ตอนที่ 648. แผนการอำมหิตที่ซับซ้อน

 เกียงอุยวางแผนใช้สุดยอดกลยุทธ์ทางการเมือง ใช้ข้าศึกทำลายข้าศึกเพื่อกอบกู้ฮั่น จึงแสร้งทำทียอมเข้าสวามิภักดิ์กับจงโฮย ทำให้จงโฮยกับเตงงายยิ่งบาดหมางใจกันมากขึ้น เตงงายทราบว่าเกียงอุยเข้ากับจงโฮยจึงแต่งหนังสือรายงานความถึงสุมาเจียว และขอยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งเพื่อชิงความชอบกับจงโฮย แต่สุมาเจียวกลับยิ่งหวาดระแวงเตงงายที่กำเริบในอำนาจและคิดอ่านกำจัดเตงงายเสียก่อน

            แต่เพราะเหตุที่เตงงายอยู่แดนไกลและคุมทหารอยู่เป็นอันมาก ดังนั้นสุมาเจียวจึงคิดอ่านผ่อนปรนเอาใจเตงงายไว้ก่อน กราบทูลพระเจ้าโจฮวนให้ปูนบำเหน็จความชอบเตงงาย ตั้งให้เป็นผู้บัญชการทหารสูงสุดแห่งแคว้น และตั้งบุตรทั้งสองของเตงงายเป็นนายทหารเอก แต่ข้อที่เตงงายขอเลื่อนกำหนดส่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนเข้ามาเมืองลกเอี๋ยง และข้อที่จะยกไปตีเอาเมืองกังตั๋งนั้นสุมาเจียวไม่เห็นด้วย จึงทำหนังสือฉบับหนึ่งเขียนด้วยลายมือตนเองไปปรามเตงงายว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จำต้องรอพระบรมราชวินิจฉัยของพระเจ้าโจฮวนก่อน

            เตงงายได้รับพระบรมราชโองการเลื่อนตำแหน่งตัวเองและบุตรก็มีความยินดี ตั้งพิธีรับพระบรมราชโองการตามประเพณีเสร็จแล้ว ครั้นได้อ่านหนังสือของ สุมาเจียวจึงกล่าวกับแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า ซึ่งสุมาเจียวมีหนังสือห้ามปรามมิให้ยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งและเร่งรัดให้ส่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนเข้าไปเมืองลกเอี๋ยงนั้นไม่ชอบ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นไป ตัวเราเป็นแม่ทัพถืออาญาสิทธิ์ อยู่ในแนวหน้ารู้สถานการณ์เป็นอย่างดี เมื่อสุมาเจียวมีหนังสือมาไม่ชอบฉะนี้จึงไม่ควรที่จะปฏิบัติตาม

            เตงงายกล่าวดังนั้นแล้วจึงแต่งฎีกาขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าโจฮวนโดยตรง เป็นเนื้อความว่าข้าพระองค์เทิดทูนรับสั่งของฮ่องเต้ ออกมาทำการได้เมืองเสฉวนเข้ามาอยู่ในขอบขัณฑสีมาของแผ่นดินวุยก๊กแล้ว แต่เมืองเสฉวนนั้นเป็นหัวเมืองใหญ่ หากส่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนไปเมืองลกเอี๋ยงในทันทีก็จะเกิดจลาจลวุ่นวายขึ้น แลเมืองกังตั๋งก็ยังแข็งข้อ บัดนี้เป็นทีแล้วข้าพระองค์จะขอพระบรมราชานุญาตยกกองทัพไปตีเอาเมืองกังตั๋งมาน้อมเกล้าถวายให้จงได้

            ในขณะนั้นภายในราชสำนักวุยได้เกิดคำเล่าข่าวลือว่า เตงงายทำการตามอำเภอน้ำใจ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของจิ้นก๋งมหาอุปราช คำเล่าข่าวลือยิ่งหนาหูยินไปถึงสุมาเจียว ทำให้สุมาเจียวยิ่งหวาดระแวงเตงงาย ครั้นเตงงายส่งฎีกาเข้าไปถวายพระเจ้าโจฮวนโดยตรงเพราะไม่รู้ราชนิติว่าฎีกานั้นจะต้องเสนอผ่านสุมาเจียว สำนักราชเลขาธิการจึงได้ส่งฎีกานั้นให้สุมาเจียวพิจารณาก่อนตามระเบียบ

            สุมาเจียวรู้ว่าเตงงายทำฎีกาโดยไม่ผ่านตนเองก็โกรธ พอได้อ่านฎีกาของเตงงายแล้วก็ยิ่งตกใจ รู้ว่าซึ่งเตงงายข้ามหน้าข้ามตาแต่งฎีกากราบทูลพระเจ้าโจฮวนโดยไม่ผ่านมหาอุปราชนั้นคือการเริ่มต้นการกบฎ ทำให้ความระแวงแคลงใจกลายเป็นความมั่นใจว่าเตงงายทำการทั้งนี้เพราะมีน้ำใจคิดขบถเป็นแน่แท้แล้ว สุมาเจียวจึงเรียกกาอุ้นขุนนางคนสนิทเข้ามาปรึกษาว่าเตงงายแต่งฎีกากราบบังคมทูลข้ามหน้าข้ามตาเราเพราะมีน้ำใจกำเริบคิดกบฏ ท่านจะเห็นประการใด

            กาอุ้นจึงว่า เตงงายบัดนี้มีอำนาจทางทหารเป็นอันมาก และทำการมีความชอบยึดเมืองเสฉวนไว้ในอำนาจอีกเล่า กำลังผู้คนและเสบียงก็พรักพร้อม ซึ่งจิ้นก๋งมหาอุปราชจะคิดอ่านกำจัดเตงงายเห็นจะไม่ง่ายนัก ได้ยินว่ามหาอุปราชก็ไม่วางใจจงโฮย  ดังนั้นจึงชอบที่จะสั่งจงโฮยให้คิดอ่านกำจัดเตงงายเสีย แผ่นดินจึงจะมีความสงบสุข

            กาอุ้นเห็นสุมาเจียวนิ่งฟังด้วยความตั้งใจจึงกล่าวสืบไปว่า ฮ่องเต้มีพระบรมราชโองการตั้งให้เตงงายเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้วเห็นจงโฮยจะน้อยใจ ชอบที่จะกราบบังคมทูลให้โปรดเกล้าแต่งตั้งจงโฮยเป็นอัครมหาเสนาบดีใหญ่กว่าที่ของเตงงายจึงจะควร แม้หากเตงงายไม่พอใจเห็นจงโฮยคิดอ่านจะปราบปรามเตงงายเอง สองเสือ ฟาดฟันกันเห็นจะตายไปข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเป็นมั่นคง แต่เนื่องจากเป็นหนทางไกล มหาอุปราชไม่อาจสั่งการได้ทันท่วงที จึงควรที่จะตั้งให้อุยก๋วนขุนนางผู้ใหญ่ไปเป็นผู้ตรวจราชการกองทัพจงโฮยและเตงงายด้วย

            สุมาเจียวได้ฟังแผนการของกาอุ้นก็เห็นชอบ จึงกราบทูลพระเจ้าโจฮวนให้โปรดเกล้าตั้งจงโฮยเป็นอัครมหาเสนาบดี และตั้งให้อุยก๋วนเป็นผู้ตรวจราชการกองทัพทั้งสองกอง แล้วเรียกอุยก๋วนเข้ามาสั่งการเป็นความลับว่าให้ไปกำกับจงโฮยให้คอยจับตาดูเตงงาย หากแข็งขืนก่อการกบฏก็ให้กำจัดเสีย

            อุยก๋วนจึงว่า การทั้งนี้ใหญ่หลวงลึกล้ำนัก วิตกว่าจงโฮยจะไม่เชื่อฟังคำข้าพเจ้า สุมาเจียวได้ฟังดังนั้นจึงเขียนหนังสือด้วยลายมือของตนเองถึงจงโฮยให้ร่วมกับอุยก๋วน คอยติดตามพฤติการของเตงงายตามแผนการของกาอุ้นทุกประการ

            จงโฮยได้รับพระบรมราชโองการเลื่อนตำแหน่งก็มีความยินดี และครั้นได้ทราบความนัยว่าสุมาเจียวหวาดระแวงเตงงาย จึงเห็นเป็นทีที่จะคิดอ่านกำจัดเตงงายผู้เป็นคู่แข่งเสีย ดังนั้นจงโฮยจึงปรึกษากับเกียงอุยว่า เตงงายยึดได้เมืองเสฉวน จึงกำเริบว่ามีความชอบยิ่งกว่าข้าพเจ้า แต่ความกำเริบนั้นทำให้มหาอุปราชจิ้นก๋งหวาดระแวง จึงสั่งการให้ข้าพเจ้าติดตามพฤติการณ์ หากเตงงายคิดกบฏก็ให้กำจัดเตงงายเสีย

            เกียงอุยเห็นแผนการที่ให้สองเสือฟาดฟันกันเองก่อเค้าว่าจะสำเร็จก็มีความยินดี จึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าก็รู้อยู่แต่ก่อนมาว่าเตงงายคนนี้เป็นบุตรชาวนา ตระกูลต่ำช้าอยู่ดอก ครั้งนี้วาสนาเทพยดาช่วยบอกให้ ให้ยกไปทางอิมเป๋งจึงได้เมืองเสฉวน ถึงมาตรว่ากระนั้นก็ดี แม้ข้าพเจ้ามิมารบพุ่งติดพันอยู่กับท่านที่นี่ ก็ที่ไหนเตงงายจะได้เมืองเสฉวนง่าย ๆ ความชอบจะกลับได้แก่ท่านเป็นมั่นคงอีก บัดนี้เตงงายสำคัญว่าทำการด้วยปัญญาความคิดของตัวจึงมีใจกำเริบ บังอาจตั้งแต่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เป็นที่แพ้วกี๋จงกุ๋นตามอำเภอใจเอง มิยำเกรงมหาอุปราชทั้งนี้ ปรารถนาจะเอาใจอาณาประชาราษฎรให้มีความสรรเสริญรักใคร่ตัว หวังว่าจะเป็นใหญ่ ซึ่งสุมาเจียวมหาอุปราชมีความสงสัยนั้นก็ชอบอยู่”

            จงโฮยได้ฟังคำเกียงอุยต้องด้วยความคิดที่ปิดเร้นอยู่ในใจก็ยิ่งมีความยินดี เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้ายังมีความลับอีกสิ่งหนึ่งใคร่จะบอกท่าน กล่าวแล้วก็จ้องมองหน้าจงโฮย จงโฮยเห็นดังนั้นก็รู้ที จึงขับทหารในค่ายบัญชาการออกไปข้างนอกจนหมดสิ้น

            พอข้างในค่ายบัญชาการเหลือแต่เกียงอุยและจงโฮยแล้ว เกียงอุยจึงเอาแผนที่เมืองเสฉวนฉบับหนึ่งคลี่วางบนโต๊ะ ชี้ให้จงโฮยดูสภาพภูมิประเทศทั้งปวง แล้วกล่าวว่าแผนที่ฉบับนี้เอียวสงขุนนางเมืองเสฉวนในสมัยเล่าเจี้ยงได้จัดทำไว้ละเอียดละออถี่ถ้วน พระเจ้าเล่าปี่ได้แผนที่ฉบับนี้มาจึงคิดอ่านทำการจนได้เมืองเสฉวน ก็แลหนทางเข้าไปเมืองเสฉวนยากลำบากสุดแสนทุรกันดารดังนี้ เตงงายจึงคิดกำเริบว่าเมื่อยึดเมืองเสฉวนไว้ในอำนาจแล้วย่อมไม่มีใครใดที่จะยกไปแย่งยึดเอาได้ เห็นเตงงายจะตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นในเมืองเสฉวนตามแบบอย่างพระเจ้าเล่าปี่เป็นมั่นคง

            จงโฮยได้ยินดังนั้นก็พลันโกรธอย่างรุนแรง อุปมาดั่งสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง ละล่ำละลักถามเกียงอุยว่า เมื่อเตงงายคิดขบถตั้งตัวเป็นใหญ่ฉะนี้แล้ว จะคิดอ่านประการใดจึงจะกำจัดเตงงายได้เล่า

            เกียงอุยจึงว่า ตัวท่านมีสติปัญญาล้ำเลิศกว่าใครในแผ่นดิน ถ้าแม้นคิดอ่านกำจัดเตงงายแล้วก็จะสำเร็จโดยง่าย แต่เตงงายนี้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ หากท่านทำการเองตามอำเภอน้ำใจ ความร้ายก็จะตกแก่ท่าน ควรที่จะปรึกษากับสุมาเจียวเสียก่อน เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วจึงค่อยทำการ

            จงโฮยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงแต่งหนังสือถึงสุมาเจียวความว่า เตงงายคิดกบฏตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่ในเมืองเสฉวนแน่ชัดแล้ว ได้เชิดเอาพระเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นศูนย์รวมน้ำใจให้ผู้คนสรรเสริญยกย่องเข้าเป็นพวก ตั้งซ่องสุมทหารและเสบียงเป็นอันมาก ทะนงว่าเมืองเสฉวนนี้เป็นชัยภูมิอันทุรกันดาร ยากที่ผู้อื่นจะยกเข้าไปตีถึงเมืองเสฉวนได้ เตงงายซ่องสุมผู้คนพรักพร้อมแล้วเห็นจะยกไปตีเอาเมืองกังตั๋งก่อน แล้วจึงโจมตียึดเอาเมืองลกเอี๋ยง จึงขอดำริว่าจะให้ทำการประการใด

            ฝ่ายสุมาเจียวนับวันยิ่งเพิ่มความระแวงและชิงชังเตงงาย คิดอ่านที่จะกำจัดเตงงายอยู่ทุกวันเวลา ครั้นได้รับหนังสือของจงโฮยต้องด้วยอัชฌาสัยและสอดคล้องกับหนังสือของเตงงายที่ขอยกไปตีเมืองกังตั๋งก็มั่นใจว่าเตงงายคิดกบฏแน่ชัดแล้ว จึงปรึกษากับขุนนางทั้งปวงว่าบัดนี้เตงงายเป็นกบฏต่อแผ่นดิน หากละไว้นานช้ากำลังกล้าขึ้นก็จะยกมาทำอันตรายแก่เมืองลกเอี๋ยง

            ขุนนางทั้งปวงได้ฟังดังนั้นจึงเสนอว่า ตำราแต่โบราณมาก็ว่าไว้ว่าแม่ทัพทำการมีชัยแก่ข้าศึกหนึ่งครั้งก็จะกำเริบเติบใหญ่ไปสิบครั้ง เตงงายคุมทหารไปทางไกล เมื่อคิดกำเริบก่อการกบฏดังนี้จึงควรที่จะกำจัดเสีย อย่าให้ทันตั้งตัว

            สุมาเจียวเห็นขุนนางทั้งปวงมีความเห็นพ้องต้องกันดังนั้น จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้า โจฮวนแล้วกราบบังคมทูลให้ทรงทราบทุกประการ พระเจ้าโจฮวนทรงทราบความแล้ว ทรงพระโกรธ ตรัสสั่งให้ทำหมายรับสั่งถึงจงโฮย ให้คิดอ่านวางแผนกำจัดเตงงายเสียโดยเร็วที่สุดและตรัสสั่งให้จัดทหารสามหมื่นให้กาอุ้นยกไปที่ด่านเกียมโก๊ะคอยช่วยเหลือจงโฮย

            กาอุ้นทราบรับสั่งแล้วจึงเข้าไปปรึกษากับสุมาเจียวว่า ซึ่งเตงงายกำเริบคิดขบถชอบที่จะกำจัดเสียนั้นชอบอยู่แล้ว แต่จงโฮยก็ใช่ว่าจะจงรักภักดีสงบเสงี่ยมเจียมตัว ท่วงท่าที่ผ่านมาก็ประจักษ์ชัดว่ากำเริบหลงในอำนาจมิได้ผิดแผกจากเตงงายแต่ประการใด บัดนี้จงโฮยยังไม่กำเริบกล้าขึ้นก็เพราะมีเตงงายคอยถ่วงดุลคัดคาน เมื่อใดที่จงโฮยกำจัดเตงงายแล้วเห็นเมื่อนั้นจงโฮยจะกำเริบแล้วขบถต่อจากเตงงายเป็นมั่นคง

            สุมาเจียวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วกล่าวว่าข้อที่ท่านวิตกนั้นเราก็ตระหนักอยู่ ท่านอย่าปรารมภ์เลย ซึ่งมีรับสั่งให้ท่านยกไปที่ด่านเกียมโก๊ะนั้นเกรงว่าทั้งเตงงายและจงโฮยจะหวาดระแวง การใหญ่จะเสียไป จึงให้ท่านยกไปตั้งคอยดูท่วงทีที่เมืองเตียงอันก่อน เราจะยกหนุนตามไป กล่าวแล้วสุมาเจียวจึงเร่งให้กาอุ้นรีบยกกองทัพไปที่เมืองเตียงอัน

            ครั้นกาอุ้นยกกองทัพไปแล้ว สุมาเจียวจึงเข้าไปกราบทูลพระเจ้าโจฮวนว่าจงโฮยก็เป็นคนกำเริบเสิบสาน หากทำการกำจัดเตงงายเสร็จแล้วเห็นจะกำเริบแล้วเป็นกบฏต่อแผ่นดิน ดังนั้นเมื่อใดที่จงโฮยกำจัดเตงงายแล้วก็จำต้องกำจัดจงโฮยเสียด้วยแผ่นดินจึงจะเป็นสุข แต่การครั้งนี้ใหญ่หลวงนักเพราะทั้งจงโฮยและเตงงายต่างมีทหารอยู่ในบังคับบัญชาเป็นอันมาก จึงขออัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่เมืองเตียงอัน หากมีการสิ่งใดจะได้ปรึกษาหารือได้ทันท่วงที พระเจ้าโจฮวนได้ฟังคำทูลก็ทรงเห็นชอบ

            ฝ่ายขุนนางคนสนิทของสุมาเจียว ครั้นเห็นสุมาเจียวกลับมาจวนและได้ทราบว่า สุมาเจียวจะเชิญเสด็จพระเจ้าโจฮวนยกไปที่เมืองเตียงอัน จึงทักท้วงว่าซึ่งมหาอุปราชจะเชิญเสด็จไปที่เมืองเตียงอันนั้น เกรงว่าจงโฮยจะหวาดระแวงว่าซึ่งยกไปนี้มีความนัยแอบแฝง เพราะกองทัพของจงโฮยมีทหารมากกว่ากองทัพเตงงายถึงหกเท่า ลำพังแต่กองทัพของจงโฮยก็เพียงพอที่จะกำจัดเตงงายได้ ซึ่งจะยกไปสมทบนั้นจงโฮยจะคิดว่ามหาอุปราชมีแผนการตลบหลัง ลวงให้จงโฮยกำจัดเตงงายแล้วจะกำจัดจงโฮยต่อไปด้วย จึงขอให้ท่านใคร่ครวญจงดี

            สุมาเจียวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวว่าตัวเจ้าไม่ทราบความนัยจึงทักท้วงดังนี้ ซึ่งเรายกไปครั้งนี้จะทำทียกไปช่วยจงโฮย เพราะเห็นว่าเมืองเสฉวนทุรกันดาร จำเป็นต้องมีกำลังหนุนอย่างหนาแน่นต่อเนื่อง ข้อที่จงโฮยจะแคลงใจนั้นเราคิดการเอาไว้แล้วอย่าวิตกเลย

            คนสนิทเห็นสุมาเจียวหัวเราะดังนั้นก็รู้ว่าสุมาเจียวมีแผนการที่ชัดเจนและคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่แล้วจึงกล่าวว่า เมื่อท่านได้ใคร่ครวญถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็วางใจ

            อีกสามวันต่อมาสุมาเจียวจึงนำเสด็จพระเจ้าโจฮวนไปที่เมืองเตียงอัน

            ฝ่ายจงโฮยตั้งกองทัพปรับปรุงทหารซ่องสุมผู้คนอยู่ที่ด่านเกียมโก๊ะ ครั้นทราบว่าสุมาเจียวให้กาอุ้นยกทหารสามหมื่นมาคอยสนับสนุนอยู่ที่เมืองเตียงอันก็มีความยินดี สำคัญว่าสุมาเจียวโกรธแค้นเตงงาย จึงปรึกษากับเกียงอุยว่าจะคิดอ่านประการใดจึงจะกำจัดเตงงายเสียได้

            เกียงอุยจึงว่าถ้าหากท่านอัครมหาเสนาบดียกกองทัพไปเอง เตงงายก็จะแคลงใจคิดอ่านระมัดระวังป้องกันเห็นจะทำการขัดสน จึงขอให้ท่านสั่งอุยก๋วนให้ยกไปกำจัดเตงงายเห็นจะได้โดยง่าย

            จงโฮยจึงว่า อุยก๋วนฝีมือรบพุ่งสู้เตงงายไม่ได้ ไฉนท่านจึงว่าอุยก๋วนจะกำจัดเตงงายได้โดยง่ายเล่า

            เกียงอุยจึงว่าเตงงายไม่ได้หวาดระแวงแคลงใจอุยก๋วน ดังนั้นอุยก๋วนจึงสามารถเข้าถึงตัวเตงงายได้ เมื่อเข้าถึงตัวเตงงายได้ก็สามารถกำจัดเตงงายได้โดยไม่ทันรู้ตัว นี่ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งเล่า หากเตงงายแคลงใจอุยก๋วนแล้วเกิดรบพุ่งขึ้น อุยก๋วนสู้เตงงายไม่ได้เห็นจะถูกเตงงายสังหาร จะทำให้ภาพลักษณ์ที่เตงงายก่อการกบฏมีหลักฐานแน่นหนาขึ้น ท่านยกไปกำจัดเตงงายในภายหลังคนทั้งปวงก็จะไม่สามารถครหานินทาท่านได้และท่านจะมีความชอบธรรมในการกำจัดเตงงายมากขึ้น

            จงโฮยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงสั่งให้ทหารเชิญตัวอุยก๋วนมาพบ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร