีดฆ่าโค ตั๋งโต๊ะจึงให้ฮัวหยงเป็นแม่ทัพคุมพลออกต่อต้าน ฮัวหยงเป็นทหารฝีมือเยี่ยม ฆ่าฟันทหารของอ้วนเสี้ยวตายคนแล้วคนเล่า จนอ้วนเสี้ยวนั่งเป็นทุกข์อยู่ มิรู้จะส่งใครไปรบกับฮัวหยงดี กวนอูเห็นเหตุการณ์โดยตลอดรำคาญเต็มที จึงก้าวออกจากแถวทหารเลวที่อยู่ด้านหลังกองซุนจ้าน พูดด้วยเสียงอันดัง ขออาสาไปตัดศีรษะฮัวหยง อ้วนเสี้ยวหรี่ตาถามว่าเจ้าเป็นใคร กองซุนจ้านที่เป็นแม่ทัพชี้แจงว่า ชื่อกวนอู เป็นน้องของเล่าปี่ อ้วนเสี้ยวจึงถามต่อว่า เจ้ามีตำแหน่งอะไร กองซุนจ้านตอบแทนว่า เป็นพลทหารม้า ถือเกาทัณฑ์
แค่นี้เอง อ้วนเสี้ยวโกรธจัดตวาดว่า เจ้าเป็นแค่ทหารเลว ไฉนมาดูหมิ่นแม่ทัพนายกองหัวเมืองทั้งปวงเหมือนกับว่าหมดทางหาใครออกไปสู้ศึก จึงสั่งให้ขับกวนอูออกไป โจโฉยกมือขึ้นห้าม บอกอ้วนเสี้ยวว่าท่านอย่าได้โกรธไปเลย ดูท่วงท่าคนผู้นี้จะมีฝีมือดีอยู่ จึงกล้าขันอาสา ถ้ามันไปเอาศีรษะฮัวหยงมาไม่ได้ เราจึงค่อยลงโทษมันอย่างหนักมิดีกว่าหรือ อ้วนเสี้ยวยังไม่ยอมบอกว่า มันเป็นแค่ทหารเลว ฮัวหยงรู้เข้าจะเยาะเย้ยเราได้ว่าสิ้นฝีมือ โจโฉจึงว่า คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่คมสัน ท่วงทีเป็นทหารเอก ฮัวหยงคงไม่รู้ว่าเป็นทหารเลว กวนอูย้ำอาสาอีกครั้ง ถ้าข้าพเจ้าเอาศีรษะฮัวหยงมาไม่ได้ ท่านจงตัดศีรษะข้าพเจ้าแทน
โจโฉผู้มีสมองกับการอ่านคนฉับไวเหนือกว่าอ้วนเสี้ยว รำพึงในใจว่า คนผู้นี้มิเพียงแต่อาจหาญอย่างเดียว ยังมีความห้าวหาญแฝงอยู่ในบุคลิกภาพเต็มเปี่ยม โจโฉจึงสั่งให้ทหารอุ่นสุรารินใส่จอก ยื่นให้กวนอูดื่มเป็นกำลังใจก่อนออกรบ กวนอูคำนับแล้วบอกว่า ข้าพเจ้าเป็นแค่ทหารเลว มิบังอาจรับเกียรติยศนี้ ของดไว้ก่อน เมื่อข้าพเจ้าได้ศีรษะฮัวหยงมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะขอรับเกียรตินี้จากท่าน
ว่าแล้วกวนอูขี่ม้าถือง้าวออกรบ เสียงกลองศึกและม้าล่อดังอึงคะนึงขึ้นชั่วอึดใจ แม่ทัพนายกองหัวเมืองต่าง ๆ พลันเห็นกวนอูหิ้วศีรษะฮัวหยงเข้ามาทิ้งไว้หน้าค่าย โจโฉยินดียิ่งนัก ยื่นจอกสุราให้แก่กวนอูเป็นเกียรติยศ กวนอูคำนับแล้วรับจอกสุรามาดื่ม ปรากฏว่า สุราจอกนั้นยังโชยควันอุ่นอยู่
เตียวหุยคนเลือดร้อน จึงตะโกนขึ้นมาว่า กวนอูพี่ข้าตัดศีรษะฮัวหยงมาได้ ข้าผู้น้องขออาสาเข้าตีเมืองหลวง จับตัวตั๋งโต๊ะมาให้ท่าน ณ บัดนี้ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธจัดตวาดว่า มึงเป็นแค่ทหารเลว บังอาจอาสาหักหน้าผู้ใหญ่เช่นนี้หยาบคายนัก มึงจงออกไปอยู่ข้างนอกอย่าช้า
โจโฉจึงว่า อันการศึกสงคราม เราไม่ควรจะมัวถือยศถือศักดิ์ ใครทำดีเราก็ควรสนับสนุนส่งเสริมจึงจะชอบ อ้วนเสี้ยวขัดใจนักตอกกลับโจโฉว่า ถ้าท่านเอาแต่ยกทหารเลวขึ้นมาตีเสมอทหารเอก ข้าพเจ้าย่อมไม่อาจบัญชาการรบได้ จำต้องขอยกทัพกลับ โจโฉจึงปลอบว่า อย่าให้เรื่องเล็กแค่นี้ ทำให้เราต้องละทิ้งการใหญ่ ว่าแล้วโจโฉจึงให้กองซุนจ้านพาเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยกลับไปค่าย แต่ก็ได้แอบแต่งหมูเป็ดไก่ลอบส่งไปกำนัลแก่สามพี่น้องเป็นการผูกใจไว้ตามประสาหัวหน้าที่ดี
เพชรตกไปอยู่สถานที่ใด ก็ยังคงความเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ เพียงแต่ว่าจะแสดงตัวดุจเดียวกับกวนอูหรือไม่เท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นความแตกต่างในความเป็นผู้นำของโจโฉกับอ้วนเสี้ยวอย่างเห็นได้ชัด การอ่านคนเป็น อ่านใจคนเก่ง ไม่ถือยศถืออย่าง ยอมรับยกย่องคนดีคนเก่งมีความสามารถ จึงเป็นคุณสมบัติของโจโฉที่มีเหนือกว่าอ้วนเสี้ยวทุกประการ