ตอนที่ 64. โจโฉครองอำนาจภาคตะวันออก
ครั้นถอนทัพกลับเมืองเอียนเสียแล้ว โจโฉได้รับรายงานว่าเมืองกุนจิ๋ว ซึ่งลิโป้สั่งให้สองทหารเอกคุมทหารหมื่นหนึ่งไปรักษาอยู่นั้นขาดแคลนเสบียงอาหาร ทหารอดอยากถึงกับต้องปล้นสดมภ์ชาวเมืองแย่งชิงเอาอาหาร จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะชิงเอาเมืองกุนจิ๋วคืนตามความคิดเดิม ดังนั้นโจโฉจึงสั่งให้เตรียมกองทัพยกไปเมืองกุนจิ๋ว
ฝ่ายลิฮองและซิหลันสองทหารเอกของลิโป้ ซึ่งรักษาเมืองกุนจิ๋วนั้น ครั้นทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาจึงยกทหารออกไปรบด้วยโจโฉ ปะทะกับเคาทูได้สามเพลง เคาทูเอาทวนแทงลิฮองตกม้าตาย ซิหลันเห็นเช่นนั้นก็ตกใจรีบพาทหารหนีจะกลับเข้าเมือง
โจโฉคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าทหารลิโป้จะต้องแตกหนีกลับเข้าเมือง จึงสั่งให้ ลิเตียนคุมทหารไปเตรียมสกัดไว้ที่หน้าคูเมือง ครั้นซิหลันพาทหารหนีมาจึงเข้าเมืองไม่ได้ ซิหลันจึงชักม้าหนีกลับไปอีกทางหนึ่ง ลิยอยทหารโจโฉจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกซิหลันตกม้าตาย ทหารที่เหลือก็แตกหนีไป
โจโฉเห็นได้ทีจึงสั่งทหารหักเข้าตีเมืองกุนจิ๋ว ทหารในเมืองเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนรับมือทหารของโจโฉไม่ได้จึงยอมแพ้ เป็นความพ่ายแพ้ของลิโป้ครั้งสำคัญสมดังที่ตันก๋งได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ทหารเอกสองคนนี้ไร้สติปัญญา ไม่สามารถรับมือโจโฉได้และจะต้องเสียเมืองกุนจิ๋วแก่โจโฉ
การที่โจโฉยึดเมืองกุนจิ๋วกลับคืนมาได้ครั้งนี้ส่งผลให้โจโฉได้ยึดกุมจุดยุทธศาสตร์ของภาคตะวันออกไว้ในมือ ดังนั้นเป้าหมายต่อไปคือการกวาดล้างลิโป้ทำให้ภาคตะวันออกอยู่ภายใต้การยึดครองโดยสมบูรณ์
โจโฉจัดแจงการปกครองเมืองกุนจิ๋วให้เข้าที่เข้ารอยดังเดิมแล้ว จึงสั่งให้เตรียมกองทัพเพื่อยกไปตีเมืองปักเอี้ยง โดยตั้งความหวังว่าการยกไปครั้งนี้จะต้องบรรลุผลสถานเดียวเท่านั้น ดังนั้นการจัดเตรียมทัพไปตีเมืองปักเอี้ยงจึงให้จัดกระบวนทัพอย่างทัพกษัตริย์
โจโฉสั่งการให้เคาทูและเตียนอุยคุมทหารเป็นกองหน้า ให้แฮหัวตุ้นและแฮหัวเอี๋ยนเป็นปีกขวา ให้ลิเตียนกับงักจิ้นเป็นปีกซ้าย โจโฉเป็นกองทัพหลวง และให้อิกิ๋มและลิยองเป็นกองหลัง เคลื่อนขบวนทัพยกไปเมืองปักเอี้ยง นับเป็นการเคลื่อนทัพครั้งใหญ่ในลักษณะเป็นขบวนพยุหะ ตามลักษณะทัพกษัตริย์เป็นครั้งแรกของโจโฉ
ฝ่ายลิโป้ทราบข่าวศึกก็สั่งให้เตรียมทหารจะยกออกไปรบกับโจโฉที่นอกเมือง ตันก๋งทราบข่าวจึงเข้าไปทักท้วงว่า กองทัพของลิโป้ยังไม่พร้อมรบ เพราะบรรดาทหารเอกที่สั่งให้ไปลำเลียงเสบียง ณ เมืองอื่นยังกลับมาไม่ถึง ทั้งกองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้มีลักษณะเป็นทัพกษัตริย์ หากยกออกไปรบนอกเมืองก็จะเสียทีแก่ข้าศึก สมควรที่ลิโป้จะตั้งรับอยู่ในเมือง รอจนกว่าบรรดาทหารเอกที่ไปลำเลียงเสบียงกลับมาก่อนอย่างหนึ่ง และรอจนกองทัพโจโฉขาดเสบียงแล้วจึงค่อยโจมตีในภายหลังก็จะได้ชัยชนะ
แต่คนหัวรั้นแบบลิโป้นั้นไม่รู้การควรไม่ควร ไม่ประมาณในการศึก คิดแต่จะรบท่าเดียวด้วยมั่นใจในฝีไม้ลายมือของตนเอง ไม่คำนึงว่าคนน้อยหรือจะสู้คนมากได้ และไม่คำนึงถึงผลแพ้ชนะว่าจะเกิดผลประการใด คำทักท้วงของตันก๋งซึ่งเปรียบประดุจดั่งยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันเมืองปักเอี้ยงจึงไร้ผล ลิโป้ไม่ฟังคำตันก๋งสั่งให้ยกทหารออกไปนอกเมืองเพื่อจะรบด้วยโจโฉ
ลิโป้ยกออกไปแล้วปะทะกับเคาทูกองทัพหน้าของโจโฉ ลิโป้และเคาทูต่อสู้กันได้ยี่สิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน โจโฉเห็นเช่นนั้นจึงสั่งให้เตียนอุยและทหารเอกทั้งปีกซ้าย ปีกขวาเข้ารุมล้อมลิโป้
อันโจโฉนั้นทำศึกหวังชัยชนะเป็นสำคัญ หาได้คิดว่าการใช้คนมากรุมคนน้อยจะเป็นการเอาเปรียบหรือทำให้การต่อสู้ไม่เป็นไปโดยยุติธรรม เพราะโจโฉตระหนักดีว่า “ไม่มีธรรมะในสงคราม” วิธีการใดก็ตามที่จะเอาชนะข้าศึกได้ วิธีการนั้นย่อมนำมาใช้ได้ทั้งสิ้น
ลิโป้ตกอยู่ในวงล้อมของทหารเอกโจโฉถึงหกคน สู้ไม่ได้จึงขับม้าหนีจะเข้าเมือง แต่การข้างในเมืองนั้นไม่เข้าข้างลิโป้เสียแล้ว เพราะในระหว่างที่ลิโป้ครองเมืองปักเอี้ยงอยู่นั้นได้กดขี่ข่มเหง รังแกขุนนางและราษฎร เตียนซีและชาวเมืองไม่พอใจลิโป้ ครั้นรู้ข่าวลิโป้ยกออกไปรบกับโจโฉจึงช่วยกันปิดประตูเมืองเสียแล้วชักชวนทหารที่รักษาเมืองให้เข้าด้วยโจโฉ
ลิโป้ขับม้าพาทหารมาถึงประตูเมือง เห็นประตูเมืองปิดก็เรียกให้เปิดประตู แต่เตียนซีได้ร้องบอกไปว่าบัดนี้เมืองปักเอี้ยงไม่ต้อนรับคนแบบลิโป้ต่อไปแล้ว ลิโป้เห็นเช่นนั้นจึงร้องด่าว่าเตียนซีว่าเป็นคนทรยศ พอดีทหารของโจโฉไล่ตามมาลิโป้จึงพาทหารหนีกลับไปหาเตียวเมี่ยวที่เมืองตันลิว
ตันก๋งเห็นเหตุการณ์ดั่งนั้นจึงลอบพาครอบครัวของลิโป้หนีออกจากเมืองตาม ลิโป้ไป
โจโฉจึงยกทหารเข้าเมืองปักเอี้ยง ซึ่งเตียนซีและบรรดาขุนนางได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โจโฉเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงเรียกเตียนซีเข้ามาพบแล้วว่าเมื่อครั้งก่อนท่านมีหนังสือไปลวงเรา ทำให้เราต้องกลของลิโป้เกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นความผิดฉกรรจ์ โทษถึงประหาร แต่มาครั้งนี้ท่านทำคุณไว้กับบ้านเมือง มีความชอบเป็นอันมาก ดังนั้นจึงตัดสินให้โทษทัณฑ์กับความชอบลบล้างกันไป
นี่คือลักษณะความเป็นนักปกครองของโจโฉที่แม้จะมีความขุ่นแค้นเตียนซี ซึ่งสมคบกับลิโป้วางกลอุบายจนตัวเองแทบถึงแก่ชีวิต แต่เมื่อเตียนซีมีความชอบก็จำแนกชัดเจนให้เอาความชอบและความผิดมาหักลบกลบล้างกัน เมื่อประกอบเข้ากับการที่เตียนซีเป็นที่นับถือของชาวเมืองแล้ว การปฏิบัติต่อเตียนซีเช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการผูกน้ำใจชาวเมือง ทำให้การจัดระเบียบบริหารและการปกครองเมืองปักเอี้ยงเป็นไปโดยเรียบร้อยราบรื่นอย่างรวดเร็ว
นักปกครองแบบโจโฉจึงหาได้ยาก แม้ว่าการเมืองการปกครองในระยะหลังจะพัฒนาก้าวหน้าไป แต่จิตใจของนักการเมืองและนักปกครองในยุคหลังนั้นกลับเลวทรามต่ำช้า ไม่คิดถึงความสงบสันติของบ้านเมือง คิดถึงแต่อำนาจและตัวเอง จึงเอาแต่หลอกลวงปลิ้นปล้อนราษฎรเพื่อให้ได้อยู่ในอำนาจไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น
โจโฉยึดได้เมืองปักเอี้ยงแล้ว เสี้ยนหนามในภาคตะวันออกจึงคงเหลือแต่เมืองตันลิวเมืองเดียวเท่านั้น ครั้นทราบว่าลิโป้หนีไปอยู่กับเตียวเมี่ยวเจ้าเมืองตันลิว โอกาสจึงเปิดช่องให้แก่โจโฉที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างเอาความชอบธรรมในการกำจัดลิโป้ศัตรูสำคัญ และยึดเมืองตันลิวต่อไป
เล่าหัวที่ปรึกษาจึงเสนอต่อโจโฉว่า ซึ่งลิโป้หนีไปอยู่เมืองตันลิวครั้งนี้หากละไว้นานลิโป้ก็จะตั้งหลักปักฐานเติบกล้าขึ้นมาอีก จึงขอเสนอให้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองตันลิว กำจัดลิโป้เสีย ทำให้การยึดครองภาคตะวันออกบรรลุผลอย่างสมบูรณ์
ข้อเสนอของเล่าหัวตรงกับความคิดยุทธศาสตร์ของโจโฉอยู่แล้ว โจโฉจึงเห็นชอบและสั่งให้เล่าหัวคุมทหารส่วนหนึ่งอยู่รักษาเมืองปักเอี้ยง ตัวโจโฉและแม่ทัพนายกองอื่นยกไปเมืองตันลิว
ฝ่ายลิโป้เมื่อหนีโจโฉมาถึงเมืองตันลิวแล้วก็เข้าไปหาเตียวเมี่ยวขอกลับเข้าทำราชการอยู่กับเมืองตันลิวดังเดิม เตียวเมี่ยวเป็นคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่ประมาณในการศึก ทั้ง ๆ ที่ลิโป้เคยคิดแยกตัวเป็นอิสระมาแล้ว แต่พอลิโป้กลับมาก็รีบรับลิโป้ไว้ทำราชการดังเดิม โดยไม่ได้คำนึงว่าการรับลิโป้ไว้ครั้งนี้เป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน”
ครั้นเตียวเมี่ยวทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาตั้งประชิดเมืองตันลิว จึงสั่งให้ตั้งรับอยู่แต่ในเมือง ให้ทหารรักษาเชิงเทิน หอรบไว้ โจโฉล้อมเมืองตันลิวอยู่เกือบครึ่งเดือนก็ขาดเสบียงลง ประกอบกับเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวสาลี ดังนั้นโจโฉจึงสั่งให้ถอนทัพถอยไปสี่ร้อยเส้น ให้ตั้งค่ายลงใกล้ป่าริมแม่น้ำ และให้ทหารออกไปเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของราษฎรมาเข้าคลังเสบียง
ราษฎรจึงแจ้งความไปยังเมืองตันลิว เตียวเมี่ยวเจ้าเมืองจึงสั่งให้ลิโป้ยกทหารออกไปขับไล่ทหารโจโฉไม่ให้แย่งเกี่ยวข้าวสาลีของราษฎร ลิโป้คุมทหารออกมาไล่จับและขับทหารโจโฉซึ่งเกี่ยวข้าวสาลีอยู่นั้น ทหารของโจโฉสู้ลิโป้ไม่ได้ก็พากันหนีเข้าค่าย
ลิโป้จึงยกทหารไล่ตามไปถึงบริเวณใกล้หน้าค่ายโจโฉ เห็นทางซ้ายมือเป็นป่ารกเกรงว่าโจโฉจะซุ่มทหารไว้โจมตี จึงรีบยกทหารกลับเข้าเมืองตันลิว
โจโฉได้รับรายงานเหตุการณ์โดยตลอดแล้ว จึงว่ากับที่ปรึกษาว่า ลิโป้ยกกลับไปเพราะระแวงว่าฝ่ายเราจะซุ่มทหารไว้ในป่า ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ลิโป้คงยกทหารมาเผาป่าแล้วโจมตีค่ายเราเป็นมั่นคง เราจะวางกลอุบายจับลิโป้ให้จงได้
โจโฉทำการศึกในระยะหลังนี้จะใช้แนวทางการเมืองเป็นหลักนำ และใช้กลอุบายเป็นมาตรการหลักในการศึก ผิดกับโจโฉในครั้งที่ร่วมอยู่ในกองทัพปฏิวัติราวกับเป็นคนละคน
แล้วโจโฉจึงว่าเราจะให้ทหารเอาธงไปปักไว้ในป่า หลอกลิโป้ให้หลงว่าเราซุ่มทหารไว้ในป่าข้างทางนั้น และจะให้ทหารรักษาค่ายไว้แต่น้อยเพียงสี่ห้าสิบนาย นอกนั้นให้ยกไปซุ่มอยู่หลังค่ายด้านริมแม่น้ำ ครั้นลิโป้เผาป่าแล้วคงยกล่วงเข้ามายึดค่าย ให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่นั้นยกออกมาล้อมจับคงจะได้ตัวลิโป้โดยง่าย
คณะที่ปรึกษาและบรรดาแม่ทัพนายกองฟังแผนการของโจโฉแล้ว ต่างสรรเสริญความคิดอ่านของโจโฉเป็นอันมาก โจโฉเห็นเช่นนั้นจึงสั่งการให้จัดเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม รุ่งขึ้นจะได้ยกไปทำการ
ครั้นรุ่งเช้าลิโป้จึงเสนอเตียวเมี่ยวขอยกทหารออกไปตีค่ายโจโฉ ตันก๋งอยู่ในที่นั้นด้วยจึงทักท้วงว่า ขณะนี้โจโฉขาดเสบียงไปตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำ ก็เพียงเพื่อให้ทหารได้เกี่ยวข้าวสาลีเข้าคลังเสบียง ดังนั้นถ้าเรายกทหารออกไปเพียงแต่ขับไล่ทหารโจโฉไม่ให้เกี่ยวข้าวได้สำเร็จ หรือเผาข้าวในนาเสีย กองทัพโจโฉก็จะขาดเสบียงลง และคงจะต้องถอยทัพกลับไป การที่จะเข้าตีค่ายโจโฉครั้งนี้น่าจะเป็นอันตราย เพราะโจโฉนั้นมีความคิดและสติปัญญาในการศึกมาก ไหนเลยจะไม่คิดป้องกันรักษาค่ายไว้เป็นอย่างดี หรือมิฉะนั้นก็อาจวางกลอุบายไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็จะเสียทีแก่โจโฉ
ลิโป้ไม่เห็นด้วยกับตันก๋ง อ้างว่าในสถานการณ์ที่โจโฉขาดเสบียงเช่นนี้ควรที่จะต้องรีบโจมตี เตียวเมี่ยวเห็นดีเห็นงามไปกับลิโป้ ดังนั้นจึงอนุญาตให้ลิโป้ยกทหารไปตีค่ายโจโฉ ลิโป้ยกทหารไปถึงเขตป่าด้านซ้ายทางข้างหน้าค่ายโจโฉ พอเข้าไปใกล้เห็นธงปักอยู่ในป่าเป็นจำนวนมาก สำคัญผิดคิดว่าทหารโจโฉซุ่มอยู่ในป่า จึงให้ทหารเข้าล้อมป่านั้นไว้แล้วเอาไฟเผาป่าพร้อมกันทั้งสี่ด้าน
ลิโป้เห็นค่ายโจโฉเงียบอยู่ก็เข้าใจผิดต่อไปว่า ทหารโจโฉยกออกจากค่ายมาซุ่มอยู่ในป่าทั้งหมด จึงสั่งให้ทหารบุกเข้ายึดค่ายโจโฉ แต่ขณะที่ลิโป้ยกทหารไปถึงหน้าค่าย โจโฉก็ให้ทหารจุดพลุสัญญาณขึ้น
ทหารของโจโฉก็โห่ร้องดังสนั่นจากข้างหลังค่าย ทหารเอกของโจโฉก็ยกทหารออกจากด้านหลังค่ายเป็นสองกอง เข้ามาสกัดหน้าลิโป้ไว้ทางหนึ่ง และสกัดทางถอยไว้อีกทางหนึ่ง ตีกระหนาบเข้ามาพร้อมกัน แล้วฆ่าฟันทหารลิโป้ล้มตายลงเป็นอันมาก
ลิโป้รู้ตัวว่าต้องกลโจโฉก็ตกใจ จึงรีบชักม้ากลับทางด้านหลังตีฝ่าออกไป พาทหารที่รอดมาได้เพียงไม่กี่คนหลบหนีจะเข้าเมือง แต่ทหารโจโฉยกตามไปติด ๆ ในเมืองจึงไม่สามารถเปิดประตูเมืองรับลิโป้กลับเข้าเมืองได้ ลิโป้จึงรีบหนีต่อไปทางด้านชายทะเล ไปพบเข้ากับเตียวเลี้ยว จงป้า โฮเสง โกสุ้นซึ่งเป็นทหารเอกที่ลิโป้สั่งให้ไปลำเลียงเสบียงเพิ่งกลับมา จึงพากันยกไปทางชายทะเลเมืองตันลิว
ฝ่ายตันก๋งอยู่ในเมืองตันลิวคาดการณ์ว่าลิโป้ยกไปครั้งนี้คงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นแน่ จึงคอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ ครั้นทราบข่าวว่าทหารโจโฉล้อมลิโป้ไว้ที่หน้าค่ายจึงคาดการณ์ว่าในที่สุดลิโป้คงหนีเข้าเมืองไม่ได้ และโจโฉคงยกเข้ามายึดเมืองตันลิวได้โดยเร็ว หากจะอยู่ในเมืองต่อไปจะไม่ปลอดภัย และทางหนีที่ปลอดภัยก็คือทางด้านชายทะเล ดังนั้นตันก๋งจึงพาครอบครัวของลิโป้หนีออกจากเมืองไปทางด้านชายทะเลชายแดนเมืองตันลิว และในระหว่างทางได้พบกับลิโป้และทหารที่แตกหนีมานั้น จึงพากันไปตั้งหลักอยู่ที่ชายทะเลชายแดนเมืองตันลิว
ฝ่ายโจโฉเมื่อได้ชัยชนะแล้วจึงสั่งให้เคลื่อนทัพเข้าโจมตีเมืองตันลิวอย่างดุเดือด ทหารของโจโฉได้ยิงเกาทัณฑ์เพลิงเข้าไปในเมืองเป็นอันมาก เพลิงลุกไหม้ในเมืองตันลิวหลายแห่ง ทหารเมืองตันลิวรักษาเมืองไว้ไม่ได้ จึงพากันหลบหนี โจโฉจึงยกทหารเข้ายึดเมืองตันลิวได้สำเร็จ แต่ตัวเตียวเมี่ยวนั้นหนีรอดไปได้แล้วไปอาศัยอยู่กับอ้วนสุดที่เมืองลำหยง
โจโฉยึดเมืองตันลิวได้แล้วได้เกลี้ยกล่อมราษฎรให้ทำมาหากินตามปกติแล้วจัดระเบียบการปกครองเมืองตันลิวเสียใหม่ จากนั้นรับสมัครชายฉกรรจ์เข้าเป็นทหารในกองทัพเป็นจำนวนมาก
เป็นอันว่าโจโฉได้ยึดหัวเมืองในภาคตะวันออกไว้ในอำนาจได้อย่างราบคาบและสมบูรณ์ ทำให้กำลังกองทัพของโจโฉเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากและยังได้เคาทูนักรบฝีมือดีมาเป็นทหารเอกอีกคนหนึ่ง
บัดนี้โจโฉได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์ในภาคตะวันออก และนับเป็นขุมกำลังใหญ่ที่สุดในบรรดากำลังของขุนศึกทั้งปวงในแผ่นดินปัจจุบัน.
ฝ่ายลิฮองและซิหลันสองทหารเอกของลิโป้ ซึ่งรักษาเมืองกุนจิ๋วนั้น ครั้นทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาจึงยกทหารออกไปรบด้วยโจโฉ ปะทะกับเคาทูได้สามเพลง เคาทูเอาทวนแทงลิฮองตกม้าตาย ซิหลันเห็นเช่นนั้นก็ตกใจรีบพาทหารหนีจะกลับเข้าเมือง
โจโฉคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าทหารลิโป้จะต้องแตกหนีกลับเข้าเมือง จึงสั่งให้ ลิเตียนคุมทหารไปเตรียมสกัดไว้ที่หน้าคูเมือง ครั้นซิหลันพาทหารหนีมาจึงเข้าเมืองไม่ได้ ซิหลันจึงชักม้าหนีกลับไปอีกทางหนึ่ง ลิยอยทหารโจโฉจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกซิหลันตกม้าตาย ทหารที่เหลือก็แตกหนีไป
โจโฉเห็นได้ทีจึงสั่งทหารหักเข้าตีเมืองกุนจิ๋ว ทหารในเมืองเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนรับมือทหารของโจโฉไม่ได้จึงยอมแพ้ เป็นความพ่ายแพ้ของลิโป้ครั้งสำคัญสมดังที่ตันก๋งได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ทหารเอกสองคนนี้ไร้สติปัญญา ไม่สามารถรับมือโจโฉได้และจะต้องเสียเมืองกุนจิ๋วแก่โจโฉ
การที่โจโฉยึดเมืองกุนจิ๋วกลับคืนมาได้ครั้งนี้ส่งผลให้โจโฉได้ยึดกุมจุดยุทธศาสตร์ของภาคตะวันออกไว้ในมือ ดังนั้นเป้าหมายต่อไปคือการกวาดล้างลิโป้ทำให้ภาคตะวันออกอยู่ภายใต้การยึดครองโดยสมบูรณ์
โจโฉจัดแจงการปกครองเมืองกุนจิ๋วให้เข้าที่เข้ารอยดังเดิมแล้ว จึงสั่งให้เตรียมกองทัพเพื่อยกไปตีเมืองปักเอี้ยง โดยตั้งความหวังว่าการยกไปครั้งนี้จะต้องบรรลุผลสถานเดียวเท่านั้น ดังนั้นการจัดเตรียมทัพไปตีเมืองปักเอี้ยงจึงให้จัดกระบวนทัพอย่างทัพกษัตริย์
โจโฉสั่งการให้เคาทูและเตียนอุยคุมทหารเป็นกองหน้า ให้แฮหัวตุ้นและแฮหัวเอี๋ยนเป็นปีกขวา ให้ลิเตียนกับงักจิ้นเป็นปีกซ้าย โจโฉเป็นกองทัพหลวง และให้อิกิ๋มและลิยองเป็นกองหลัง เคลื่อนขบวนทัพยกไปเมืองปักเอี้ยง นับเป็นการเคลื่อนทัพครั้งใหญ่ในลักษณะเป็นขบวนพยุหะ ตามลักษณะทัพกษัตริย์เป็นครั้งแรกของโจโฉ
ฝ่ายลิโป้ทราบข่าวศึกก็สั่งให้เตรียมทหารจะยกออกไปรบกับโจโฉที่นอกเมือง ตันก๋งทราบข่าวจึงเข้าไปทักท้วงว่า กองทัพของลิโป้ยังไม่พร้อมรบ เพราะบรรดาทหารเอกที่สั่งให้ไปลำเลียงเสบียง ณ เมืองอื่นยังกลับมาไม่ถึง ทั้งกองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้มีลักษณะเป็นทัพกษัตริย์ หากยกออกไปรบนอกเมืองก็จะเสียทีแก่ข้าศึก สมควรที่ลิโป้จะตั้งรับอยู่ในเมือง รอจนกว่าบรรดาทหารเอกที่ไปลำเลียงเสบียงกลับมาก่อนอย่างหนึ่ง และรอจนกองทัพโจโฉขาดเสบียงแล้วจึงค่อยโจมตีในภายหลังก็จะได้ชัยชนะ
แต่คนหัวรั้นแบบลิโป้นั้นไม่รู้การควรไม่ควร ไม่ประมาณในการศึก คิดแต่จะรบท่าเดียวด้วยมั่นใจในฝีไม้ลายมือของตนเอง ไม่คำนึงว่าคนน้อยหรือจะสู้คนมากได้ และไม่คำนึงถึงผลแพ้ชนะว่าจะเกิดผลประการใด คำทักท้วงของตันก๋งซึ่งเปรียบประดุจดั่งยันต์อันศักดิ์สิทธิ์ที่ป้องกันเมืองปักเอี้ยงจึงไร้ผล ลิโป้ไม่ฟังคำตันก๋งสั่งให้ยกทหารออกไปนอกเมืองเพื่อจะรบด้วยโจโฉ
ลิโป้ยกออกไปแล้วปะทะกับเคาทูกองทัพหน้าของโจโฉ ลิโป้และเคาทูต่อสู้กันได้ยี่สิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน โจโฉเห็นเช่นนั้นจึงสั่งให้เตียนอุยและทหารเอกทั้งปีกซ้าย ปีกขวาเข้ารุมล้อมลิโป้
อันโจโฉนั้นทำศึกหวังชัยชนะเป็นสำคัญ หาได้คิดว่าการใช้คนมากรุมคนน้อยจะเป็นการเอาเปรียบหรือทำให้การต่อสู้ไม่เป็นไปโดยยุติธรรม เพราะโจโฉตระหนักดีว่า “ไม่มีธรรมะในสงคราม” วิธีการใดก็ตามที่จะเอาชนะข้าศึกได้ วิธีการนั้นย่อมนำมาใช้ได้ทั้งสิ้น
ลิโป้ตกอยู่ในวงล้อมของทหารเอกโจโฉถึงหกคน สู้ไม่ได้จึงขับม้าหนีจะเข้าเมือง แต่การข้างในเมืองนั้นไม่เข้าข้างลิโป้เสียแล้ว เพราะในระหว่างที่ลิโป้ครองเมืองปักเอี้ยงอยู่นั้นได้กดขี่ข่มเหง รังแกขุนนางและราษฎร เตียนซีและชาวเมืองไม่พอใจลิโป้ ครั้นรู้ข่าวลิโป้ยกออกไปรบกับโจโฉจึงช่วยกันปิดประตูเมืองเสียแล้วชักชวนทหารที่รักษาเมืองให้เข้าด้วยโจโฉ
ลิโป้ขับม้าพาทหารมาถึงประตูเมือง เห็นประตูเมืองปิดก็เรียกให้เปิดประตู แต่เตียนซีได้ร้องบอกไปว่าบัดนี้เมืองปักเอี้ยงไม่ต้อนรับคนแบบลิโป้ต่อไปแล้ว ลิโป้เห็นเช่นนั้นจึงร้องด่าว่าเตียนซีว่าเป็นคนทรยศ พอดีทหารของโจโฉไล่ตามมาลิโป้จึงพาทหารหนีกลับไปหาเตียวเมี่ยวที่เมืองตันลิว
ตันก๋งเห็นเหตุการณ์ดั่งนั้นจึงลอบพาครอบครัวของลิโป้หนีออกจากเมืองตาม ลิโป้ไป
โจโฉจึงยกทหารเข้าเมืองปักเอี้ยง ซึ่งเตียนซีและบรรดาขุนนางได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โจโฉเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงเรียกเตียนซีเข้ามาพบแล้วว่าเมื่อครั้งก่อนท่านมีหนังสือไปลวงเรา ทำให้เราต้องกลของลิโป้เกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นความผิดฉกรรจ์ โทษถึงประหาร แต่มาครั้งนี้ท่านทำคุณไว้กับบ้านเมือง มีความชอบเป็นอันมาก ดังนั้นจึงตัดสินให้โทษทัณฑ์กับความชอบลบล้างกันไป
นี่คือลักษณะความเป็นนักปกครองของโจโฉที่แม้จะมีความขุ่นแค้นเตียนซี ซึ่งสมคบกับลิโป้วางกลอุบายจนตัวเองแทบถึงแก่ชีวิต แต่เมื่อเตียนซีมีความชอบก็จำแนกชัดเจนให้เอาความชอบและความผิดมาหักลบกลบล้างกัน เมื่อประกอบเข้ากับการที่เตียนซีเป็นที่นับถือของชาวเมืองแล้ว การปฏิบัติต่อเตียนซีเช่นนี้จึงเท่ากับเป็นการผูกน้ำใจชาวเมือง ทำให้การจัดระเบียบบริหารและการปกครองเมืองปักเอี้ยงเป็นไปโดยเรียบร้อยราบรื่นอย่างรวดเร็ว
นักปกครองแบบโจโฉจึงหาได้ยาก แม้ว่าการเมืองการปกครองในระยะหลังจะพัฒนาก้าวหน้าไป แต่จิตใจของนักการเมืองและนักปกครองในยุคหลังนั้นกลับเลวทรามต่ำช้า ไม่คิดถึงความสงบสันติของบ้านเมือง คิดถึงแต่อำนาจและตัวเอง จึงเอาแต่หลอกลวงปลิ้นปล้อนราษฎรเพื่อให้ได้อยู่ในอำนาจไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น
โจโฉยึดได้เมืองปักเอี้ยงแล้ว เสี้ยนหนามในภาคตะวันออกจึงคงเหลือแต่เมืองตันลิวเมืองเดียวเท่านั้น ครั้นทราบว่าลิโป้หนีไปอยู่กับเตียวเมี่ยวเจ้าเมืองตันลิว โอกาสจึงเปิดช่องให้แก่โจโฉที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างเอาความชอบธรรมในการกำจัดลิโป้ศัตรูสำคัญ และยึดเมืองตันลิวต่อไป
เล่าหัวที่ปรึกษาจึงเสนอต่อโจโฉว่า ซึ่งลิโป้หนีไปอยู่เมืองตันลิวครั้งนี้หากละไว้นานลิโป้ก็จะตั้งหลักปักฐานเติบกล้าขึ้นมาอีก จึงขอเสนอให้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองตันลิว กำจัดลิโป้เสีย ทำให้การยึดครองภาคตะวันออกบรรลุผลอย่างสมบูรณ์
ข้อเสนอของเล่าหัวตรงกับความคิดยุทธศาสตร์ของโจโฉอยู่แล้ว โจโฉจึงเห็นชอบและสั่งให้เล่าหัวคุมทหารส่วนหนึ่งอยู่รักษาเมืองปักเอี้ยง ตัวโจโฉและแม่ทัพนายกองอื่นยกไปเมืองตันลิว
ฝ่ายลิโป้เมื่อหนีโจโฉมาถึงเมืองตันลิวแล้วก็เข้าไปหาเตียวเมี่ยวขอกลับเข้าทำราชการอยู่กับเมืองตันลิวดังเดิม เตียวเมี่ยวเป็นคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่ประมาณในการศึก ทั้ง ๆ ที่ลิโป้เคยคิดแยกตัวเป็นอิสระมาแล้ว แต่พอลิโป้กลับมาก็รีบรับลิโป้ไว้ทำราชการดังเดิม โดยไม่ได้คำนึงว่าการรับลิโป้ไว้ครั้งนี้เป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน”
ครั้นเตียวเมี่ยวทราบว่าโจโฉยกกองทัพมาตั้งประชิดเมืองตันลิว จึงสั่งให้ตั้งรับอยู่แต่ในเมือง ให้ทหารรักษาเชิงเทิน หอรบไว้ โจโฉล้อมเมืองตันลิวอยู่เกือบครึ่งเดือนก็ขาดเสบียงลง ประกอบกับเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวสาลี ดังนั้นโจโฉจึงสั่งให้ถอนทัพถอยไปสี่ร้อยเส้น ให้ตั้งค่ายลงใกล้ป่าริมแม่น้ำ และให้ทหารออกไปเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของราษฎรมาเข้าคลังเสบียง
ราษฎรจึงแจ้งความไปยังเมืองตันลิว เตียวเมี่ยวเจ้าเมืองจึงสั่งให้ลิโป้ยกทหารออกไปขับไล่ทหารโจโฉไม่ให้แย่งเกี่ยวข้าวสาลีของราษฎร ลิโป้คุมทหารออกมาไล่จับและขับทหารโจโฉซึ่งเกี่ยวข้าวสาลีอยู่นั้น ทหารของโจโฉสู้ลิโป้ไม่ได้ก็พากันหนีเข้าค่าย
ลิโป้จึงยกทหารไล่ตามไปถึงบริเวณใกล้หน้าค่ายโจโฉ เห็นทางซ้ายมือเป็นป่ารกเกรงว่าโจโฉจะซุ่มทหารไว้โจมตี จึงรีบยกทหารกลับเข้าเมืองตันลิว
โจโฉได้รับรายงานเหตุการณ์โดยตลอดแล้ว จึงว่ากับที่ปรึกษาว่า ลิโป้ยกกลับไปเพราะระแวงว่าฝ่ายเราจะซุ่มทหารไว้ในป่า ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ลิโป้คงยกทหารมาเผาป่าแล้วโจมตีค่ายเราเป็นมั่นคง เราจะวางกลอุบายจับลิโป้ให้จงได้
โจโฉทำการศึกในระยะหลังนี้จะใช้แนวทางการเมืองเป็นหลักนำ และใช้กลอุบายเป็นมาตรการหลักในการศึก ผิดกับโจโฉในครั้งที่ร่วมอยู่ในกองทัพปฏิวัติราวกับเป็นคนละคน
แล้วโจโฉจึงว่าเราจะให้ทหารเอาธงไปปักไว้ในป่า หลอกลิโป้ให้หลงว่าเราซุ่มทหารไว้ในป่าข้างทางนั้น และจะให้ทหารรักษาค่ายไว้แต่น้อยเพียงสี่ห้าสิบนาย นอกนั้นให้ยกไปซุ่มอยู่หลังค่ายด้านริมแม่น้ำ ครั้นลิโป้เผาป่าแล้วคงยกล่วงเข้ามายึดค่าย ให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่นั้นยกออกมาล้อมจับคงจะได้ตัวลิโป้โดยง่าย
คณะที่ปรึกษาและบรรดาแม่ทัพนายกองฟังแผนการของโจโฉแล้ว ต่างสรรเสริญความคิดอ่านของโจโฉเป็นอันมาก โจโฉเห็นเช่นนั้นจึงสั่งการให้จัดเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม รุ่งขึ้นจะได้ยกไปทำการ
ครั้นรุ่งเช้าลิโป้จึงเสนอเตียวเมี่ยวขอยกทหารออกไปตีค่ายโจโฉ ตันก๋งอยู่ในที่นั้นด้วยจึงทักท้วงว่า ขณะนี้โจโฉขาดเสบียงไปตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำ ก็เพียงเพื่อให้ทหารได้เกี่ยวข้าวสาลีเข้าคลังเสบียง ดังนั้นถ้าเรายกทหารออกไปเพียงแต่ขับไล่ทหารโจโฉไม่ให้เกี่ยวข้าวได้สำเร็จ หรือเผาข้าวในนาเสีย กองทัพโจโฉก็จะขาดเสบียงลง และคงจะต้องถอยทัพกลับไป การที่จะเข้าตีค่ายโจโฉครั้งนี้น่าจะเป็นอันตราย เพราะโจโฉนั้นมีความคิดและสติปัญญาในการศึกมาก ไหนเลยจะไม่คิดป้องกันรักษาค่ายไว้เป็นอย่างดี หรือมิฉะนั้นก็อาจวางกลอุบายไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็จะเสียทีแก่โจโฉ
ลิโป้ไม่เห็นด้วยกับตันก๋ง อ้างว่าในสถานการณ์ที่โจโฉขาดเสบียงเช่นนี้ควรที่จะต้องรีบโจมตี เตียวเมี่ยวเห็นดีเห็นงามไปกับลิโป้ ดังนั้นจึงอนุญาตให้ลิโป้ยกทหารไปตีค่ายโจโฉ ลิโป้ยกทหารไปถึงเขตป่าด้านซ้ายทางข้างหน้าค่ายโจโฉ พอเข้าไปใกล้เห็นธงปักอยู่ในป่าเป็นจำนวนมาก สำคัญผิดคิดว่าทหารโจโฉซุ่มอยู่ในป่า จึงให้ทหารเข้าล้อมป่านั้นไว้แล้วเอาไฟเผาป่าพร้อมกันทั้งสี่ด้าน
ลิโป้เห็นค่ายโจโฉเงียบอยู่ก็เข้าใจผิดต่อไปว่า ทหารโจโฉยกออกจากค่ายมาซุ่มอยู่ในป่าทั้งหมด จึงสั่งให้ทหารบุกเข้ายึดค่ายโจโฉ แต่ขณะที่ลิโป้ยกทหารไปถึงหน้าค่าย โจโฉก็ให้ทหารจุดพลุสัญญาณขึ้น
ทหารของโจโฉก็โห่ร้องดังสนั่นจากข้างหลังค่าย ทหารเอกของโจโฉก็ยกทหารออกจากด้านหลังค่ายเป็นสองกอง เข้ามาสกัดหน้าลิโป้ไว้ทางหนึ่ง และสกัดทางถอยไว้อีกทางหนึ่ง ตีกระหนาบเข้ามาพร้อมกัน แล้วฆ่าฟันทหารลิโป้ล้มตายลงเป็นอันมาก
ลิโป้รู้ตัวว่าต้องกลโจโฉก็ตกใจ จึงรีบชักม้ากลับทางด้านหลังตีฝ่าออกไป พาทหารที่รอดมาได้เพียงไม่กี่คนหลบหนีจะเข้าเมือง แต่ทหารโจโฉยกตามไปติด ๆ ในเมืองจึงไม่สามารถเปิดประตูเมืองรับลิโป้กลับเข้าเมืองได้ ลิโป้จึงรีบหนีต่อไปทางด้านชายทะเล ไปพบเข้ากับเตียวเลี้ยว จงป้า โฮเสง โกสุ้นซึ่งเป็นทหารเอกที่ลิโป้สั่งให้ไปลำเลียงเสบียงเพิ่งกลับมา จึงพากันยกไปทางชายทะเลเมืองตันลิว
ฝ่ายตันก๋งอยู่ในเมืองตันลิวคาดการณ์ว่าลิโป้ยกไปครั้งนี้คงจะเสียทีแก่โจโฉเป็นแน่ จึงคอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ ครั้นทราบข่าวว่าทหารโจโฉล้อมลิโป้ไว้ที่หน้าค่ายจึงคาดการณ์ว่าในที่สุดลิโป้คงหนีเข้าเมืองไม่ได้ และโจโฉคงยกเข้ามายึดเมืองตันลิวได้โดยเร็ว หากจะอยู่ในเมืองต่อไปจะไม่ปลอดภัย และทางหนีที่ปลอดภัยก็คือทางด้านชายทะเล ดังนั้นตันก๋งจึงพาครอบครัวของลิโป้หนีออกจากเมืองไปทางด้านชายทะเลชายแดนเมืองตันลิว และในระหว่างทางได้พบกับลิโป้และทหารที่แตกหนีมานั้น จึงพากันไปตั้งหลักอยู่ที่ชายทะเลชายแดนเมืองตันลิว
ฝ่ายโจโฉเมื่อได้ชัยชนะแล้วจึงสั่งให้เคลื่อนทัพเข้าโจมตีเมืองตันลิวอย่างดุเดือด ทหารของโจโฉได้ยิงเกาทัณฑ์เพลิงเข้าไปในเมืองเป็นอันมาก เพลิงลุกไหม้ในเมืองตันลิวหลายแห่ง ทหารเมืองตันลิวรักษาเมืองไว้ไม่ได้ จึงพากันหลบหนี โจโฉจึงยกทหารเข้ายึดเมืองตันลิวได้สำเร็จ แต่ตัวเตียวเมี่ยวนั้นหนีรอดไปได้แล้วไปอาศัยอยู่กับอ้วนสุดที่เมืองลำหยง
โจโฉยึดเมืองตันลิวได้แล้วได้เกลี้ยกล่อมราษฎรให้ทำมาหากินตามปกติแล้วจัดระเบียบการปกครองเมืองตันลิวเสียใหม่ จากนั้นรับสมัครชายฉกรรจ์เข้าเป็นทหารในกองทัพเป็นจำนวนมาก
เป็นอันว่าโจโฉได้ยึดหัวเมืองในภาคตะวันออกไว้ในอำนาจได้อย่างราบคาบและสมบูรณ์ ทำให้กำลังกองทัพของโจโฉเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากและยังได้เคาทูนักรบฝีมือดีมาเป็นทหารเอกอีกคนหนึ่ง
บัดนี้โจโฉได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์ในภาคตะวันออก และนับเป็นขุมกำลังใหญ่ที่สุดในบรรดากำลังของขุนศึกทั้งปวงในแผ่นดินปัจจุบัน.