ตอนที่ 655. อวสานสามก๊ก

พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วแปดร้อยยี่สิบสามพรรษา พระเจ้าสุมาเอี๋ยนตรัสสั่งให้เตาอี้เป็นแม่ทัพใหญ่กรีฑาทัพบกทัพเรือ ยกไปตีเมืองกังตั๋ง พระเจ้าซุนโฮได้แต่งทัพบกทัพเรือเตรียมรับศึกต้าจิ้น เฉพาะการข้างทัพเรือนั้นโปรดเกล้าให้ทำโซ่เหล็กและขวากเหล็กขึงปักไว้ตามทางเลี้ยวแม่น้ำเมืองกังตั๋งทุกตำบล

            ฝ่ายเตาอี้แม่ทัพใหญ่ของต้าจิ้น ครั้นยกกองทัพไปตั้งอยู่ที่แดนเมืองกังเหลงแล้วจึงสั่งให้ตั้งค่ายลง ครั้นตกกลางคืนจึงสั่งให้ทหารเรือแปดร้อยคนลงเรือเล็กลอบข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง เข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ริมฝั่งแม่น้ำไปตั้งอยู่ที่ภูเขาปาสันแล้วให้ปักธงทิวไว้ในป่าเป็นอันมาก เวลากลางคืนก็ให้จุดคบเพลิงไว้สว่างไสว ลวงให้ชาวเมืองกังตั๋งเห็นว่าทหารเมืองต้าจิ้นได้ยกมายึดพื้นที่ไว้เป็นจำนวนมาก

            อีกสองสามวันต่อมาพอกองทัพต้าจิ้นยกมาถึงพร้อมกันแล้ว เตาอี้จึงให้เคลื่อนพลยกข้ามแม่น้ำรุดสู่แดนกังตั๋งพร้อมกัน

            ฝ่ายกองทัพเมืองกังตั๋งซึ่งซุนหลิมคุมกองทัพบกกองทัพเรือเมืองกังตั๋งมาตั้ง ขัดตาทัพที่เมืองกังเหลง ครั้นได้ทราบข่าวศึกจึงยกทหารง่อก๊กยกเข้าตีกองทัพของเตาอี้พร้อมกัน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้รบพุ่งกันเป็นสามารถ บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            ซุนหลิมนำทหารเข้ารบพุ่งกับทหารของเตาอี้เพียงครู่เดียว เตาอี้ก็ทำทีเป็นล่าถอย ซุนหลิมไม่รู้กลจึงยกทหารไล่ตามไป ครั้นไปถึงจุดซุ่มเตาอี้จึงให้สัญญาณทหารทุกกองเข้าล้อมตีกระหนาบทหารของซุนหลิม และฆ่าฟันทหารของซุนหลิมบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ตัวซุนหลิมถูกสังหารตายในที่รบ ทหารเมืองกังตั๋งจึงแตกพ่ายถอยหนีไม่เป็นขบวน

            ฝ่ายง่อเอี๋ยนคุมทหารมาตั้งขัดตาทัพอยู่ที่ชายทะเล ครั้นทราบข่าวว่ากองทัพเมืองกังตั๋งทุกกองพ่ายแพ้เสียทีแก่ข้าศึกก็กลัวตาย จึงหนีทัพเสียดื้อ ๆ ในระหว่างการหนีพบกับทหารต้าจิ้นจึงถูกจับกุมตัวมามอบแก่เตาอี้

            เตาอี้เห็นว่ายามหน้าศึกหากคุมขังง่อเอี๋ยนไว้อาจเป็นอันตรายในภายหลัง จึงสั่งทหารให้เอาง่อเอี๋ยนไปตัดศีรษะเสีย

            กองทัพของเตาอี้ยึดเมืองกังเหลงได้แล้ว จึงกรีฑาทัพบุกยึดหัวเมืองรายทางรวดขึ้นไปตลอดแนว ขุนนางและทหารเมืองกังตั๋งตามหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งมีความเคียดแค้นชิงชังพระเจ้าซุนโฮมาแต่เดิม ครั้นเห็นกองทัพต้าจิ้นยกหนักมา ต่างพากันเข้านอบน้อมแต่โดยดี

            เตาอี้เห็นชาวเมืองกังตั๋งยอมสวามิภักดิ์ก็มีความยินดี ออกคำสั่งสนามให้ทหารทุกกรมกองมิให้ทำอันตรายแก่ราษฎร แล้วให้ระดมพลเตรียมพร้อมที่จะกรีฑาบุกเข้ายึดเมืองกังตั๋ง

            ฝ่ายองโยยคุมกองทัพเรือยกมา ครั้นใกล้จะถึงเขตลำน้ำเมืองกังตั๋งก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า ตามลำน้ำทางเลี้ยวในเขตแดนเมืองกังตั๋งนั้นล้วนมีโซ่เหล็กขึงขวางลำน้ำและยังมีขวากเหล็กปักอยู่ใต้น้ำอีกเป็นอันมาก

            องโยยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ และกล่าวว่าข้าศึกคิดอ่านทำขวากหนามสกัดกั้นเรา ตัวเราก็มีสติปัญญาคิดอ่านแก้ไขได้ กล่าวแล้วจึงสั่งให้ทหารตัดไม้ไผ่ทำแพเป็นจำนวนมาก ให้เอาดินบรรทุกไว้บนแพเพื่อให้มีน้ำหนักยามถูกคลื่นลม แล้วทำตะขอเหล็กร้อยเชือกผูกไว้กับแพเตรียมไว้ ข้างบนแพให้บรรทุกเตาเผามีลูกสูบชักสำหรับเผาไฟไว้ทุกลำ

            ครั้นเตรียมการพร้อมแล้วองโยยจึงให้ทหารคุมแพติดใบเป็นกองหน้า ปล่อยตะขอเหล็กทิ้งลงน้ำ และให้เรือรบบรรทุกทหารเป็นกองหลัง แล่นใบตามขบวนแพแล้วแยกย้ายตรงไปที่แม่น้ำเมืองกังตั๋งทุกตำบล

            ครั้นแพแล่นเข้าไปถึงแนวขวากเหล็ก ตะขอเหล็กก็เกี่ยวขวากเหล็กติดแน่น พอคลื่นซัดหนุนมาแพซึ่งบรรทุกดินมีน้ำหนักลอยขึ้นลงตามระลอกคลื่น ก็ลากเอาขวากเหล็กที่ปักไว้หลุดออกมาสิ้น แพก็แล่นรุดหน้าเข้าไปถึงแนวโซ่เหล็กซึ่งขึงตรึงแม่น้ำไว้ ทหารขององโยยจึงสูบไฟในเตาเผาเผาโซ่เหล็กจนขาด

            ครั้นแนวต้านทานตามลำน้ำถูกทำลายแล้ว องโยยได้สั่งให้เอาแพเข้าเทียบฝั่ง ถ่ายทหารขึ้นเรือรบยกรุดหน้าขึ้นไปตามลำแม่น้ำ ทหารเมืองกังตั๋งซึ่งตั้งค่ายรักษาลำน้ำเห็นทหารต้าจิ้นยกล่วงแนวต้านทานมาเป็นอันมากก็เสียขวัญกำลังใจ พากันแตกหนีออกจากค่าย ทหารเมืองต้าจิ้นเห็นได้ทีก็คุมกันไล่ตามตีจนทหารเมืองกังตั๋งบาดเจ็บ ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก พวกที่เหลือก็หลบหนีไปจนหมดสิ้น เหลือแต่สิมเอ๋ง จูกัดเจ้ง เตียวเค้า คุมทหารที่หลงเหลือต่อสู้ แต่ไม่สามารถต้านทานกำลังทหารต้าจิ้นซึ่งหนุนเนื่องมาไม่ขาดสายได้ จึงถูกทหารต้าจิ้นสังหารตายในที่รบทั้งสามคน

            กองทัพต้าจิ้นเข้ายึดหัวเมืองรายทางเมืองกังตั๋งทั้งทางบกและริมทะเลได้หมดสิ้นแล้ว จึงเคลื่อนทัพตรงไปที่เมืองบู๊เฉียงซึ่งเป็นราชธานี แล้วเข้าล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน

            ฝ่ายพระเจ้าซุนโฮครั้นทราบว่ากองทัพเมืองกังตั๋ง ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือพ่ายแพ้แก่กองทัพต้าจิ้น และองโยยได้คุมกองทัพใหญ่มาล้อมเมืองหลวงไว้ทั้งสี่ด้านแล้วก็ตกพระทัย แทบไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นได้ จึงนำขันทีคนสนิทและทหารองครักษ์ขึ้นไปบนหอรบ

            ครั้นเสด็จขึ้นไปถึงหอรบเป็นที่สูง เห็นข้างในพระนครชุลมุนวุ่นวาย เพราะราษฎรอุ้มลูกจูงหลานเตรียมการจะหนีตายเป็นจ้าละหวั่น ด้านนอกเมืองก็เห็นทหารเมืองกังตั๋งซึ่งกระโดดลงจากกำแพงเมืองเข้าสวามิภักดิ์กับทหารต้าจิ้นก็สลดพระทัย ทรงเห็นว่าทหารต้าจิ้นยกมาล้อมเมืองไว้แน่นหนาและทหารชาวเมืองกังตั๋งก็ไม่เป็นใจสู้รบ จึงท้อแท้พระทัย ชักกระบี่ออกจากฝักแล้วจะเชือดคอตาย

            ทหารองครักษ์และขันทีเห็นดังนั้นก็พากันตกใจ ช่วยกันยุดพระแสงกระบี่ไว้แล้วทูลว่า “พระองค์ประหารชีวิตเสียนั้นหาประโยชน์มิได้ เป็นสำหรับประเพณีแผ่นดินแล้ว ขอให้พระองค์นบนอบเหมือนกับพระเจ้าเล่าเสี้ยนตามขนบธรรมเนียมเถิด”

            พระเจ้าซุนโฮได้ฟังคำทูลเตือนก็ได้สติยั้งคิด ทรงอิดเอื้อนอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัสว่า เมื่อท่านทั้งปวงมีความเห็นดังนี้ ก็จงทำตามความเห็นนั้นเถิด ทหารองครักษ์และขุนนางคนสนิทได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี เพราะเห็นมีโอกาสที่จะรอดตาย จึงสั่งการให้ปักธงขาวขึ้นบนเชิงเทิน และให้ทหารที่เฝ้าประตูเมืองเปิดประตูเมือง แล้วพระเจ้าซุนโฮจึงเสด็จนำขุนนางออกไปยอมสวามิภักดิ์กับองโยยซึ่งเป็นแม่ทัพส่วนหน้าของต้าจิ้น

            องโยยทราบความก็มีความยินดี ให้ทหารรีบไปเชิญเตาอี้แม่ทัพใหญ่มาถวายการต้อนรับและยอมรับการสวามิภักดิ์ของพระเจ้าซุนโฮ เตาอี้ได้ออกคำสั่งสนามไม่ให้ทหารทั้งปวงข่มเหงรังแกราษฎรและขุนนาง แล้วยกทหารเข้าไปในเมืองบู๊เฉียง ทำพิธีรับมอบตราพระราชลัญจกร บัญชีทรัพย์สินในท้องพระคลัง และบัญชีไพร่พล ประกอบด้วยขุนนางข้าราชการสามหมื่นสองพันคน ทหารยี่สิบสามหมื่นคน ราษฎรสองร้อยสามสิบหมื่นคน พร้อมทั้งบัญชีศาสตราวุธและเสบียงตามประเพณี เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์ซุน และง่อก๊กก็ถึงกาลล่มสลายนับแต่บัดนั้น

            ครั้นจัดแจงบ้านเมืองเป็นปกติแล้ว เตาอี้จึงอยู่รักษาเมืองกังตั๋ง และสั่งให้องโยยนำเสด็จพระเจ้าซุนโฮและขุนนางผู้ใหญ่พร้อมทรัพย์สินเงินทองของสำคัญจากเมืองกังตั๋งไปเมืองลกเอี๋ยง พอขบวนเข้าไปใกล้จะถึงเมืองลกเอี๋ยง องโยยจึงทำรายงานส่งล่วงหน้าเข้าไปถวายให้พระเจ้าสุมาเอี๋ยนทรงทราบ

            พระเจ้าสุมาเอี๋ยนทรงทราบความแล้วก็ดีพระทัย ตรัสสั่งให้เฉลิมฉลองชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สามารถรวบรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่ง ขุนนางทั้งปวงพากันถวายพระพร แซ่ซ้องสรรเสริญพระบารมีที่ทรงปรีชาสามารถ ในขณะที่พระเจ้าสุมาเอี๋ยนจะเชิญชวนขุนนางทั้งปวงดื่มสุราฉลองชัยชนะนั้น พลันชะงักพระหัตถ์ไว้แล้วกันแสง และตรัสว่า ชัยชนะในครั้งนี้เป็นผลจากสติปัญญาความคิดอ่านของราชครูเอียวเก๋า เสียดายที่สิ้นบุญไปก่อน ไม่มีโอกาสได้เห็นความสำเร็จในวันนี้

            ครั้นองโยยคุมกองทัพกลับมาถึงเมืองลกเอี๋ยง จึงพาพระเจ้าซุนโฮและขุนนางเมืองกังตั๋งเข้าไปเฝ้าพระเจ้าสุมาเอี๋ยน พระเจ้าซุนโฮและขุนนางคุกเข่าถวายบังคมพระเจ้าสุมาเอี๋ยนตามประเพณีแล้ว พระเจ้าสุมาเอี๋ยนจึงตรัสเชิญให้พระเจ้าซุนโฮประทับนั่งที่พระแท่นข้าง ๆ พลางตรัสว่าสวรรค์ลิขิตให้แผ่นดินต้องรวมเข้าเป็นหนึ่ง เราจึงสร้างแท่นสำหรับที่ของท่านเอาไว้ก่อน เพิ่งปรากฏความจริงในวันนี้เรามีความ ยินดีนัก

            พระเจ้าซุนโฮได้ฟังดังนั้นจึงตรัสตอบว่า ข้าพระองค์ไหนเลยจะฝืนลิขิตแห่งฟ้าได้ เหตุนี้จึงได้สร้างพระแท่นสำหรับต้อนรับพระองค์ไปปกครองเมืองกังตั๋งไว้ช้านานแล้วเช่นเดียวกัน

            พระเจ้าสุมาเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็ทรงพระสรวล กาอุ้นซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ถามพระเจ้าซุนโฮว่าเมื่อครั้งที่ครองเมืองกังตั๋ง ได้ยินกิตติศัพท์ว่าพระองค์ทรงปกครองด้วยความโหดร้ายทารุณ ตัดจมูก ปาก แลลิ้น และควักลูกตาของขุนนางข้าราชการเสียเป็นอันมากนั้นเพราะสาเหตุอันใด

            พระเจ้าซุนโฮหันมามองเห็นกาอุ้นก็โกรธ ตวาดใส่กาอุ้นว่าท่านเป็นเพียงขุนนาง ไฉนบังอาจล่วงละเมิดไต่ถามเราฉะนี้ ก็แลเมื่อเราเป็นพระมหากษัตริย์ บังคับบัญชาขุนนางราษฎร หากเห็นว่ากระทำผิด เราย่อมมีสิทธิที่จะลงโทษได้ตามธรรมเนียม เหมือนกับประเพณีของพระมหากษัตริย์ทั้งปวง

            กาอุ้นได้ยินคำย้อนดังนั้นก็รู้สึกอัปยศแล้วก้มหน้านิ่งอยู่ พระเจ้าสุมาเอี๋ยนจึงโปรดเกล้าตั้งให้พระเจ้าซุนโฮเป็นเจ้าพระยารับสนองพระบัญชาที่อุ้ยเบ้งเฮาและแต่งตั้งให้ขุนนางเมืองกังตั๋งเป็นขุนนางเมืองลกเอี๋ยงตามฐานันดรศักดิ์ตามประเพณี เสร็จแล้วจึงโปรดเกล้าให้ปูนบำเหน็จแก่บรรดาแม่ทัพนายกองซึ่งมีความชอบเป็นอันมาก

            วุยก๊ก จ๊กก๊ก และง่อก๊ก ล่วงลับดับสูญแล้ว แผ่นดินจีนซึ่งเริ่มเป็นจลาจลวุ่นวายตั้งแต่ยุคสมัยของพระเจ้าเลนเต้ในปีพุทธศักราชเจ็ดร้อยยี่สิบ ดำเนินมาเป็นเวลาร้อยสามปี บนวิถีดำเนินนั้นแลกมาด้วยการต่อสู้ขับเคี่ยวทางการเมืองในราชสำนักฮั่นตั้งแต่ปลายแผ่นดินพระเจ้าเลนเต้ จนถึงต้นรัชกาลพระเจ้าเหี้ยนเต้อย่างดุเดือดแหลมคม การต่อสู้ทางการเมืองในราชสำนักคือการช่วงชิงให้ได้มาซึ่งอำนาจ การรักษาอำนาจ และการใช้อำนาจ มีความดุเดือดรุนแรงไม่ต่างกับการสัประยุทธ์ด้วยกำลังทหาร โหดเหี้ยมอำมหิตสุดที่จะพรรณนา ประกอบด้วยเล่ห์กลอุบายอันลึกซึ้งซับซ้อนคมกล้าเหี้ยมโหดยิ่งกว่าความคมกล้าแห่งอาวุธ ในช่วงนั้นการสงครามเป็นการต่อสู้ด้วยกำลังและอุบายพื้นฐาน พัฒนาการยุทธ์รุดไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ครั้นขงเบ้งปรากฎขึ้นในกระแสแห่งอำนาจ แผ่นดินจีนก็ถูกแบ่งออกเป็นสามก๊กชัดเจน โจโฉรวบรวมแผ่นดินภาคเหนือและภาคกลางไว้ในอำนาจ ก่อเป็นวุยก๊ก ซุนกวนตั้งรกรากสืบทอดอำนาจในภาคใต้มาสามชั่วคน ก่อเป็นง่อก๊ก เล่าปี่ยึดได้ภาคตะวันตกและภาคพายัพเฉกเช่นเดียวกับการตั้งตัวของพระเจ้าฮั่นโกโจปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ก่อเกิดเป็นจ๊กก๊ก ทั้งสามก๊กได้สัประยุทธ์ชิงชัยเพื่อรวบรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่งอย่างต่อเนื่องยาวนาน พัฒนาการของสงครามได้ขยายไปทั้งในปริมณฑล การเมือง การทูต และการทหาร กลอุบายสลับซับซ้อนและเริ่มปรากฏถึงการใช้พลังจักรวาลในการสงคราม

            วีรชนและทรชน คนขายชาติ และคนกอบกู้ชาติ เกิดขึ้นไม่ขาดสายดุจดั่งคลื่นทะเลในท้องพระสมุทรที่พัดซัดเข้าสู่ฝั่ง ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นต่างล่วงลับดับสูญ บ้างก็ตามกาลเวลาแห่งอายุขัย บ้างก็ด้วยเหตุเภทภัยนานัปการ ไม่ขาดสายดุจดั่งคลื่นกระทบฝั่งแล้วสูญสลายไปฉะนั้น

            แผ่นดินสิ้นโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวนแล้ว ทายาทรุ่นลูกหลานเหลนล้วนไม่เอาถ่าน ดังนั้นในแต่ละก๊กจึงเกิดความยุ่งยากสับสนแก่งแย่งแข่งขันฆ่าฟันกันเองไม่เคยว่างเว้น จ๊กก๊กนั้นเพราะอาศัยรากฐานอันมั่นคงที่ขงเบ้งวางไว้จึงไม่ถึงกับรบราฆ่าฟันกันเองเหมือนกับลูกหลานเหลนของโจโฉและซุนกวน แต่กระนั้นชนชั้นหลังซึ่งเสพสุขจากความทุกข์เข็ญ มานะ ตรากตรำของบรรพบุรุษ ล้วนติดยึดในลัทธิเสพสุขมากและน้อยตามอัชฌาสัยของแต่ละคน จนในที่สุดก็ไม่อาจรักษาบ้านเมืองซึ่งบรรพบุรุษได้ก่อตั้งเอาไว้ได้

            จ๊กก๊กถูกผนวกเข้ากับวุยก๊กก่อน แต่ในที่สุดวุยก๊กก็ต้องล่มสลายตกได้แก่คนในตระกูลสุมาคือสุมาเอี๋ยน สถาปนาเป็นราชวงศ์ต้าจิ้นครองแผ่นดินสืบมา จ๊กก๊กและวุยก๊กซึ่งเป็นปรปักษ์กันดับสูญแล้ว แต่ง่อก๊กซึ่งเป็นพันธมิตรของจ๊กก๊กยังไม่ดับสูญ แผ่นดินจึงยังไม่รวมเข้าเป็นหนึ่ง ครั้นง่อก๊กดับสูญตามไปด้วย และถูกผนวกเข้าอยู่ในขอบขัณฑสีมาของต้าจิ้น สามก๊กจึงเป็นอันสิ้นสุดลง แผ่นดินจีนจึงเป็นเอกภาพภายใต้ราชวงศ์ต้าจิ้นนับแต่นั้นมา

            สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้จบสามก๊กลงอย่างงดงาม ควรที่จะนำมาเป็นความจบของสามก๊กฉบับคนขายชาตินี้ด้วยว่า “แลเรื่องราวสามก๊กนี้เป็นธรรมดาแผ่นดินมีความสุขก็นานแล้ว ก็ได้ความเดือดร้อนแล้วก็ได้ความสุขเล่า  แลกระจายกันออกเป็นแว่นแคว้นแดนประเทศของตัว แล้วก็กลับรวมเข้าแยกออกเป็นสามก๊ก แล้วก็รวมเข้าเป็นก๊กเดียวกันชื่อว่าเมืองไต้จิ๋น นับมาตามลำดับกษัตริย์ภายหลังนั้นพระเจ้าสุมาเอี๋ยนเสวยราชย์ได้สองปี พระเจ้าโจฮวนก็ถึงแก่ความตาย ครั้นถ้วนกำหนดสี่ปีพระเจ้าซุนโฮก็ถึงแก่ความตาย ครั้นเสวยราชย์ได้เจ็ดปีพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ถึงแก่ความตาย โดยบรรยายเรื่องสามก๊กนี้ก็บริบูรณ์”.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร