ตอนที่ 71. ปรากฎการณ์แห่งฟ้าดิน

ฝ่ายเอียวฮองและหันเซียม ครั้นได้ทราบว่าโจโฉตีทัพลิฉุย กุยกีแตกพ่ายไปและยกกองทัพมาตั้งอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง มีอำนาจสิทธิขาดทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน จึงปรึกษากันว่า “โจโฉทำการครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก นานไปราชการในเมืองหลวงก็จะสิทธิขาดอยู่แก่เขา เราทั้งสองก็จะอยู่ในเงื้อมมือโจโฉ”

            ขุนนางโหลที่ได้รับแต่งตั้งในยามที่พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงระเหเร่ร่อนจากการไล่ตามตีของลิฉุย กุยกี เคยมีบทบาทในครั้งนั้น มาครั้งนี้เห็นโจโฉเรืองอำนาจขึ้นก็คิดว่าตัวจะหมดบทบาทและความหมาย และจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของโจโฉ ความคิดจึงจมไม่ลง ดังนั้นจึงคิดจะหนีออกจากเมืองหลวงตามประสาคนไร้สติปัญญา

            ปรึกษากันแล้วตกลงวางแผนว่า จะอ้างเหตุยกไปกำจัดลิฉุย กุยกี แล้วค่อยหนีไปอยู่เมืองไต้เหลียง ดังนั้นจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบบังคมทูลขออาสายกทหารไปกำจัดลิฉุย กุยกี ล้างเสี้ยนหนามแผ่นดินให้สิ้นซากต่อไป พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำอาสาแล้วโปรดเกล้าอนุญาต เอียวฮองและหันเซียมจึงกราบถวายบังคมลาออกมาจัดเตรียมทหาร ข้าวของ เงินทองและพาพรรคพวกออกจากเมืองลกเอี๋ยง

            ในขณะนั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดให้ตังเจี๋ยวข้าหลวงคนใหม่ไปพบโจโฉ เพื่อเรียกเข้าเฝ้าปรึกษาข้อราชการ โจโฉครั้นทราบว่าตังเจี๋ยวข้าหลวงในพระเจ้าเหี้ยนเต้ถือรับสั่งมาจึงออกไปต้อนรับแล้วเชิญเข้ามาในค่าย โจโฉเห็นบุคลิกลักษณะของตังเจี๋ยว “พ่วงพีผิวเนื้อสดใส จักษุนั้นโตกลม คิ้วสุดหางตา” ก็ประหลาดใจเพราะยามนี้ข้าวยากหมากแพง อาหารไม่บริบูรณ์ ขุนนางข้าราชการทั่วไปซูบซีดผอมโซ ไฉนคนผู้นี้จึงมีบุคลิกสมบูรณ์สดใสดังนี้ จึงถามว่าบ้านเมืองยามทุกข์เข็ญ ข้าวปลาอาหารไม่บริบูรณ์ แต่ตัวท่านสมบูรณ์ผ่องใสยิ่งนัก ท่านบำรุงร่างกายหรือมีโอสถทิพย์ประการใด

            ตังเจี๋ยวจึงว่าข้าพเจ้านี้ไม่เคยดื่มกินอาหารทิพย์หรือโอสถทิพย์แต่ประการใด ในระยะสามสิบปีมานี้ข้าพเจ้ากินแต่อาหารธรรมดา ไม่ปรุงรสชาติ ไม่ว่าเค็ม เปรี้ยว เผ็ด หวาน มัน คงกินแต่อาหารที่มีรสจืดหรือไร้รสเท่านั้น

            อาหารเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต เป็นทั้งเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตให้เจริญเติบโต และเป็นทั้งยาบำบัดรักษาโรค เนื่องเพราะอาหารนั้นเป็นต้นกำเนิดของเลือด เลือดเป็นต้นกำเนิดของความเจริญเติบโตและโรคภัยไข้เจ็บ โดยนัยยะนี้อาหารจึงมีทั้งคุณและโทษ อาหารที่ไร้รสจัดเป็นยาอายุวัฒนะอย่างหนึ่งที่มีมาแต่โบราณกาล สามก๊กในตอนนี้ได้เปิดเผยถึงการใช้อาหารเป็นยาอายุวัฒนะที่น่าสนใจทดลองยิ่ง

            โจโฉฟังแล้วพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับแล้วถามต่อไปว่า ท่านรับราชการอยู่ที่ไหนมาก่อนและบัดนี้มีตำแหน่งอะไร ตังเจี๋ยวจึงว่าเดิมข้าพเจ้ารับราชการอยู่กับอ้วนเสี้ยว เคยได้รับเลือกเป็นบุคคลตัวอย่างในฐานะบุตรยอดกตัญญู ครั้นได้ทราบว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จมาประทับที่เมืองลกเอี๋ยงจึงมาขอเข้าเฝ้า ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นที่ข้าหลวงมีหน้าที่ถวายคำปรึกษา

            โจโฉครั้นได้ยินว่าตังเจี๋ยวเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดพระเจ้าเหี้ยนเต้และสังเกตเห็นท่วงท่าเจรจาเฉลียวฉลาด จึงกล่าวผูกน้ำใจไมตรีว่าข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ของท่าน มีความเลื่อมใสมานานแล้ว บัดนี้มาพบตัวโดยบังเอิญนับว่าเป็นวาสนาที่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน ดังนั้นเพื่อแสดงความคารวะต่อท่าน ข้าพเจ้าขอเชิญท่านอยู่กินโต๊ะด้วยข้าพเจ้าสักมื้อหนึ่ง

            ตังเจี๋ยวเพลินใจในถ้อยร้อยวาจาอันเจริญโสตของโจโฉจึงลืมพระราชธุระเสียสิ้น ตอบรับคำเชิญแล้วกินโต๊ะด้วยโจโฉในค่ายนั้น ยังไม่ทันได้เริ่มกินโต๊ะทหารเข้ามารายงานว่า ขณะนี้มีทหารกองหนึ่งกำลังออกเดินทางจากเมืองลกเอี๋ยงจะไปทางด้านตะวันออก โจโฉจึงสั่งให้ทหารไปสืบดูว่าเป็นกองทหารของผู้ใดและจะยกไปที่ใด

            ตังเจี๋ยวซึ่งเป็นข้าหลวงทราบความที่เอียวฮองและหันเซียมเข้าเฝ้ากราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงว่า ท่านไม่จำเป็นต้องไปสืบข่าวดอก เพราะนั่นเป็นเอียวฮองทหารเก่าของลิฉุย และหันเซียมหัวหน้าโจรที่กลับใจเข้ารับราชการ สองคนนี้เห็นท่านมีอำนาจในเมืองหลวงจึงคิดจะไปอยู่เมืองไต้เหลียง

            โจโฉไม่รู้ความเกี่ยวกับสองคนนี้มาก่อนก็สงสัย จึงถามตังเจี๋ยวว่าทั้งสองคนนี้มีความหวาดระแวงข้าพเจ้าด้วยเหตุใด ตังเจี๋ยวเฉลยว่าทั้งสองคนนี้ไม่มีความคิดสติปัญญา หาได้มีความคิดระแวงสงสัยอะไรในตัวท่านไม่ เพียงแต่เห็นบทบาทตัวเองลดลงก็อยากไปอยู่ที่อื่นเสียเท่านั้น

            โจโฉลองภูมิตังเจี๋ยวต่อไปอีกว่า ทั้งสองคนนี้เมื่อไปอยู่เมืองไต้เหลียงแล้วจะคิดอ่านประการใด ตังเจี๋ยวจึงว่าทั้งสองคนนี้ไม่มีน้ำยา “อุปมาเหมือนเสือไม่มีเขี้ยว แลนกหาปีกมิได้” คงจะไม่คิดการอันใดให้เป็นอันตรายต่อท่าน

            โจโฉสนทนากับตังเจี๋ยวก็ยิ่งเห็นความหลักแหลม รอบรู้การบ้านเมือง และเห็นว่ามีไมตรีสนองตอบชัดเจนแล้วจึงปรึกษาต่อไปว่าบัดนี้เมืองลกเอี๋ยงถูกเผลิงเผาผลาญหมดสิ้น จะคิดอ่านประการใดจึงจะควร

            ตังเจี๋ยวจึงว่าตั๋งโต๊ะเป็นทรราชย์เผาเมืองลกเอี๋ยงนี้เสียแล้วเชิญเสด็จไปประทับที่เมืองเตียงอันตั้งเป็นเมืองหลวงขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง สิ้นตั๋งโต๊ะแล้วลิฉุย กุยกีครองอำนาจเป็นทรราชย์ตาม เผาเมืองเตียงอันเสียแล้วกระทำย่ำยีต่อฮ่องเต้และขุนนางทั้งปวงจนพระเจ้าเหี้ยนเต้ต้องหนีมาประทับที่เมืองลกเอี๋ยงนี้ บัดนี้ท่านเข้ามาช่วยราชการในเมืองหลวง พระเจ้าเหี้ยนเต้และขุนนางทั้งปวงจึงค่อยมีความสุขขึ้น ความชอบจึงมีแก่ท่านเป็นอันมาก แต่ทว่าเมืองลกเอี๋ยงนี้ชำรุดทรุดโทรมไม่สามารถบูรณะฟื้นฟูให้คืนดีได้ดังเดิม ทั้งประตูเมือง ค่ายคู หอรบก็ถูกทำลายสิ้น หากมีศึกเหนือเสือใต้ยกมาก็จะทำการรับศึกไม่สะดวก

            โจโฉฟังคำตังเจี๋ยวชอบด้วยเหตุและผลต้องด้วยใจตัวจึงซักไซร้ต่อไปว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านมีความคิดเห็นประการใดสืบไปจึงจะทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขได้

            ตังเจี๋ยวจึงว่าเมืองฮูโต๋อยู่ไม่ไกลจากเมืองลกเอี๋ยง ข้าวปลาอาหารก็บริบูรณ์ ขอให้ท่านกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองฮูโต๋ เท่ากับท่านได้เนรมิตเมืองหลวงใหม่แล้วน้อมเกล้าถวาย ความชอบจะมีแก่ท่านเป็นอันมาก ขอท่านจงพิจารณาโดยควรเถิด

            โจโฉฟังตังเจี๋ยวอรรถาธิบายความเมืองโดยกว้าง โดยลึกแล้วประทับใจตังเจี๋ยวเป็นอันมาก ลุกขึ้นแล้วเข้ามาจับเอามือทั้งสองของตังเจี๋ยวกุมไว้ แล้วว่าความคิดอ่านของท่านช่างกว้างไกลยิ่งนัก ต้องด้วยความคิดของข้าพเจ้า แผ่นดินจะเป็นสุขสงบครั้งนี้ด้วยความคิดอ่านของท่านนี่แล้ว ข้าพเจ้าจะรีบทำตามคำปรึกษาของท่าน แต่วิตกว่าถ้าเรายกไปจากเมืองลกเอี๋ยงแล้ว เอียวฮองและหันเซียมจะไม่ยกมาทำร้ายเอาหรือ นอกจากนี้บรรดาขุนนางข้าราชการจะพร้อมใจย้ายไปเมืองฮูโต๋พร้อมกันแล้วละหรือ

            ตังเจี๋ยวจึงว่าการทั้งปวงนั้นจะหวังเอาความพร้อมใจจากทุกคนย่อมไม่ได้ เพราะไม่ว่าเรื่องราวจะดีร้ายประการใด ก็ย่อมมีทั้งผู้เห็นด้วยแลคัดค้านควบคู่ไปแทบทั้งสิ้น ขอเพียงการนั้นเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ในแผ่นดิน และผู้คนหมู่มากเห็นพ้องด้วยแล้วย่อมพึงกระทำ และย่อมเป็นการดีที่จะได้รู้อย่างแจ้งชัดว่าใครใดเห็นพ้องเข้าร่วมด้วยความคิดท่าน ใครใดทักท้วงขัดขวางอยู่ ดังนี้แล้วสภาพความเมืองทั้งสิ้นก็ย่อมกระจ่างแจ้ง คนทั้งปวงก็จะยำเกรงท่านเป็นอันมาก

            ส่วนเอียวฮองและหันเซียมแม้จะคิดทำร้ายท่านแต่ขาดกำลัง ทั้งกำลังสติปัญญาและกำลังทหาร ย่อมคิดทำการไปไม่ตลอด แต่เพื่อไม่ให้ท่านต้องวิตกกังวลในสองคนนี้เพียงแต่เกลี้ยกล่อมเอาใจไว้ก็จะไม่คิดทำอันตรายต่อท่าน

            โจโฉจึงว่าท่านอรรถาธิบายมานี้กระจ่างแจ้งยิ่งนัก ประดุจทำของคว่ำอยู่ให้หงายขึ้น ปัญหาจึงคงเหลือแต่เพียงว่าจะทำประการใดจึงจะชักจูงใจให้คนส่วนใหญ่เห็นพ้องในการย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองฮูโต๋

            ตังเจี๋ยวจึงว่าบัดนี้ในเมืองลกเอี๋ยงข้าวปลาอาหารก็ขาดแคลน เกิดความอดอยากแก่ทุกผู้คน ให้ท่านประกาศแก่คนทั้งปวงว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้มีพระราชประสงค์จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองฮูโต๋เพื่อมิให้ราษฎรต้องอดอยากก็จะต้องด้วยความปรารถนาของทุกผู้คน

            โจโฉฟังคำชี้แจงโดยตลอดเห็นการข้างหน้าสว่างไสว จึงมีความยินดีเป็นอันมาก แล้วว่านับแต่นี้เป็นต้นไปขอท่านช่วยเอ็นดูข้าพเจ้าให้คำปรึกษาในการต่าง ๆ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมืองแลราษฎรเถิด ข้าพเจ้ามีข้อราชการสิ่งใดก็จะขอคำปรึกษาท่าน

            ตังเจี๋ยวขอบคุณโจโฉที่ไว้วางใจแล้วขอลากลับ จากนั้นโจโฉจึงเชิญคณะที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเข้ามาปรึกษาเรื่องย้ายเมืองหลวงและให้เตรียมการเพื่อย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองฮูโต๋ต่อไป

            ขณะนั้นอองหลิบขุนนางในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ มีหน้าที่บันทึกจดหมายเหตุการแผ่นดิน ได้ปรึกษากับเล่าง่ายเชื้อพระวงศ์ ซึ่งมีหน้าที่เป็นนายทะเบียนทำเนียบราชนิกูลว่า ข้าพเจ้าได้สังเกตดาวประจำเมืองตั้งแต่ช่วงฤดูฝนเป็นต้นมาถึงบัดนี้เป็นเวลาสามเดือนแล้ว เห็นปรากฏการณ์บนนภากาศประหลาดกว่าที่เคยเป็นมา

            เล่าง่ายจึงถามว่าปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ว่านี้เป็นฉันใด และจะเกิดผลดีร้ายต่อบ้านเมืองประการใด

            อองหลิบจึงว่าช่วงเวลานี้ดาวพระศุกร์ได้โคจรเข้าบดบังดาวประจำเมือง ตรงบริเวณกลุ่มดาวไถซึ่งเป็นระยะเชิงมุมบ่งชี้ว่าตรงกับเมืองเทียนสิน ซึ่งถือว่าเป็นท่าข้ามระหว่างเมืองมนุษย์กับเมืองสวรรค์ ขณะเดียวกันดาวอังคารได้โคจรถอยหลังเข้ามาใกล้กับดาวพระศุกร์ตรงจุดที่เป็นประตูสวรรค์ ปรากฏการณ์ทั้งนี้แสดงว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงผู้ครองอำนาจรัฐ ข้าพเจ้าพิเคราะห์แล้วเห็นว่าราชวงศ์ฮั่นใกล้จะดับสูญแล้ว ดินแดนอันเป็นวุยก๊กจะรุ่งเรืองไพบูลย์

            อนึ่งดาวอังคารอันโคจรเข้ามา ณ ประตูสวรรค์นั้น หมายถึงขุนศึกผู้มีกำลังกองทัพเข้มเข็งเกรียงไกร ดังนั้นผู้ครองอำนาจรัฐใหม่จึงเป็นแม่ทัพ และจะตั้งต้นแห่งอำนาจ ณ ดินแดนอันเป็นแคว้นวุยนั้น

            เล่าง่ายจึงว่าความเรื่องนี้เป็นการใหญ่ของแผ่นดิน สมควรที่ท่านจะกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ อองหลิบก็รับคำ และเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบบังคมทูลให้ทรงทราบเป็นการส่วนพระองค์ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำกราบบังคมทูลแล้วมิได้ตรัสประการใด

            ในขณะที่อองหลิบสนทนากับเล่าง่ายนั้น  คนรับใช้ในบ้านได้ยินความก็คิดขายนายเอาความชอบจึงลอบไปแจ้งข้อความนั้นให้โจโฉทราบ โจโฉครั้นทราบความอันเป็นที่ประหลาดนัก กริ่งใจว่าความจะแพร่งพรายไปแล้วจะเกิดผลร้ายแก่ตัว ค่ำลงก็ให้คนไปว่ากล่าวตักเตือนอองหลิบว่า ปรากฏการณ์แห่งฟ้าดินยังหาเป็นที่แน่นอนไม่ อย่าเพิ่งพูดจาให้แพร่งพรายจะเป็นที่ตระหนกต่อผู้คนในแผ่นดิน อองหลิบฟังคำเตือนแล้วก็มิได้ว่ากล่าวประการใด

            โจโฉให้ทหารตามซุนฮกที่ปรึกษามาพบแล้วเล่าความตามที่อองหลิบสนทนากับเล่าง่ายให้ฟังทุกประการ แล้วถามว่าท่านมีความเห็นเป็นประการใด

            ซุนฮกจึงว่าสรรพสิ่งย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ และความสัมพันธ์ของฟ้าดิน ธาตุทั้งหลายย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไปตามเหตุ ปัจจัยของกันและกัน ธาตุไฟให้กำเนิดธาตุดิน ธาตุดินให้กำเนิดธาตุทอง ธาตุทองให้กำเนิดธาตุน้ำ ธาตุน้ำให้กำเนิดธาตุไม้ และธาตุไม้ให้กำเนิดธาตุไฟเป็นวัฏจักรดั่งนี้

            อันพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นเป็นธาตุไฟ ตัวท่านเป็นธาตุดิน ครั้นเหตุการณ์หมุนเวียนสิ้นปูมแห่งธาตุไฟแล้ว ยุคสมัยใหม่ย่อมผันสู่ปูมธาตุดินอันเป็นปูมธาตุประจำตัวท่าน ทั้งเมืองฮูโต๋ซึ่งอยู่ในดินแดนอันเป็นวุยก๊กก็อยู่ในภูมิธาตุดินสมกับธาตุของท่าน สอดคล้องกับการบนนภากาศ ดังนั้นปรากฏการณ์ของฟ้าดินสมคล้อยต้องกันแล้ว การย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองฮูโต๋ครั้งนี้เห็นทีท่านจะเรืองอำนาจขึ้นดังคำของอองหลิบเป็นมั่นคง ขอท่านจงรีบดำเนินการโดยไวเถิด

            โจโฉฟังคำซุนฮกแล้วตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการย้ายเมืองหลวงไปอยู่เมืองฮูโต๋ ครั้นรุ่งเช้าก็เข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบบังคมทูลให้ย้ายเมืองหลวง โดยอ้างว่าเมือง ลกเอี๋ยงชำรุดทรุดโทรมหากมีศึกเหนือเสือใต้ยกมาทำอันตรายก็จะไม่สามารถป้องกันรักษาไว้ได้ ทั้งเสบียงอาหารก็ไม่สมบูรณ์ แต่เมืองฮูโต๋ซึ่งอยู่ไม่ไกลมีความพร้อมทุกอย่าง

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ฟังคำกราบบังคมทูลแล้วทรงเห็นชอบด้วย และรับสั่งให้ดำเนินการตามที่เห็นสมควร โจโฉจึงกราบบังคมทูลต่อไปว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าพระพุทธเจ้าจะได้รีบดำเนินการตามพระบรมราชานุญาตโดยเร็วแล้วกราบบังคมลาออกมา.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร