ตอนที่ 70. ฟ้าย่อมประทานโอกาสแก่ผู้มีความพร้อม

 รับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้ผู้เป็นโอรสแห่งสวรรค์ที่ให้เรียกหาตัวโจโฉเข้ามาช่วยราชการในเมืองหลวงเป็นโอกาสสำคัญที่ฟ้าประทานแก่โจโฉ เนื่องเพราะโจโฉนั้นมีความพร้อมยิ่งกว่าขุนนางและขุนศึกใด ๆ ในแผ่นดิน

            ความพร้อมสถานหนึ่งก็คือ ความมีผู้สนับสนุนที่อยู่ใกล้ชิดฮ่องเต้ ในครั้งนั้นได้แก่จูฮี ซึ่งโจโฉเคยร่วมงานในกองทัพปราบโจรโพกผ้าเหลือง และความพร้อมอีกสถานหนึ่งคือการที่โจโฉได้ครองอำนาจในภาคตะวันออก มีทหารเอก แม่ทัพ นายกอง และทหารเลวถึงสามสิบหมื่น มีศักยภาพที่จะช่วยราชการในเมืองหลวงได้ เพราะความพร้อมสองประการนี้โอกาสจึงเปิดให้แก่โจโฉ

            ในทางตรงกันข้ามถ้าหากว่าโจโฉไม่มีความพร้อม ถึงแม้ฟ้าจะเปิดโอกาสแล้วแต่ย่อมยากหรือย่อมไม่อาจกุมโอกาสนั้นเอาไว้ได้ ครั้นโจโฉได้รับพระราชหัตถเลขาของพระเจ้าเหี้ยนเต้และรับสั่งให้รีบเข้าไปช่วยราชการในเมืองหลวงแล้ว สอบถามกับทหารที่อัญเชิญพระราชหัตถเลขามานั้นได้ความว่า บัดนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จประทับอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง โจโฉจึงมีความยินดียิ่งนัก รีบเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง

            โจโฉได้แจ้งข้อรับสั่งให้บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองฟังแล้วขอความเห็นว่าสมควรดำเนินการประการใด ทั้ง ๆ ที่ในใจโจโฉเองนั้นปักใจมั่นอยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องรีบยกเข้าไปเมืองหลวง กุมโอกาสนี้ไว้ให้มั่นคง  แต่นี่เป็นวิสัยของผู้นำที่มีการใดเป็นข้อสำคัญย่อมร่วมกันคิดอ่านปรึกษาแล้วแบ่งภาระหน้าที่กันทำ การใหญ่จึงจะสำเร็จดังประสงค์

            ซุนฮกที่ปรึกษาจึงว่าในประวัติศาสตร์ยุคก่อนครั้งพระเจ้าจิ๋วซองอ๋องได้เสวยราชย์นั้นแผ่นดินเป็นจลาจล จึงโปรดเกล้าให้จิ๋นบุนก๋งเข้าไปรับราชการในเมืองหลวง จิ๋นบุนก๋งเป็นผู้มีสติปัญญาจัดการบริหารราชการแผ่นดินไม่ทันนานก็เข้ารูปเข้ารอย สามารถครองใจบรรดาขุนนางข้าราชการทั้งปวงได้ สืบต่อมาจิ๋นบุนก๋งก็ได้ครองราชสมบัติโดยง่าย

            และว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้คล้ายกับเมื่อครั้งเลียดก๊กนั้น แผ่นดินเป็นจลาจล ราษฎรได้รับความทุกข์เข็ญทุกหย่อมหญ้า บรรดาขุนศึกต่างแย่งชิงอำนาจกัน การที่มีรับสั่งเรียกหาท่านเข้าไปรับราชการในเมืองหลวงครั้งนี้นับว่าสวรรค์ได้ประทานโอกาสแก่ท่านแล้ว ขอให้ท่านรีบยกทหารเข้าไปยังเมืองลกเอี๋ยงโดยเร็ว หากละไว้ช้าไปบรรดาหัวเมืองอื่นทราบความก็จะชิงโอกาสเข้าไปก่อน ราชการสิทธิขาดก็จะตกอยู่แก่หัวเมืองอื่นนั้น เพราะสถานการณ์เช่นนี้ผู้ใดยกเข้าไปช่วยราชการฮ่องเต้ก่อน อำนาจสิทธิขาดในราชการย่อมตกอยู่แก่ผู้นั้น ท่านก็จะเสียการไป

            บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งนั้นเห็นพ้องกับความคิดของซุนฮก โจโฉจึงว่าความคิดของท่านทั้งปวงต้องด้วยความคิดของเรา ดังนั้นเราจะรีบยกไปในทันที จึงสั่งให้เตรียมทหารทั้งสิ้น ยกออกจากที่ตั้งไปเมืองลกเอี๋ยงทั้งกลางวัน กลางคืน

            โจโฉตั้งปณิธานตั้งแต่ยังเด็กที่จะต้องครองอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดิน บัดนี้กำลังพลทั้งฝ่ายบุ๋น ฝ่ายบู๊พรั่งพร้อม เมื่อโอกาสเปิดช่องให้เช่นนี้ โจโฉจึงรีบเข้ากุมเอาโอกาสนั้นโดยไม่ลังเล หมายเอาการเข้าเมืองหลวงครั้งนี้เข้าสู่อำนาจรัฐอย่างเต็มตัว ดังนั้นบรรดาสรรพกำลังที่มีอยู่ จึงได้รับคำสั่งให้ยกไปเมืองหลวงทั้งสิ้น

            ทางด้านเมืองลกเอี๋ยง พระเจ้าเหี้ยนเต้และบรรดาขุนนางข้าราชการยังคงปรับปรุงที่ประทับและที่พักต่าง ๆ เพื่อให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ขณะนั้นทหารลาดตระเวนได้ถวายรายงานว่า บัดนี้ลิฉุย กุยกียกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองลกเอี๋ยง    พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบรายงานดังนั้นก็ตกพระทัย เพราะเมืองลกเอี๋ยงถูกเพลิงเผาผลาญจนหมดสิ้น ค่ายคู ประตูเมือง และหอรบต่าง ๆ ก็ยังไม่พร้อม จึงรับสั่งให้เรียกบรรดาขุนนางข้าราชการต่าง ๆ มาปรึกษา

            บรรดาขุนนางข้าราชการ ตลอดจนข้าราชบริพารครั้นทราบความก็ตกใจ แต่   เอียวฮองและหันเซียมได้กราบทูลว่าขออย่าทรงพระวิตก ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองจะขออาสาไปโจมตีขับไล่กองทัพของลิฉุย กุยกีเอง

            ตังสินแย้งว่าทหารฝ่ายเรามีน้อยกว่าทหารของลิฉุย กุยกีมากนัก ทั้งไม่สามารถอาศัยกำแพงเมือง ค่ายคู หอรบตั้งรับข้าศึกได้ ดังนั้นถ้าหากอยู่ที่นี่ต่อไปคงจะเป็นอันตราย จึงขอกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จหนีไปทางภาคตะวันออก ดีร้ายก็อาจจะสวนทางกับกองทัพของโจโฉ ซึ่งคงจะยกมาช่วยราชการ

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำตังสินแล้วเห็นชอบ จึงโปรดให้จัดขบวนเสด็จแล้วยกออกจากเมืองลกเอี๋ยงมุ่งไปทางภาคตะวันออก ขบวนเสด็จเคลื่อนไปได้ประมาณยี่สิบเส้น เห็นกองทหารจำนวนมากยกสวนทางมาแต่ไกล มีธงประจำตัวแม่ทัพบ่งบอกว่าเป็นกองทัพของโจโฉ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็คลายพระทัย

            ครั้นเข้ามาใกล้ปรากฏว่าเป็นทหารผู้ถือรับสั่งไปเรียกโจโฉร่วมมาในขบวนกองทัพหน้านั้น ทหารผู้ถือรับสั่งได้เข้ามาเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่รถพระที่นั่ง กราบบังคมทูลว่าบัดนี้โจโฉได้รับพระราชหัตถเลขาแล้ว กำลังยกกองทัพมาตามรับสั่ง แต่พอมาถึงกลางทางได้ทราบว่าลิฉุย กุยกียกกองทัพมาเมืองลกเอี๋ยง โจโฉจึงสั่งให้แฮหัวตุ้น  เคาทูและเตียนอุย คุมทหารม้าห้าหมื่นเป็นกองหน้ารีบยกมาถวายอารักขาพระองค์ก่อน

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำกราบบังคมทูลแล้วก็ดีพระทัย โปรดให้สามทหารเอกของโจโฉเข้าเฝ้า แฮหัวตุ้น เคาทู และเตียนอุย จึงนำทหารทั้งนั้นเข้ามาถวายบังคมพระเจ้าเหี้ยนเต้

            ทันใดนั้นทหารรักษาการณ์ได้เข้ามาเฝ้ากราบบังคมทูลว่า บัดนี้มีกองทหารยกมาทางด้านตะวันออกอีกกองหนึ่ง พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงโปรดให้แฮหัวตุ้นไปดูสถานการณ์ว่าเป็นกองทัพของผู้ใดยกมา

            ครู่หนึ่งแฮหัวตุ้นพาโจหอง ลิเตียน และงักจิ้น เข้ามาเฝ้าแล้วกราบบังคมทูลว่าโจโฉได้สั่งให้ทหารเอกอีกสามคนรีบคุมทหารยกหนุนตามมา จึงขอเบิกตัวเข้าเฝ้า นายทหารของโจโฉที่เพิ่งมาใหม่ทั้งสามนายจึงถวายบังคมพระเจ้าเหี้ยนเต้

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นสถานการณ์มีความปลอดภัยจึงตรัสชมว่า โจโฉมีสติปัญญารอบคอบมาก ทั้งมีความจงรักภักดี เห็นแก่ราชการเป็นการด่วน สมควรจะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน

            ขณะนั้นทหารรักษาการณ์ได้เข้ามาเฝ้าอีกครั้งหนึ่งแล้วกราบบังคมทูลว่าบัดนี้กองทัพลิฉุย กุยกียกใกล้เข้ามาแล้ว พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสกับแฮหัวตุ้นว่าท่านจะคิดอ่านรับศึกครั้งนี้ประการใด แฮหัวตุ้นจึงกราบบังคมทูลว่าขออย่าทรงพระวิตกต่อไปเลย ข้าพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นกองทัพหน้าของโจโฉขออาสาไปกำจัดลิฉุย กุยกี ณ บัดนี้ แล้วกราบถวายบังคมลาออกมา

            แฮหัวตุ้น โจหอง จัดกองทหารม้าเป็นกองหน้าซ้ายขวา และให้ทหารราบเป็นกองหนุน ยกไปสกัดกองทัพของลิฉุย กุยกี ทหารม้ากองหน้าทั้งซ้ายขวาได้บุกทะลวงเข้าตีกองทัพของลิฉุย กุยกีอย่างดุเดือด ทหารราบก็หนุนเนื่องตามเข้าไปฆ่าฟันทหารของ ลิฉุย กุยกีล้มตายลงกว่าหมื่น กองทัพของลิฉุย กุยกี จึงแตกพ่ายไป

            แฮหัวตุ้น และโจหองจึงยกทหารกลับมาที่ขบวนเสด็จ แล้วอัญเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กลับเข้าเมืองลกเอี๋ยง ถวายที่ประทับ ณ ที่ประทับชั่วคราวดังเดิม แล้วจัดทหารตั้งค่ายอารักขาไว้โดยรอบกำแพงพระนคร

            รุ่งขึ้นโจโฉยกกองทัพมาถึงเมืองลกเอี๋ยง ให้ทหารตั้งค่ายไว้นอกกำแพงพระนคร ตัวโจโฉและทหารเอกที่ติดตามมาได้พากันไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ โจโฉคุกเข่าลงกับพื้นถวายบังคม แล้วพระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดให้ลุกขึ้นนั่งแล้วมีพระราชกระแสว่า บัดนี้ลิฉุย กุยกีเป็นกบฏ เผาทำลายเมืองหลวงแล้วไล่ล่า คิดจะทำร้ายเราจนต้องระหกระเหินไปหลายที่ บัดนี้ได้มาอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง ลิฉุย กุยกีก็ยังยกกองทัพไล่ตามมาอีก เป็นโชคดีที่ท่านยกกองทัพมาช่วยไว้ทันสถานการณ์ จึงขอขอบใจท่านที่ช่วยราชการในครั้งนี้

            โจโฉกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณชุบเลี้ยงมาแต่ก่อน มีความซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น คิดอยู่เสมอที่จะสนองพระเดชพระคุณ ซึ่งลิฉุย กุยกีเป็นกบฏนั้นขออย่าทรงพระวิตกอีกต่อไป ข้าพระพุทธเจ้าจะคิดอ่านกำจัดลิฉุย กุยกีเสียให้จงได้

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพอพระทัยโจโฉยิ่งนัก จึงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้โจโฉเป็นผู้บัญชากองกำลังรักษาพระนคร มีอำนาจบังคับบัญชาฝ่ายทหารทั้งสิ้นและพระราชทานขวานโบราณและตราสำคัญสำหรับตำแหน่ง มีอำนาจประหารผู้กระทำความผิดได้ และโปรดเกล้าพระราชทานตำแหน่งราชเลขาธิการ มีอำนาจบังคับบัญชาฝ่ายพลเรือนอีกตำแหน่งหนึ่ง

            โจโฉ ณ บัดนี้แม้ยังมิได้มีตำแหน่งสูงสุดทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน แต่โดยสภาพที่เป็นจริงนั้นตำแหน่งสูงสุดที่ลิฉุย กุยกีครองอยู่ไร้ความหมายสิ้นเชิงแล้วเพราะกลายเป็นกบฏและเป็นโจร เที่ยวปล้นชิงวิ่งราวทรัพย์สินราษฎร ดังนั้นอำนาจทั้งทางทหารและพลเรือนที่แท้จริงจึงอยู่ที่โจโฉทั้งสิ้น

            ฝ่ายลิฉุย กุยกี ครั้นแตกพ่ายไปได้ซ่องสุมกำลังทหารขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วปรึกษากันว่าบัดนี้โจโฉยกกองทัพใหญ่มาตั้งอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง และได้เข้าถวายการอารักขาฮ่องเต้ไว้ หากนานไปอำนาจสิทธิขาดในราชการจะตกได้แก่โจโฉ และโจโฉจะเติบกล้าขึ้นจนยากที่จะกำจัด ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องรีบกำจัดโจโฉเสียอย่าให้ทันได้ตั้งตัว

            กาเซี่ยงที่ปรึกษาจึงว่า โจโฉตั้งหลักขึ้นในภาคตะวันออก มีทหารเอก ทหารรองและกำลังทหารเป็นอันมาก บัดนี้เข้ามาช่วยราชการในเมืองหลวงตามรับสั่งของฮ่องเต้ โจโฉจึงมีอำนาจโดยธรรมเนียมการปกครองสถานหนึ่งและมีกำลังทหารมากกว่าฝ่ายเราอีกสถานหนึ่ง หากรีบยกไปรบด้วยโจโฉในสถานการณ์เช่นนี้ “อุปมาดังเนื้อไปสู่เสือ” คงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นมั่นคง กรณีสมควรคิดอ่านผ่อนปรนเข้าสวามิภักดิ์ด้วยโจโฉ จะปลอดภัยกว่าที่จะคิดอ่านทำสงครามกัน

            ลิฉุย กุยกียินคำกาเซี่ยงก็โกรธ หาว่ากาเซี่ยงเอาใจออกห่าง กล่าวความให้เสียขวัญทหาร จึงชักกระบี่จะฆ่ากาเซี่ยงเสีย แม่ทัพนายกองเห็นดังนั้นจึงช่วยกันขอร้องลิฉุย กุยกี ขอชีวิตกาเซี่ยงไว้ ลิฉุย กุยกีจึงไล่กาเซี่ยงออกไปจากที่ประชุม

            กาเซี่ยงคนมีสติปัญญาคิดอ่านจนลิฉุย กุยกีได้ครองอำนาจรัฐ มาครั้งนี้ถึงมากด้วยสติปัญญาก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด เหตุผลมิใช่อื่นใดหากอยู่ที่การคบคนผิด เลือกนายผิดนั่นเอง กาเซี่ยงเห็นว่าลิฉุย กุยกีหยาบช้าต่อตัวถึงเพียงนี้ก็น้อยใจรีบออกมาจัดเตรียมข้าวของ ค่ำลงก็ขับม้าหนีกลับไปอยู่ภูมิลำเนาเดิม

            รุ่งเช้าขึ้นลิฉุย กุยกีจึงสั่งให้ลิเซียม ลิเป็ก เป็นกองทัพหน้ายกไปรบด้วยโจโฉ ฝ่ายโจโฉครั้นได้ทราบความจึงสั่งให้เคาทู ลิเตียน โจหยิน คุมทหารม้าสามร้อยยกออกไปรบด้วยกองทัพหน้าของลิฉุย กุยกี ทหารทั้งสองฝ่ายปะทะกันไม่ทันไร เคาทูก็เอาทวนแทงลิเซียมตกม้าตาย ลิเป็กเห็นดังนั้นก็ตกใจจะชักม้าหนี เคาทูขับม้าปราดเข้าไปเอาทวนแทงลิเป็กตกม้าตายอีกคนหนึ่ง ทหารของลิเซียม ลิเป็ก จึงพากันแตกหนีไป เคาทูจึงตัดศีรษะของลิเซียมและลิเป็กเอาไปมอบแก่โจโฉ

            โจโฉเห็นเช่นนั้นก็ยินดีโอบไหล่เคาทูแล้วชื่นชมว่าสมเป็นทหารเอก แต่สามก๊กฉบับสมบูรณ์ว่า “ท่านนั้นนับเป็นฮ่วมไกว่ของข้าจริง ๆ”

            ฮ่วมไกว่คือทหารเอกของพระเจ้าฮั่นโกโจ ดังนั้นการที่โจโฉกล่าวเช่นนี้ย่อมสะท้อนถึงความมักใหญ่ใฝ่สูง เปรียบเทียบตัวเองเสมอด้วยปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น

            ครั้นได้รับชัยชนะในศึกยกแรกแล้ว โจโฉจึงคิดกวาดล้างลิฉุย กุยกีให้สิ้นซาก ดังนั้นจึงสั่งให้แฮหัวตุ้นคุมทหารเป็นกองทัพหน้า โจหยินคุมทหารเป็นปีกขวา โจโฉเองเป็นกองทัพหลวง เคลื่อนขบวนเรียงหน้ากระดานเข้าโจมตีกองทหารของลิฉุย กุยกีอย่างรวดเร็ว ฆ่าทหารลิฉุย กุยกีล้มตายลงเป็นอันมาก ลิฉุย กุยกีสู้ไม่ได้ก็พากันชักม้าหนี โจโฉไล่ตามไปตลอดทั้งคืนจับทหารลิฉุย กุยกีได้เป็นอันมาก และที่เข้าสวามิภักดิ์ด้วยก็มีเป็นจำนวนมาก

            ลิฉุย กุยกีเหลือทหารอยู่ไม่กี่คนก็หมดกำลังใจสู้รบ จึงพากันหนีไปทางภาคตะวันตก กลายเป็นโจรป่าไปอีกครั้งหนึ่ง

            โจโฉครั้นได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อกองทัพของลิฉุย กุยกีแล้ว จึงยกทหารกลับเมืองลกเอี๋ยง ตัวโจโฉเองเข้าเฝ้ากราบทูลรายงานสถานการณ์ให้ทรงทราบ แล้วถวายบังคมลากลับมา ณ ค่ายนอกเมือง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร