ตอนที่ 65. แผนเผาบ้านไล่หนู

 ฝ่ายลิโป้เมื่อยกไปตั้งหลักที่ชายทะเลชายแดนเมืองตันลิวแล้ว ทราบข่าวว่าโจโฉยึดเมืองตันลิวได้ จึงปรึกษากับตันก๋งว่าจะยกทหารไปรบกับโจโฉยึดเมืองตันลิวกลับคืน

            ตันก๋งจึงว่าบัดนี้โจโฉยึดหัวเมืองภาคตะวันออกไว้ในอำนาจหมดสิ้นแล้ว มีกำลังทหารเป็นอันมาก ในขณะที่ฝ่ายเรามีทหารอยู่น้อย ไม่พอกับการรุกรับในสงคราม หากท่านยกไปคงจะเสียทีแก่โจโฉ สถานการณ์ยามนี้จึงกำหนดให้ฝ่ายเราต้องพักรบตั้งหลักปักฐานพักฟื้น สร้างสมกำลังก่อนแล้วค่อยคิดการสืบไป

            ลิโป้สิ้นความฮึกเหิมจากชัยชนะสามครั้งก่อนเพราะพ่ายแพ้โจโฉจนต้องมาติดอยู่ที่ชายทะเล ทิฐิมานะจึงอ่อนลง จึงเห็นด้วยกับตันก๋ง แล้วปรึกษาว่าดินแดนในภาคตะวันออกนี้คงจะอาศัยอยู่นานไม่ได้ เพราะเมื่อโจโฉทราบข่าวคงยกทหารมาที่ชายทะเลเราก็จะอันตราย และเห็นว่าควรไปขออาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว

            ตันก๋งจึงว่าจะด่วนผลีผลามในทันทีย่อมไม่ชอบเพราะเป็นการสุ่มเสี่ยงเนื่องจากก่อนหน้านี้อ้วนเสี้ยวโกรธและคิดจะสังหารท่านเสีย ท่านจึงหนีมาอยู่กับเตียวเมี่ยวที่เมืองตันลิว หากคิดจะกลับไปอาศัยอ้วนเสี้ยวอีก อันตรายก็อาจเกิดแก่ตัวท่าน สมควรให้ทหารไปสืบลาดเลาดูเสียชั้นหนึ่งก่อน

            ลิโป้เห็นชอบกับความคิดตันก๋งจึงให้ทหารไปสืบลาดเลาทางด้านเมืองกิจิ๋ว ทหารกลับมารายงานว่า อ้วนเสี้ยวทราบข่าวโจโฉยกมาทำศึกกับท่านที่เมืองปักเอี้ยงจึงให้งันเหลียงทหารเอกยกทหารหกหมื่นจะไปช่วยโจโฉ บัดนี้งันเหลียงทราบว่าโจโฉยึดได้เมืองปักเอี้ยงแล้ว จึงยกทัพกลับไป

            ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจรีบปรึกษากับตันก๋งว่าจะคิดอ่านประการใดต่อไป ตันก๋งจึงว่าบัดนี้เมื่อไม่สามารถไปอาศัยอ้วนเสี้ยวได้แล้ว จึงคงเหลือเมืองชีจิ๋วซึ่งเป็นเมืองใหญ่ขณะนี้โตเกี๋ยมเจ้าเมืองตายแล้ว ยกเมืองให้แก่เล่าปี่ แต่เล่าปี่นั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ มีน้ำใจกว้างขวางโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวง หากท่านไปขออาศัยเล่าปี่คาดว่าเล่าปี่คงเต็มใจ ไม่ละไมตรีต่อท่าน

            ลิโป้เห็นด้วยจึงพาทหารและครอบครัวไปเมืองชีจิ๋ว และให้ทหารเข้าไปส่งข่าวแก่เล่าปี่ว่าจะมาขออาศัยอยู่ด้วย

            เล่าปี่ทราบข่าวแล้วจึงปรึกษาด้วยบิต๊กและซุนเขียนพร้อมด้วยขุนนางทั้งปวงของเมืองชีจิ๋ว บรรดาขุนนางไม่เห็นด้วยที่จะรับลิโป้ไว้ โดยแสดงเหตุผลว่าลิโป้นั้นเป็นคนเนรคุณจะทำอันตรายต่อท่านในภายหลัง ทั้งการรับลิโป้ไว้จะเป็นการชักศึกให้โจโฉยกกองทัพมาตีเมืองชีจิ๋ว

            เล่าปี่ฟังคำที่ปรึกษาแล้วแย้งว่าเดิมทีนั้นโจโฉยกมาตีเมืองชีจิ๋ว แต่ลิโป้ได้ช่วยเหลือไว้ด้วยการยกไปตีเมืองกุนจิ๋ว ทำให้โจโฉต้องถอนทัพกลับไป เมืองชีจิ๋วจึงพ้นจากอันตราย เท่ากับลิโป้ได้ทำคุณไว้แก่เมืองชีจิ๋ว มาครั้งนี้ลิโป้เดือดร้อนหากไม่รับลิโป้ไว้ก็จะได้ชื่อว่าไม่รู้คุณคนและเป็นการไร้น้ำใจไมตรีต่อผู้ยาก

            บรรดาที่ปรึกษา และขุนนางเห็นเล่าปี่ยืนกรานจะรับลิโป้ไว้เห็นจะทัดทานไม่ได้ จึงพร้อมกันว่าท่านจะรับลิโป้ไว้ก็ตามใจท่านเถิด แต่ต้องระมัดระวังตัวไว้ให้จงดี เล่าปี่ฟังคำที่ปรึกษาเช่นนั้นก็ยินดี แล้วพากวนอู เตียวหุย ออกไปรับลิโป้ที่นอกเมือง แล้วเชิญลิโป้มาที่จวนของเจ้าเมือง

            น้ำใจของเล่าปี่ครั้งนี้สะท้อนถึงคุณธรรมและความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่นโดยไม่ได้ห่วงใยถึงอันตรายของตนเอง และไม่คำนึงว่าจะชักพาศึกใหญ่มาถึงตัว จิตใจของเล่าปี่เป็นดั่งนี้ใครจะว่าผิด ใครจะว่าถูกก็ย่อมเป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามอัธยาศัยและน้ำใจของแต่ละคน โดยที่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดและจิตใจของเล่าปี่ให้เป็นอื่นไปได้

            ลิโป้มาถึงจวนของเจ้าเมืองแล้วคารวะเล่าปี่ แล้วเล่าความตั้งแต่ร่วมคิดอ่านกับ อ้องอุ้นกำจัดตั๋งโต๊ะศัตรูราชสมบัติเสีย ต่อมาลิฉุย กุยกี ได้ครองอำนาจในเมืองหลวงคิดล้างแค้นให้กับตั๋งโต๊ะจึงต้องหนีไปหลายที่หลายเมือง ในที่สุดได้ไปพึ่งเตียวเมี่ยวที่เมืองตันลิว ครั้นโจโฉยกทัพมาตีเมืองชีจิ๋วจึงได้นำกองทัพยกไปตีเมืองกุนจิ๋วเพื่อช่วยเหลือเมืองชีจิ๋วไว้ บัดนี้เสียทีแก่โจโฉจึงต้องมาขอพึ่งเล่าปี่เพื่อจะได้คิดการใหญ่สืบไป

            ความจริงลิโป้ยกทัพไปตีเมืองกุนจิ๋วนั้นเป็นไปตามคำสั่งของเตียวเมี่ยวเจ้าเมืองตันลิว โดยคำปรึกษาของตันก๋ง เพื่อยึดเอาเมืองกุนจิ๋วไว้ในอำนาจอย่างหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของเมืองตันลิวอีกอย่างหนึ่ง แต่การทำให้โจโฉต้องถอนทัพจากเมืองชีจิ๋วนั้นเป็นเพียงผลพลอยได้ แต่ลิโป้กลับยกเอาเป็นบุญคุณว่าเป็นการช่วยเมืองชีจิ๋ว เป็นการจี้ใจดำของเล่าปี่โดยตรง

            แล้วลิโป้จึงชวนเล่าปี่ให้ร่วมกันคิดการใหญ่ เพื่อกำจัดลิฉุย กุยกี และโจโฉต่อไป และถามเล่าปี่ว่าจะพร้อมใจร่วมทำการด้วยหรือไม่ เล่าปี่จึงว่าโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วเพิ่งถึงแก่ความตาย ปลงธุระเมืองชีจิ๋วไว้กับข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้านี้มีสติปัญญาน้อย เกรงว่าจะทำการไปไม่ตลอด ดังนั้นเมื่อท่านคิดอ่านทำการใหญ่ จงรับธุระเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วแทนข้าพเจ้าเถิด ว่าแล้วก็ให้ทหารไปเอาตราสำหรับเมืองจะมอบแก่ลิโป้

            ลิโป้ยินเล่าปี่ว่าจะยกเมืองชีจิ๋วให้ก็ขยับมือจะรับเอาตราเจ้าเมือง แต่ชำเลืองไปเห็นกวนอู เตียวหุย ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเล่าปี่นั้นแสดงอาการไม่พอใจก็ชะงักมือไว้ แล้วแกล้งทำเป็นหัวเราะและว่า ตัวข้าพเจ้านี้เป็นทหารอาชีพ ไม่ถนัดการบ้านการเมือง ทั้งเป็นเพียงผู้มาขออาศัยใบบุญของท่านอยู่ ไม่ชอบที่จะรับเอาเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ตัวท่านนั้นเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ได้ครองเมืองชีจิ๋วย่อมเป็นการเหมาะสมทุกประการแล้ว

            ตันก๋งเห็นเหตุการณ์ก็เข้าใจว่าเล่าปี่ระแวงว่าลิโป้จะมาแย่งเมืองจึงว่า พวกเราเป็นแขกมาขออาศัยท่านจะคิดชิงเอาเมืองนั้นหามิได้ ท่านอย่าได้ระแวงสงสัยเลย เล่าปี่จึงว่า ความคิดที่จะระแวงสงสัยลิโป้หรือผู้ใดไม่เคยมีอยู่ในใจของข้าพเจ้า แต่เมื่อลิโป้ไม่เต็มใจก็แล้วกันไปเถิด

            เล่าปี่จึงจัดให้ลิโป้และคณะพักที่เรือนรับรองแขกเมือง ค่ำลงก็เชิญลิโป้มากินโต๊ะ ในระหว่างกินโต๊ะกันนั้นลิโป้เรียกบุตร ภรรยามาคารวะเล่าปี่ แต่เล่าปี่เกรงใจและว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยท่านอย่าได้คำนับเลย ลิโป้เห็นดังนั้นจึงว่า “น้องเรา! จงให้บุตรภรรยาเราคำนับเถิด”

            เตียวหุยได้ยินคำลิโป้เรียกเล่าปี่เป็นน้องจึงคิดว่าลิโป้เป็นคนอาศัย มากระทำการจ้วงจาบเล่าปี่ว่าเป็นเพียงน้องหรือลูกน้องจึงโกรธลิโป้ ลุกขึ้นด่าลิโป้ว่าไม่รู้คุณคน และท้าลิโป้ออกไปสู้กัน เล่าปี่เห็นเตียวหุยโกรธจึงห้ามเตียวหุยไว้และให้กวนอูพาเตียวหุยออกไปข้างนอก แล้วขอโทษลิโป้ที่เตียวหุยเสียมารยาทต่อแขกเมืองเช่นนี้ ลิโป้สั่นศีรษะแต่ไม่ตอบคำประการใด

            เสร็จงานเลี้ยงแล้วเล่าปี่และลิโป้ก็แยกกันกลับที่พัก เล่าปี่มาถึงกลางทางเหลียวไปไม่เห็นเตียวหุย เกรงว่าเตียวหุยจะหวนกลับไปวิวาทด้วยลิโป้ จึงสั่งให้กวนอูรีบไปตามเตียวหุยกลับมา กวนอูตามไปถึงหน้าเรือนรับรองแขกเมืองเห็นเตียวหุยขี่ม้ารำทวนท้าลิโป้ให้ออกมารบ กวนอูจึงพาเตียวหุยกลับไปที่พัก

            รุ่งขึ้นเช้าลิโป้จึงไปพบเล่าปี่แล้วว่า ข้าพเจ้าหนีร้อนมาพึ่งเย็นขออาศัยอยู่กับท่าน ตัวท่านก็ให้ความเกรงใจอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้อาศัย แต่เตียวหุยน้องท่านดูหมิ่นข้าพเจ้านัก ไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ต่อไปได้ จำเป็นต้องขอลาท่านไปอาศัยที่อื่น

            เล่าปี่จึงขอโทษลิโป้แล้วว่า ซึ่งเตียวหุยล่วงเกินท่านนั้นข้าพเจ้าขออภัยต่อท่าน แล้วจะพาเตียวหุยไปขอขมาในภายหลัง แต่ลิโป้ยืนกรานจะลาไปอยู่ที่อื่น เล่าปี่จึงว่าถ้าเช่นนั้นให้ท่านไปอยู่เมืองเสียวพ่ายเถิด ข้าพเจ้าจะจัดส่งเสบียงอาหารให้แก่ท่านมิให้อนาทรเลย

            ลิโป้ได้ฟังเช่นนั้นก็ยินดี ขอบคุณเล่าปี่แล้วพาครอบครัวกับทหารที่ติดตามมายกออกจากเมืองชีจิ๋วไปอยู่เมืองเสียวพ่าย

            ฝ่ายโจโฉครั้นได้ครองอำนาจในหัวเมืองภาคตะวันออกราบคาบแล้ว จึงทำหนังสือกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้รายงานสถานการณ์ทั้งปวงให้ทรงทราบ ครั้นหนังสือเข้าไปถึงเมืองหลวง เจ้าหน้าที่จึงนำหนังสือไปเสนอกับลิฉุย ลิฉุยเห็นความในหนังสือแล้วก็เก็บเสีย ไม่นำความขึ้นกราบบังคมทูล แต่ให้เลื่อนตำแหน่งโจโฉเป็นพระยาพิทักษ์คุณธรรม

            การข้างในราชสำนักในขณะนั้น ลิฉุย กุยกีได้จำเริญรอยตั๋งโต๊ะ ยึดอำนาจบริหารบ้านเมืองของฮ่องเต้ไว้ทั้งสิ้น กระทำการหยาบช้าต่อฮ่องเต้และขุนนาง ข้าราชการเหมือนกับยุคสมัยของตั๋งโต๊ะทุกประการ

            ขณะนั้นเอียวปิวและจูฮี ขุนนางผู้ใหญ่มีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น เห็น    ลิฉุย กุยกีประพฤติตนเป็นทรราชย์เหมือนกับตั๋งโต๊ะ จึงร่วมคิดปรึกษากันจะกำจัด    ลิฉุย กุยกีเสีย ปรึกษากันแล้วสองขุนนางจึงลอบไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ถึงในพระตำหนัก กราบบังคมทูลว่าบัดนี้ลิฉุย กุยกีเป็นทรราชย์ ประพฤติตนเป็นศัตรูราชสมบัติ ขุนนางในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดสามารถกำจัดลิฉุย กุยกีได้ แล้วว่าบัดนี้โจโฉปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองภาคตะวันออกราบคาบแล้ว มีทหารอยู่ในมือถึงสามสิบหมื่น ขอเสนอให้มีรับสั่งให้หาโจโฉมาทำราชการในเมืองหลวงและกำจัดทรราชย์เสีย

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงฟังสองขุนนางแล้วทรงพระกันแสง และมีพระราชดำรัสว่าแผ่นดินทุกวันนี้สิทธิขาดอยู่ที่ลิฉุย กุยกีสิ้น เราหามีอำนาจที่จะเรียกโจโฉเข้ามาไม่ ผู้ใดมีสติปัญญาก็จงคิดอ่านกำจัดศัตรูแผ่นดินเถิด

            สองขุนนางได้ฟังกระแสพระราชดำรัสแล้ว รู้สึกสงสารยุวกษัตริย์ที่ถูกทรราชย์กดขี่ข่มเหงรังแกจึงพากันร้องไห้ แล้วเอียวปิวจึงกราบบังคมทูลว่าข้าพระพุทธเจ้าขออาสากำจัดทรราชย์ให้สำเร็จจงได้

            พระเจ้าเหี้ยนเต้สนพระทัยความคิดของเอียวปิวที่จะกำจัดศัตรูราชสมบัติ จึงรับสั่งถามว่าแผนการความคิดของท่านเป็นประการใด

            เอียวปิวกราบบังคมทูลว่าลิฉุย กุยกีมีความสนิทสนมแน่นแฟ้น ไปมาหาสู่กันเป็นประจำทุกวัน บางวันถึงขนาดนอนค้างอยู่บ้านเดียวกัน ถ้าสองเสือนี้ยังคงมีความสามัคคีกันเป็นอันดีย่อมยากที่จะกำจัด ดังนั้นข้าพระพุทธเจ้าจะคิดการให้สองเสือนี้บาดหมางหักล้างกันเอง จากนั้นจึงค่อยหาโจโฉเข้ามากำจัดเสีย

            พระเจ้าเหี้ยนเต้รับสั่งถามต่อไปว่า ทำอย่างไรสองเสือนี้จึงจะกัดกันเองจนบาดเจ็บล้มตาย เอียวปิวถวายความเห็นต่อไปว่า กุยกีนั้นมีภรรยาที่มีจิตริษยาหึงหวงมากกว่าสตรีทั้งปวง ข้าพระพุทธเจ้าจะคิดอ่านยุยงทางด้านภรรยาของกุยกี ทำให้กุยกีกับ    ลิฉุยระแวงสงสัยกันก่อนแล้วค่อยยุยงให้ประหัตประหารกันต่อไป

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ฟังคำกราบบังคมทูลดังนั้นแล้วทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงพระอักษรลับให้เอียวปิวถือไว้ เมื่อใดที่ลิฉุย กุยกี แตกกันเห็นเป็นทีแล้วจึงให้เอาพระราชหัตถเลขานี้เรียกโจโฉเข้ามากำจัดสองเสือเสีย

            แผนการครั้งนี้ดูประหนึ่งเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม เพราะทำให้ทรราชย์แตกความสามัคคี ล้างผลาญกันเอง แต่กลับเป็นแผนการที่ขาดความรอบคอบรอบด้านเพราะมิได้คำนึงว่าสองทรราชย์อยู่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้ เสมือนหนึ่งอยู่ในบ้านเดียวกัน หากสองเสือฟาดฟันกันในบ้าน ทรัพย์สิ่งศฤงคารภายในบ้านย่อมถูกผลแห่งการล้างผลาญนั้นทำลายไปหมดสิ้น

            ยิ่งกว่านั้นหากพลาดพลั้งประการใด เจ้าบ้านก็อาจถูกลูกหลงจากการล้างผลาญของสองเสือจนต้องตกอยู่ในอันตราย นับเป็นแผนการที่เสี่ยงภัยต่อผู้เป็นเจ้าบ้านคือฮ่องเต้มากที่สุด ไม่ต่างอะไรกับการจุดไฟในบ้านเพื่อขับไล่หนู พลาดพลั้งลงไฟก็ไหม้บ้านจนหมดสิ้น มิหนำซ้ำหนูก็หนีรอดไปได้อีก

            แผนการนี้อาจจะได้ผลถ้าหากเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปประพาสต่างเมืองเสียก่อน แต่กระนั้นก็คงยากจะสำเร็จเพราะสองเสือย่อมระมัดระวังควบคุมฮ่องเต้ไว้ จึงไม่อาจนับเป็นแผนการที่ดี

            แผนการที่ดีเป็นอย่างไร ย่อมต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ภายในราชสำนักเอง ปมเงื่อนอยู่ที่การแสวงหาคนดีมีฝีมือ ทั้งทางสติปัญญา ความคิด และกำลังฝีมือ ตลอดจนกำลังทหารเพื่อเป็นกำลังในการกำจัดทรราชย์ กำลังเหล่านี้พร้อมบริบูรณ์ขึ้นแล้วนั่นแหละจึงจะกำจัดทรราชย์ได้สำเร็จ

            เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระเยาว์ ก็ตกอยู่ในสภาพการณ์อย่างเดียวกันนี้ แต่ด้วยพระปรีชาสามารถสมเป็นมหาราช ดังนั้นจึงทรงคิดอ่านทั้งด้านสร้างเสริมกำลังทุกด้านของราชสำนัก และลดอำนาจบทบาทของฝ่ายอื่นลงอย่างเป็นขั้นตอน จึงทำให้พระราชอำนาจค่อยๆ  เพิ่มพูนขึ้นจนเต็มบริบูรณ์ และทำให้การบ้านเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นสันติ จนประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคในยุคนั้น.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร