ตอนที่ 89. อุบายใช้ศัตรูกำจัดศัตรู

ครั้นอ้วนสุดทราบว่านอกจากซุนเซ็กจะไม่ช่วยยกกองทัพมาตีเมืองชีจิ๋ว และยังจะยกกองทัพมาตีเมืองลำหยง ชิงเอาตราพระลัญจกรอีกก็โกรธ สั่งให้เตรียมทหารจะยกไปตีเมืองกังตั๋ง แต่เอียวไต้เจียงที่ปรึกษาได้ทัดทานไว้ โดยยกเหตุผลว่าอ้วนสุดเพิ่งแตกทัพมาใหม่ ๆ กำลังยังไม่พร้อม อาจเสียทีแก่ซุนเซ็ก และลิโป้ก็จ้องฉวยโอกาสที่จะยกตลบหลังมาตีเอาเมืองลำหยง

            อ้วนสุดเห็นชอบกับคำทัดทานของเอียวไต้เจียง จึงสั่งให้งดกองทัพไว้

            ฝ่ายซุนเซ็กหลังจากตัดสัมพันธ์กับอ้วนสุดแล้วก็เกรงว่าอ้วนสุดจะยกกองทัพมาตีเมืองกังตั๋ง จึงสั่งให้ทหารเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับอ้วนสุด ในขณะนั้นโจโฉได้ให้ข้าหลวงเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ซุนเซ็กเป็นเจ้าเมืองห้อยแข และมีคำสั่งให้ซุนเซ็กยกกองทัพไปตีอ้วนสุดที่เมืองลำหยง
 ซุนเซ็กทราบความก็ดีใจ ปรึกษากับบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกอง เตรียมการที่จะยกกองทัพไปตีเมืองลำหยง

            เตียวเจียวที่ปรึกษาครั้นทราบความแล้วก็แจ้งความคิดของโจโฉว่าเป็นอุบาย ใช้ศัตรูกำจัดศัตรู จึงทัดทานซุนเซ็กและว่าโจโฉทำการทั้งนี้เพราะประสงค์คิดครองอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินแต่ผู้เดียว จึงวางอุบายให้เมืองกังตั๋งรบกับเมืองลำหยง หากเรายกกองทัพไปรบกับอ้วนสุดก็จะต้องบาดเจ็บล้มตายไปข้างหนึ่ง คู่แข่งของโจโฉก็จะลดไปคนหนึ่ง แม้หากไม่ถึงตายก็ต้องอ่อนกำลังลงทั้งสองฝ่าย แล้วต้องตกอยู่ใต้อำนาจของโจโฉไปสิ้น

            ซุนเซ็กจึงว่าหากเราไม่ยกไป โจโฉก็จะแคลงใจแล้วจะเสียไมตรีต่อกัน

            เตียวเจียวจึงว่า การครั้งนี้จะต้องทำการให้แยบคาย ไม่ให้โจโฉแคลงใจ โดยขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงโจโฉว่าท่านเพิ่งรับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองห้อยแข กำลังทหารยังน้อยอยู่ หากยกไปตีเมืองลำหยงคงจะขัดสน และถ้าเพลี่ยงพล้ำไปก็จะทำให้อ้วนสุดกำเริบ หมิ่นได้ว่ากองทัพของแผ่นดินฮั่นสู้กองทัพของอ้วนสุดไม่ได้ ดังนั้นจึงขอให้โจโฉยกกองทัพมาตีเมืองลำหยง แล้วกองทัพเมืองกังตั๋งก็จะยกไปตีกระหนาบ ดังนี้ก็จะได้ชัยชนะต่ออ้วนสุด

            ข้อเสนอของเตียวเจียวครั้งนี้เป็นการใช้วิชา “พลังหนึ่งตำลึงปัดพันชั่ง” ทำลายกลการเมืองของโจโฉ และยังดึงเอาโจโฉให้เข้ามาทำศึกกับอ้วนสุด อันเป็นการพร่ากำลังของโจโฉให้อ่อนลงจนไม่เป็นอันตรายต่อเมืองกังตั๋งอีกด้วย

            ซุนเซ็กได้ฟังดังนั้นก็ยินดี จึงแต่งหนังสือตามคำของเตียวเจียว แล้วให้ทหารถือไปเมืองฮูโต๋ ครั้นโจโฉได้แจ้งความตามหนังสือแล้วก็สงสัยเพราะเห็นว่าซุนเซ็กอายุยังน้อย ไฉนจึงคิดอ่านสุขุมลุ่มลึก รุกรับทางการเมืองได้ถนัดถนี่เช่นนี้ จึงถามผู้ถือหนังสือว่า ความตามหนังสือนี้เป็นความคิดอ่านของผู้ใด ครั้นทราบว่าเป็นความคิดของเตียวเจียวจึงนึกอยู่แต่ในใจว่าเตียวเจียวคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก แต่มิได้ว่ากล่าวกับผู้ถือหนังสือนั้นแต่ประการใด

            ต่อมาหน่วยสอดแนมได้รายงานข่าวเข้ามายังเมืองฮูโต๋ว่า บัดนี้เมืองลำหยงเกิดภัยแล้ง ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร จนอ้วนสุดต้องจัดกองทัพออกไปเกณฑ์ข้าวปลาอาหารที่เมืองตันลิว โจโฉแจ้งดังนั้นก็เห็นเป็นโอกาสที่จะยกไปตีเมืองลำหยง จึงทำหมายรับสั่งให้ลิโป้ เล่าปี่ และซุนเซ็กยกกองทัพไปตีเมืองลำหยง ปราบอ้วนสุดที่ตั้งตัวเป็นกบฏต่อแผ่นดินเสีย

            โจโฉให้ทหารส่งหมายรับสั่งแล้วจึงสั่งให้จัดเตรียมกองทัพกำลังพลสิบเจ็ดหมื่นให้โจหยินอยู่รักษาเมืองฮูโต๋ ครั้นได้เวลาฤกษ์ดี โจโฉจึงสั่งให้เคลื่อนทัพไปเมืองลำหยง

            ฝ่ายเล่าปี่ซึ่งเป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว ครั้นได้ข่าวว่าลิโป้แต่งตั้งเอียวฮองมาเป็นเจ้าเมืองลองเอี๋ยและให้หันเซียมเป็นเจ้าเมืองกินโต๋ ซึ่งใกล้กับเมืองอิจิ๋วก็วิตกว่าลิโป้กำลังคิดอ่านรุกราน หากสบช่องโอกาสคงจะยกกองทัพมาทำอันตรายเมืองอิจิ๋ว ครั้นได้ทราบข่าวต่อมาอีกว่าเอียวฮองและหันเซียมประพฤติไม่ชอบ ให้ทหารเที่ยวปล้นชิงทรัพย์สินของราษฎร จึงได้โอกาสที่จะกำจัดเอียวฮองและหันเซียมเสีย

            ดังนั้นเล่าปี่จึงให้ทหารไปเชิญเอียวฮองและหันเซียมมากินโต๊ะที่เมืองอิจิ๋ว แล้วสั่งกวนอู เตียวหุยว่าถ้าเราทิ้งจอกสุราตกถึงพื้นเมื่อใด ก็ให้เจ้าจับตัวเอียวฮองและหันเซียมมาตัดศีรษะเสีย

            ครั้นเอียวฮองและหันเซียมรับคำเชิญมากินโต๊ะ เล่าปี่ก็ทำเป็นเมาแล้วทิ้งจอกสุราลงกับพื้น กวนอู และเตียวหุย จึงเข้ามาจับเอียวฮองและหันเซียมไปตัดศีรษะ ขณะนั้นทหารได้เข้ามารายงานเล่าปี่ว่าโจโฉมีหมายรับสั่งให้ยกกองทัพไปเมืองลำหยง และบัดนี้โจโฉได้เคลื่อนทัพมาแล้ว มุ่งหน้ามาทางเมืองอิเจี๋ยงตามเส้นทางที่จะไปเมืองลำหยง 

            เล่าปี่จึงสั่งให้เตรียมกองทัพแล้วยกไปสมทบกับกองทัพโจโฉ โดยให้เอาศีรษะ เอียวฮองและหันเซียมไปด้วย ฝ่ายโจโฉทราบว่าเล่าปี่ยกกองทัพมาสมทบก็ออกไปรับเล่าปี่เข้ามาในค่าย คารวะกันตามธรรมเนียมแล้วเล่าปี่จึงฟ้องกับโจโฉว่า เอียวฮองและหันเซียมสองคนนี้กระทำผิดกฎหมาย เป็นข้าราชการแล้วเที่ยวให้ลูกน้องปล้นชิงทรัพย์สินของราษฎร ข้าพเจ้าจึงจับตัวสองคนนี้ตัดศีรษะมามอบให้ท่าน แต่ตระหนักว่าได้ทำการไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้บอกกล่าวขออนุญาตจากท่าน เป็นความผิดนักหนา ขอท่านจงพิจารณาโทษตามควรเถิด

            โจโฉฟังดังนั้นก็แจ้งความคิดเล่าปี่ว่ายังไม่ไว้วางใจลิโป้ และเห็นว่าจะมีผลทำให้ลิโป้กับเล่าปี่แคลงใจผูกพยาบาทกันต่อไป จึงแสร้งทำเป็นยินดี แล้วกล่าวผสมโรงว่าการที่ท่านกำจัดเอียวฮองและหันเซียมเพื่อช่วยเหลือราษฎรครั้งนี้เป็นความชอบต่อแผ่นดิน ไฉนจะกล่าวว่าเป็นความผิดเล่า ว่าแล้วโจโฉจึงให้ทหารเอาทองคำสามถาดปูนบำเหน็จแก่เล่าปี่ แล้วให้เคลื่อนทัพไปทางเขตเมืองชีจิ๋ว เพื่อจะไปเมืองลำหยงต่อไป

            ฝ่ายลิโป้ได้รับหมายรับสั่งแล้วรอฟังข่าวอยู่ ครั้นทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาแล้วก็ยกทหารออกไปสมทบกับโจโฉที่ชายแดน โจโฉเห็นลิโป้ยกทหารมาสมทบก็ยินดีรีบพูดเอาใจ “ให้อาหารพญานกอินทรี” ว่าเสร็จศึกครั้งนี้แล้วจะกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นอีกสองขั้น และว่าแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากท่านอีกมากเพื่อทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข

            ลิโป้ฟังคำโจโฉสมคล้อยกับคำที่ตันเต๋งเคยกล่าวมาแต่ก่อนก็อิ่มใจ ลุกขึ้นคำนับโจโฉแล้วว่า ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านที่ไว้วางใจ และจะตั้งใจทำราชการให้สำเร็จลุล่วงทุกประการ

            บ่ายวันรุ่งขึ้นโจโฉจึงเรียกประชุมบรรดาแม่ทัพนายกอง พร้อมด้วยเล่าปี่ และลิโป้ กำหนดแผนการโจมตีเมืองลำหยง แล้วให้แฮหัวตุ้นและอิกิ๋มเป็นกองทัพหน้า เล่าปี่เป็นปีกขวา และลิโป้เป็นปีกซ้าย ตัวโจโฉคุมทัพหลวง แล้วสั่งให้เคลื่อนทัพยกไปเมืองลำหยง

            ฝ่ายอ้วนสุดทราบข่าวศึกจึงสั่งให้เกียวเสงคุมทหารห้าหมื่นยกออกมาตั้งสกัดกองทัพโจโฉที่เมืองฉิวฉุน ปะทะกับกองหน้าของโจโฉ เกียวเสงต่อสู้กับแฮหัวตุ้นได้สามเพลงก็ถูกแฮหัวตุ้นเอาทวนแทงตกม้าตาย ทหารของเกียวเสงจึงพากันแตกหนีกลับเข้าเมืองลำหยง

            อ้วนสุดเมื่อทราบว่าโจโฉยกกองทัพใหญ่ ยกมาใกล้จะเข้าเขตเมืองก็เกรงว่าครอบครัวจะเป็นอันตราย จึงพาครอบครัวถอยออกจากเมืองลำหยงไปอยู่เมืองห้วยหนำ และให้โลหอง งักจิว เลียวก๋องและตันกี๋ สี่ทหารเอกคุมทหารสิบหมื่นรักษาเมืองลำหยง

            กองทัพโจโฉเคลื่อนรุดหน้ามาจนถึงกำแพงเมือง จึงให้ลิโป้ตั้งค่ายประชิดทางด้านตะวันออก ให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ไปตั้งค่ายประชิดทางด้านทิศใต้ ตัวโจโฉคุมทัพเมืองฮูโต๋อยู่ทางทิศเหนือของเมืองลำหยง แต่ทางด้านทิศตะวันตกนั้นเป็นทะเล พอดีซุนเซ็กได้รับหมายรับสั่งแล้วยกกองทัพเรือมาลอยลำอยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองลำ หยง ดังนั้นกองทัพฝ่ายเมืองหลวงจึงล้อมเมืองลำหยงไว้ทั้งสี่ด้าน

            ทั้งสองฝ่ายยันศึกกันอยู่โดยที่ฝ่ายเมืองลำหยงไม่ยอมออกรบ โจโฉจะหักเข้าตีเมืองก็ขัดสนเพราะกำแพงเมืองสูงใหญ่ และสี่ทหารเอกของอ้วนสุดได้รักษากำแพงเชิงเทินไว้ไม่ประมาท เวลาผ่านไปเดือนเศษกองทัพโจโฉก็หมดเสบียงลง

            โจโฉจึงให้ทหารไปยืมเสบียงจากกองทัพเรือของซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็ให้ยืมเป็นข้าวหนึ่งหมื่นถัง ครั้นอองเฮาซึ่งเป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายพลาธิการทราบว่ายืมเสบียงได้มาเพียงหมื่นถังไม่เพียงพอต่อการทำศึกในระยะยาว จึงเข้าไปรายงาน กับโจโฉว่าหากการศึกยืดเยื้อไป เสบียงก็จะขัดสน โจโฉจึงสั่งให้ลดจำนวนการจ่ายข้าวให้กับทหารเพื่อยืดเวลาในการใช้เสบียงให้นานออกไป

            อองเฮาจึงท้วงว่าหากทำเช่นนั้นทหารก็จะกินไม่อิ่ม จะทำให้เสียขวัญและหมดกำลังใจในการสู้รบ โจโฉจึงว่าข้าพเจ้าได้คิดอ่านแก้ไขปัญหานี้ไว้แล้ว ท่านอย่าได้วิตกเลย อองเฮาเห็นโจโฉยืนยันขันแข็งเช่นนั้นก็ลากลับออกมา แล้วจ่ายอาหารให้แก่ทหารจำนวนน้อยลงตามคำสั่งของโจโฉ

            ครั้นทหารได้รับอาหารน้อยลงก็กินไม่อิ่ม พากันหิวโหยและบ่นน้อยใจทั่วทั้งกองทัพ ว่าถูกใช้มาทำการศึกแต่ไม่ได้รับการเอาใจใส่เลี้ยงดูให้อิ่มท้อง เสียงนินทาได้ยินถึงโจโฉ จึงคิดอุบายเอาใจทหารเพื่อให้มีน้ำใจสู้รบรีบหักเอาเมืองลำหยง

            ดังนั้นโจโฉจึงให้ทหารไปเรียกอองเฮามาพบแล้วว่า เพื่อให้การเข้ายึดเมืองลำหยงสำเร็จโดยเร็ว ข้าพเจ้าจะขอยืมของสิ่งหนึ่งจากท่านจะได้หรือไม่ อองเฮาพาซื่อจึงตอบว่าถ้าแม้นข้าพเจ้ามีสิ่งของใดที่จะช่วยให้ท่านยึดเมืองลำหยงได้โดยเร็วแล้ว ข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะมอบแก่ท่านด้วยความเต็มใจ

            โจโฉได้ยินดังนั้นก็ยินดี สั่งทหารให้จับตัวอองเฮาไว้แล้วเรียกเพชรฆาตเข้ามา อองเฮาเห็นดังนั้นก็ตกใจถามว่านี่เกิดเรื่องราวใดกัน โจโฉจึงตอบว่าของที่ข้าพเจ้าต้องการยืมคือศีรษะของท่านเพื่อใช้บำรุงขวัญทหารให้มีน้ำใจ ว่าแล้วโจโฉก็กระทำคารวะอองเฮาและสัญญาว่าจะเลี้ยงดูครอบครัวข้างหลังเป็นอย่างดี อย่าได้เป็นทุกข์ใจห่วงใยอีกเลย

            ขณะที่อองเฮาตกตะลึงอยู่นั้น เพชรฆาตก็นำตัวอองเฮาไปประหาร และตัดศีรษะเสียบไว้ที่หน้าค่าย โจโฉจึงให้ประกาศต่อทหารทั้งปวงว่าอองเฮาทุจริตยักยอกข้าวในคลังเสบียง จึงทำให้ทหารได้รับอาหารน้อยลง โจโฉไต่สวนได้ความเป็นสัตย์แล้วจึงให้ตัดศีรษะอองเฮาเสีย

            บรรดาทหารทั้งปวงไม่ทราบต้นสายปลายเหตุที่ได้รับอาหารน้อยลงก็หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงพากันยินดีที่โจโฉมีความเด็ดขาดห่วงใยทหาร และจัดการแก้ไขปัญหาที่ต้นตออย่างรวดเร็ว โจโฉทราบความดังนั้นจึงประกาศให้ทหารเบิกอาหารได้ตามเดิมและสั่งให้เตรียมการโจมตีเมืองลำหยง และประกาศเตือนว่าถ้าผู้ใดย่อท้อถอยหนีจะถูกประหารชีวิต

            ในการยกทัพมากำจัดอ้วนสุดครั้งนี้ โจโฉได้ใช้ศัตรูคือลิโป้ ซุนเซ็ก และเล่าปี่เป็นกำลังเพื่ออาศัยมือของศัตรูกำจัดศัตรูอย่างหนึ่ง และบั่นทอนกำลังของศัตรูที่ตัวเองใช้ให้อ่อนแอลงไม่กล้ากำเริบแข็งข้ออีกอย่างหนึ่ง ทั้งยังวางแผนยืมศีรษะของนายทหารพลาธิการที่ทำการโดยสุจริตเต็มตามหน้าที่และตามคำสั่งของตัวเองเป็นเครื่องมือ เพื่อลวงทหารให้นับถือศรัทธา เสกสร้างสถานการณ์เพื่อให้ทหารพร้อมใจกล้าหักเข้าตีเมืองลำหยงโดยไม่กลัวยากลำบาก และไม่กลัวตาย

            ความคิดชนิดนี้หากมิใช่ความคิดของคนระดับอัครมหาเสนาบดีที่มีหน้าที่ทำนุบำรุงแผ่นดินให้มีความเป็นเอกภาพและเป็นสุขก็ย่อมเห็นได้ว่าเป็นความคิดอ่านวางแผนและอุบายที่ล้ำเลิศ แต่เมื่อโจโฉมีหน้าที่ต่อแผ่นดินดั่งนี้ การกระทำของโจโฉในครั้งนี้จึงเป็นการขยายสงครามภายในประเทศให้ลุกลามไปทั่วทุกหัวเมือง และทำลายความไว้วางใจกันและกันลงอย่างสิ้นเชิง เป็นผลให้การรวบรวมแผ่นดินของโจโฉไม่ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นสงครามระหว่างขุนศึกทั่วทั้งประเทศจนกลายเป็นสามก๊กในกาลต่อมา

            ครั้นถึงวันกำหนดเข้าโจมตีตามแผนการ โจโฉจึงสั่งให้ทุกกองทัพเคลื่อนพลเข้าโจมตีเมืองลำหยงพร้อมกันทั้งสี่ด้าน.
 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร