ตอนที่ 649. เสือปราบเสือ

สุดยอดกลยุทธ์ทางการเมืองของเกียงอุยเริ่มสัมฤทธิ์ผล สองเสืออัจฉริยะสงครามรุ่นใหม่ของวุยก๊กเปลี่ยนสภาพความคลางแคลงเป็นความขัดแย้งถึงขั้นคิดประหัตประหารกัน เป็นผลให้สุมาเจียววางแผนกำจัดสองเสือไปพร้อมกัน แต่เบื้องต้นบัญชาให้จงโฮยกำจัดเตงงายก่อน

            ครั้นอุยก๋วนเข้าไปหาจงโฮย ต่างคนต่างคำนับกันตามธรรมเนียม จงโฮยได้กล่าวกับอุยก๋วนว่า เตงงายเหลิงอำนาจคิดขบถ มหาอุปราชจึงมีคำสั่งให้กำจัดเตงงายเสีย แต่เมืองเสฉวนนั้นเส้นทางทุรกันดารนัก หากข้าพเจ้ายกกองทัพไปเองเกรงว่าเตงงายจะขัดขืนต่อสู้ จะเปลืองชีวิตทหาร จึงให้ท่านยกกองทัพไปทำการแทน เตงงายไม่หวาดระแวงท่าน เห็นจะทำการได้ถนัดโดยรวดเร็ว

            อุยก๋วนจึงว่า ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจากมหาอุปราชจิ้นก๋งให้เป็นผู้ตรวจราชการกองทัพ หากเห็นว่าเตงงายคิดกบฏก็ให้กำจัดเสีย สอดคล้องต้องกับความคิดของท่าน ดังนั้นข้าพเจ้าจะยกทหารไปตามแผนการของท่าน เห็นจะกำจัดเตงงายได้โดยง่าย กล่าวแล้วอุยก๋วนจึงคำนับลาจงโฮยออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปเมืองกิมก๊ก

            ฝ่ายที่ปรึกษาของอุยก๋วนพอได้ทราบความว่าอุยก๋วนรับคำสั่งจงโฮยให้ยกไปกำจัดเตงงาย จึงเข้าไปหาอุยก๋วนแล้วกล่าวว่า ท่านแม่ทัพหลงกลอุบายของจงโฮยแล้ว ซึ่งจงโฮยใช้ท่านไปกำจัดเตงงายในครั้งนี้เป็นแผนการยืมมีดฆ่าคน เพราะเตงงายยึดได้เมืองเสฉวน ซ่องสุมทหารและครองน้ำใจผู้คนเป็นจำนวนมาก หากท่านยกไปไหนเลยจะสู้เตงงายได้ เห็นจะเสียทีถึงแก่ความตายเป็นมั่นคง และเมื่อเตงงายสังหารท่านแล้วเตงงายก็จะกลายเป็นคนขบถ จงโฮยจะฉวยโอกาสกำจัดเตงงายเอาความชอบแต่ผู้เดียว ขอให้ท่านหาทางผันผ่อนจึงจะพ้นจากอันตราย

            อุยก๋วนได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วกล่าวว่า ซึ่งจงโฮยทำอุบายทั้งนี้เราก็แจ้งอยู่ แต่ท่านอย่าได้ปรารมภ์เลย อันความตายนั้นเป็นที่สะพรึงกลัวของสัตว์ทั้งหลาย แต่เรามีแผนการอุบายที่แน่นอนคิดไว้ก่อนแล้ว จึงรับปากจงโฮย

            กล่าวแล้วอุยก๋วนจึงให้ทหารต่อกรงขังนักโทษขึ้นสิบสองกรง ทำขื่อคาเป็นจำนวนมากบรรทุกเกวียนนำขบวนทหารไปข้างหน้า และให้แต่งหมายประกาศเป็นจำนวนมากว่า “บัดนี้เตงงายคิดมิชอบ พระเจ้าโจฮวนมีรับสั่งมาให้เรายกมากำจัดเสีย แต่ทหารทั้งปวงซึ่งหามีความผิดไม่ ก็หาให้ทำอันตรายไม่ ถ้าผู้ใดเข้านอบนบต่อเราโดยปกติก็จะทำนุบำรุงผู้นั้นตามความชอบ แม้ผู้ใดมิมาคำนับกลับไปเป็นพวกเตงงาย ก็จะจับตัวมาประหารชีวิตเสีย”

            อุยก๋วนเตรียมการทั้งปวงพร้อมแล้วจึงเร่งทหารให้เดินทัพไปที่เมืองกิมก๊กทั้งกลางวันและกลางคืน ฝ่ายจงโฮยครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่าอุยก๋วนเคลื่อนพลเดินทัพไปแล้ว จึงพาทหารหนุนตามอุยก๋วนไปห่าง ๆ มิให้อุยก๋วนได้รู้ตัว และกล่าวกับเกียงอุยว่าเมื่ออุยก๋วนทำการสำเร็จแล้วเราจะเข้ายึดเอาเมืองเอ๊กจิ๋วเป็นความชอบต่อไป

            อุยก๋วนพาทหารรีบรุดสู่เมืองกิมก๊กโดยมิได้ระวังหลัง จึงไม่รู้ว่าจงโฮยคุมทหารยกตามมา ครั้นอุยก๋วนพาทหารไปใกล้เมืองเอ๊กจิ๋วร้อยเส้นจึงให้พักทหารไว้จนเวลาหลังสองยามแล้วจึงให้เคลื่อนพลรุกเข้าสู่เมืองกิมก๊กในทันที

            เมื่ออุยก๋วนพาทหารไปถึงประตูเมืองเป็นเวลาใกล้รุ่ง จึงอ้างรับสั่งของพระเจ้าโจฮวนว่าทรงโปรดให้ยกทหารมาตรวจราชการกองทัพ ให้นายประตูเร่งเปิดประตู ทหารของเตงงายซึ่งรักษาประตูเมืองเห็นผู้ตรวจราชการกองทัพคุมทหารมาเองก็มิได้สงสัย รีบเปิดประตูเมืองต้อนรับ

            พอประตูเมืองเปิด อุยก๋วนสั่งทหารให้ควบคุมตัวนายประตูและนายทหารรักษาประตูเมือง และให้ทหารนำหมายประกาศออกแจ้งความให้ทหารวุยก๊กในเมืองกิมก๊กยอมจำนนแต่โดยดี

            ฝ่ายทหารวุยก๊กที่อยู่ในเมืองกิมก๊ก ครั้นทราบหมายประกาศของอุยก๋วนและเห็นเกวียนบรรทุกกรงขังนักโทษพร้อมขื่อคาเป็นจำนวนมากก็เกรงกลัวพระราชอาชญาพากันอ่อนน้อมกับอุยก๋วนทั้งสิ้น อุยก๋วนเห็นดังนั้นก็มีความยินดี รีบคุมทหารหน่วยพิเศษตรงไปที่จวนพักของเตงงาย

            ในขณะนั้นเตงงายยังไม่ทันตื่นนอน อุยก๋วนคุมทหารเข้าไปถึงที่พักของเตงงาย ทหารของเตงงายซึ่งรักษาจวนเห็นอุยก๋วนถือหมายรับสั่งของพระเจ้าโจฮวนก็มิกล้าขัดขืน พากันยอมจำนนต่ออุยก๋วนทั้งสิ้น อุยก๋วนสอบถามหาห้องนอนของเตงงายแล้วจึงพาทหารบุกเข้าไปถึงหน้าห้องนอน เตงงายได้ยินเสียงอึกทึกตกใจตื่นขึ้น ลุกออกจากที่นอนคิดจะถามความว่าเกิดเหตุประการใด แต่มิทันจะไต่ถามอุยก๋วนก็ให้ทหารจับตัวเตงงายไว้ จองจำด้วยขื่อคาแล้วเอาไปขังไว้ในกรงที่เตรียมมา

            ฝ่ายเตงต๋งทราบเหตุร้ายจึงรีบรุดมาหาบิดาที่จวน ครั้นเห็นอุยก๋วนจับเตงงายขังไว้ในกรงก็ตกใจ สอบถามอุยก๋วนว่าเพราะเหตุใด อุยก๋วนไม่ตอบคำถาม สั่งทหารให้จับตัวเตงต๋งจำขื่อคาใส่กรงขังไว้อีกคนหนึ่ง

            ฝ่ายนายกองรักษาการณ์ซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทของเตงงายคุมทหารตั้งกองรักษาการณ์อยู่ข้างท้ายเมือง พอได้ทราบเหตุร้ายจึงรีบยกทหารจะมาที่จวนของเตงงาย เพื่อจะช่วยแก้เอาเตงงายออกจากการถูกจับกุม แต่พอยกทหารผ่านประตูหน้าเมืองก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องดังกึกก้องมาจากนอกกำแพงเมือง เห็นธงประจำตัวแม่ทัพใหญ่จงโฮยพลิ้วปลิวไสว และทหารจำนวนมากกำลังยกล่วงประตูเมืองเข้ามา

            นายกองรักษาการณ์คนสนิทของเตงงายเห็นดังนั้นก็ตกใจ และทหารในกองรักษาการณ์ต่างพากันแตกตื่นตกใจวิ่งหนีเอาตัวรอด นายกองรักษาการณ์จึงพาทหารที่เหลือหนีไป

            ฝ่ายจงโฮยพอพาทหารเข้าประตูเมือง ได้สอบถามทราบความแล้วจึงรีบพาทหารไปที่หน้าจวนของเตงงาย เห็นเตงงายและเตงต๋งสองพ่อลูกถูกจำขังอยู่ในกรงก็หัวเราะเยาะเย้ย แล้วเอาคันทวนตีศีรษะเตงงายพลางกล่าวว่า “ลูกไอ้ชาวนา มึงมาทำโอหัง ตั้งตัวเป็นใหญ่มิได้ยำเกรงถึงเพียงนี้ควรแล้วหรือ”

            เกียงอุยเห็นการสมคะเนเป็นมรรคผลตามแผนการที่กำหนดก็มีความยินดี พลอยซ้ำเติมเตงงายตามจงโฮยไปด้วยว่า “วันนี้ท่านถึงที่แล้วหรือจึงมาอยู่ในเกวียนจำ เหตุใดมิทำแก้ตัวไปเล่า”

            เตงงายถูกจงโฮยและเกียงอุยกระทำการหยาบช้าเหยียดหยามเยาะเย้ยก็โกรธ ร้องด่าจงโฮยและเกียงอุยอย่างหยาบคายเป็นอันมาก จงโฮยเห็นดังนั้นก็โกรธ เดินเข้าไปเอามือตบหน้าเตงงายอีกฉาดใหญ่ แล้วกล่าวว่ามึงเป็นพวกไพร่ต่ำต้อย เหลิงระเริงในอำนาจ คิดขบถต่อเจ้า ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้กำจัดมึงเสีย แผ่นดินจะได้สิ้นเสี้ยนหนามสืบไป

            ว่าแล้วจงโฮยจึงสั่งทหารให้เข้าคุมขบวนเกวียนที่จำขังเตงงายและจัดทหารสามร้อยคนให้คุมเกวียนที่จำขังเตงงายและเตงต๋งสองพ่อลูกไปเมืองลกเอี๋ยงเพื่อมอบแก่สุมาเจียว

            จงโฮยจัดแจงตั้งผู้รักษาเมืองกิมก๊กแล้วจึงชวนเกียงอุยพาทหารยกเข้าไปเมืองเอ๊กจิ๋ว เรียกประชุมขุนนางแม่ทัพนายกองทั้งปวง สั่งให้ตั้งอยู่ในความสงบ ชาวเมืองเสฉวนเห็นการช่วงชิงอำนาจของทหารวุยก๊กก็พากันคล้อยตามฝ่ายชนะ

            จงโฮยกล่าวหาว่าหลังจากยึดเมืองเสฉวนแล้ว เตงงายมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ จึงทำการไต่สวนแล้วสั่งให้ริบทรัพย์สินของเตงงายที่ได้มานั้นทั้งสิ้น และสั่งให้บรรดาทหารวุยก๊กที่อยู่ในแดนเมืองเสฉวนทั้งหมดขึ้นสังกัดกับกองทัพของจงโฮย ทหารทั้งปวงทราบว่าจงโฮยถือรับสั่งของพระเจ้าโจฮวนมากำจัดเตงงายผู้กบฏ จึงเข้าอ่อนน้อมยอมสังกัดอยู่กับจงโฮยแต่โดยดี 

            จงโฮยครองอำนาจในเมืองเสฉวนแล้ว ได้ทราบภูมิฐานภูมิประเทศ ความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งของแคว้นเสฉวน และเห็นผู้คนยินยอมสวามิภักดิ์เป็นอันดี ก็มีน้ำใจกำเริบขึ้นกว่าแต่ก่อน กระทำการใดก็ถือตามอำเภอน้ำใจ มิได้รายงานความให้สุมาเจียวทราบ

            วันหนึ่งจงโฮยได้กล่าวกับเกียงอุยว่า ตัวเราเดิมมิเคยคาดคิดว่าจะมีวาสนาประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มีความชอบถึงเพียงนี้ การได้เมืองเสฉวนในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จที่ข้าพเจ้าภาคภูมิใจ มิได้ปรารถนาสิ่งใดในชีวิตอีกแล้ว

            เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า บัดนี้แผนกลยุทธ์ให้สองเสือวุยก๊กประหัตประหารกันสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว แต่เหลืออีกเสือหนึ่งคือจงโฮยยังคงมีอำนาจ แกร่งกล้านัก ซึ่งจะฟื้นฟูกอบกู้ฮั่นจำจะต้องกำจัดจงโฮยด้วย แลซึ่งจะกำจัดจงโฮยนั้นมีแต่หนทางเดียวที่ประเสริฐสุด คือทำอุบายยุยงให้จงโฮยคิดขบถต่อราชสำนักวุย ให้ทั้งสองฝ่ายเข่นฆ่ากันจนแหลกรานลงไป เป็นทีแล้วจะได้ยกพระเจ้าเล่าเสี้ยนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ต่อไป

            เกียงอุยคิดดังนั้นจึงทำทีซึมเศร้า มิกล่าวความประการใด จงโฮยเห็นดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ จึงถามเกียงอุยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวท่าน

            เกียงอุยได้กล่าวด้วยเสียงอันรันทดว่า ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนตายของท่าน มิได้มีเรื่องใดที่ห่วงใยตัวเอง แต่กริ่งเกรงห่วงใยในตัวท่านสถานเดียวเท่านั้น จงโฮยเห็น เกียงอุยกล่าวความเหมือนงำความไม่อยากจะกล่าวสืบไป จึงคะยั้นคะยอถามว่าท่านคิดเห็นประการใดจงเร่งว่ามาเถิด เราสองคนเป็นเพื่อนร่วมสาบาน จะว่ากล่าวสิ่งใดอย่าได้เกรงอกเกรงใจกันอีกเลย

            เกียงอุยจึงว่า ท่านทำการมีความชอบใหญ่หลวงเพียงนี้ เห็นคนทั้งหลายจะอิจฉาหวาดระแวงท่าน ท่านจำไม่ได้หรือเมื่อครั้งแผ่นดินพระเจ้าฮั่นโกโจทำศึกได้ชัยชนะแก่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแล้วก็ทรงหวาดระแวงฮั่นสินขุนพลคู่พระบารมีซึ่งครองอำนาจทางทหาร ทำการมีความชอบเป็นอันมาก ฮั่นสินไม่เชื่อฟังคำเตือนของเพื่อนผู้เป็นปราชญ์ที่ว่า การเป็นผู้ครองอำนาจลำดับสองรองจากลำดับหนึ่งซึ่งมักหวาดระแวงนั้นจะต้องเหตุเภทภัยถึงแก่ชีวิต ควรจะรีบลาออกจากราชการ ในที่สุดฮั่นสินก็ถูกพระเจ้าฮั่นโกโจประหารชีวิต อนึ่งโบราณก็กล่าวไว้ว่า ซึ่งจะครองอำนาจเป็นรองจากผู้มีอำนาจขี้หวาดระแวงนั้นจะพ้นจากอันตรายได้ก็แต่โดยสองทาง คือชิงอำนาจมาครองเสียเอง หรือมิฉะนั้นก็จงเข้าป่าออกบวช

            เกียงอุยกล่าวแล้วก็มองหน้าจงโฮย แล้วกล่าวว่าสถานการณ์บัดนี้ด้านหนึ่งท่านได้ครองเมืองเสฉวน แต่อีกด้านหนึ่งนั้นอันตรายได้ย่างกรายเข้ามาใกล้เต็มทีแล้ว จะคิดอ่านประการใดจงเร่งตัดสินใจเถิด

            จงโฮยได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ เข้ามาประคองกอดเกียงอุยและกล่าวว่ามิเสียแรงที่เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบาน ท่านช่างรู้ใจข้าพเจ้าเหมือนหนึ่งนั่งอยู่กลางใจ ความอันท่านกล่าวนี้ชอบอยู่แล้ว ข้าพเจ้าเองก็ตระหนักเช่นเดียวกัน ตัวข้าพเจ้านี้อายุเพิ่งสี่สิบปีเศษ ยังมุ่งหวังความก้าวหน้าในอำนาจวาสนา ไยจะต้องเลือกหนทางเข้าป่า ขึ้นเขา ออกบวชด้วยเล่า

            เกียงอุยได้ฟังคำจงโฮยดังนั้นก็รู้ว่าจงโฮยมีน้ำใจกำเริบ เห็นจะคิดขบถต่อวุยก๊กเป็นแน่แท้ จึงรีบกล่าวสืบไปว่าในเมื่อท่านไม่คิดอ่านจะถอนตัวออกจากการเมือง ก็ควรจะเร่งคิดอ่านด้วยแผนการอันแยบคายโดยเร็ว มิฉะนั้นอันตรายก็จะมาถึงท่าน อนึ่งเล่าตัวท่านมีสติปัญญาความสามารถเป็นอันมาก แม้นคิดอ่านทำการใดเห็นจะสำเร็จดังปรารถนาเป็นมั่นคง

            จงโฮยได้ยินคำเกียงอุยดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวว่าท่านเป็นเพื่อนร่วมสาบานของข้าพเจ้า แม้นการสำเร็จดังปรารถนาแล้วชั่วชีวิตนี้เราสองคนจะมีความสุขุเสพไม่สิ้นเลย หลังจากวันนั้นแล้วจงโฮยได้ปรึกษากับเกียงอุยถึงแผนการจะยึดครองเมืองเสฉวนและรับมือกับวุยก๊กทุกวัน

            เกียงอุยครั้นทราบว่าจงโฮยตัดสินใจเด็ดขาดไม่ขึ้นต่อวุยก๊กแล้ว จึงลอบทำหนังสือลับขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้ทรงทราบแผนการที่คิดอ่านทุกประการ และกราบทูลว่าขอพระองค์จงทรงอดทนอดกลั้นต่อความอัปยศอดสูทั้งปวง การใหญ่จักสำเร็จในไม่ช้านี้แล้ว ข้าพระองค์จะยุยงให้จงโฮยยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งและวุยก๊ก เมื่อใดที่จงโฮยยกทหารออกไปจากเมืองเสฉวนแล้วก็จะรวบรวมผู้คนฟื้นฟูกอบกู้ฮั่น อัญเชิญพระองค์ขึ้นเสวยราชสมบัติสืบไป โบราณว่าฟ้ามืดเมื่อมีได้ ฟ้าใหม่ย่อมคงมี วันเวลาอันมืดมิดของพระราชวงศ์ฮั่นกำลังก้าวเข้าสู่รุ่งอรุณแห่งการฟื้นฟูแล้ว

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ทราบความตามหนังสือลับของเกียงอุยก็มีพระทัยยินดี ทรงหวนรำลึกถึงพระเจ้าเล่าปี่และขงเบ้งก็ทรงกันแสง แต่ทรงเก็บงำความซึ่งเกียงอุยกราบทูลนั้นไว้เป็นความลับเฉพาะพระองค์

            ฝ่ายจงโฮยหลังจากปรึกษาการกับเกียงอุยแล้ว ได้ดำเนินการสร้างความนิยมชมชอบในหมู่ราษฎรและขุนนาง เร่งซ่องสุมทหารและเสบียงตระเตรียมป้องกันรักษาเมืองเสฉวน และเตรียมที่จะยกไปตีเมืองกังตั๋งตามแผนการเดิมต่อไป.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร