ตอนที่ 88. แผนปัดฝุ่นให้ไกลตา

หันเซียมฟังคำตันเต๋งแล้วกระทบเข้ากับแก่นใจเพราะใจแท้ของหันเซียมนั้นยังคงยึดมั่นอยู่ในพระราชวงศ์ฮั่น ความคุ้นเคยใกล้ชิดกับพระเจ้าเหี้ยนเต้แต่ครั้งช่วยป้องกันพระเจ้าเหี้ยนเต้จากการไล่ตามตีของลิฉุย กุยกี ยังคงประทับอยู่ในน้ำใจลึก และการที่หนีมาเข้าด้วยอ้วนสุดนั้น ก็เป็นเพราะเกรงอำนาจของโจโฉ หาใช่เพราะสิ้นความจงรักภักดีต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ไม่ หันเซียมจึงนิ่งอึ้งไปในทันใด

            ตันเต๋งเห็นอาการของหันเซียมก็รู้ว่าวาจาตนเป็นศรศิลป์ถูกเป้ากลางใจของหันเซียม จึงสำทับซ้ำเพื่อให้หันเซียมรำลึกถึงความหลังแล้วกระเทือนใจว่า ในครั้งนั้น ณ ด่านกวนต๋ง พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงตกอยู่ในความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ถูกกบฎข่มเหงย่ำยีจนต้องหนีออกจากเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ตามบ้านราษฎร ทุกที่ทางที่ผ่านไปต้องอาศัยข้าวปลาของราษฎรประทังชีวิต ความทุกข์ยากแสนเข็ญและความเสี่ยงตายในครั้งนั้นก็ตัวท่านมิใช่หรือที่ยืนอยู่ข้างองค์พระเจ้าเหี้ยนเต้ โดยไม่กลัวตาย ไม่กลัวยากลำบาก ความจงรักภักดีที่ท่านมีต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ในครั้งนั้นเป็นที่เล่าขานทั่วทั้งแผ่นดิน ความชอบท่านมีต่อแผ่นดินเป็นอันมาก “เหมือนนกมีรังแล้ว บัดนี้ท่านทิ้งรังเสีย” มาอยู่ด้วยอ้วนสุดซึ่งเป็นขบถต่อแผ่นดิน ดังนี้มีหรืออ้วนสุดจะวางใจท่าน นานไปคงจะระแวงสงสัยแล้วสังหารท่านเสียเป็นมั่นคง โอกาสนี้เป็นโอกาสที่สวรรค์ได้ประทานกับท่าน ที่จะทำความชอบไว้แก่แผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง ฟ้าเปิดทางให้ท่านคืนหลังกลับรังเดิมแล้ว ท่านอย่าลังเลใจอีกต่อไปเลย

            หันเซียมได้ฟังคำตันเต๋งใจก็หวนระลึกถึงความหลังแต่ครั้งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถวายการอารักขาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ณ ด่านกวนต๋ง สีหน้าก็สลดลง แล้วทอดถอนใจใหญ่และว่าความที่ท่านกล่าวทั้งนี้ใช่ว่าเราจะลืมเลือน แต่เมื่อได้ถลำมาอยู่กับอ้วนสุดถึงเพียงนี้แล้วก็ไม่รู้ที่จะทำประการใด จึงขออาศัยสติปัญญาท่านช่วยคิดอ่านแก้ไขให้ด้วยเถิด

            ตันเต๋งเห็นได้ทีและการสมคะเนตามที่อาสามาจึงเอาหนังสือของลิโป้มอบให้หันเซียม  หันเซียมเปิดหนังสือที่ลิโป้ขอให้ช่วยทำการเพื่อสร้างความชอบไว้ในแผ่นดินก็กล่าวกับตันเต๋งว่าเมื่อเป็นการของแผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้ดังนี้ท่านจงวางใจเถิด ข้าพเจ้าจะตั้งหน้าทำการสนองพระเดชพระคุณให้สำเร็จจงได้ และข้าพเจ้าจะไปปรึกษาคิดอ่านกับเอียวฮองเพื่อให้ร่วมกันทำการ ท่านจงกลับไปบอกลิโป้เถิดว่าเมื่อรบกับอ้วนสุดเวลาใดถ้าเห็นเพลิงลุกขึ้นทางด้านใดก็ให้ลิโป้เข้าตีทางด้านนั้น ข้าพเจ้ากับเอียวฮองจะช่วยทำการให้สำเร็จ

            ตันเต๋งได้ฟังดังนั้นก็ดีใจจึงฝากหนังสือของลิโป้อีกฉบับหนึ่งที่มีถึงเอียวฮองไว้กับหันเซียม แล้วกล่าวขอบคุณหันเซียมเป็นอันมาก เสร็จการแล้วตันเต๋งจึงขอลาหันเซียมกลับมารายงานให้ลิโป้ทราบ

            ลิโป้ทราบความจากตันเต๋งแล้วดีใจนัก เพราะเห็นว่าบัดนี้กองทัพเจ็ดสายของอ้วนสุดยังคงเหลืออยู่เพียงห้าสายเท่านั้น จึงสั่งให้จัดทัพเป็นห้ากอง ให้โกสุ้นคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปช่วยเมืองเสียวพ่ายรบกับเกียวเสง ให้ตันก๋งคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปเมืองกินโต๊รบกับตันกี๋ ให้เตียวเลี้ยวคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปเมืองลองเอี๋ยรบกับลุยป๊ก ให้ซงเหียนและงุยซกคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปเมืองเกียดเซ็กรบกับตันหลัน ตัว  ลิโป้ยกทหารสามหมื่นล้วนแล้วแต่มีฝีมือดียกออกจากเมืองชีจิ๋วไปตั้งค่ายสกัดทัพของเตียวหุนและอ้วนสุดอยู่ที่ชายแดน

            ครั้นเตียวหุนยกกองทัพมาถึงชายแดนเมืองชีจิ๋วเห็นกองทัพลิโป้ตั้งค่ายสกัดอยู่จึงให้ตั้งค่ายประชิดไว้ แล้วให้ทหารออกไปท้าลิโป้ออกมารบกัน ลิโป้เห็นกองทัพเตียวหุนยกมาประชิดเร็วกว่ากำหนดที่คาดหมายก็เกรงว่ากองทัพอีกสี่สายของเตียวหุนที่ยกไปตีสี่หัวเมืองจะยังเดินทางไปไม่ถึง อาจยกย้อนกลับมาตลบหลังก็จะเสียทีแก่ข้าศึก จึงไม่ออกรบ เพราะต้องการถ่วงเวลาเพื่อให้กองทัพสี่สายของเตียวหุนเคลื่อนออกไปไกลจนยกกลับมาช่วยไม่ทันเสียก่อน

            ดังนั้นค่ำลงลิโป้จึงสั่งให้ถอนค่ายแล้วถอยทัพมาห้าร้อยเส้นตั้งค่ายมั่นลงไว้ รุ่งขึ้นเตียวหุนทราบว่าลิโป้ถอนค่ายถอยทัพไปแล้วก็สั่งทหารให้ถอนค่ายรุกคืบหน้าต่อไป จนพบกับค่ายใหม่ของลิโป้ที่ตั้งสกัดอยู่ก็ให้ตั้งค่ายประชิดไว้อีก

            ทางด้านหันเซียมเมื่อตกปากรับคำกับตันเต๋งแล้วก็ตั้งค่ายมั่นไว้ไม่ออกรบ แล้วรีบไปพบกับเอียวฮองแจ้งความตามที่ได้ตกปากรับคำไว้กับตันเต๋งให้เอียวฮองทราบทุกประการ เอียวฮองเห็นชอบด้วยกับการตัดสินใจของหันเซียม จึงวางแผนร่วมกันถอนทหารกลับมาที่ค่ายของเตียวหุนและอ้างกับเตียวหุนว่าได้ทราบข่าวว่าลิโป้ยกกองทัพมาโจมตีกองทัพของเตียวหุน เกรงว่าจะเสียทีจึงยกกองทัพมาช่วย เตียวหุนก็มิได้สงสัย ดังนั้นทหารของเอียวฮองและหันเซียมจึงตั้งค่ายรวมอยู่กับกองทัพของเตียวหุน

            ครั้นค่ำลงเวลาล่วงสองยามเอียวฮองและหันเซียมจึงให้ทหารเอาเพลิงเผาค่ายขึ้น และให้ทหารของตัวร้องสับสนอลหม่านเป็นทำนองว่ากองทัพลิโป้ยกมาปล้นค่าย

            ฝ่ายลิโป้ตั้งค่ายยันอยู่กับกองทัพของเตียวหุน ให้ทหารคอยสังเกตสัญญาณไฟที่เอียวฮองและหันเซียมจะทำการภายในกองทัพของเตียวหุน ครั้นเห็นเพลิงไหม้ที่ค่ายของเตียวหุน ลิโป้จึงสั่งทหารให้ยกพร้อมกันเข้าไปปล้นค่ายเตียวหุน

            ในขณะที่กองทัพเตียวหุนกำลังสับสนอลหม่านว่ากองทัพลิโป้บุกเข้ามาในค่ายแล้ววางเพลิงเผาค่ายนั้น ทหารของลิโป้ก็ได้หักเข้าตีค่ายของเตียวหุนแตก ทหารของ   ลิโป้ได้ฆ่าฟันทหารของเตียวหุนล้มตายลงเป็นจำนวนมาก เตียวหุนเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบขึ้นม้านำทหารที่สนิทฝ่าทหารของลิโป้หนีออกจากค่าย

            ลิโป้เห็นดังนั้นก็ยกทหารไล่ตามตีเตียวหุนไป เตียวหุนนำทหารรบพลางถอยพลาง จนร่นไปถึงกองทัพของกิเหลงซึ่งเป็นกองทัพหนุน กิเหลงเห็นเช่นนั้นจึงชักม้าเข้ารบด้วยลิโป้ ในขณะที่กิเหลงกำลังต่อสู้อยู่กับลิโป้นั้น เอียวฮองและหันเซียมได้ยกทหารตามมาช่วยลิโป้ เห็นเหตุการณ์จึงเข้าตีกระหนาบกิเหลง กิเหลงเห็นจะสู้ไม่ได้ก็ควบม้าหนีไปพร้อมกับทหาร

            กองทัพหนุนของกิเหลงแตกร่นลงไปจนถึงกองทัพหลวงของอ้วนสุด ซึ่งขณะนั้นตั้งค่ายมั่นอยู่ที่เชิงเขา จึงพากันหนีเข้าไปอยู่ในค่ายของอ้วนสุด ครั้นลิโป้ไล่ตามตีมาถึงค่ายของอ้วนสุดก็ “เห็นปักธงมังกร ธงหงส์ เป็นเครื่องสำหรับทัพกษัตริย์ แล้วเห็นอ้วนสุดใส่เสื้อพื้นทอง ถือกระบี่สองมือ ยืนขี่ม้ากั้นสัปทนทองอยู่ในค่าย”

            สามก๊กฉบับสมบูรณ์ได้บรรยายความตอนนี้ว่า “ธงประจำกองทัพ ธงนั้นปักเป็นลายหงส์ มังกร สุริยันจันทรา แห่แหนด้วยเต้าเหลี่ยมสี่ใบ ประดับด้วยธงเบญจธาตุ ทหารอารักขาถืออาวุธกรงเล็บทอง ขวานเงิน หอกเหลือง ธงขาวประดับหางจามรี แพรพรรณเหลืองอร่าม ตามด้วยร่มฉัตรสีทอง อ้วนสุดอยู่ในชุดเสื้อเกราะทองคำ ที่เอวคาดดาบสองเล่ม ขี่ม้าเป็นสง่าอยู่หน้าขบวนรบ”

            ลิโป้เห็นดังนั้นจึงควบม้าขึ้นไปที่เนินเขาหน้าค่าย อ้วนสุดเห็นลิโป้จึงเอากระบี่ชี้มาที่ลิโป้แล้วว่า ตัวมึงเป็นคนชาติต่ำ ไฉนบังอาจคิดกบฎจะต่อสู้กับกูผู้เป็นพระมหากษัตริย์ ไม่คู่ควรกันเลย ว่าแล้วก็สั่งให้โลหองนำทหารออกจากค่ายรบด้วยลิโป้

            ลิโป้ได้ยินอ้วนสุดด่าดังนั้นก็โกรธ เห็นโลหองยกทหารออกมาก็ระบายความโกรธใส่โลหอง รีบชักม้าปรี่เข้าหาโลหอง รบกันได้สามเพลงลิโป้ก็เอาทวนแทง โลหองหลบได้ทันแต่เห็นว่าสู้ลิโป้ไม่ได้จึงชักม้าพาทหารหนีกลับจะเข้าค่าย

            ลิโป้เห็นได้ทีจึงสั่งทหารให้รีบยกตามตี กองทหารม้าของลิโป้ได้รุกเข้าตีอย่างรวดเร็ว ทหารรักษาประตูค่ายของอ้วนสุดป้องกันไว้ไม่ทัน ทหารลิโป้จึงรุกเข้าไปในค่ายของอ้วนสุด ทหารอ้วนสุดเห็นดังนั้นก็พากันแตกตื่นอลหม่าน อ้วนสุดไม่ทันจะตั้งตัวก็ตกใจรีบพาทหารหนีออกจากค่าย

            ลิโป้เห็นอ้วนสุดหนีไป แต่เห็นภายในค่ายมีทรัพย์สินข้าวของเป็นอันมาก เกรงว่าผู้อื่นจะช่วงชิงไป ดังนั้นจึงให้ทหารเก็บข้าวของ สินศึกในค่ายของอ้วนสุด ได้เสบียง อาวุธยุทโธปกรณ์และข้าวของเป็นจำนวนมาก เสร็จแล้วจึงยกตามอ้วนสุดไป

            อ้วนสุดพาทหารแตกหนีออกจากค่ายไปได้ประมาณสามสิบเส้น พบกับกองทัพของกวนอูซึ่งรับคำสั่งเล่าปี่ให้ยกมาช่วยลิโป้ อ้วนสุดเห็นกวนอูคุมทหารมาแต่น้อยจึงคุมทหารจะเข้ารบด้วยกวนอู

            กวนอูเห็นอ้วนสุดแต่งตัวอย่างพระมหากษัตริย์ จึงร้องด่าว่าอ้วนสุดเป็นกบฏ อ้วนสุดได้ยินกวนอูด่าก็โกรธ ชักม้าจะเข้ารบด้วยกวนอู แต่โชคดีที่ยังไม่ถึงที่ตาย อ้วนสุดได้ยินเสียงทหารของลิโป้โห่ร้องไล่ตามมาสมทบจึงรีบชักม้าเบนหนี พาทหารหนีกลับไปเมืองลำหยง กองทัพทั้งสี่กองที่เหลือของอ้วนสุดครั้นได้ทราบว่าอ้วนสุดแตกทัพยกหนีกลับเมืองลำหยงแล้ว ต่างก็รีบยกทัพกลับไปเมืองลำหยง

            อ้วนสุดยกทัพใหญ่มาโจมตีเมืองชีจิ๋ว จัดกองทัพเป็นเจ็ดสาย รุกเข้าตีเป็นเจ็ดทิศทาง ตั้งท่าดี แต่ผลกลับผิดคาด ต้องแตกทัพหนีอย่างทุลักทุเล โดยที่กองทัพทั้งสองฝ่ายยังมิได้เผชิญหน้าสู้รบกันอย่างจริงจัง จึงเป็นศึกกษัตริย์กำมะลอที่อ่อนแอปวกเปียกประดุจเต้าหู้เท่านั้น

            ลิโป้ได้ชัยชนะศึกแล้วจึงให้เชิญกวนอู หันเซียม เอียวฮองเข้าไปในเมืองชีจิ๋ว สั่งให้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยแก่บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวง และปูนบำเหน็จแจกเงินทองเสื้อผ้าแก่ทหารของกวนอู หันเซียม และเอียวฮองเป็นอันมาก

            ครั้นรุ่งขึ้นกวนอูเสร็จภารกิจแล้วจึงขอลาลิโป้กลับไปเมืองอิจิ๋ว ฝ่ายลิโป้ก็เรียกตันกุ๋ย ตันเต๋งเข้ามาปรึกษาว่าการศึกครั้งนี้เอียวฮองและหันเซียมมีความชอบเป็นอันมาก จะแต่งตั้งให้หันเซียมไปเป็นเจ้าเมืองกินโต๋ และให้เอียวฮองไปเป็นเจ้าเมืองลอง เอี๋ย หรือว่าจะแต่งตั้งให้ทั้งสองคนเป็นขุนนางอยู่ในเมืองชีจิ๋ว หรือให้ไปเป็นเจ้าเมืองอื่น

            ตันกุ๋ยจึงเสนอว่าเอียวฮองและหันเซียมเป็นผู้กว้างขวาง และเป็นที่เชื่อถือของราษฎรในดินแดนซัวตั๋งฝ่ายตะวันออก ดังนั้นจึงสมควรแต่งตั้งให้หันเซียมไปเป็นเจ้าเมืองกินโต๋ และให้เอียวฮองไปเป็นเจ้าเมืองลองเอี๋ย หากเป็นดั่งนี้แล้วพรรคพวกของ เอียวฮองและหันเซียมในแถบนั้นก็จะพากันเข้ามาทำราชการ เมืองทั้งสองก็จะเข้มแข็งเติบใหญ่เจริญรุ่งเรืองขึ้น ไม่เป็นภาระแก่เมืองชีจิ๋วอีกต่อไป แม้หากศึกเหนือเสือใต้ยกมาก็จะสามารถรับมือข้าศึกได้ ไม่ต้องเดือดร้อนถึงเมืองชีจิ๋ว

            ลิโป้เห็นด้วยกับข้อเสนอของตันกุ๋ย จึงให้เชิญเอียวฮองและหันเซียมเข้ามาพบแล้วแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองตามความเห็นของตันกุ๋ย แล้วว่าตั้งแต่บัดนี้ไปท่านเป็นข้าราชการในพระเจ้าเหี้ยนเต้เหมือนดังเดิม ขอให้คิดอ่านบำรุงบ้านเมืองและราษฎรให้เป็นสุข หากข้าพเจ้ามีราชการสิ่งใดก็จะมีหนังสือไปถึงท่านให้ทำการ

            เอียวฮองและหันเซียมลุกขึ้นคำนับขอบคุณลิโป้แล้วรับคำว่าจะรักษาหน้าที่เป็นอันดี แล้วลาลิโป้ออกจากเมืองชีจิ๋วไปรับตำแหน่งตามที่ได้รับมอบหมาย

            ตันเต๋งสงสัยในความคิดของตันกุ๋ยผู้บิดาว่าเหตุใดจึงไม่รั้งเอียวฮองและ     หันเซียมไว้ช่วยคิดทำการในเมืองชีจิ๋ว กลับผลักไสให้ไปอยู่แดนไกล ครั้นกลับมาถึงบ้านจึงถามตันกุ๋ยผู้บิดาว่ามีเหตุผลกลใดจึงเสนอต่อลิโป้เช่นนั้น

            ตันกุ๋ยได้ไขความสงสัยว่า “นี่คืออุบายปัดฝุ่นให้ไกลตา” เพราะเอียวฮองและหันเซียมสองคนนี้เป็นคนเห็นแก่ลาภยศ มีจิตใจโลเล เอาเป็นหลักและแก่นสารมิได้ หากได้เป็นขุนนางในเมืองชีจิ๋วและลิโป้เลี้ยงดูถึงขนาดแล้วก็จะเป็นใจเข้าด้วยลิโป้ เราก็จะทำการไม่สะดวก แต่หากให้ไปอยู่แดนไกลแล้วก็จะไม่เป็นอันตรายต่อเรา

            ตันเต๋งได้ฟังคำตันกุ๋ยก็แจ้งในความคิดแล้วชื่นชมความคิดของผู้เป็นบิดาว่าลุ่มลึกรอบคอบยิ่งนัก สิ้นสงสัยแล้วจึงลาบิดากลับไปที่อยู่

            ฝ่ายอ้วนสุดเมื่อแตกทัพหนีกลับเมืองลำหยงแล้วผูกใจแค้นลิโป้เป็นอันมาก ทุกวันคืนคิดแต่จะล้างแค้นลิโป้ให้จงได้ แต่เห็นว่าลำพังกองทัพเมืองลำหยงด้านเดียวยากที่จะทำการได้สำเร็จ จึงคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากซุนเซ็ก

            ดังนั้นอ้วนสุดจึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปหาซุนเซ็กที่เมืองกังตั๋ง ฝ่ายซุนเซ็กครั้นทราบความตามหนังสือของอ้วนสุดว่าจะขอให้ซุนเซ็กยกกองทัพจากเมืองกังตั๋งไปตีเมืองชีจิ๋ว โดยอ้วนสุดจะยกกองทัพไปตีกระหนาบอีกทางหนึ่งก็โกรธ ด่าอ้วนสุดต่อหน้าทหารผู้ถือหนังสือว่าอ้วนสุดคิดคดกบฏต่อแผ่นดิน เมื่อครั้งก่อนได้บิดพลิ้วฉ้อเอาตราพระลัญจกรไว้ไม่ยอมคืน แล้วยังหน้าด้านมาขอให้ช่วยยกไปตีเมืองชีจิ๋วอีก

            ว่าแล้วซุนเซ็กจึงบอกทหารผู้ถือหนังสือของอ้วนสุดว่าเจ้าจงกลับไปบอกอ้วนสุดว่า เราได้รับหนังสือแล้วไม่เพียงแต่จะไม่ยกไปช่วยตีเมืองชีจิ๋วเท่านั้น แต่เราจะยกกองทัพไปตีเมืองลำหยงเสียทีเดียว และจะชิงเอาตราพระลัญจกรคืนให้จงได้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร