ตอนที่ 67. มังกรน้อยระหว่างปากหมี ปากเสือ
พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นข้าราชบริพารอดอยากก็มีน้ำพระทัยสงสาร จึงมีรับสั่งให้ลิฉุยจัดอาหารมอบแก่ข้าราชบริพาร ลิฉุยทราบความตามรับสั่งแล้วก็โกรธหาว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ไม่เห็นใจทหาร ทรงเอาพระทัยใส่แต่เฉพาะข้าราชบริพาร จึงไม่ดำเนินการตามรับสั่ง มิหนำซ้ำยังให้เอาอาหารบูดขึ้นไปถวาย พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นลิฉุยดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ทรงพระพิโรธแต่ก็ไม่รู้ที่จะทำประการใด
เอียวปิวเห็นเช่นนั้นจึงกราบบังคมทูลว่าในสถานการณ์เช่นนี้ขอจงทรงอดออมพระทัยไว้ก่อน พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังแล้วก็กันแสงแต่มิได้ตรัสประการใด
ฝ่ายกุยกีครั้นทราบว่าลิฉุยคุมขบวนเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ยกไปเมืองหลวงแห่งที่สองก็ยกทหารตามมา ลิฉุยรู้ว่ากุยกียกทหารมาจึงสั่งให้ยกทหารออกไปรบด้วยกุยกี ทั้งสองฝ่ายต่างด่าว่าโจมตีกันและกันแล้วลิฉุยจึงท้ากุยกีรบกันตัวต่อตัวเพื่อมิให้ยากลำบากแก่ทหาร
ทั้งสองฝ่ายรบกันได้สิบเพลงก็พอดีเอียวปิวและขุนนางเกือบหกสิบคนได้ออกมาห้ามทั้งสองฝ่ายให้หยุดรบกัน ลิฉุยจึงยกทหารกลับเข้าเมืองหลวงแห่งที่สอง บรรดาขุนนางก็พากันไปหากุยกีเพื่อเจรจาให้กุยกีถอนทหารกลับไป
กุยกีเห็นขบวนขุนนางมาพบเพื่อจะเกลี้ยกล่อมจึงสั่งให้จับบรรดาขุนนางทั้งนั้นไว้เป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับลิฉุย เอียวปิวจึงถามกุยกีว่าบัดนี้ลิฉุยคุมเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้และข้าราชสำนักไว้ ส่วนฝ่ายท่านจับเอาบรรดาขุนนางไว้เช่นนี้ท่านจะคิดอ่านประการใด
กุยกีได้ฟังก็โกรธที่เอียวปิวรู้ทันจึงชักกระบี่จะฆ่าเอียวปิวเสีย แต่เอียวปิดทหารเอกของกุยกี ซึ่งเป็นคนแซ่เดียวกับเอียวปิวได้ห้ามไว้อ้างว่าเอียวปิวเป็นขุนนางผู้ใหญ่ จะฆ่าเสียย่อมไม่สมควร เพราะจะเกิดคำครหาว่าท่านไม่รู้ธรรมเนียม คนทั้งปวงก็จะดูหมิ่นท่าน กุยกีซึ่งบัดนี้เป็นโจรไปแล้วแต่มีปมด้อยเรื่องการศึกษาอยู่ในใจว่าผู้คนทั้งปวงจะหาว่าไม่มีความรู้ในขนบธรรมเนียมจึงอ่อนลง
เอียวปิดจึงว่าควรจะปล่อยเอียวปิวและจูฮีซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ทั้งสองคน เพื่อให้เป็นทูตในการเจรจาระหว่างท่านกับลิฉุย กุยกีเห็นชอบด้วยจึงสั่งให้ปล่อย เอียวปิวและจูฮีเสีย แต่ขุนนางนอกจากนี้ให้จับขังไว้
เอียวปิวและจูฮีสองขุนนางเจ้าของแผนเผาบ้านเพื่อกำจัดหนู ครั้นถูกปล่อยออกมาแล้วเกิดความละอายแก่ใจที่ความคิดตัวได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายกับฮ่องเต้ ไม่กล้ากลับเข้าไปในเมืองหลวงแห่งที่สองพบหน้าพระเจ้าเหี้ยนเต้อีก จึงชวนกันกลับไปบ้าน ระหว่างทางปรึกษากันแล้วหาทางออกไม่ได้ต่างสำนึกว่าที่พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงตกอยู่ในสภาพระกำลำบากและเสี่ยงตายเช่นนี้เป็นเพราะความคิดของเราทั้งสองคนจึงกอดคอกันร้องไห้จนสลบลงทั้งคู่ แต่จูฮีนั้นอาการโรคหัวใจกำเริบ และถึงแก่ความตายในที่นั้น
ฝ่ายเอียวกีขุนนางในพระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นพระเจ้าเหี้ยนเต้ตกอยู่ในความทุกข์ระกำลำบากจึงเข้าเฝ้าแล้วกราบทูลว่า ลิฉุย กุยกี ได้ยกทหารไปรบกันทุกวัน ติดต่อกันถึงสองเดือนเศษแล้ว ทหารของทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก และบัดนี้กาเซี่ยงที่ปรึกษาของลิฉุยไม่พอใจลิฉุยที่ไม่ฟังคำปรึกษาดังแต่ก่อน หันไปเชื่อพ่อมดหมอผี จึงขอถวายคำแนะนำว่าให้โปรดเกล้าฯ เรียกกาเซี่ยงมาเฝ้าเพื่อปรึกษาราชการ ถ้าหากกาเซี่ยงเข้าสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักแล้วก็จะได้คิดอ่านกำจัดศัตรูราชสมบัติต่อไป
นี่ก็อีกคนหนึ่งที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างกาเซี่ยงกับลิฉุยที่ผูกพันลึกซึ้งกันมายาวนานแล้วเสือกถวายคำปรึกษาให้ฮ่องเต้เรียกคนชนิดนี้เข้ามาปรึกษา จึงกลายเป็นว่าอาศัยความคิดของศัตรูมาชี้นำทาง ไม่เพียงแต่จะไม่เกิดผลสำเร็จใด ๆ เท่านั้น หากจะต้องเสี่ยงต่อการเผชิญกับวิกฤติที่ร้ายแรงต่อไปอีก เหมือนกับรัฐบาลบางรัฐบาลที่มองข้ามคนของตัวไปหลงเอาพรรคพวกของศัตรูมาทำการ ในที่สุดก็ต้องตกจากอำนาจไปในเวลาไม่ช้านาน
พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระเยาว์นัก ทรงฟังคำเอียวกีแล้วก็เห็นชอบ จึงโปรดให้กาเซี่ยงเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงพระกรรณแสงแล้วตรัสกับกาเซี่ยงว่าบัดนี้เราได้ทุกขเวทนานัก เห็นว่าท่านมีน้ำใจสัตย์ซื่อและมีสติปัญญาจึงขอให้ช่วยคิดอ่านหาหนทางช่วยเหลือเราให้พ้นทุกข์ด้วย
กาเซี่ยงฟังรับสั่งแล้วกราบบังคมทูลว่า ทุกวันนี้ข้าพระพุทธเจ้าก็คิดอ่านที่จะสนองพระเดชพระคุณอยู่ แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่กระจ่าง จึงขอเวลาคิดอ่านวางแผนแล้วจะกราบบังคมทูลในภายหลัง ขอพระองค์อย่าได้แพร่งพรายความทั้งนี้ให้ผู้อื่นทราบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำกาเซี่ยงแล้วก็ทรงเบาพระทัยลง
ต่อมาลิฉุยได้เข้ามาเฝ้าแล้วกราบบังคมทูลว่าบัดนี้กุยกีเป็นขบถ จะชิงเอาราชสมบัติแต่บุญบารมีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทยังมากอยู่ ดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงอัญเชิญเสด็จออกมาได้ทันท่วงทีจึงไม่เป็นอันตราย พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงขอบใจลิฉุยแล้วลิฉุยก็ถวายบังคมลากลับออกไป
ถัดจากนั้นหองฮูเหียบ ขุนนางมาขอเข้าเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกับลิฉุยและเป็นผู้ที่กุยกีให้ความเกรงใจ จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาให้หองฮูเหียบนำไปมอบแก่ลิฉุย กุยกีให้เลิกรบกัน แล้วร่วมกันทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขสืบไป
หองฮูเหียบรับพระราชทานพระราชหัตถเลขาแล้วจึงไปหากุยกี แจ้งความตามพระราชประสงค์ให้ทราบ ครั้นกุยกีทราบความตามพระราชหัตถเลขาแล้วตอบตกลงที่จะเลิกรบกับลิฉุย แต่ขอฟังความข้างลิฉุยก่อน และขอให้หองฮูเหียบบอกลิฉุยให้ปล่อยฮ่องเต้และข้าราชบริพารเสีย ตัวเองจะปล่อยขุนนางที่กักขังไว้จากนั้นจะได้ร่วมกันทำนุบำรุงแผ่นดินตามพระราชประสงค์ต่อไป
หองฮูเหียบมีความยินดียิ่งนัก จึงออกมาและไปยังค่ายลิฉุย มอบพระราชหัตถเลขาและแจ้งความตามที่ได้พบกับกุยกีให้ลิฉุยทราบทุกประการ
ลิฉุยจึงว่าเราทำความชอบทำนุบำรุงแผ่นดินมากว่าสี่ปีแล้ว แต่กุยกีนั้นเป็นแค่คนเลี้ยงม้า เราสู้อุตส่าห์ส่งเสริมจนได้ดีถึงเพียงนี้ กลับมาคิดทรยศต่อเรา ดังนั้นเราจะฆ่ากุยกีเสียให้ได้
หองฮูเหียบเห็นลิฉุยมีท่าทีแข็งกร้าวจึงว่า แผ่นดินนับถึงบัดนี้ยังไม่ปกติสุข จะถือเอาความชอบข้างใดนั้นยังไม่ได้ก่อน หากควรถือเอาการสร้างความสงบสุขของบ้านเมืองให้บังเกิดขึ้น นั่นแล้วจึงจะถือเป็นความชอบ ตัวท่านและบรรดาญาติพี่น้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แต่ตัวท่านกลับจับเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้และข้าราชบริพารกักขังไว้ กุยกีจึงจับเอาบรรดาขุนนางไว้เป็นตัวประกันบ้าง ต่างคนต่างผิดเสมอกัน บัดนี้กุยกียอมปฏิบัติตามพระราชประสงค์แล้ว ขอให้ท่านใคร่ครวญจงดี
ลิฉุยฟังคำหองฮูเหียบก็โกรธ ชักกระบี่ออกจะฆ่าหองฮูเหียบเสีย แต่ถูกบรรดาแม่ทัพนายกองห้ามไว้ว่าหองฮูเหียบเป็นผู้ถือรับสั่ง จะประหารเสียย่อมไม่ชอบ ลิฉุยฟังคำทัดทานแล้วก็ปล่อยหองฮูเหียบกลับไป
หองฮูเหียบทำการไม่สำเร็จดังที่ได้รับมอบหมายจึงโกรธลิฉุยเป็นอันมาก ขณะออกมาก็ร้องด่าลิฉุยเป็นข้อร้ายแรง บรรดาทหารก็ห้ามไม่ให้หองฮูเหียบร้องด่าอีกต่อไป ด้วยเกรงว่าลิฉุยจะตามมาฆ่าเสีย แล้วรีบพาหองฮูเหียบออกมาจากค่ายของลิฉุย
พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบความก็เป็นห่วงหองฮูเหียบจะเป็นอันตราย จึงโปรดให้หองฮูเหียบเดินทางไปอยู่เมืองซีหลง หองฮูเหียบรับรับสั่งแล้วก็กราบถวายบังคมลาออกมา แต่จิตใจนั้นยังคุมแค้นลิฉุยอยู่เป็นอันมาก จึงไปชักชวนทหารของลิฉุยซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันว่าลิฉุยเป็นกบฏต่อราชสำนัก หากขืนอยู่ด้วยลิฉุยก็จะมีอันตราย ผู้ใดมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ก็ให้ตามเราไปอยู่เมืองซีหลงหรือกลับบ้านเดิมเสียเถิด
บรรดาทหารของลิฉุยฟังแล้วก็เชื่อตามหองฮูเหียบ จึงพากันหนีทหารติดตามหองฮูเหียบไปเป็นจำนวนมาก ศัตรูของลิฉุยซึ่งเป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ แบบหองฮูเหียบนี้ได้ทำให้กำลังทหารของลิฉุยอ่อนแอลงเป็นอันมาก
ครั้นลิฉุยทราบความที่หองฮูเหียบชวนทหารให้หนีไปก็โกรธ สั่งให้อ่องเฉียงยกทหารไล่ตามไปฆ่าบรรดาคนเหล่านั้นเสีย อ่องเฉียงรับคำสั่งแล้วก็ยกทหารออกจากค่าย แต่มาได้พักหนึ่งก็คิดขึ้นว่าหองฮูเหียบเป็นข้าแผ่นดิน ถือความสัตย์สุจริตต่อราชสำนัก บัดนี้ต้องตกทุกข์ร้อนไปจากเมืองหลวง หากเราฆ่าเสียความผิดก็จะตกอยู่แก่ตัวเรา หรือหากจะจับไปมอบแก่ลิฉุยก็คงจะถูกลิฉุยประหารเสีย เราก็จะได้ชื่อว่าทรยศต่อแผ่นดิน
อ่องเฉียงคิดดังนั้นแล้ว จึงแสร้งยกทหารเบนไปเสียอีกทางหนึ่ง จึงไม่พบกับหองฮูเหียบ ครั้นทำทีติดตามไประยะหนึ่งแล้วจึงพาทหารกลับมารายงานให้ลิฉุยทราบว่าตามไปไม่พบหองฮูเหียบ ลิฉุยก็ไม่ได้ว่าประการใด
ฝ่ายกาเซี่ยงรู้ว่าทหารของลิฉุยหนีราชการเป็นจำนวนมาก จึงเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบทูลว่า ขอให้เอาใจลิฉุยตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดีแล้วค่อยคิดการต่อไป
ข้อเสนอของกาเซี่ยงดังนี้ไม่เห็นที่จะเป็นประโยชน์ใด ๆ เพราะคนแบบลิฉุยนั้นไม่รู้จักบุญคุณคน และไม่อิ่มในยศศักดิ์วาสนา ฐานะและตำแหน่งในปัจจุบันก็สูงส่งแต่ยังคงประพฤติตนเยี่ยงโจร ถึงจะให้ตำแหน่งยศศักดิ์เพิ่มขึ้นอีกก็ไม่เห็นที่จะเปลี่ยนความคิดจิตใจของลิฉุยให้กลับมาจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ได้ ไม่ต่างกับการสุมฟืนเข้าไปในกองไฟ ย่อมไม่อาจทำให้ไฟดับลงได้ มีแต่จะทำให้เพลิงลุกโชติช่วงเผาผลาญรุนแรงยิ่งขึ้น
นี่จึงเป็นข้อเสนอของนกสองหัวที่เอาใจทั้งลิฉุยและสร้างความหวังให้กับฮ่องเต้ โดยหวังประโยชน์ของผู้เสนอเป็นสำคัญ ดังนั้นใครมีที่ปรึกษาแบบนี้จึงหาคุณประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้ มีแต่จะสร้างความฉิบหายให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำกาเซี่ยงแล้วทรงหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดจิตใจคนแบบลิฉุยได้ จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามเสนอ
แต่ความคิดที่จะเอาความชอบของกาเซี่ยงกลับไม่บรรลุผล เพราะเมื่อลิฉุยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดีแล้ว แทนที่จะคิดว่าเป็นเพราะข้อเสนอของกาเซี่ยง แล้วคิดตอบแทนบุญคุณปูนบำเหน็จให้กาเซี่ยงกลับคิดว่ายศฐาบรรดาศักดิ์ที่ได้มานั้นเป็นผลมาจากพิธีกรรมของพ่อมดหมอผีซึ่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวอีกกลุ่มหนึ่ง จึงเอาทรัพย์สินเงินทองเป็นอันมากไปกราบไหว้ตอบแทนที่ปรึกษาพ่อมดหมอผีเหล่านั้น
ฝ่ายเอียวฮองและซองโกสองนายทหารของลิฉุยเห็นลิฉุยได้ดีมีตำแหน่งสูงขึ้นแล้วแทนที่จะให้รางวัลความชอบกับทหารที่ยากลำบากเป็นตายมาด้วยกัน กลับไปให้รางวัลความชอบกับพวกพ่อมดหมอผีก็โกรธลิฉุย ปรึกษากันแล้วเห็นว่าขืนอยู่กับเจ้านายแบบนี้หามีความเจริญอันใดไม่ ควรจะกำจัดลิฉุยเสีย ทำความชอบไว้ในพระเจ้าเหี้ยนเต้จะดีกว่า
ปรึกษากันแล้วจึงวางแผนกันว่าให้ซองโกเข้าไปสังเกตการณ์อยู่ข้างในเมือง ตัวเอียวฮองจะคุมทหารไว้ให้พร้อมที่นอกเมือง ถ้าปลอดคนดีแล้วให้ซองโกจุดพลุสัญญาณ เอียวฮองจะยกทหารเข้าไปจับเอาลิฉุยฆ่าเสีย วางแผนกันเสร็จแล้วทั้งสองนายทหารก็แยกย้ายกันไปดำเนินการ
ในขณะที่เอียวฮองจัดเตรียมทหารอยู่ที่นอกเมืองนั้น ทหารของเอียวฮองคนหนึ่งซึ่งภักดีต่อลิฉุยเห็นเอียวฮองจะทรยศจึงลอบนำความที่เอียวฮองกับซองโกคบคิดกันไปแจ้งให้ลิฉุยทราบ
ลิฉุยทราบความก็โกรธสั่งทหารให้ไปจับตัวซองโกซึ่งอยู่ในเมืองไปประหารแล้วรีบยกทหารออกไปยังที่เอียวฮองเตรียมทหารอยู่นอกเมืองนั้น ทหารของทั้งสองฝ่ายปะทะตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด เอียวฮองเห็นว่าจะสู้ลิฉุยไม่ได้ก็พาทหารหนีไป ตั้งมั่นอยู่ที่เขาลูกหนึ่ง
ลิฉุยและกุยกียังคงชิงอำนาจกันต่อไปอย่างดุเดือด และยกทหารออกมารบกันทุกวันจนทหารของทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก แต่ละฝ่ายเหลือทหารไม่ถึงหมื่นคน
ในขณะที่ทหารของลิฉุย กุยกีกำลังรบกันอย่างบ้าคลั่งในวันหนึ่ง ก็เห็นทหารเตียวเจยกทหารจำนวนมากมาจากเมืองฮองหลง มาตั้งค่ายอยู่ใกล้กับเมืองหลวงแห่งที่สองนั้น แล้วส่งทหารมาแจ้งแก่ลิฉุย กุยกีให้เลิกรบต่อกัน หากฝ่ายใดไม่ฟังคำเตียวเจก็จะเข้าด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วจะโจมตีฝ่ายที่ไม่เชื่อฟังนั้นให้พินาศไป.
เอียวปิวเห็นเช่นนั้นจึงกราบบังคมทูลว่าในสถานการณ์เช่นนี้ขอจงทรงอดออมพระทัยไว้ก่อน พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังแล้วก็กันแสงแต่มิได้ตรัสประการใด
ฝ่ายกุยกีครั้นทราบว่าลิฉุยคุมขบวนเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ยกไปเมืองหลวงแห่งที่สองก็ยกทหารตามมา ลิฉุยรู้ว่ากุยกียกทหารมาจึงสั่งให้ยกทหารออกไปรบด้วยกุยกี ทั้งสองฝ่ายต่างด่าว่าโจมตีกันและกันแล้วลิฉุยจึงท้ากุยกีรบกันตัวต่อตัวเพื่อมิให้ยากลำบากแก่ทหาร
ทั้งสองฝ่ายรบกันได้สิบเพลงก็พอดีเอียวปิวและขุนนางเกือบหกสิบคนได้ออกมาห้ามทั้งสองฝ่ายให้หยุดรบกัน ลิฉุยจึงยกทหารกลับเข้าเมืองหลวงแห่งที่สอง บรรดาขุนนางก็พากันไปหากุยกีเพื่อเจรจาให้กุยกีถอนทหารกลับไป
กุยกีเห็นขบวนขุนนางมาพบเพื่อจะเกลี้ยกล่อมจึงสั่งให้จับบรรดาขุนนางทั้งนั้นไว้เป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับลิฉุย เอียวปิวจึงถามกุยกีว่าบัดนี้ลิฉุยคุมเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้และข้าราชสำนักไว้ ส่วนฝ่ายท่านจับเอาบรรดาขุนนางไว้เช่นนี้ท่านจะคิดอ่านประการใด
กุยกีได้ฟังก็โกรธที่เอียวปิวรู้ทันจึงชักกระบี่จะฆ่าเอียวปิวเสีย แต่เอียวปิดทหารเอกของกุยกี ซึ่งเป็นคนแซ่เดียวกับเอียวปิวได้ห้ามไว้อ้างว่าเอียวปิวเป็นขุนนางผู้ใหญ่ จะฆ่าเสียย่อมไม่สมควร เพราะจะเกิดคำครหาว่าท่านไม่รู้ธรรมเนียม คนทั้งปวงก็จะดูหมิ่นท่าน กุยกีซึ่งบัดนี้เป็นโจรไปแล้วแต่มีปมด้อยเรื่องการศึกษาอยู่ในใจว่าผู้คนทั้งปวงจะหาว่าไม่มีความรู้ในขนบธรรมเนียมจึงอ่อนลง
เอียวปิดจึงว่าควรจะปล่อยเอียวปิวและจูฮีซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ทั้งสองคน เพื่อให้เป็นทูตในการเจรจาระหว่างท่านกับลิฉุย กุยกีเห็นชอบด้วยจึงสั่งให้ปล่อย เอียวปิวและจูฮีเสีย แต่ขุนนางนอกจากนี้ให้จับขังไว้
เอียวปิวและจูฮีสองขุนนางเจ้าของแผนเผาบ้านเพื่อกำจัดหนู ครั้นถูกปล่อยออกมาแล้วเกิดความละอายแก่ใจที่ความคิดตัวได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายกับฮ่องเต้ ไม่กล้ากลับเข้าไปในเมืองหลวงแห่งที่สองพบหน้าพระเจ้าเหี้ยนเต้อีก จึงชวนกันกลับไปบ้าน ระหว่างทางปรึกษากันแล้วหาทางออกไม่ได้ต่างสำนึกว่าที่พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงตกอยู่ในสภาพระกำลำบากและเสี่ยงตายเช่นนี้เป็นเพราะความคิดของเราทั้งสองคนจึงกอดคอกันร้องไห้จนสลบลงทั้งคู่ แต่จูฮีนั้นอาการโรคหัวใจกำเริบ และถึงแก่ความตายในที่นั้น
ฝ่ายเอียวกีขุนนางในพระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นพระเจ้าเหี้ยนเต้ตกอยู่ในความทุกข์ระกำลำบากจึงเข้าเฝ้าแล้วกราบทูลว่า ลิฉุย กุยกี ได้ยกทหารไปรบกันทุกวัน ติดต่อกันถึงสองเดือนเศษแล้ว ทหารของทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก และบัดนี้กาเซี่ยงที่ปรึกษาของลิฉุยไม่พอใจลิฉุยที่ไม่ฟังคำปรึกษาดังแต่ก่อน หันไปเชื่อพ่อมดหมอผี จึงขอถวายคำแนะนำว่าให้โปรดเกล้าฯ เรียกกาเซี่ยงมาเฝ้าเพื่อปรึกษาราชการ ถ้าหากกาเซี่ยงเข้าสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักแล้วก็จะได้คิดอ่านกำจัดศัตรูราชสมบัติต่อไป
นี่ก็อีกคนหนึ่งที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างกาเซี่ยงกับลิฉุยที่ผูกพันลึกซึ้งกันมายาวนานแล้วเสือกถวายคำปรึกษาให้ฮ่องเต้เรียกคนชนิดนี้เข้ามาปรึกษา จึงกลายเป็นว่าอาศัยความคิดของศัตรูมาชี้นำทาง ไม่เพียงแต่จะไม่เกิดผลสำเร็จใด ๆ เท่านั้น หากจะต้องเสี่ยงต่อการเผชิญกับวิกฤติที่ร้ายแรงต่อไปอีก เหมือนกับรัฐบาลบางรัฐบาลที่มองข้ามคนของตัวไปหลงเอาพรรคพวกของศัตรูมาทำการ ในที่สุดก็ต้องตกจากอำนาจไปในเวลาไม่ช้านาน
พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระเยาว์นัก ทรงฟังคำเอียวกีแล้วก็เห็นชอบ จึงโปรดให้กาเซี่ยงเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงพระกรรณแสงแล้วตรัสกับกาเซี่ยงว่าบัดนี้เราได้ทุกขเวทนานัก เห็นว่าท่านมีน้ำใจสัตย์ซื่อและมีสติปัญญาจึงขอให้ช่วยคิดอ่านหาหนทางช่วยเหลือเราให้พ้นทุกข์ด้วย
กาเซี่ยงฟังรับสั่งแล้วกราบบังคมทูลว่า ทุกวันนี้ข้าพระพุทธเจ้าก็คิดอ่านที่จะสนองพระเดชพระคุณอยู่ แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่กระจ่าง จึงขอเวลาคิดอ่านวางแผนแล้วจะกราบบังคมทูลในภายหลัง ขอพระองค์อย่าได้แพร่งพรายความทั้งนี้ให้ผู้อื่นทราบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำกาเซี่ยงแล้วก็ทรงเบาพระทัยลง
ต่อมาลิฉุยได้เข้ามาเฝ้าแล้วกราบบังคมทูลว่าบัดนี้กุยกีเป็นขบถ จะชิงเอาราชสมบัติแต่บุญบารมีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทยังมากอยู่ ดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงอัญเชิญเสด็จออกมาได้ทันท่วงทีจึงไม่เป็นอันตราย พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงขอบใจลิฉุยแล้วลิฉุยก็ถวายบังคมลากลับออกไป
ถัดจากนั้นหองฮูเหียบ ขุนนางมาขอเข้าเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกับลิฉุยและเป็นผู้ที่กุยกีให้ความเกรงใจ จึงทรงมีพระราชหัตถเลขาให้หองฮูเหียบนำไปมอบแก่ลิฉุย กุยกีให้เลิกรบกัน แล้วร่วมกันทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขสืบไป
หองฮูเหียบรับพระราชทานพระราชหัตถเลขาแล้วจึงไปหากุยกี แจ้งความตามพระราชประสงค์ให้ทราบ ครั้นกุยกีทราบความตามพระราชหัตถเลขาแล้วตอบตกลงที่จะเลิกรบกับลิฉุย แต่ขอฟังความข้างลิฉุยก่อน และขอให้หองฮูเหียบบอกลิฉุยให้ปล่อยฮ่องเต้และข้าราชบริพารเสีย ตัวเองจะปล่อยขุนนางที่กักขังไว้จากนั้นจะได้ร่วมกันทำนุบำรุงแผ่นดินตามพระราชประสงค์ต่อไป
หองฮูเหียบมีความยินดียิ่งนัก จึงออกมาและไปยังค่ายลิฉุย มอบพระราชหัตถเลขาและแจ้งความตามที่ได้พบกับกุยกีให้ลิฉุยทราบทุกประการ
ลิฉุยจึงว่าเราทำความชอบทำนุบำรุงแผ่นดินมากว่าสี่ปีแล้ว แต่กุยกีนั้นเป็นแค่คนเลี้ยงม้า เราสู้อุตส่าห์ส่งเสริมจนได้ดีถึงเพียงนี้ กลับมาคิดทรยศต่อเรา ดังนั้นเราจะฆ่ากุยกีเสียให้ได้
หองฮูเหียบเห็นลิฉุยมีท่าทีแข็งกร้าวจึงว่า แผ่นดินนับถึงบัดนี้ยังไม่ปกติสุข จะถือเอาความชอบข้างใดนั้นยังไม่ได้ก่อน หากควรถือเอาการสร้างความสงบสุขของบ้านเมืองให้บังเกิดขึ้น นั่นแล้วจึงจะถือเป็นความชอบ ตัวท่านและบรรดาญาติพี่น้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แต่ตัวท่านกลับจับเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้และข้าราชบริพารกักขังไว้ กุยกีจึงจับเอาบรรดาขุนนางไว้เป็นตัวประกันบ้าง ต่างคนต่างผิดเสมอกัน บัดนี้กุยกียอมปฏิบัติตามพระราชประสงค์แล้ว ขอให้ท่านใคร่ครวญจงดี
ลิฉุยฟังคำหองฮูเหียบก็โกรธ ชักกระบี่ออกจะฆ่าหองฮูเหียบเสีย แต่ถูกบรรดาแม่ทัพนายกองห้ามไว้ว่าหองฮูเหียบเป็นผู้ถือรับสั่ง จะประหารเสียย่อมไม่ชอบ ลิฉุยฟังคำทัดทานแล้วก็ปล่อยหองฮูเหียบกลับไป
หองฮูเหียบทำการไม่สำเร็จดังที่ได้รับมอบหมายจึงโกรธลิฉุยเป็นอันมาก ขณะออกมาก็ร้องด่าลิฉุยเป็นข้อร้ายแรง บรรดาทหารก็ห้ามไม่ให้หองฮูเหียบร้องด่าอีกต่อไป ด้วยเกรงว่าลิฉุยจะตามมาฆ่าเสีย แล้วรีบพาหองฮูเหียบออกมาจากค่ายของลิฉุย
พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงทราบความก็เป็นห่วงหองฮูเหียบจะเป็นอันตราย จึงโปรดให้หองฮูเหียบเดินทางไปอยู่เมืองซีหลง หองฮูเหียบรับรับสั่งแล้วก็กราบถวายบังคมลาออกมา แต่จิตใจนั้นยังคุมแค้นลิฉุยอยู่เป็นอันมาก จึงไปชักชวนทหารของลิฉุยซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันว่าลิฉุยเป็นกบฏต่อราชสำนัก หากขืนอยู่ด้วยลิฉุยก็จะมีอันตราย ผู้ใดมีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ก็ให้ตามเราไปอยู่เมืองซีหลงหรือกลับบ้านเดิมเสียเถิด
บรรดาทหารของลิฉุยฟังแล้วก็เชื่อตามหองฮูเหียบ จึงพากันหนีทหารติดตามหองฮูเหียบไปเป็นจำนวนมาก ศัตรูของลิฉุยซึ่งเป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ แบบหองฮูเหียบนี้ได้ทำให้กำลังทหารของลิฉุยอ่อนแอลงเป็นอันมาก
ครั้นลิฉุยทราบความที่หองฮูเหียบชวนทหารให้หนีไปก็โกรธ สั่งให้อ่องเฉียงยกทหารไล่ตามไปฆ่าบรรดาคนเหล่านั้นเสีย อ่องเฉียงรับคำสั่งแล้วก็ยกทหารออกจากค่าย แต่มาได้พักหนึ่งก็คิดขึ้นว่าหองฮูเหียบเป็นข้าแผ่นดิน ถือความสัตย์สุจริตต่อราชสำนัก บัดนี้ต้องตกทุกข์ร้อนไปจากเมืองหลวง หากเราฆ่าเสียความผิดก็จะตกอยู่แก่ตัวเรา หรือหากจะจับไปมอบแก่ลิฉุยก็คงจะถูกลิฉุยประหารเสีย เราก็จะได้ชื่อว่าทรยศต่อแผ่นดิน
อ่องเฉียงคิดดังนั้นแล้ว จึงแสร้งยกทหารเบนไปเสียอีกทางหนึ่ง จึงไม่พบกับหองฮูเหียบ ครั้นทำทีติดตามไประยะหนึ่งแล้วจึงพาทหารกลับมารายงานให้ลิฉุยทราบว่าตามไปไม่พบหองฮูเหียบ ลิฉุยก็ไม่ได้ว่าประการใด
ฝ่ายกาเซี่ยงรู้ว่าทหารของลิฉุยหนีราชการเป็นจำนวนมาก จึงเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบทูลว่า ขอให้เอาใจลิฉุยตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดีแล้วค่อยคิดการต่อไป
ข้อเสนอของกาเซี่ยงดังนี้ไม่เห็นที่จะเป็นประโยชน์ใด ๆ เพราะคนแบบลิฉุยนั้นไม่รู้จักบุญคุณคน และไม่อิ่มในยศศักดิ์วาสนา ฐานะและตำแหน่งในปัจจุบันก็สูงส่งแต่ยังคงประพฤติตนเยี่ยงโจร ถึงจะให้ตำแหน่งยศศักดิ์เพิ่มขึ้นอีกก็ไม่เห็นที่จะเปลี่ยนความคิดจิตใจของลิฉุยให้กลับมาจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ได้ ไม่ต่างกับการสุมฟืนเข้าไปในกองไฟ ย่อมไม่อาจทำให้ไฟดับลงได้ มีแต่จะทำให้เพลิงลุกโชติช่วงเผาผลาญรุนแรงยิ่งขึ้น
นี่จึงเป็นข้อเสนอของนกสองหัวที่เอาใจทั้งลิฉุยและสร้างความหวังให้กับฮ่องเต้ โดยหวังประโยชน์ของผู้เสนอเป็นสำคัญ ดังนั้นใครมีที่ปรึกษาแบบนี้จึงหาคุณประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้ มีแต่จะสร้างความฉิบหายให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังคำกาเซี่ยงแล้วทรงหวังว่าจะเปลี่ยนความคิดจิตใจคนแบบลิฉุยได้ จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามเสนอ
แต่ความคิดที่จะเอาความชอบของกาเซี่ยงกลับไม่บรรลุผล เพราะเมื่อลิฉุยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดีแล้ว แทนที่จะคิดว่าเป็นเพราะข้อเสนอของกาเซี่ยง แล้วคิดตอบแทนบุญคุณปูนบำเหน็จให้กาเซี่ยงกลับคิดว่ายศฐาบรรดาศักดิ์ที่ได้มานั้นเป็นผลมาจากพิธีกรรมของพ่อมดหมอผีซึ่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวอีกกลุ่มหนึ่ง จึงเอาทรัพย์สินเงินทองเป็นอันมากไปกราบไหว้ตอบแทนที่ปรึกษาพ่อมดหมอผีเหล่านั้น
ฝ่ายเอียวฮองและซองโกสองนายทหารของลิฉุยเห็นลิฉุยได้ดีมีตำแหน่งสูงขึ้นแล้วแทนที่จะให้รางวัลความชอบกับทหารที่ยากลำบากเป็นตายมาด้วยกัน กลับไปให้รางวัลความชอบกับพวกพ่อมดหมอผีก็โกรธลิฉุย ปรึกษากันแล้วเห็นว่าขืนอยู่กับเจ้านายแบบนี้หามีความเจริญอันใดไม่ ควรจะกำจัดลิฉุยเสีย ทำความชอบไว้ในพระเจ้าเหี้ยนเต้จะดีกว่า
ปรึกษากันแล้วจึงวางแผนกันว่าให้ซองโกเข้าไปสังเกตการณ์อยู่ข้างในเมือง ตัวเอียวฮองจะคุมทหารไว้ให้พร้อมที่นอกเมือง ถ้าปลอดคนดีแล้วให้ซองโกจุดพลุสัญญาณ เอียวฮองจะยกทหารเข้าไปจับเอาลิฉุยฆ่าเสีย วางแผนกันเสร็จแล้วทั้งสองนายทหารก็แยกย้ายกันไปดำเนินการ
ในขณะที่เอียวฮองจัดเตรียมทหารอยู่ที่นอกเมืองนั้น ทหารของเอียวฮองคนหนึ่งซึ่งภักดีต่อลิฉุยเห็นเอียวฮองจะทรยศจึงลอบนำความที่เอียวฮองกับซองโกคบคิดกันไปแจ้งให้ลิฉุยทราบ
ลิฉุยทราบความก็โกรธสั่งทหารให้ไปจับตัวซองโกซึ่งอยู่ในเมืองไปประหารแล้วรีบยกทหารออกไปยังที่เอียวฮองเตรียมทหารอยู่นอกเมืองนั้น ทหารของทั้งสองฝ่ายปะทะตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด เอียวฮองเห็นว่าจะสู้ลิฉุยไม่ได้ก็พาทหารหนีไป ตั้งมั่นอยู่ที่เขาลูกหนึ่ง
ลิฉุยและกุยกียังคงชิงอำนาจกันต่อไปอย่างดุเดือด และยกทหารออกมารบกันทุกวันจนทหารของทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก แต่ละฝ่ายเหลือทหารไม่ถึงหมื่นคน
ในขณะที่ทหารของลิฉุย กุยกีกำลังรบกันอย่างบ้าคลั่งในวันหนึ่ง ก็เห็นทหารเตียวเจยกทหารจำนวนมากมาจากเมืองฮองหลง มาตั้งค่ายอยู่ใกล้กับเมืองหลวงแห่งที่สองนั้น แล้วส่งทหารมาแจ้งแก่ลิฉุย กุยกีให้เลิกรบต่อกัน หากฝ่ายใดไม่ฟังคำเตียวเจก็จะเข้าด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วจะโจมตีฝ่ายที่ไม่เชื่อฟังนั้นให้พินาศไป.