ตอนที่ 86. กลยุทธ์เลี้ยงเสือและนกอินทรี
เพลิงสวาทได้ลุกลามกลายเป็นไฟเผาผลาญกองทัพโจโฉจนหมดสิ้น ทหารของเตียวสิ้วได้โจมตีกองทัพโจโฉที่ตกอยู่ในสภาพตื่นตระหนก ณ แดนเมืองอ้วน เซีย จนแตกกระเจิง ทหารของโจโฉถูกเพลิงคลอก และถูกทหารเตียวสิ้วฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมาก
ตัวโจโฉหนีออกจากค่ายทางด้านหลัง ไปกับโจอันบิ๋นหลานคู่ใจ พอใกล้แม่น้ำหยกซุยทหารเตียวสิ้วกองหนึ่งได้ใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงถูกม้าโจโฉล้มลงถึงแก่ความตาย ตัวโจโฉต้องเกาทัณฑ์แต่ไม่ถูกที่สำคัญ จึงวิ่งหนีไปแต่ลำพัง ส่วนโจอันบิ๋นหลานคู่ใจถูกเกาทัณฑ์ถึงแก่ความตาย ณ ที่นั้น
โจโฉวิ่งหนีไปได้เกือบร้อยเส้น ได้พบกับโจงั่งผู้เป็นบุตรซึ่งแตกหนีมาเช่นเดียวกัน โจงั่งจึงเอาม้าของทหารให้โจโฉขี่แล้วพากันหลบหนีต่อไป แต่หนีไปได้ไม่กี่เส้นก็ถูกกองทหารของเตียวสิ้วอีกกองหนึ่งไล่ตามไปทัน ใช้เกาทัณฑ์ยิงถูกโจงั่งตายไปอีกคนหนึ่ง โจโฉโชคยังดีจึงหลบหนีรอดไปได้อีก
ขณะนั้นแฮหัวตุ้นและทหารซึ่งแตกหนีอดอยากเที่ยวปล้นสดมภ์ เสบียงอาหารและข้าวของจากราษฎรตามชายแดนเมืองอ้วนเซีย อิกิ๋มซึ่งคุมทหารแตกหนีมาอีกทางหนึ่งพบเหตุการณ์เข้าเห็นทหารแฮหัวตุ้นประพฤติผิดวินัยกองทัพจึงเข้าช่วยเหลือราษฎร สังหารทหารแฮหัวตุ้นไปหลายคน
ทหารแฮหัวตุ้นพากันหนีอิกิ๋มไปพบแฮหัวตุ้น จึงพากันหนีต่อไปและพบกับโจโฉจึงนำความรายงานให้โจโฉทราบว่า อิกิ๋มเป็นกบฎ ทหารของอิกิ๋มทราบเรื่องราวก็ไปบอกให้อิกิ๋มทราบ ขณะนั้นอิกิ๋มได้ข่าวว่าเตียวสิ้วกำลังยกทหารติดตามมา จึงสั่งทหารให้ตั้งค่ายมั่นไว้และไม่เข้าไปหาโจโฉ หวังเอาความจริงและความชอบในการสกัดทัพเตียวสิ้วเข้าแก้ข้อหา
ครั้นเตียวสิ้วยกตามมาจึงปะทะกับอิกิ๋ม เตียวสิ้วสู้อิกิ๋มไม่ได้จึงแตกถอยร่นมาถึงแม่น้ำหยกซุย อิกิ๋มได้ยกทหารไล่ตามตีเตียวสิ้วจนเตียวสิ้วต้องถอยร่นและปะทะเข้ากับโจโฉและกองทหารของแฮหัวตุ้น ทหารของโจโฉทั้งสองด้านได้รุมตีกระหนาบเตียวสิ้ว ทำให้ทหารของเตียวสิ้วบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เตียวสิ้วเห็นว่าทหารเหลืออยู่น้อยตัวนัก สู้โจโฉไม่ได้ จึงพาทหารที่เหลืออยู่นั้นหนีไปอาศัยเล่าเปียว ที่เมืองเกงจิ๋ว
อิกิ๋มจึงเข้าไปหาโจโฉเล่าความที่ทหารแฮหัวตุ้นกระทำผิดวินัยกองทัพ ปล้นชิงทรัพย์สินของราษฎร ทำให้เสื่อมเสียเกียรติของทหารหลวงจึงฆ่าเสียเพื่อพิทักษ์เกียรติของโจโฉไว้ โจโฉฟังรายงานแล้วพอใจ แต่สงสัยว่าทำไมอิกิ๋มจึงตั้งค่ายมั่นไม่ยอมออกมาต้อนรับโจโฉเข้าไปในค่าย
อิกิ๋มจึงว่าได้ทราบข่าวว่าเตียวสิ้วกำลังยกทหารไล่ตามตี จึงตั้งค่ายสกัดไว้ เพื่อตีเตียวสิ้วให้แตกไปก่อน จึงจะป้องกันโจโฉและพลิกสถานการณ์ได้ แต่กระนั้นก็สำนึกว่าได้กระทำความผิดจึงคุกเข่าลงขออภัยต่อโจโฉ
โจโฉได้ฟังความตลอดแล้วจึงตำหนิแฮหัวตุ้นที่ปกครองทหารหละหลวมแล้วยังมากล่าวฟ้องให้ร้ายอิกิ๋มอีก แต่เห็นว่าแฮหัวตุ้นมีความชอบมาแต่ก่อนจึงให้ภาคทัณฑ์ไว้ แล้วสรรเสริญอิกิ๋มเป็นอันมากที่คิดอ่านแก้ไขสถานการณ์พลิกจากแพ้แก้เป็นชนะกลับคืนได้ โจโฉได้มอบรางวัลให้แก่อิกิ๋มเป็นอันมาก แล้วปูนบำเหน็จตั้งให้อิกิ๋มเป็นขุนนางที่พระยาจำเริญอายุ
โจโฉจัดแจงกองทัพเสร็จแล้วจึงสั่งให้ทำพิธีเซ่นไหว้เตียนอุย โจอันบิ๋น และโจงั่งผู้บุตรที่ริมแม่น้ำหยกซุย แล้วประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่าแม้ศึกครั้งนี้จะเสียบุตรและหลานไป แต่มิได้เศร้าโศกเสียใจเท่ากับการเสียเตียนอุย ว่าแล้วโจโฉก็ร้องไห้
ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจว่าโจโฉมีน้ำใจรักทหารยิ่งกว่าบุตรหลาน ต่างซาบซึ้งน้ำใจโจโฉเป็นอันมาก พากันร้องไห้รักโจโฉ
ครั้นเสร็จพิธีเซ่นไหว้แล้วโจโฉจึงให้เลิกทัพ พกเอาความเคียดแค้นเตียวสิ้วกลับไปเลียแผลอยู่ที่เมืองฮูโต๋ ครั้นสร่างโศกจิตใจสงบเป็นปกติลงแล้ว จึงรำลึกทบทวนสาเหตุของการแตกทัพจนต้องเสียเตียนอุย องครักษ์ที่วางใจสูงสุด เสียทั้งบุตรและหลาน และทหารเป็นอันมาก ก็สำนึกว่าความผิดพลาดทั้งนั้นเกิดแต่ตัวเองประพฤติปฏิบัติผิดกฎแห่งพิชัยสงครามถึงสามสถาน คือเป็นแม่ทัพตั้งอยู่ในความประมาทหนึ่ง ประพฤติล่วงขนบธรรมเนียมประเพณีทำลายน้ำใจมิตรจนต้องล้างผลาญกันเองหนึ่ง และอยู่หน้าศึกแต่มัวเมาลุ่มหลงในอิสตรีไม่เป็นอันว่าราชการสงครามอีกหนึ่ง
โจโฉสำนึกถึงความผิดพลาดสามสถานดั่งนี้แล้วก็เสียใจ แต่ไม่ได้ปริปากแพร่งพรายความสำนึกนี้ให้ผู้ใดทราบ ด้วยเกรงว่าความแพร่งพรายไปแล้วจะเสื่อมเสียเกียรติ จึงกลายเป็นตราบาปติดอยู่ในใจโจโฉไปจนตลอดชีวิต
ทางด้านอ่องเจ๊กซึ่งโจโฉใช้ให้เชิญพระบรมราชโองการและถือหนังสือของโจโฉไปให้ลิโป้และเล่าปี่ปรองดองกัน ครั้นเดินทางเข้าเขตเมืองชีจิ๋วจึงแจ้งข่าวให้นายด่านทราบ นายด่านจึงสั่งม้าเร็วรีบเข้าเมืองรายงานแก่ลิโป้
ลิโป้เมื่อทราบว่าอ่องเจ๊กเชิญพระบรมราชโองการมาที่เมืองชีจิ๋วจึงนำขบวนออกมาต้อนรับเข้าไปในเมือง กระทำพิธีรับพระบรมราชโองการตามธรรมเนียมแล้ว อ่องเจ๊กจึงอ่านประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งลิโป้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว และเป็นขุนนางที่ขุนพลปราบศึกภาคบูรพา
ลิโป้ถวายบังคมพระบรมราชโองการด้วยความยินดี อ่องเจ๊กจึงมอบหนังสือของโจโฉที่ให้ลิโป้กับเล่าปี่ปรองดองกันแล้วกล่าวความผูกใจลิโป้ว่า ท่านอัครมหาเสนาบดีมีความเมตตาและเชื่อถือลิโป้เป็นอันมาก จึงกราบบังคมทูลเสนอพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้แต่งตั้งเป็นขุนนาง
ลิโป้ได้ทั้งยศศักดิ์ และฐานะตำแหน่งขุนนางก็ยินดีรับปากกับอ่องเจ๊กว่าจะปฏิบัติตามหนังสือของโจโฉทุกประการ ในขณะนั้นทหารรับใช้ได้เข้ามารายงานว่าอ้วนสุดได้ส่งผู้แทนมาพบ ลิโป้จึงให้เชิญเข้ามาแล้วถามว่ามีราชการสิ่งใดหรือ
ผู้แทนของอ้วนสุดจึงว่า อ้วนสุดกำลังเตรียมการพิธีสถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ แล้วจะแต่งตั้งบุตรชายขึ้นเป็นรัชทายาท จึงขอให้ลิโป้รีบส่งลูกสาวไปเข้าพิธีแต่งงานเสียในคราวเดียวกัน
ลิโป้กำลังอิ่มอยู่ด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ที่โจโฉหยิบยื่นให้ จึงเห็นการข้างอ้วนสุดเป็นเรื่องเหลวไหลที่จะดึงตัวลงสู่ที่ต่ำ กลายเป็นกบฎต่อแผ่นดินไปด้วย จึงแสดงความโกรธให้ปรากฏต่อหน้าอ่องเจ๊กด้วยการด่าว่าอ้วนสุดว่าเป็นคนถ่อย กำเริบคิดกบฎต่อแผ่นดิน แล้วสั่งทหารให้เอาตัวผู้แทนอ้วนสุดไปประหาร
จากนั้นลิโป้จึงสั่งให้ทหารไปเบิกตัวหันอิ้นเถ้าแก่ของอ้วนสุดที่ส่งมารับลูกสาวออกจากคุก ให้จำใส่กรงนักโทษแล้วแต่งหนังสือให้ตันเต๋งนำไปมอบแก่โจโฉที่เมือง ฮูโต๋โดยให้เดินทางไปพร้อมกับอ่องเจ๊ก
อ่องเจ๊กพาตันเต๋งและนักโทษหันอิ้นเดินทางถึงเมืองฮูโต๋แล้ว จึงพากันเข้าไปพบโจโฉรายงานเหตุการณ์ให้ทราบทุกประการ โจโฉได้เปิดหนังสือของลิโป้ที่มอบมากับตันเต๋งซึ่งมีเนื้อความว่าลิโป้ขอขอบคุณโจโฉที่ส่งเสริมสนับสนุน และจะตั้งหน้าตั้งตาทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป โจโฉอ่านหนังสือนี้แล้วก็อ่านใจลิโป้ว่าบัดนี้ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับอ้วนสุดแล้ว จึงสั่งให้เอาตัวหันอิ้นไปประหาร
ตันเต๋งเห็นดังนั้นจึงแปรพักตร์เข้าด้วยโจโฉ แล้วแอบกระซิบเสนอโจโฉว่าลิโป้เป็นคนพาลต่ำช้าประดุจสัตว์เดรัจฉาน เนรคุณคน คิดกบฏต่อแผ่นดิน ท่านจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ชอบเพราะนานไปลิโป้ก็จะคิดร้ายต่อท่าน
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ดีใจและแปลกใจไปพร้อมกัน เขม้นมองหน้าตันเต๋งแล้วกล่าวว่าข้าพเจ้าก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับท่านและต้องการกำจัดลิโป้เสียให้จงได้ ขอให้ท่านและตันกุ๋ยผู้บิดาจงช่วยกันคิดอ่านวางแผนอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว เมื่อใดที่ข้าพเจ้ายกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋วแล้วก็ให้ช่วยหาทางกำจัดลิโป้เสีย
ตันเต๋งจึงรับปากโจโฉว่าจะคิดอ่านทำการเป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองชีจิ๋วร่วมกับตันกุ๋ยผู้บิดา ขอให้โจโฉวางใจ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตั้งให้ตันเต๋งเป็นเจ้าเมืองกองเหลง ขึ้นต่อเมืองชีจิ๋ว และให้เพิ่มเบี้ยหวัดแก่ตันกุ๋ยพร้อมรางวัลเป็นข้าวเปลือกอีกจำนวนหนึ่ง แล้วให้ทำหมายรับสั่งแจ้งให้ลิโป้เจ้าเมืองชีจิ๋วทราบเพื่อปฏิบัติตามหมายรับสั่งนั้น
ตันเต๋งจึงลาโจโฉจะกลับเมืองชีจิ๋ว โจโฉได้ตันกุ๋ย ตันเต๋ง สองพ่อลูกเป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองชีจิ๋วดังนี้ก็มีความยินดียิ่งนัก คิดผูกใจสองพ่อลูกไว้อีกชั้นหนึ่ง จึงยุดเอามือตันเต๋งเข้ามากุมไว้แน่นแล้วว่า “การซึ่งคิดไว้ทั้งนี้เราปลงใจไว้แก่ท่าน ท่านจงคิดอ่านกระทำการให้สำเร็จจงได้” ผูกตราสังข์มัดใจตันเต๋งแล้วก็เดินออกมาส่งตันเต๋งจนถึงประตูจวน
ตันเต๋งประทับใจโจโฉยิ่งนัก คำนับโจโฉอีกครั้งหนึ่งแล้วลากลับไปเมืองชีจิ๋ว เข้าไปรายงานให้ลิโป้ทราบ ลิโป้เห็นตันเต๋งกลับมาก็ถามว่าโจโฉว่ากล่าวประการใดบ้าง ตันเต๋งยกเอาตราสำหรับเมืองกองเหลงและหมายรับสั่งส่งให้ลิโป้แล้วว่า โจโฉได้แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นเจ้าเมืองกองเหลง ขึ้นต่อเมืองชีจิ๋ว เพิ่มเบี้ยหวัดให้แก่ตันกุ๋ยผู้บิดาและมอบรางวัลเป็นข้าวเปลือกอีกจำนวนหนึ่ง
ลิโป้เห็นดังนั้นก็โกรธจึงว่า เราใช้ตัวไปทำการแต่สิ่งหนึ่งก็มิได้การ แต่ตัวสองพ่อลูกกลับได้ดิบได้ดี แล้วว่าแต่ก่อนเรากับอ้วนสุดจะผูกดองกัน บิดาตัวมาห้ามไว้แล้วลวงเราให้เข้ากับโจโฉ ทำให้เราต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับอ้วนสุด แต่มิได้สิ่งใดตอบแทนต่างกับตัวสองพ่อลูกได้ทั้งวาสนาและยศฐาบรรดาศักดิ์ ตัวคิดคดต่อเราเป็นมั่นคง ว่าแล้วก็ชักกระบี่จะฆ่าตันเต๋ง
ตันเต๋งตกใจแต่แสร้งหัวเราะแล้วว่า ข้าพเจ้ายังกล่าวไม่สิ้นความ ไฉนท่านจึงวู่วามดั่งนี้ ลิโป้สงสัยจึงถามว่ากระแสความอันใดยังไม่สิ้น ตัวจงว่ามาให้แจ้ง
ตันเต๋งจึงลวงลิโป้ว่า เมื่อไปหาโจโฉนั้นได้เสนอแก่โจโฉว่าตัวท่านอุปมาดั่งเสือ การเลี้ยงเสือจะต้องเลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญอย่าให้หิวเป็นอันขาด เพราะหากเสือหิวขึ้นแล้วก็จักทำอันตรายต่อคนเลี้ยง และจะเบียดเบียนจับเอาสัตว์อื่นเป็นอาหาร จึงขอให้โจโฉสนับสนุนท่านให้อิ่มด้วยอำนาจและวาสนาทั้งปวง
และลวงลิโป้ต่อไปว่าครั้นโจโฉได้ฟังข้าพเจ้าแล้วกลับหัวเราะแล้วกล่าวว่าข้าพเจ้าสำคัญผิดเพราะตัวท่านนั้นจะเปรียบกับเสือไม่ได้ เปรียบได้ก็แต่พญาอินทรี ที่มีสายตาอันคมกล้าและมีกำลังปีกอันเข้มแข็ง จ้องคอยจับกระต่ายเป็นอาหาร ตราบใดที่ยังจับกระต่ายเป็นอาหารไม่ได้ก็จะจ้องคอยจนกว่าจะทำการสำเร็จ ครั้นจับกระต่ายเป็นอาหารได้แล้วก็จะโผผินบินไปในอากาศ ดังนั้นหากเลี้ยงดูท่านให้อิ่มแล้วท่านก็จะไม่เต็มใจทำราชการ ดังนี้การเลี้ยงพญานกอินทรีจึงเลี้ยงให้อิ่มไม่ได้
ความตอนนี้สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้อุปมาเพื่อให้ต้องกับความเข้าใจของคนไทยว่า “ทุกวันนี้หากท่านยังขัดสนจึงอ่อนน้อมต่อ ถ้าท่านมีกำลังขึ้นแล้วก็จะเอาใจออกห่างโจโฉ อุปมาเหมือนเหยี่ยวซึ่งอยากอาหาร คอยแสวงหาลูกไก่อันพลัดแม่ ได้ทีแล้วก็ฉาบลงเอา ถ้าเห็นยังมิได้ทีก็ค่อยทำความเพียรคอยอยู่กว่าจะได้ลูกไก่”
ความอันตันเต๋งกล่าวทั้งนี้หาใช่ความคิดหรือคำกล่าวของโจโฉไม่ หากแต่เป็นเรื่องที่ตันเต๋งเสกสรรปั้นแต่งขึ้นว่ากล่าวเอาเองเพื่อเอาตัวรอดจากความโกรธของลิโป้ที่กำลังถือกระบี่จ้องจะสังหารตัวเสีย แต่ก็ได้แลเห็นความรู้และความคิดอ่านของตันเต๋งว่าการใช้คนนั้นจะต้องจำแนกให้ได้ว่า คนนั้นเป็นเสือหรือเป็นพญานกอินทรี
หากเป็นเสือก็ต้องเลี้ยงให้อิ่มจึงจะไม่ทำอันตรายต่อผู้เลี้ยง และจะได้ไม่เบียดเบียนจับสัตว์อื่นมากินเป็นอาหาร แต่ถ้าหากคนนั้นเป็นพญานกอินทรีก็จะเลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญไม่ได้ หากอิ่มหนำสำราญแล้วก็จะโผผินบินจากไป การเลี้ยงนกอินทรีจึงต้องเลี้ยงให้หิวไว้อยู่เสมอ จึงจะมีความเพียรพยายามทำการจนสำเร็จได้
ตันเต๋งได้ลวงลิโป้ว่าตัวเองเห็นลิโป้เป็นประหนึ่งเสือ จึงเสนอโจโฉให้เลี้ยงดูลิโป้ให้อิ่มหนำสำราญ ซึ่งเป็นการเอาใจลิโป้เพื่อเอาตัวรอด แต่เนื่องจากโจโฉมิได้ปูนบำเหน็จลาภยศสิ่งใดให้กับลิโป้จึงเสกสรรปั้นแต่งเรื่องลวงลิโป้ให้ภาคภูมิใจทดแทนว่าโจโฉมองลิโป้เป็นดั่งพญานกอินทรีที่มีสายตาหรือสติปัญญาคมกล้า มีกำลังปีกหรือกำลังฝีมือเข้มแข็ง และหลอกลิโป้ต่อไปด้วยว่าเหตุที่โจโฉยังไม่ปูนบำเหน็จเลี้ยงดูลิโป้ถึงขนาดก็เพราะยังต้องการหวังพึ่งลิโป้ให้ช่วยเหลือกำจัดศัตรู
ลิโป้ฟังคำลวงของตันเต๋งที่ซ่อนแฝงไว้ด้วยคำยกย่องสรรเสริญอยู่ในทีก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นความจริงจึงมีความยินดียิ่งนัก สอดกระบี่กลับเข้าฝัก แล้วถามว่าเมื่อโจโฉเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นพญานกอินทรี ดังนั้นใครใดเล่าที่เป็นกระต่าย.
ตัวโจโฉหนีออกจากค่ายทางด้านหลัง ไปกับโจอันบิ๋นหลานคู่ใจ พอใกล้แม่น้ำหยกซุยทหารเตียวสิ้วกองหนึ่งได้ใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงถูกม้าโจโฉล้มลงถึงแก่ความตาย ตัวโจโฉต้องเกาทัณฑ์แต่ไม่ถูกที่สำคัญ จึงวิ่งหนีไปแต่ลำพัง ส่วนโจอันบิ๋นหลานคู่ใจถูกเกาทัณฑ์ถึงแก่ความตาย ณ ที่นั้น
โจโฉวิ่งหนีไปได้เกือบร้อยเส้น ได้พบกับโจงั่งผู้เป็นบุตรซึ่งแตกหนีมาเช่นเดียวกัน โจงั่งจึงเอาม้าของทหารให้โจโฉขี่แล้วพากันหลบหนีต่อไป แต่หนีไปได้ไม่กี่เส้นก็ถูกกองทหารของเตียวสิ้วอีกกองหนึ่งไล่ตามไปทัน ใช้เกาทัณฑ์ยิงถูกโจงั่งตายไปอีกคนหนึ่ง โจโฉโชคยังดีจึงหลบหนีรอดไปได้อีก
ขณะนั้นแฮหัวตุ้นและทหารซึ่งแตกหนีอดอยากเที่ยวปล้นสดมภ์ เสบียงอาหารและข้าวของจากราษฎรตามชายแดนเมืองอ้วนเซีย อิกิ๋มซึ่งคุมทหารแตกหนีมาอีกทางหนึ่งพบเหตุการณ์เข้าเห็นทหารแฮหัวตุ้นประพฤติผิดวินัยกองทัพจึงเข้าช่วยเหลือราษฎร สังหารทหารแฮหัวตุ้นไปหลายคน
ทหารแฮหัวตุ้นพากันหนีอิกิ๋มไปพบแฮหัวตุ้น จึงพากันหนีต่อไปและพบกับโจโฉจึงนำความรายงานให้โจโฉทราบว่า อิกิ๋มเป็นกบฎ ทหารของอิกิ๋มทราบเรื่องราวก็ไปบอกให้อิกิ๋มทราบ ขณะนั้นอิกิ๋มได้ข่าวว่าเตียวสิ้วกำลังยกทหารติดตามมา จึงสั่งทหารให้ตั้งค่ายมั่นไว้และไม่เข้าไปหาโจโฉ หวังเอาความจริงและความชอบในการสกัดทัพเตียวสิ้วเข้าแก้ข้อหา
ครั้นเตียวสิ้วยกตามมาจึงปะทะกับอิกิ๋ม เตียวสิ้วสู้อิกิ๋มไม่ได้จึงแตกถอยร่นมาถึงแม่น้ำหยกซุย อิกิ๋มได้ยกทหารไล่ตามตีเตียวสิ้วจนเตียวสิ้วต้องถอยร่นและปะทะเข้ากับโจโฉและกองทหารของแฮหัวตุ้น ทหารของโจโฉทั้งสองด้านได้รุมตีกระหนาบเตียวสิ้ว ทำให้ทหารของเตียวสิ้วบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เตียวสิ้วเห็นว่าทหารเหลืออยู่น้อยตัวนัก สู้โจโฉไม่ได้ จึงพาทหารที่เหลืออยู่นั้นหนีไปอาศัยเล่าเปียว ที่เมืองเกงจิ๋ว
อิกิ๋มจึงเข้าไปหาโจโฉเล่าความที่ทหารแฮหัวตุ้นกระทำผิดวินัยกองทัพ ปล้นชิงทรัพย์สินของราษฎร ทำให้เสื่อมเสียเกียรติของทหารหลวงจึงฆ่าเสียเพื่อพิทักษ์เกียรติของโจโฉไว้ โจโฉฟังรายงานแล้วพอใจ แต่สงสัยว่าทำไมอิกิ๋มจึงตั้งค่ายมั่นไม่ยอมออกมาต้อนรับโจโฉเข้าไปในค่าย
อิกิ๋มจึงว่าได้ทราบข่าวว่าเตียวสิ้วกำลังยกทหารไล่ตามตี จึงตั้งค่ายสกัดไว้ เพื่อตีเตียวสิ้วให้แตกไปก่อน จึงจะป้องกันโจโฉและพลิกสถานการณ์ได้ แต่กระนั้นก็สำนึกว่าได้กระทำความผิดจึงคุกเข่าลงขออภัยต่อโจโฉ
โจโฉได้ฟังความตลอดแล้วจึงตำหนิแฮหัวตุ้นที่ปกครองทหารหละหลวมแล้วยังมากล่าวฟ้องให้ร้ายอิกิ๋มอีก แต่เห็นว่าแฮหัวตุ้นมีความชอบมาแต่ก่อนจึงให้ภาคทัณฑ์ไว้ แล้วสรรเสริญอิกิ๋มเป็นอันมากที่คิดอ่านแก้ไขสถานการณ์พลิกจากแพ้แก้เป็นชนะกลับคืนได้ โจโฉได้มอบรางวัลให้แก่อิกิ๋มเป็นอันมาก แล้วปูนบำเหน็จตั้งให้อิกิ๋มเป็นขุนนางที่พระยาจำเริญอายุ
โจโฉจัดแจงกองทัพเสร็จแล้วจึงสั่งให้ทำพิธีเซ่นไหว้เตียนอุย โจอันบิ๋น และโจงั่งผู้บุตรที่ริมแม่น้ำหยกซุย แล้วประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่าแม้ศึกครั้งนี้จะเสียบุตรและหลานไป แต่มิได้เศร้าโศกเสียใจเท่ากับการเสียเตียนอุย ว่าแล้วโจโฉก็ร้องไห้
ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็เข้าใจว่าโจโฉมีน้ำใจรักทหารยิ่งกว่าบุตรหลาน ต่างซาบซึ้งน้ำใจโจโฉเป็นอันมาก พากันร้องไห้รักโจโฉ
ครั้นเสร็จพิธีเซ่นไหว้แล้วโจโฉจึงให้เลิกทัพ พกเอาความเคียดแค้นเตียวสิ้วกลับไปเลียแผลอยู่ที่เมืองฮูโต๋ ครั้นสร่างโศกจิตใจสงบเป็นปกติลงแล้ว จึงรำลึกทบทวนสาเหตุของการแตกทัพจนต้องเสียเตียนอุย องครักษ์ที่วางใจสูงสุด เสียทั้งบุตรและหลาน และทหารเป็นอันมาก ก็สำนึกว่าความผิดพลาดทั้งนั้นเกิดแต่ตัวเองประพฤติปฏิบัติผิดกฎแห่งพิชัยสงครามถึงสามสถาน คือเป็นแม่ทัพตั้งอยู่ในความประมาทหนึ่ง ประพฤติล่วงขนบธรรมเนียมประเพณีทำลายน้ำใจมิตรจนต้องล้างผลาญกันเองหนึ่ง และอยู่หน้าศึกแต่มัวเมาลุ่มหลงในอิสตรีไม่เป็นอันว่าราชการสงครามอีกหนึ่ง
โจโฉสำนึกถึงความผิดพลาดสามสถานดั่งนี้แล้วก็เสียใจ แต่ไม่ได้ปริปากแพร่งพรายความสำนึกนี้ให้ผู้ใดทราบ ด้วยเกรงว่าความแพร่งพรายไปแล้วจะเสื่อมเสียเกียรติ จึงกลายเป็นตราบาปติดอยู่ในใจโจโฉไปจนตลอดชีวิต
ทางด้านอ่องเจ๊กซึ่งโจโฉใช้ให้เชิญพระบรมราชโองการและถือหนังสือของโจโฉไปให้ลิโป้และเล่าปี่ปรองดองกัน ครั้นเดินทางเข้าเขตเมืองชีจิ๋วจึงแจ้งข่าวให้นายด่านทราบ นายด่านจึงสั่งม้าเร็วรีบเข้าเมืองรายงานแก่ลิโป้
ลิโป้เมื่อทราบว่าอ่องเจ๊กเชิญพระบรมราชโองการมาที่เมืองชีจิ๋วจึงนำขบวนออกมาต้อนรับเข้าไปในเมือง กระทำพิธีรับพระบรมราชโองการตามธรรมเนียมแล้ว อ่องเจ๊กจึงอ่านประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งลิโป้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว และเป็นขุนนางที่ขุนพลปราบศึกภาคบูรพา
ลิโป้ถวายบังคมพระบรมราชโองการด้วยความยินดี อ่องเจ๊กจึงมอบหนังสือของโจโฉที่ให้ลิโป้กับเล่าปี่ปรองดองกันแล้วกล่าวความผูกใจลิโป้ว่า ท่านอัครมหาเสนาบดีมีความเมตตาและเชื่อถือลิโป้เป็นอันมาก จึงกราบบังคมทูลเสนอพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้แต่งตั้งเป็นขุนนาง
ลิโป้ได้ทั้งยศศักดิ์ และฐานะตำแหน่งขุนนางก็ยินดีรับปากกับอ่องเจ๊กว่าจะปฏิบัติตามหนังสือของโจโฉทุกประการ ในขณะนั้นทหารรับใช้ได้เข้ามารายงานว่าอ้วนสุดได้ส่งผู้แทนมาพบ ลิโป้จึงให้เชิญเข้ามาแล้วถามว่ามีราชการสิ่งใดหรือ
ผู้แทนของอ้วนสุดจึงว่า อ้วนสุดกำลังเตรียมการพิธีสถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ แล้วจะแต่งตั้งบุตรชายขึ้นเป็นรัชทายาท จึงขอให้ลิโป้รีบส่งลูกสาวไปเข้าพิธีแต่งงานเสียในคราวเดียวกัน
ลิโป้กำลังอิ่มอยู่ด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ที่โจโฉหยิบยื่นให้ จึงเห็นการข้างอ้วนสุดเป็นเรื่องเหลวไหลที่จะดึงตัวลงสู่ที่ต่ำ กลายเป็นกบฎต่อแผ่นดินไปด้วย จึงแสดงความโกรธให้ปรากฏต่อหน้าอ่องเจ๊กด้วยการด่าว่าอ้วนสุดว่าเป็นคนถ่อย กำเริบคิดกบฎต่อแผ่นดิน แล้วสั่งทหารให้เอาตัวผู้แทนอ้วนสุดไปประหาร
จากนั้นลิโป้จึงสั่งให้ทหารไปเบิกตัวหันอิ้นเถ้าแก่ของอ้วนสุดที่ส่งมารับลูกสาวออกจากคุก ให้จำใส่กรงนักโทษแล้วแต่งหนังสือให้ตันเต๋งนำไปมอบแก่โจโฉที่เมือง ฮูโต๋โดยให้เดินทางไปพร้อมกับอ่องเจ๊ก
อ่องเจ๊กพาตันเต๋งและนักโทษหันอิ้นเดินทางถึงเมืองฮูโต๋แล้ว จึงพากันเข้าไปพบโจโฉรายงานเหตุการณ์ให้ทราบทุกประการ โจโฉได้เปิดหนังสือของลิโป้ที่มอบมากับตันเต๋งซึ่งมีเนื้อความว่าลิโป้ขอขอบคุณโจโฉที่ส่งเสริมสนับสนุน และจะตั้งหน้าตั้งตาทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป โจโฉอ่านหนังสือนี้แล้วก็อ่านใจลิโป้ว่าบัดนี้ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับอ้วนสุดแล้ว จึงสั่งให้เอาตัวหันอิ้นไปประหาร
ตันเต๋งเห็นดังนั้นจึงแปรพักตร์เข้าด้วยโจโฉ แล้วแอบกระซิบเสนอโจโฉว่าลิโป้เป็นคนพาลต่ำช้าประดุจสัตว์เดรัจฉาน เนรคุณคน คิดกบฏต่อแผ่นดิน ท่านจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ชอบเพราะนานไปลิโป้ก็จะคิดร้ายต่อท่าน
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ดีใจและแปลกใจไปพร้อมกัน เขม้นมองหน้าตันเต๋งแล้วกล่าวว่าข้าพเจ้าก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับท่านและต้องการกำจัดลิโป้เสียให้จงได้ ขอให้ท่านและตันกุ๋ยผู้บิดาจงช่วยกันคิดอ่านวางแผนอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว เมื่อใดที่ข้าพเจ้ายกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋วแล้วก็ให้ช่วยหาทางกำจัดลิโป้เสีย
ตันเต๋งจึงรับปากโจโฉว่าจะคิดอ่านทำการเป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองชีจิ๋วร่วมกับตันกุ๋ยผู้บิดา ขอให้โจโฉวางใจ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตั้งให้ตันเต๋งเป็นเจ้าเมืองกองเหลง ขึ้นต่อเมืองชีจิ๋ว และให้เพิ่มเบี้ยหวัดแก่ตันกุ๋ยพร้อมรางวัลเป็นข้าวเปลือกอีกจำนวนหนึ่ง แล้วให้ทำหมายรับสั่งแจ้งให้ลิโป้เจ้าเมืองชีจิ๋วทราบเพื่อปฏิบัติตามหมายรับสั่งนั้น
ตันเต๋งจึงลาโจโฉจะกลับเมืองชีจิ๋ว โจโฉได้ตันกุ๋ย ตันเต๋ง สองพ่อลูกเป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองชีจิ๋วดังนี้ก็มีความยินดียิ่งนัก คิดผูกใจสองพ่อลูกไว้อีกชั้นหนึ่ง จึงยุดเอามือตันเต๋งเข้ามากุมไว้แน่นแล้วว่า “การซึ่งคิดไว้ทั้งนี้เราปลงใจไว้แก่ท่าน ท่านจงคิดอ่านกระทำการให้สำเร็จจงได้” ผูกตราสังข์มัดใจตันเต๋งแล้วก็เดินออกมาส่งตันเต๋งจนถึงประตูจวน
ตันเต๋งประทับใจโจโฉยิ่งนัก คำนับโจโฉอีกครั้งหนึ่งแล้วลากลับไปเมืองชีจิ๋ว เข้าไปรายงานให้ลิโป้ทราบ ลิโป้เห็นตันเต๋งกลับมาก็ถามว่าโจโฉว่ากล่าวประการใดบ้าง ตันเต๋งยกเอาตราสำหรับเมืองกองเหลงและหมายรับสั่งส่งให้ลิโป้แล้วว่า โจโฉได้แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นเจ้าเมืองกองเหลง ขึ้นต่อเมืองชีจิ๋ว เพิ่มเบี้ยหวัดให้แก่ตันกุ๋ยผู้บิดาและมอบรางวัลเป็นข้าวเปลือกอีกจำนวนหนึ่ง
ลิโป้เห็นดังนั้นก็โกรธจึงว่า เราใช้ตัวไปทำการแต่สิ่งหนึ่งก็มิได้การ แต่ตัวสองพ่อลูกกลับได้ดิบได้ดี แล้วว่าแต่ก่อนเรากับอ้วนสุดจะผูกดองกัน บิดาตัวมาห้ามไว้แล้วลวงเราให้เข้ากับโจโฉ ทำให้เราต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับอ้วนสุด แต่มิได้สิ่งใดตอบแทนต่างกับตัวสองพ่อลูกได้ทั้งวาสนาและยศฐาบรรดาศักดิ์ ตัวคิดคดต่อเราเป็นมั่นคง ว่าแล้วก็ชักกระบี่จะฆ่าตันเต๋ง
ตันเต๋งตกใจแต่แสร้งหัวเราะแล้วว่า ข้าพเจ้ายังกล่าวไม่สิ้นความ ไฉนท่านจึงวู่วามดั่งนี้ ลิโป้สงสัยจึงถามว่ากระแสความอันใดยังไม่สิ้น ตัวจงว่ามาให้แจ้ง
ตันเต๋งจึงลวงลิโป้ว่า เมื่อไปหาโจโฉนั้นได้เสนอแก่โจโฉว่าตัวท่านอุปมาดั่งเสือ การเลี้ยงเสือจะต้องเลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญอย่าให้หิวเป็นอันขาด เพราะหากเสือหิวขึ้นแล้วก็จักทำอันตรายต่อคนเลี้ยง และจะเบียดเบียนจับเอาสัตว์อื่นเป็นอาหาร จึงขอให้โจโฉสนับสนุนท่านให้อิ่มด้วยอำนาจและวาสนาทั้งปวง
และลวงลิโป้ต่อไปว่าครั้นโจโฉได้ฟังข้าพเจ้าแล้วกลับหัวเราะแล้วกล่าวว่าข้าพเจ้าสำคัญผิดเพราะตัวท่านนั้นจะเปรียบกับเสือไม่ได้ เปรียบได้ก็แต่พญาอินทรี ที่มีสายตาอันคมกล้าและมีกำลังปีกอันเข้มแข็ง จ้องคอยจับกระต่ายเป็นอาหาร ตราบใดที่ยังจับกระต่ายเป็นอาหารไม่ได้ก็จะจ้องคอยจนกว่าจะทำการสำเร็จ ครั้นจับกระต่ายเป็นอาหารได้แล้วก็จะโผผินบินไปในอากาศ ดังนั้นหากเลี้ยงดูท่านให้อิ่มแล้วท่านก็จะไม่เต็มใจทำราชการ ดังนี้การเลี้ยงพญานกอินทรีจึงเลี้ยงให้อิ่มไม่ได้
ความตอนนี้สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้อุปมาเพื่อให้ต้องกับความเข้าใจของคนไทยว่า “ทุกวันนี้หากท่านยังขัดสนจึงอ่อนน้อมต่อ ถ้าท่านมีกำลังขึ้นแล้วก็จะเอาใจออกห่างโจโฉ อุปมาเหมือนเหยี่ยวซึ่งอยากอาหาร คอยแสวงหาลูกไก่อันพลัดแม่ ได้ทีแล้วก็ฉาบลงเอา ถ้าเห็นยังมิได้ทีก็ค่อยทำความเพียรคอยอยู่กว่าจะได้ลูกไก่”
ความอันตันเต๋งกล่าวทั้งนี้หาใช่ความคิดหรือคำกล่าวของโจโฉไม่ หากแต่เป็นเรื่องที่ตันเต๋งเสกสรรปั้นแต่งขึ้นว่ากล่าวเอาเองเพื่อเอาตัวรอดจากความโกรธของลิโป้ที่กำลังถือกระบี่จ้องจะสังหารตัวเสีย แต่ก็ได้แลเห็นความรู้และความคิดอ่านของตันเต๋งว่าการใช้คนนั้นจะต้องจำแนกให้ได้ว่า คนนั้นเป็นเสือหรือเป็นพญานกอินทรี
หากเป็นเสือก็ต้องเลี้ยงให้อิ่มจึงจะไม่ทำอันตรายต่อผู้เลี้ยง และจะได้ไม่เบียดเบียนจับสัตว์อื่นมากินเป็นอาหาร แต่ถ้าหากคนนั้นเป็นพญานกอินทรีก็จะเลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญไม่ได้ หากอิ่มหนำสำราญแล้วก็จะโผผินบินจากไป การเลี้ยงนกอินทรีจึงต้องเลี้ยงให้หิวไว้อยู่เสมอ จึงจะมีความเพียรพยายามทำการจนสำเร็จได้
ตันเต๋งได้ลวงลิโป้ว่าตัวเองเห็นลิโป้เป็นประหนึ่งเสือ จึงเสนอโจโฉให้เลี้ยงดูลิโป้ให้อิ่มหนำสำราญ ซึ่งเป็นการเอาใจลิโป้เพื่อเอาตัวรอด แต่เนื่องจากโจโฉมิได้ปูนบำเหน็จลาภยศสิ่งใดให้กับลิโป้จึงเสกสรรปั้นแต่งเรื่องลวงลิโป้ให้ภาคภูมิใจทดแทนว่าโจโฉมองลิโป้เป็นดั่งพญานกอินทรีที่มีสายตาหรือสติปัญญาคมกล้า มีกำลังปีกหรือกำลังฝีมือเข้มแข็ง และหลอกลิโป้ต่อไปด้วยว่าเหตุที่โจโฉยังไม่ปูนบำเหน็จเลี้ยงดูลิโป้ถึงขนาดก็เพราะยังต้องการหวังพึ่งลิโป้ให้ช่วยเหลือกำจัดศัตรู
ลิโป้ฟังคำลวงของตันเต๋งที่ซ่อนแฝงไว้ด้วยคำยกย่องสรรเสริญอยู่ในทีก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นความจริงจึงมีความยินดียิ่งนัก สอดกระบี่กลับเข้าฝัก แล้วถามว่าเมื่อโจโฉเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นพญานกอินทรี ดังนั้นใครใดเล่าที่เป็นกระต่าย.