ตอนที่ 82. แผนทำลายกลผูกดอง
ตันก๋งเห็นหันอิ้นมีอาการสะดุ้งใจจึงกล่าวว่า บัดนี้เล่าปี่มาอาศัยลิโป้อยู่ที่เมืองเสียวพ่าย ขึ้นต่อเมืองชีจิ๋ว เท่ากับว่าเล่าปี่เป็นลูกไก่อยู่ในกำมือของลิโป้ ครั้งนี้เมื่ออ้วนสุดกับลิโป้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว หากอ้วนสุดปรารถนาศีรษะของเล่าปี่ก็คงได้สมปรารถนา เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงว่าเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมลึกซึ้ง
หันอิ้นยินคำตันก๋งก็รู้ว่าที่ปรึกษาของลิโป้ผู้นี้มีสติปัญญาหลักแหลม อ่านแผนการของอ้วนสุดทะลุปรุโปร่งก็ตกใจ แต่แสร้งกล่าวว่าท่านอย่าเพิ่งคาดการณ์ไปก่อน การของนายเราทั้งสองก็จะเสียไป อ้วนสุดนายของข้าพเจ้ามีน้ำใจสุจริต คิดผูกไมตรีกับนายของท่าน ย่อมเป็นประโยชน์ร่วมกันของนายเราทั้งสอง ใช่ว่าจะปรารถนาศีรษะเล่าปี่ดังคำท่านแต่ประการใด
ตันก๋งครั้นได้สำแดงสติปัญญาให้ปรากฏแล้ว เห็นอาการหันอิ้นที่ตอบความดังนั้นจึงยกมือขึ้นเป็นเชิงปรามในทำนองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้เพราะอุบายเท่านี้ปิดบังเราไม่ได้ดอก แล้วตัดบทว่าข้าพเจ้าเห็นจริงตามคำท่านว่าการครั้งนี้เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย แต่การที่ท่านคิดการไว้นั้นหากล่าช้าไปก็อาจแปรผันเป็นอื่นได้ เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงรีบมาเตือนสติให้ท่านรีบทำการ
หันอิ้นยินคำตันก๋งแล้วก็เข้าใจว่าตันก๋งอ่านแผนการออกก็จริง แต่มีจุดยืนสนับสนุนแผนการนี้จึงคลายใจ หันอิ้นจึงลุกขึ้นคารวะตันก๋งแล้วว่า ท่านมีสติปัญญาหลักแหลมยิ่งนัก ขอให้ท่านเห็นแก่ไมตรีทั้งสองฝ่ายรับเป็นธุระช่วยให้การครั้งนี้สำเร็จเถิด อ้วนสุดนายข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านในครั้งนี้เลย
ตันก๋งจึงว่า ข้าพเจ้าจะรับเป็นธุระให้ลิโป้และอ้วนสุดเป็นทองแผ่นเดียวกันจงได้ ท่านอย่าได้วิตก ว่าแล้วก็ลาหันอิ้นไปที่จวนลิโป้
ตันก๋งวันนี้เปลี่ยนแปลงจากผู้มีอุดมการณ์แต่ครั้งที่ทิ้งตำแหน่งเจ้าเมืองจงพวนหนีติดตามโจโฉเป็นคนละคน กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว แต่เป็นนักการเมืองที่มีจุดยืนอยู่กับผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ก็แลเมื่อตันก๋งอ่านแผนการของอ้วนสุดกระจ่างแล้ว ก็ย่อมอ่านแผนการออกว่าเมื่ออ้วนสุดกำจัดเล่าปี่ ยึดเอาเมืองเสียวพ่ายแล้วย่อมกระทบต่อเมืองชีจิ๋ว ดังนั้นปมสำคัญจึงอยู่ที่เมื่อตันก๋งอ่านแผนการแทงตลอดดั่งนี้แล้ว เหตุไฉนจึงยังคงสนับสนุนแผนการนี้ต่อไปอีก ไม่คิดห่วงใยหรือคิดป้องกันเมืองชีจิ๋วกระนั้นหรือ
ปมนี้มีความเป็นไปได้สามประการ คือตันก๋งกำลังขายตัวให้กับอ้วนสุด คิดอ่านหวังจะทิ้งลิโป้ไปเข้าด้วยอ้วนสุด หรือยังคงภักดีต่อลิโป้อยู่ แต่มั่นใจในสติปัญญาตัวว่าเมื่อลิโป้กับอ้วนสุดเป็นดองกันแล้วก็จะสามารถคิดการให้ลิโป้มีอำนาจเหนืออ้วนสุด อาศัยความเป็นดองครองความเป็นใหญ่ทั้งเมืองชีจิ๋วและเมือง ลำหยงหรือมิฉะนั้นตันก๋งอาจคาดการณ์ถึงอำนาจของโจโฉที่เรืองอำนาจขึ้นในเมืองหลวง เห็นว่าลำพังลิโป้ไม่สามารถรับมือโจโฉได้ จึงสนับสนุนให้ลิโป้กับอ้วนสุดผนึกกำลังกันเพื่อรับมือกับโจโฉโดยยอมเสียเล่าปี่เป็นค่าตอบแทน
ความเป็นไปได้ทั้งสามประการนี้ไม่ว่าจะเป็นไปในทางไหน ประโยชน์ย่อมตกอยู่แก่ตันก๋งทั้งสิ้น ดังนั้นหากจะเปรียบกิเหลงผู้วางแผนการนี้เป็นพ่อครัวปรุงอาหารรสเลิศขึ้นแล้ว ผู้เสพอาหารนั้นกลับเป็นตันก๋งหาใช่ลิโป้หรืออ้วนสุดไม่
ตันก๋งเข้าไปพบลิโป้ถึงในจวนแล้วแสร้งถามว่า วันนี้มีขบวนขันหมากยกมา ข้าพเจ้าจึงได้ทราบข่าวว่าเป็นขบวนเถ้าแก่ยกมาขอลูกสาวท่านให้เป็นสะใภ้ของอ้วนสุด ความที่ข้าพเจ้าทราบมาดั่งนี้เป็นความจริงหรือ
ลิโป้จึงว่าเป็นความจริงดังที่ท่านได้ทราบมา ตันก๋งได้ลุกขึ้นคำนับลิโป้แล้วว่าข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีด้วยท่าน ในวันข้างหน้าบุตรีท่านคงจะได้เป็นพระมเหสี แล้วถามว่าท่านจะกำหนดวันฤกษ์ดีส่งตัวเจ้าสาวให้แก่บุตรชายอ้วนสุดเมื่อใด ลิโป้จึงว่าเรื่องนี้เป็นการใหญ่ของครอบครัวข้าพเจ้า ตัวข้าพเจ้ามีบุตรสาวแต่ผู้เดียว ดังนั้นจึงจำต้องปรึกษาเกี่ยวกับวันเวลาให้รอบคอบก่อน
ตันก๋งจึงว่า อันธรรมเนียมแต่โบราณ การส่งตัวเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวนั้น หากเป็นกรณีของพระมหากษัตริย์ก็จะทอดเวลาไปหนึ่งปี ถ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็ลดลงมาเป็นหกเดือน ถ้าเป็นขุนนางผู้น้อยก็ลดลงมาเหลือสามเดือน และถ้าเป็นราษฎรสามัญการส่งตัวเจ้าสาวก็จะกระทำภายในหนึ่งเดือน
ลิโป้จึงว่าบัดนี้อ้วนสุดได้ตราพระลัญจกรไว้ครองแล้ว จึงเสมอด้วยพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้าคิดที่จะทำการตามฐานะแห่งพระมหากษัตริย์ จึงได้ยั้งการไว้ รอเวลาครบหนึ่งปีแล้วค่อยส่งตัวเจ้าสาว
ตันก๋งจึงท้วงว่า ความคิดของท่านทั้งนี้ชอบอย่างธรรมเนียมก็จริงอยู่ แต่บัดนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่เป็นปกติ บรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ ได้แก่งแย่งแข่งอำนาจกัน ต่างคนต่างชิงกันเป็นใหญ่ หากการเนิ่นช้าไป ความล่วงรู้ถึงเมืองอื่นก็ย่อมคิดขัดขวางมิให้การมงคลของท่านสำเร็จ เพราะบรรดาหัวเมืองทั้งหลายเมื่อได้ทราบความแล้วย่อมจะเกรงกลัวว่าการที่ท่านกับอ้วนสุดผูกดองกันเช่นนี้ ก็จะมีกำลังอำนาจเติบใหญ่เข้มแข็ง คงจะคิดขัดขวางในประการต่าง ๆ แม้อาจส่งทหารมาซุ่มแล้วชิงตัวเจ้าสาวในระหว่างทาง การมงคลของท่านก็จะเสียไป ดังนั้นท่านจึงควรส่งบุตรสาวไปให้แก่บุตรอ้วนสุด อย่าให้ทันความแพร่งพรายไปถึงบรรดาหัวเมืองอื่น
ลิโป้ฟังคำตันก๋งแล้วเห็นคล้อยตาม จึงสั่งให้นางเหงียมซีผู้ภรรยาจัดเตรียมข้าวของสำหรับบุตรีให้พร้อมที่จะส่งตัวแก่บุตรของอ้วนสุดเสียแต่ในคืนนั้น นางเหงียมซีก็รับคำรีบจัดเตรียมข้าวของและขบวนของเจ้าสาว ครั้นรุ่งขึ้นลิโป้จึงให้บุตรสาวขึ้นเกวียนไม้หอม มอบตัวแก่หันอิ้นผู้เป็นเถ้าแก่ พร้อมกับข้าวของตามอย่างธรรมเนียมการส่งตัวเจ้าสาวและสั่งให้ซงเหียนกับงุยซกคุมทหารไปส่งขบวนเจ้าสาว หันอิ้นจึงนำขบวนเคลื่อนออกจากเมืองชีจิ๋วไปเมืองลำหยง
ในขณะที่ขบวนกำลังเคลื่อนจะออกจากเมืองชีจิ๋วนั้น ตันกุ๋ยซึ่งเป็นบิดาของ ตันเต๋งและเป็นที่ขุนนางเมืองชีจิ๋วในตำแหน่งที่ปรึกษากำลังนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงปี่แตรของขบวนเจ้าสาวจึงเรียกคนใช้ในบ้านมาถามว่าเป็นขบวนแต่งงานของผู้ใด คนใช้ในบ้านได้รายงานว่าอ้วนสุดได้ส่งเถ้าแก่มาสู่ขอบุตรสาวลิโป้ไปเป็นสะใภ้ ลิโป้ตกลงและจัดขบวนให้ซงเหียนกับงุยซกนำขบวนไปส่งเจ้าสาวพร้อมกับเถ้าแก่ของฝ่ายอ้วนสุด
ตันกุ๋ยได้ฟังความแล้วนั่งนิ่งพิเคราะห์เหตุการณ์ก็อ่านแผนการของอ้วนสุดกระจ่างว่ากลผูกดองครั้งนี้มีเป้าหมายเบื้องต้นคือศีรษะเล่าปี่และเมืองเสียวพ่าย และเป้าหมายขั้นต่อไปก็คือศีรษะลิโป้และเมืองชีจิ๋ว ตันกุ๋ยนั้นมีน้ำใจศรัทธาต่อเล่าปี่ตั้งแต่ครั้งที่เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วและตันเต๋งผู้บุตรได้เป็นขุนนางที่ปรึกษา ครั้นอ่านแผนการของอ้วนสุดตลอดแล้วจึงคิดว่าหากเราจะนิ่งเฉยเสีย ทั้งเล่าปี่และเมืองชีจิ๋วก็จะตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นตันกุ๋ยจึงตัดสินใจทำลายแผนการผูกดองของอ้วนสุด ตัดสินใจแล้วจึงแต่งตัวโพกผ้าขาวในชุดไว้ทุกข์งานศพให้คนในบ้านพยุงพาไปที่จวนลิโป้ ขอพบลิโป้ ฝ่าย ลิโป้ทราบว่าตันกุ๋ยมาขอพบก็ออกมารับที่หน้าจวน
แต่ครั้นเห็นตันกุ๋ยแต่งตัวในชุดไว้ทุกข์งานศพ มีหน้าตาเศร้าโศกก็ประหลาดใจ จึงถามตันกุ๋ยว่า ญาติพี่น้องคนใดของท่านถึงแก่ความตายหรือจึงมาหาข้าพเจ้า อย่าได้ห่วงใยเลยข้าพเจ้าพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกประการ ทั้งนี้เพราะลิโป้เข้าใจว่าตันกุ๋ยมาหาเพื่อบอกกล่าวข่าวงานศพของญาติพี่น้อง
ตันกุ๋ยได้ฟังดังนั้นจึงว่าข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าท่านตายและมีการจัดพิธีกงเต๊กให้กับงานศพของท่านจึงรีบมาหวังจะได้เคารพศพ ลิโป้ตกใจรีบซักถามตันกุ๋ยว่าท่านได้ข่าวจากใครว่าข้าพเจ้าตาย
ตันกุ๋ยซึ่งคุ้นเคยอยู่กับผู้คนในจวนของลิโป้ได้ยินดังนั้นจึงโบกมือเป็นทีให้คนรับใช้ในจวนของลิโป้ถอยออกไปก่อน ลิโป้เห็นเป็นที่ประหลาดนักจึงเข้ามาประคองตันกุ๋ยเข้าไปนั่งที่ห้องรับรอง ตันกุ๋ยจึงว่าเมื่อไม่นานมานี้อ้วนสุดได้ส่งสิ่งของมาตั้งสินบนให้กับท่าน ไม่ให้ท่านยกไปช่วยเล่าปี่ แต่ครั้นกิเหลงยกกองทัพจะไปตีเมืองเสียวพ่าย ท่านกลับยกทหารไปช่วยเล่าปี่ ท่านได้เสี่ยงทายเทพยดายิงเกาทัณฑ์ไปถูกคันทวน กิเหลงจึงต้องยกทัพกลับไป มาบัดนี้อ้วนสุดส่งเถ้าแก่มาสู่ขอบุตรีท่าน และทราบว่าท่านรับไมตรียกบุตรีให้แก่บุตรอ้วนสุด ดังนั้นเมื่อท่านกับอ้วนสุดผูกดองกันแล้ว อ้วนสุดก็จะยกไปตีเมืองเสียวพ่าย หากอ้วนสุดกำจัดเล่าปี่ได้เมืองเสียวพ่ายแล้ว เมืองชีจิ๋วและตัวท่านจะตกอยู่ในอันตราย
ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ตันกุ๋ยจึงกล่าวต่อไปว่าการทั้งนี้เป็นกลอุบายที่ใช้คนผูกคน เพราะอ้วนสุดใช้สินบนผูกท่านไว้ไม่ได้ จึงใช้กลผูกดองหวังเอาบุตรีท่านเป็นตัวประกันไม่ให้ท่านยกไปช่วยเล่าปี่ หลังจากอ้วนสุดได้เมืองเสียวพ่ายแล้วก็จะอาศัยบุตรีท่านซึ่งเป็นตัวประกันอยู่ในมือข่มเหงท่านด้วยประการต่าง ๆ หากท่านไม่ยอมให้ข่มเหงก็จะอ้างว่าท่านตัดไมตรี อย่างน้อยอ้วนสุดก็จะยืมทั้งทหารและเสบียงเบียดเบียนท่านและราษฎรเมืองชีจิ๋ว หากท่านไม่ให้ก็จะหาเหตุยกมาตีเมืองชีจิ๋ว ความเดือดร้อนก็จะบังเกิดขึ้น
อีกประการหนึ่งเล่า นับแต่อ้วนสุดได้ตราพระลัญจกรไว้แล้วก็คิดตั้งตัวเป็นเจ้านั่นคือการกบฏต่อแผ่นดิน ทรยศต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ หัวเมืองทั้งปวงแม้แต่โจโฉก็ย่อมยกมากำจัดอ้วนสุด ตัวท่านก็จะตกอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายกบฏด้วย และจะพลอยเป็นศัตรูกับบรรดาหัวเมืองทั้งหลายในแผ่นดิน การทั้งนี้ท่านจะเสียทั้งบุตรี จะเสียทั้งเมืองเสียวพ่าย ราษฎรเมืองชีจิ๋วก็จะเดือดร้อน ตัวท่านก็จะเดือดร้อน แม้เมืองชีจิ๋วก็จะรักษาไว้ไม่ได้ ขอท่านจงใคร่ครวญดูจงดีเถิด
ลิโป้ฟังคำตันกุ๋ยก็เห็นกระจ่างถึงแผนการร้ายของอ้วนสุดก็ตกใจยิ่งนัก ว่ากับตันกุ๋ยว่าข้าพเจ้าเชื่อคำตันก๋ง จึงพลาดพลั้งไปถึงเพียงนี้ จำเป็นที่จะต้องรีบแก้ไขให้ทันท่วงที ว่าแล้วจึงสั่งทหารให้เรียกเตียวเลี้ยวเข้ามาพบ แล้วสั่งให้ยกทหารรีบติดตามขบวนเจ้าสาวไป และชิงขบวนกลับมาเมืองชีจิ๋วในทันที
เตียวเลี้ยวรับคำสั่งแล้วรีบนำทหารยกตามขบวนของหันอิ้นไป ทันเข้าแล้วเข้าสกัดขบวนไว้ และสั่งให้เคลื่อนขบวนกลับมาเมืองชีจิ๋ว ลิโป้ได้สั่งให้เอาตัวหันอิ้นไปจำขังไว้ก่อนแล้วทำหนังสือแจ้งไปยังอ้วนสุดว่า ยังจัดแจงสิ่งของทั้งปวงไม่พร้อม และยังไม่ได้วันฤกษ์ดี การทั้งปวงพร้อมแล้วจะส่งบุตรีไปให้
ตันกุ๋ยครั้นได้ทราบว่าเตียวเลี้ยวคุมขบวนเถ้าแก่กลับมาถึงเมืองชีจิ๋วแล้ว จึงเข้าไปพบลิโป้แล้วว่า เมื่ออ้วนสุดทราบว่าท่านบิดพลิ้วไม่ส่งลูกสาวไปให้คงจะคิดการยกมาตีเมืองชีจิ๋ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดพลั้งลง โจโฉก็อาจยกมาซ้ำเติม ดังนั้นจึงขอให้ท่านผูกไมตรีด้วยโจโฉไว้เสียก่อน โดยทำหนังสือไปถึงโจโฉว่าอ้วนสุดวางแผนผูกดองกับท่านเพื่อจะยกไปตีเมืองฮูโต๋ แต่ท่านไม่รับไมตรีจึงจับตัวหันอิ้นผู้เป็นเถ้าแก่ส่งให้แก่โจโฉ ดังนี้เมืองชีจิ๋วก็จะไม่เป็นอันตราย หากเมื่อใดอ้วนสุดยกกองทัพมาตีเมืองชีจิ๋ว โจโฉก็จะยกกองทัพไปยึดเอาเมืองลำหยง อย่างน้อยอ้วนสุดก็ไม่กล้ายกกองทัพมาทำอันตรายต่อเมืองชีจิ๋ว
ลิโป้ฟังคำตันกุ๋ยแล้วลังเลใจไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะทำประการใดดี ในทันใดนั้นทหารได้เข้ามารายงานว่า บัดนี้หน่วยข่าวได้ส่งข่าวสารมารายงานให้ทราบว่าเล่าปี่ได้ทำการเกลี้ยกล่อมผู้คน ซ่องสุมทหารเป็นอันมาก แต่ไม่ทราบว่าเล่าปี่จะคิดอ่านประการใด
ลิโป้จึงว่าเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเสียวพ่าย ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องคิดอ่านป้องกันรักษาเมือง การเกลี้ยกล่อมผู้คนและจัดกองทหารของเล่าปี่จึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่สมควรจะแคลงใจเล่าปี่ และตัวเราก็ได้ทำคุณไว้กับเล่าปี่เป็นอันมาก เล่าปี่คงจะไม่ทำอันตรายแก่เรา
ในระหว่างนั้นลิโป้ได้ให้ซงเหียนกับงุยซกไปจัดหาซื้อม้าสำหรับใช้ในราชการศึก ณ เมืองซัวตั๋ง ซงเหียนและงุยซกไปซื้อม้าศึกได้เป็นจำนวนสามร้อยตัว ครั้นนำฝูงม้ามาถึงชายแดนเมืองเสียวพ่ายเป็นเวลากลางคืน ก็ถูกโจรป่ายกพวกมาปล้นเอาม้าไปหนึ่งร้อยห้าสิบตัว ซงเหียนและงุยซกจึงติดตามสืบหาก็ได้ความว่าเตียวหุยคุมพรรคพวกปลอมเป็นโจรป่ามาปล้นเอาม้าดังกล่าวไป ดังนั้นซงเหียนและงุยซกจึงนำม้าที่เหลือมาที่เมืองชีจิ๋วแล้วรายงานให้ลิโป้ทราบ
ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธ และยิ่งได้ยินว่าผู้ที่ปล้นเอาม้าไปคือเตียวหุยคู่เคืองเก่าก็ยิ่งโกรธจัด สั่งให้จัดทหารจะยกไปตีเมืองเสียวพ่ายเพื่อจับเอาตัวเตียวหุยและพรรคพวกที่ปลอมตัวเป็นโจรมาประหารเสีย
ครั้นเล่าปี่ได้ทราบว่าลิโป้ยกทหารมาเมืองเสียวพ่ายก็ตกใจ สั่งให้เตรียมทหารยกออกไปตั้งรับ ครั้นพบกับลิโป้แล้วจึงถามลิโป้ว่าท่านพี่ยกกองทัพมาทั้งนี้เพราะเหตุใด ลิโป้เห็นเล่าปี่ตีหน้าซื่อจึงเอาแส้ม้าชี้หน้าเล่าปี่แล้วว่า เมื่อครั้งที่อ้วนสุดสั่งกิเหลงยกกองทัพมาตีเมืองเสียวพ่าย ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือท่าน เสี่ยงเกาทัณฑ์จนกิเหลงต้องถอนทัพกลับไป แต่ท่านไม่รู้คุณให้เตียวหุยปลอมเป็นโจรป่ามาปล้นชิงเอาม้าของข้าพเจ้าไป.
หันอิ้นยินคำตันก๋งก็รู้ว่าที่ปรึกษาของลิโป้ผู้นี้มีสติปัญญาหลักแหลม อ่านแผนการของอ้วนสุดทะลุปรุโปร่งก็ตกใจ แต่แสร้งกล่าวว่าท่านอย่าเพิ่งคาดการณ์ไปก่อน การของนายเราทั้งสองก็จะเสียไป อ้วนสุดนายของข้าพเจ้ามีน้ำใจสุจริต คิดผูกไมตรีกับนายของท่าน ย่อมเป็นประโยชน์ร่วมกันของนายเราทั้งสอง ใช่ว่าจะปรารถนาศีรษะเล่าปี่ดังคำท่านแต่ประการใด
ตันก๋งครั้นได้สำแดงสติปัญญาให้ปรากฏแล้ว เห็นอาการหันอิ้นที่ตอบความดังนั้นจึงยกมือขึ้นเป็นเชิงปรามในทำนองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้เพราะอุบายเท่านี้ปิดบังเราไม่ได้ดอก แล้วตัดบทว่าข้าพเจ้าเห็นจริงตามคำท่านว่าการครั้งนี้เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย แต่การที่ท่านคิดการไว้นั้นหากล่าช้าไปก็อาจแปรผันเป็นอื่นได้ เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงรีบมาเตือนสติให้ท่านรีบทำการ
หันอิ้นยินคำตันก๋งแล้วก็เข้าใจว่าตันก๋งอ่านแผนการออกก็จริง แต่มีจุดยืนสนับสนุนแผนการนี้จึงคลายใจ หันอิ้นจึงลุกขึ้นคารวะตันก๋งแล้วว่า ท่านมีสติปัญญาหลักแหลมยิ่งนัก ขอให้ท่านเห็นแก่ไมตรีทั้งสองฝ่ายรับเป็นธุระช่วยให้การครั้งนี้สำเร็จเถิด อ้วนสุดนายข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านในครั้งนี้เลย
ตันก๋งจึงว่า ข้าพเจ้าจะรับเป็นธุระให้ลิโป้และอ้วนสุดเป็นทองแผ่นเดียวกันจงได้ ท่านอย่าได้วิตก ว่าแล้วก็ลาหันอิ้นไปที่จวนลิโป้
ตันก๋งวันนี้เปลี่ยนแปลงจากผู้มีอุดมการณ์แต่ครั้งที่ทิ้งตำแหน่งเจ้าเมืองจงพวนหนีติดตามโจโฉเป็นคนละคน กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว แต่เป็นนักการเมืองที่มีจุดยืนอยู่กับผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ก็แลเมื่อตันก๋งอ่านแผนการของอ้วนสุดกระจ่างแล้ว ก็ย่อมอ่านแผนการออกว่าเมื่ออ้วนสุดกำจัดเล่าปี่ ยึดเอาเมืองเสียวพ่ายแล้วย่อมกระทบต่อเมืองชีจิ๋ว ดังนั้นปมสำคัญจึงอยู่ที่เมื่อตันก๋งอ่านแผนการแทงตลอดดั่งนี้แล้ว เหตุไฉนจึงยังคงสนับสนุนแผนการนี้ต่อไปอีก ไม่คิดห่วงใยหรือคิดป้องกันเมืองชีจิ๋วกระนั้นหรือ
ปมนี้มีความเป็นไปได้สามประการ คือตันก๋งกำลังขายตัวให้กับอ้วนสุด คิดอ่านหวังจะทิ้งลิโป้ไปเข้าด้วยอ้วนสุด หรือยังคงภักดีต่อลิโป้อยู่ แต่มั่นใจในสติปัญญาตัวว่าเมื่อลิโป้กับอ้วนสุดเป็นดองกันแล้วก็จะสามารถคิดการให้ลิโป้มีอำนาจเหนืออ้วนสุด อาศัยความเป็นดองครองความเป็นใหญ่ทั้งเมืองชีจิ๋วและเมือง ลำหยงหรือมิฉะนั้นตันก๋งอาจคาดการณ์ถึงอำนาจของโจโฉที่เรืองอำนาจขึ้นในเมืองหลวง เห็นว่าลำพังลิโป้ไม่สามารถรับมือโจโฉได้ จึงสนับสนุนให้ลิโป้กับอ้วนสุดผนึกกำลังกันเพื่อรับมือกับโจโฉโดยยอมเสียเล่าปี่เป็นค่าตอบแทน
ความเป็นไปได้ทั้งสามประการนี้ไม่ว่าจะเป็นไปในทางไหน ประโยชน์ย่อมตกอยู่แก่ตันก๋งทั้งสิ้น ดังนั้นหากจะเปรียบกิเหลงผู้วางแผนการนี้เป็นพ่อครัวปรุงอาหารรสเลิศขึ้นแล้ว ผู้เสพอาหารนั้นกลับเป็นตันก๋งหาใช่ลิโป้หรืออ้วนสุดไม่
ตันก๋งเข้าไปพบลิโป้ถึงในจวนแล้วแสร้งถามว่า วันนี้มีขบวนขันหมากยกมา ข้าพเจ้าจึงได้ทราบข่าวว่าเป็นขบวนเถ้าแก่ยกมาขอลูกสาวท่านให้เป็นสะใภ้ของอ้วนสุด ความที่ข้าพเจ้าทราบมาดั่งนี้เป็นความจริงหรือ
ลิโป้จึงว่าเป็นความจริงดังที่ท่านได้ทราบมา ตันก๋งได้ลุกขึ้นคำนับลิโป้แล้วว่าข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีด้วยท่าน ในวันข้างหน้าบุตรีท่านคงจะได้เป็นพระมเหสี แล้วถามว่าท่านจะกำหนดวันฤกษ์ดีส่งตัวเจ้าสาวให้แก่บุตรชายอ้วนสุดเมื่อใด ลิโป้จึงว่าเรื่องนี้เป็นการใหญ่ของครอบครัวข้าพเจ้า ตัวข้าพเจ้ามีบุตรสาวแต่ผู้เดียว ดังนั้นจึงจำต้องปรึกษาเกี่ยวกับวันเวลาให้รอบคอบก่อน
ตันก๋งจึงว่า อันธรรมเนียมแต่โบราณ การส่งตัวเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวนั้น หากเป็นกรณีของพระมหากษัตริย์ก็จะทอดเวลาไปหนึ่งปี ถ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็ลดลงมาเป็นหกเดือน ถ้าเป็นขุนนางผู้น้อยก็ลดลงมาเหลือสามเดือน และถ้าเป็นราษฎรสามัญการส่งตัวเจ้าสาวก็จะกระทำภายในหนึ่งเดือน
ลิโป้จึงว่าบัดนี้อ้วนสุดได้ตราพระลัญจกรไว้ครองแล้ว จึงเสมอด้วยพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้าคิดที่จะทำการตามฐานะแห่งพระมหากษัตริย์ จึงได้ยั้งการไว้ รอเวลาครบหนึ่งปีแล้วค่อยส่งตัวเจ้าสาว
ตันก๋งจึงท้วงว่า ความคิดของท่านทั้งนี้ชอบอย่างธรรมเนียมก็จริงอยู่ แต่บัดนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่เป็นปกติ บรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ ได้แก่งแย่งแข่งอำนาจกัน ต่างคนต่างชิงกันเป็นใหญ่ หากการเนิ่นช้าไป ความล่วงรู้ถึงเมืองอื่นก็ย่อมคิดขัดขวางมิให้การมงคลของท่านสำเร็จ เพราะบรรดาหัวเมืองทั้งหลายเมื่อได้ทราบความแล้วย่อมจะเกรงกลัวว่าการที่ท่านกับอ้วนสุดผูกดองกันเช่นนี้ ก็จะมีกำลังอำนาจเติบใหญ่เข้มแข็ง คงจะคิดขัดขวางในประการต่าง ๆ แม้อาจส่งทหารมาซุ่มแล้วชิงตัวเจ้าสาวในระหว่างทาง การมงคลของท่านก็จะเสียไป ดังนั้นท่านจึงควรส่งบุตรสาวไปให้แก่บุตรอ้วนสุด อย่าให้ทันความแพร่งพรายไปถึงบรรดาหัวเมืองอื่น
ลิโป้ฟังคำตันก๋งแล้วเห็นคล้อยตาม จึงสั่งให้นางเหงียมซีผู้ภรรยาจัดเตรียมข้าวของสำหรับบุตรีให้พร้อมที่จะส่งตัวแก่บุตรของอ้วนสุดเสียแต่ในคืนนั้น นางเหงียมซีก็รับคำรีบจัดเตรียมข้าวของและขบวนของเจ้าสาว ครั้นรุ่งขึ้นลิโป้จึงให้บุตรสาวขึ้นเกวียนไม้หอม มอบตัวแก่หันอิ้นผู้เป็นเถ้าแก่ พร้อมกับข้าวของตามอย่างธรรมเนียมการส่งตัวเจ้าสาวและสั่งให้ซงเหียนกับงุยซกคุมทหารไปส่งขบวนเจ้าสาว หันอิ้นจึงนำขบวนเคลื่อนออกจากเมืองชีจิ๋วไปเมืองลำหยง
ในขณะที่ขบวนกำลังเคลื่อนจะออกจากเมืองชีจิ๋วนั้น ตันกุ๋ยซึ่งเป็นบิดาของ ตันเต๋งและเป็นที่ขุนนางเมืองชีจิ๋วในตำแหน่งที่ปรึกษากำลังนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงปี่แตรของขบวนเจ้าสาวจึงเรียกคนใช้ในบ้านมาถามว่าเป็นขบวนแต่งงานของผู้ใด คนใช้ในบ้านได้รายงานว่าอ้วนสุดได้ส่งเถ้าแก่มาสู่ขอบุตรสาวลิโป้ไปเป็นสะใภ้ ลิโป้ตกลงและจัดขบวนให้ซงเหียนกับงุยซกนำขบวนไปส่งเจ้าสาวพร้อมกับเถ้าแก่ของฝ่ายอ้วนสุด
ตันกุ๋ยได้ฟังความแล้วนั่งนิ่งพิเคราะห์เหตุการณ์ก็อ่านแผนการของอ้วนสุดกระจ่างว่ากลผูกดองครั้งนี้มีเป้าหมายเบื้องต้นคือศีรษะเล่าปี่และเมืองเสียวพ่าย และเป้าหมายขั้นต่อไปก็คือศีรษะลิโป้และเมืองชีจิ๋ว ตันกุ๋ยนั้นมีน้ำใจศรัทธาต่อเล่าปี่ตั้งแต่ครั้งที่เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วและตันเต๋งผู้บุตรได้เป็นขุนนางที่ปรึกษา ครั้นอ่านแผนการของอ้วนสุดตลอดแล้วจึงคิดว่าหากเราจะนิ่งเฉยเสีย ทั้งเล่าปี่และเมืองชีจิ๋วก็จะตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นตันกุ๋ยจึงตัดสินใจทำลายแผนการผูกดองของอ้วนสุด ตัดสินใจแล้วจึงแต่งตัวโพกผ้าขาวในชุดไว้ทุกข์งานศพให้คนในบ้านพยุงพาไปที่จวนลิโป้ ขอพบลิโป้ ฝ่าย ลิโป้ทราบว่าตันกุ๋ยมาขอพบก็ออกมารับที่หน้าจวน
แต่ครั้นเห็นตันกุ๋ยแต่งตัวในชุดไว้ทุกข์งานศพ มีหน้าตาเศร้าโศกก็ประหลาดใจ จึงถามตันกุ๋ยว่า ญาติพี่น้องคนใดของท่านถึงแก่ความตายหรือจึงมาหาข้าพเจ้า อย่าได้ห่วงใยเลยข้าพเจ้าพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกประการ ทั้งนี้เพราะลิโป้เข้าใจว่าตันกุ๋ยมาหาเพื่อบอกกล่าวข่าวงานศพของญาติพี่น้อง
ตันกุ๋ยได้ฟังดังนั้นจึงว่าข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าท่านตายและมีการจัดพิธีกงเต๊กให้กับงานศพของท่านจึงรีบมาหวังจะได้เคารพศพ ลิโป้ตกใจรีบซักถามตันกุ๋ยว่าท่านได้ข่าวจากใครว่าข้าพเจ้าตาย
ตันกุ๋ยซึ่งคุ้นเคยอยู่กับผู้คนในจวนของลิโป้ได้ยินดังนั้นจึงโบกมือเป็นทีให้คนรับใช้ในจวนของลิโป้ถอยออกไปก่อน ลิโป้เห็นเป็นที่ประหลาดนักจึงเข้ามาประคองตันกุ๋ยเข้าไปนั่งที่ห้องรับรอง ตันกุ๋ยจึงว่าเมื่อไม่นานมานี้อ้วนสุดได้ส่งสิ่งของมาตั้งสินบนให้กับท่าน ไม่ให้ท่านยกไปช่วยเล่าปี่ แต่ครั้นกิเหลงยกกองทัพจะไปตีเมืองเสียวพ่าย ท่านกลับยกทหารไปช่วยเล่าปี่ ท่านได้เสี่ยงทายเทพยดายิงเกาทัณฑ์ไปถูกคันทวน กิเหลงจึงต้องยกทัพกลับไป มาบัดนี้อ้วนสุดส่งเถ้าแก่มาสู่ขอบุตรีท่าน และทราบว่าท่านรับไมตรียกบุตรีให้แก่บุตรอ้วนสุด ดังนั้นเมื่อท่านกับอ้วนสุดผูกดองกันแล้ว อ้วนสุดก็จะยกไปตีเมืองเสียวพ่าย หากอ้วนสุดกำจัดเล่าปี่ได้เมืองเสียวพ่ายแล้ว เมืองชีจิ๋วและตัวท่านจะตกอยู่ในอันตราย
ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ตันกุ๋ยจึงกล่าวต่อไปว่าการทั้งนี้เป็นกลอุบายที่ใช้คนผูกคน เพราะอ้วนสุดใช้สินบนผูกท่านไว้ไม่ได้ จึงใช้กลผูกดองหวังเอาบุตรีท่านเป็นตัวประกันไม่ให้ท่านยกไปช่วยเล่าปี่ หลังจากอ้วนสุดได้เมืองเสียวพ่ายแล้วก็จะอาศัยบุตรีท่านซึ่งเป็นตัวประกันอยู่ในมือข่มเหงท่านด้วยประการต่าง ๆ หากท่านไม่ยอมให้ข่มเหงก็จะอ้างว่าท่านตัดไมตรี อย่างน้อยอ้วนสุดก็จะยืมทั้งทหารและเสบียงเบียดเบียนท่านและราษฎรเมืองชีจิ๋ว หากท่านไม่ให้ก็จะหาเหตุยกมาตีเมืองชีจิ๋ว ความเดือดร้อนก็จะบังเกิดขึ้น
อีกประการหนึ่งเล่า นับแต่อ้วนสุดได้ตราพระลัญจกรไว้แล้วก็คิดตั้งตัวเป็นเจ้านั่นคือการกบฏต่อแผ่นดิน ทรยศต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ หัวเมืองทั้งปวงแม้แต่โจโฉก็ย่อมยกมากำจัดอ้วนสุด ตัวท่านก็จะตกอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายกบฏด้วย และจะพลอยเป็นศัตรูกับบรรดาหัวเมืองทั้งหลายในแผ่นดิน การทั้งนี้ท่านจะเสียทั้งบุตรี จะเสียทั้งเมืองเสียวพ่าย ราษฎรเมืองชีจิ๋วก็จะเดือดร้อน ตัวท่านก็จะเดือดร้อน แม้เมืองชีจิ๋วก็จะรักษาไว้ไม่ได้ ขอท่านจงใคร่ครวญดูจงดีเถิด
ลิโป้ฟังคำตันกุ๋ยก็เห็นกระจ่างถึงแผนการร้ายของอ้วนสุดก็ตกใจยิ่งนัก ว่ากับตันกุ๋ยว่าข้าพเจ้าเชื่อคำตันก๋ง จึงพลาดพลั้งไปถึงเพียงนี้ จำเป็นที่จะต้องรีบแก้ไขให้ทันท่วงที ว่าแล้วจึงสั่งทหารให้เรียกเตียวเลี้ยวเข้ามาพบ แล้วสั่งให้ยกทหารรีบติดตามขบวนเจ้าสาวไป และชิงขบวนกลับมาเมืองชีจิ๋วในทันที
เตียวเลี้ยวรับคำสั่งแล้วรีบนำทหารยกตามขบวนของหันอิ้นไป ทันเข้าแล้วเข้าสกัดขบวนไว้ และสั่งให้เคลื่อนขบวนกลับมาเมืองชีจิ๋ว ลิโป้ได้สั่งให้เอาตัวหันอิ้นไปจำขังไว้ก่อนแล้วทำหนังสือแจ้งไปยังอ้วนสุดว่า ยังจัดแจงสิ่งของทั้งปวงไม่พร้อม และยังไม่ได้วันฤกษ์ดี การทั้งปวงพร้อมแล้วจะส่งบุตรีไปให้
ตันกุ๋ยครั้นได้ทราบว่าเตียวเลี้ยวคุมขบวนเถ้าแก่กลับมาถึงเมืองชีจิ๋วแล้ว จึงเข้าไปพบลิโป้แล้วว่า เมื่ออ้วนสุดทราบว่าท่านบิดพลิ้วไม่ส่งลูกสาวไปให้คงจะคิดการยกมาตีเมืองชีจิ๋ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดพลั้งลง โจโฉก็อาจยกมาซ้ำเติม ดังนั้นจึงขอให้ท่านผูกไมตรีด้วยโจโฉไว้เสียก่อน โดยทำหนังสือไปถึงโจโฉว่าอ้วนสุดวางแผนผูกดองกับท่านเพื่อจะยกไปตีเมืองฮูโต๋ แต่ท่านไม่รับไมตรีจึงจับตัวหันอิ้นผู้เป็นเถ้าแก่ส่งให้แก่โจโฉ ดังนี้เมืองชีจิ๋วก็จะไม่เป็นอันตราย หากเมื่อใดอ้วนสุดยกกองทัพมาตีเมืองชีจิ๋ว โจโฉก็จะยกกองทัพไปยึดเอาเมืองลำหยง อย่างน้อยอ้วนสุดก็ไม่กล้ายกกองทัพมาทำอันตรายต่อเมืองชีจิ๋ว
ลิโป้ฟังคำตันกุ๋ยแล้วลังเลใจไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะทำประการใดดี ในทันใดนั้นทหารได้เข้ามารายงานว่า บัดนี้หน่วยข่าวได้ส่งข่าวสารมารายงานให้ทราบว่าเล่าปี่ได้ทำการเกลี้ยกล่อมผู้คน ซ่องสุมทหารเป็นอันมาก แต่ไม่ทราบว่าเล่าปี่จะคิดอ่านประการใด
ลิโป้จึงว่าเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเสียวพ่าย ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องคิดอ่านป้องกันรักษาเมือง การเกลี้ยกล่อมผู้คนและจัดกองทหารของเล่าปี่จึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่สมควรจะแคลงใจเล่าปี่ และตัวเราก็ได้ทำคุณไว้กับเล่าปี่เป็นอันมาก เล่าปี่คงจะไม่ทำอันตรายแก่เรา
ในระหว่างนั้นลิโป้ได้ให้ซงเหียนกับงุยซกไปจัดหาซื้อม้าสำหรับใช้ในราชการศึก ณ เมืองซัวตั๋ง ซงเหียนและงุยซกไปซื้อม้าศึกได้เป็นจำนวนสามร้อยตัว ครั้นนำฝูงม้ามาถึงชายแดนเมืองเสียวพ่ายเป็นเวลากลางคืน ก็ถูกโจรป่ายกพวกมาปล้นเอาม้าไปหนึ่งร้อยห้าสิบตัว ซงเหียนและงุยซกจึงติดตามสืบหาก็ได้ความว่าเตียวหุยคุมพรรคพวกปลอมเป็นโจรป่ามาปล้นเอาม้าดังกล่าวไป ดังนั้นซงเหียนและงุยซกจึงนำม้าที่เหลือมาที่เมืองชีจิ๋วแล้วรายงานให้ลิโป้ทราบ
ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธ และยิ่งได้ยินว่าผู้ที่ปล้นเอาม้าไปคือเตียวหุยคู่เคืองเก่าก็ยิ่งโกรธจัด สั่งให้จัดทหารจะยกไปตีเมืองเสียวพ่ายเพื่อจับเอาตัวเตียวหุยและพรรคพวกที่ปลอมตัวเป็นโจรมาประหารเสีย
ครั้นเล่าปี่ได้ทราบว่าลิโป้ยกทหารมาเมืองเสียวพ่ายก็ตกใจ สั่งให้เตรียมทหารยกออกไปตั้งรับ ครั้นพบกับลิโป้แล้วจึงถามลิโป้ว่าท่านพี่ยกกองทัพมาทั้งนี้เพราะเหตุใด ลิโป้เห็นเล่าปี่ตีหน้าซื่อจึงเอาแส้ม้าชี้หน้าเล่าปี่แล้วว่า เมื่อครั้งที่อ้วนสุดสั่งกิเหลงยกกองทัพมาตีเมืองเสียวพ่าย ข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือท่าน เสี่ยงเกาทัณฑ์จนกิเหลงต้องถอนทัพกลับไป แต่ท่านไม่รู้คุณให้เตียวหุยปลอมเป็นโจรป่ามาปล้นชิงเอาม้าของข้าพเจ้าไป.