ตอนที่ 63. แผนยิงนกสามตัวด้วยกระสุนนัดเดียว
โจโฉเสียทีลิโป้ถึงสามครั้งสามคราจนแทบเอาตัวไม่รอด แต่โจโฉก็ยังคงหัวเราะเยาะโชควาสนาของตัวที่ต้องกลข้าศึกถึงเพียงนี้แล้ว ชะตายังแข็งกล้าสามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง นี่คือความเป็นผู้มีเลือดนักสู้ที่ไม่ยอมท้อถอยต่ออุปสรรคและความยากลำบากใด ๆ และนี่คือลักษณะผู้นำที่ยอดเยี่ยมประการหนึ่งของโจโฉอันยากที่จะหาผู้ใดมา เทียมเทียบเปรียบได้
กุยแกได้เสนอต่อโจโฉว่า บัดนี้ท่านเพิ่งเสียทีข้าศึกมา ข้าศึกย่อมคาดคิดว่าท่านต้องใช้เวลาอีกยาวนานจึงจะสามารถทำการแก้แค้น ดังนั้นในสถานการณ์ที่ข้าศึกสำคัญความดั่งนี้ ท่านควรรีบคิดอ่านทำการซึ่งจะมีผลทำให้ทหารไม่เสียขวัญกำลังใจอีกด้วย
โจโฉเห็นชอบกับความคิดของกุยแกจึงว่า เราบาดเจ็บจากถูกไฟคลอกครั้งนี้เป็นที่รู้กันในฝ่ายทหารของลิโป้ ดังนั้นเราจะคิดอ่านเอาความเจ็บป่วยนี้วางกลจับตัวลิโป้ให้จงได้
แล้วโจโฉจึงเสนอแผนการให้คณะที่ปรึกษาพิจารณาว่า เราจะปล่อยข่าวไปถึงทหารลิโป้ว่าเราถูกไฟคลอกป่วยหนัก กลับมาถึงค่ายแล้วค่ำลงก็สิ้นใจ ให้ทหารนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ร้องไห้ ข่าวนี้เมื่อรู้ไปถึงลิโป้คงจะยกมาปล้นค่ายเรา และย่อมยกมาทางด้านหลังของค่ายเราผ่านเขาม้าเล้ง ซึ่งมีทางเดินในซอกเขาเป็นที่จำกัด เราจะแต่งทหารไปซุ่มไว้ในซอกเขา ครั้นกองหน้าลิโป้ผ่านไปแล้วจึงค่อยโจมตีที่ทัพหลวง คงจะจับลิโป้ได้โดยง่าย
คณะที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเห็นด้วยกับแผนการนี้ แล้วพากันสรรเสริญความคิดอ่านของโจโฉเป็นอันมาก โจโฉครั้นเห็นว่าแผนการดังกล่าวเป็นที่เห็นชอบพร้อมกันทุกฝ่ายแล้วจึงสั่ง ให้ดำเนินการตามแผนการนี้ทุกประการ
แผนการครั้งนี้มิใช่แผนการใหม่อะไรเลย ตันก๋งเคยเสนอแผนการอย่างเดียวกันนี้ให้กับลิโป้เมื่อครั้งที่โจโฉจะเดินทัพ ผ่านเขาไทสันไปตีเมืองปักเอี้ยง แต่ลิโป้ไม่ยอมรับแผนดังกล่าว ครั้งนี้โจโฉวางอุบายเป็นแผนการเดียวกัน แต่สร้างสถานการณ์ปล่อยข่าวว่าถูกไฟคลอกตาย ครั้นข่าวนี้รู้ไปถึงทหารลิโป้จึงเข้าไปรายงานให้ลิโป้ทราบ
ครั้นลิโป้ได้ทราบข่าวนี้แล้วสมกับข่าวคราวที่โจโฉถูกไฟคลอกก็เชื่อว่าเป็น เรื่องจริง จึงตัดสินใจตามลำพังความคิดตัวเองโดยไม่สนใจที่จะปรึกษากับตันก๋งอีกต่อไป เพราะฮึกเหิมในชัยชนะที่ได้มาอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้ง สั่งทหารให้เตรียมการยกไปปล้นค่ายโจโฉ
ครั้นค่ำลง ลิโป้ก็ยกทหารไปตามซอกเขาม้าเล้ง เพื่อจะลอบไปปล้นค่ายโจโฉ พอกองหน้าของลิโป้ผ่านจุดซุ่มไปใกล้จะถึงปากทาง ทัพหลวงของลิโป้ก็เคลื่อนมาถึงจุดซุ่มพอดี โจโฉจึงให้จุดพลุสัญญาณและให้ทหารโห่ร้องดังสนั่นทั้งหุบเขา กองซุ่มของ โจโฉจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงทหารของลิโป้ตายเป็นอันมาก
พอทหารลิโป้แตกตื่นคุมกันไม่ติด ทหารของโจโฉก็ยกออกมาล้อมลิโป้กับทหารไว้ ทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด ลิโป้เห็นต้องกลข้าศึกและทหารแตกตื่นล้มตายลงเป็นอันมากก็รีบตีฝ่าย้อนกลับ มาทางด้านหลัง รีบพาทหารที่เหลือถอยกลับเข้าเมืองปักเอี้ยง
โจโฉได้ชัยชนะแก่ลิโป้แล้วก็พาทหารกลับเข้าค่าย แต่ตั้งทัพอยู่ได้ไม่กี่วันก็ขาดเสบียงลงเนื่องจากเกิดโรคแมลงระบาดหนักทั้ง ภาคตะวันออก ผลิตผลทางการเกษตรทั้งไร่นาราษฎรเสียหายจนหมดสิ้น ดังนั้นโจโฉจึงจำเป็นต้องสั่งให้กองทัพถอนไปตั้งอยู่ที่เมืองเอียนเสีย
ฝ่ายลิโป้เห็นโจโฉถอนทัพไปก็จัดทหารออกไปรักษาด่านต่าง ๆ นอกเมือง ปักเอี้ยงเพื่อระแวดระวังเหตุการณ์จนทั่วถ้วนทุกด่าน
ข้าง เมืองชีจิ๋วนั้น โตเกี๋ยมถูกโรคหลายโรครุมเร้าจึงล้มป่วยลงมีอาการหนัก จึงสั่งให้หาเล่าปี่เพื่อจะมอบเมืองชีจิ๋วให้ แต่เล่าปี่ไม่ยอมรับ ขุนนางเมืองชีจิ๋ว กวนอู เตียวหุย ช่วยกันอ้อนวอน แต่เล่าปี่ก็ยืนกรานไม่ยอมรับ เกี่ยงให้โตเกี๋ยมยกเมืองให้แก่บุตรคนใดคนหนึ่ง
โตเกี๋ยมรู้จักบุตรของตัวเองดีว่าไร้สติปัญญา จึงสั่งกำชับว่าหากมีอันเป็นไปห้ามยกเมืองชีจิ๋วให้แก่บุตรโดยเด็ดขาด และให้เล่าปี่รับเป็นเจ้าเมืองจงได้ทั้งนี้ได้ทำเป็นหนังสือกราบถวายบังคม ทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้เพื่อเสนอแต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วไว้พร้อม แล้ว และสั่งเสียว่าเมื่อเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วแล้วให้บิต๊ก และซุนเขียนช่วยเป็นที่ปรึกษาของเล่าปี่ในการบริหารบ้านเมืองต่อไป
โตเกี๋ยมสั่งเสียไม่สิ้นความ ลมก็ปะทะขึ้นมาแน่นในอก พูดจาต่อไปอีกไม่ได้แต่ยังคงมีสติอยู่จึงเอามือชี้เข้าที่อกตัว เป็นนัยว่าขอให้เล่าปี่เห็นใจคนกำลังใกล้ตายที่ห่วงใยราษฎรรับเป็นเจ้าเมือง ชีจิ๋วตามความประสงค์ แล้วมือโตเกี๋ยมก็พลัดลงเป็นอันสิ้นใจ ณ อายุได้ 63 ปี
บรรดาขุนนางและทหารเมืองชีจิ๋วจึงพร้อมกันเอาตราสำหรับเมืองมามอบแก่เล่าปี่ บรรดาชาวเมืองรู้ข่าวว่าโตเกี๋ยมตายแล้วก็พากันมาร้องไห้ที่จวนเจ้าเมืองและ อ้อนวอนขอให้เล่าปี่รับเป็นเจ้าเมืองแทนโตเกี๋ยม กวนอู เตียวหุย เห็นเช่นนั้นก็มีใจสงสารชาวเมืองจึงช่วยพูดอ้อนวอนเล่าปี่อีกครั้งหนึ่ง
เล่าปี่เห็นคนทั้งปวงมีน้ำใจนับถือตัวโดยสุจริตก็มีใจสงสารจึงรับเป็นเจ้า เมืองชีจิ๋วแล้วตั้งบิต๊กและซุนเขียนเป็นที่ปรึกษาตามคำสั่งเสีย และให้กวนอู เตียวหุย ไปรับทหารจากเมืองเสียวพ่ายเข้ามาอยู่เมืองชีจิ๋ว
เล่าปี่สั่งให้จัดพิธีศพของโตเกี๋ยมอย่างสมเกียรติตามธรรมเนียมแล้วเชิญศพไป ฝังไว้ที่ริมแม่น้ำฮวงโห ครั้นเสร็จจากพิธีศพแล้วจึงได้ส่งหนังสือกราบบังคมทูล พระเจ้าเหี้ยนเต้ซึ่งโตเกี๋ยมได้ทำเตรียมไว้เข้าไปยังเมืองหลวง พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรหนังสือของโตเกี๋ยมแล้วมิได้ตรัสประการใด
ฝ่ายโจโฉเมื่อทราบว่าโตเกี๋ยมตายแล้วและเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วก็ โกรธ เพราะความแค้นเรื่องสังหารบิดาและครอบครัวยังไม่ได้ชำระสะสาง แต่โตเกี๋ยมกลับมาชิงตายเสียก่อน ส่วนเล่าปี่นั้นมิได้เสียทหารสักคนหนึ่ง ไม่ได้เสียเกาทัณฑ์แต่สักดอกหนึ่งกลับได้เมืองชีจิ๋วไปครอง
โจโฉยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นจึงให้เรียกคณะที่ปรึกษามาประชุมหารือว่าจะยกกองทัพไป ตีเมืองชีจิ๋ว ขุดศพโตเกี๋ยมเอามาสับเป็นชิ้น ๆ และจับเล่าปี่ประหารเสีย แต่ซุนฮกที่ปรึกษาได้ห้ามว่า ขณะนี้เกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพง เสบียงอาหารก็ขาดแคลน ทั้งกองทัพก็เพิ่งเสร็จศึกกับลิโป้จำเป็นต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่ง
ซุนฮกได้แสดงเหตุผลว่าเมืองชีจิ๋วบัดนี้ชาวเมืองรักเล่าปี่เป็นอันมาก หากท่านจะยกกองทัพไปก็คงจะพร้อมใจกันรักษาเมืองไว้เป็นสามารถ เมืองชีจิ๋วมีผู้คนมาก ทหารก็พร้อม กำแพงเมืองก็สูงใหญ่ ข้าวปลาอาหารก็ยังบริบูรณ์ คงจะยึดเมืองชีจิ๋วไม่ได้โดยง่าย และหากท่านยกไปเมืองชีจิ๋ว ลิโป้รู้ข่าวเข้าก็คงจะยกกองทัพมายึดเอาเมืองเอียนเสียและหัวเมืองอื่น ๆ ในภาคตะวันออก
“ท่านยกไปข้างโน้นก็จะไม่สมความคิด จะกลับมาข้างนี้ก็จะเสียที ทหารก็จะน้อยลง กว่าจะหาที่ตั้งตัวขึ้นได้ก็ช้านานไป ซึ่งท่านจะทิ้งที่กว้างไปหาที่แคบนั้นขอท่านดำริดูแต่ควร”
โจโฉฟังคำซุนฮกแล้ว บริบูรณ์ด้วยเหตุผลจึงเห็นชอบกับความคิดของซุนฮก แต่วิตกว่าจะตั้งทัพอยู่เฉย ๆ เช่นนี้เสบียงอาหารก็ยิ่งลดน้อยถอยลง กองทัพก็จะลำบาก จึงหารือว่าจะแก้ไขปัญหานี้ประการใด
ซุนฮกจึงว่าขณะนี้โจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มของโฮฮีกับอุยเซียง ได้ตั้งฐานที่มั่นขึ้นในเขตเมืองเอ๊งจิ๋ว เที่ยวแย่งชิงเสบียงอาหารจากราษฎรไว้เป็นอันมาก ถ้าหากท่านยกไปปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มนี้แล้วจะได้ผลดีถึงสามสถานคือ เป็นการสร้างความชอบไว้กับแผ่นดิน ทางเมืองหลวงรับทราบแล้วคงจะบำเหน็จความชอบแก่ท่านสถานหนึ่ง ในขณะนี้กองทัพของเราก็ขาดแคลนเสบียง หากปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มนี้แล้วก็จะยึดเสบียงอาหารจากโจรโพกผ้า เหลืองได้เป็นจำนวนมาก ได้ข้าวข้าศึกมาหนึ่งถังดีกว่ากินข้าวตัวเองถึงสิบถัง ทำให้ปัญหาเสบียงอาหารของกองทัพหมดสิ้นไปสถานหนึ่ง และการปราบโจรโพกผ้าเหลืองครั้งนี้ท่านจะได้รับความเคารพรักจากราษฎรและจะ ได้กำลังพลกองทัพเพิ่มขึ้นอีกสถานหนึ่ง
โจโฉฟังคำของซุนฮกแล้วเห็นเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว จึงยกย่องความคิดของซุนฮกเป็นอันมาก แล้วสั่งให้เรียกโจหยินกลับมารักษาเมืองร่วมกับแฮหัวตุ้น ส่วนตัวโจโฉจัดทหารยกไปเมืองเอ๊งจิ๋ว เพื่อปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองตามแผนการของซุนฮก
โจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มของโฮฮี และอุยเซียงนั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงกองกำลังอาวุธของชาวบ้าน ขาดประสบการณ์ในการศึก โดยเฉพาะการรบแบบแผน ดังนั้นเมื่อประจัญหน้ากับกองทัพของโจโฉไม่ทันไร อุยเซียงก็ถูกลิเตียนทหารเอกของโจโฉจับได้ โจรโพกผ้าเหลืองจึงแตกพ่ายไป กองทัพโจโฉได้ยึดเอาเสบียง อาวุธยุทโธปกรณ์ไว้เป็นจำนวนมาก
ส่วนโฮฮีแกนนำของโจรโพกผ้าเหลืองอีกคนหนึ่งคุมพรรคพวกได้สองร้อยเศษจึงพากัน หนีทหารของโจโฉไปถึงเนินเขาลูกหนึ่งก็ปะทะกับกองโจรอีกกองหนึ่ง ซึ่งมีเคาทูเป็นหัวหน้า ต่อสู้กันไม่กี่เพลงโฮฮีก็ถูกเคาทูจับตัวได้ พร้อมกับทหารโจรโพกผ้าเหลืองทั้งหมด แล้วเคาทูสั่งให้พรรคพวกควบคุมไปขังไว้ในถ้ำ
โจโฉเห็นโฮฮีหนีไปได้จึงสั่งให้เตียนอุยไล่ติดตามเพื่อปราบปรามให้สิ้นซาก เตียนอุยประจัญหน้ากับเคาทูจึงเรียกร้องให้ส่งมอบพวกโจรมาให้แต่เคาทูไม่ยอม ทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กันเป็นสามารถตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงก็ไม่แพ้ชนะกัน พักเที่ยงแล้วเริ่มต่อสู้กันใหม่จนถึงค่ำ ม้าที่ทั้งสองฝ่ายขี่ก็หมดกำลังลง ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงพักรบและนัดมาต่อสู้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น
เตียนอุยกลับมาถึงค่ายจึงรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉฟังรายงานแล้วแปลกใจในฝีมือของโจรป่าที่สามารถต่อสู้กับเตียนอุยได้ทั้ง วันโดยไม่เพลี่ยงพล้ำ น้ำใจรักคนมีฝีมือพลุ่งขึ้นในความคิดของโจโฉไม่อาจทนรอจนล่วงพ้นราตรีได้ จึงพาเตียนอุยและทหารสองร้อยไปที่หน้าถ้ำของเคาทูตั้งแต่คืนนั้น
ครั้นรุ่งขึ้นโจโฉจึงให้ตีกลองศึกเป็นสัญญาณให้เตียนอุยรบกับเคาทูตามที่นัด หมาย เคาทูก็ออกมาประจัญหน้ากับเตียนอุย โจโฉเห็นเคาทู “รูปร่างเคาทูใหญ่โต สูงประมาณหกศอก” จึงมีใจใคร่จะได้ตัวเคาทูมารับราชการด้วย
โจโฉยืนม้าดูเตียนอุยรบกับเคาทูตั้งแต่เช้าจนพักเที่ยง แล้วเริ่มการต่อสู้ในภาคบ่ายจนถึงค่ำอย่างสนุกสนาน และมีความพออกพอใจในฝีมือสองทหารเสือที่ต่อสู้กันเป็นยิ่งนัก ครั้นพักรบหลังเวลาค่ำแล้วเคาทูก็กลับเข้าถ้ำ เตียนอุยก็กลับมาที่ค่าย
โจโฉจึงวางแผนจับตัวเคาทู และสั่งให้ขุดหลุมห่างจากบริเวณลานรบห้าเส้น เป็นหลุมกว้างยาวด้านละสองวา ลึกสองวา เอาบ่วงซ่อนไว้ที่ปากหลุมแล้วเอาหญ้าเกลี่ยปิดปากหลุมไว้จนดูเสมือนหนึ่ง เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วสั่งเตียนอุยว่าพรุ่งนี้เมื่อออกรบด้วยเคาทูให้ทำเป็นหนีแล้วหลอกล่อให้ เคาทูมาตกหลุมซึ่งขุดไว้นั้น
วันรุ่งขึ้นเตียนอุยจึงไปท้ารบกับเคาทู แล้วทำเป็นหนีไปข้างหลุมที่ขุดไว้ เคาทูไม่รู้กลก็ไล่ตามไปและตกลงไปในหลุมถูกบ่วงรัดไว้ ทหารโจโฉจึงจับเอาตัวเคาทูมัดเข้าไปให้โจโฉ
โจโฉเป็นคนรักคนมีฝีมือ มีความพอใจอย่างสูงในฝีมือและบุคลิกสมทหารเอกของเคาทูตั้งแต่ครั้งแรก ครั้นรู้ว่าแผนการจับตัวเคาทูบรรลุผลแล้ว โจโฉจึงเริ่มผูกน้ำใจเคาทูทันทีด้วยการแกล้งทำเป็นตกใจแล้วเข้าไปแก้มัดเคา ทูด้วยตนเอง และสั่งทหารให้นำเสื้อผ้าอย่างดีมาให้เคาทูเปลี่ยน เสร็จแล้วจึงจูงมือเคาทูมานั่งใกล้ ๆ ถามสารทุกข์สุขดิบราวกับเป็นญาติสนิท
ครั้นเคาทูบอกกล่าวประวัติส่วนตัวและความเป็นมาแล้ว โจโฉจึงว่าเคยได้ยินกิตติศัพท์เคาทูมานานแล้ว บัดนี้มาพบตัวนับเป็นวาสนาของเราทั้งสองที่ได้สร้างสมมาแต่ปางก่อน เมื่อบุญบันดาลดั่งนี้แล้วจึงขอเชิญท่านให้มาทำราชการด้วยเราเถิด
เคาทูเผชิญกับไม้นี้ของโจโฉเข้าก็ตกลงใจรับราชการด้วยโจโฉ ลุกขึ้นคำนับคารวะขอบคุณแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นแต่ชาวป่า ท่านให้ความกรุณาครั้งนี้เป็นพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าตกลงใจที่จะทำราชการสนองคุณท่านสืบไป โจโฉมีความยินดีเป็นอันมากจึงให้เคาทูเป็นทหารเอก และมอบเงินทองเป็นรางวัลบำเหน็จรับขวัญเป็นอันมาก
เคาทูจึงให้พรรคพวกไปเอาพวกโจรที่จับไว้มามอบแก่โจโฉ โจโฉจึงสั่งให้ประหารโฮฮีและอุยเซียงและตัดศีรษะเสียบประจานไว้ไม่ให้ใครเอา เป็นเยี่ยงอย่าง แล้วยกกองทัพกลับเมืองเอียนเสีย.
กุยแกได้เสนอต่อโจโฉว่า บัดนี้ท่านเพิ่งเสียทีข้าศึกมา ข้าศึกย่อมคาดคิดว่าท่านต้องใช้เวลาอีกยาวนานจึงจะสามารถทำการแก้แค้น ดังนั้นในสถานการณ์ที่ข้าศึกสำคัญความดั่งนี้ ท่านควรรีบคิดอ่านทำการซึ่งจะมีผลทำให้ทหารไม่เสียขวัญกำลังใจอีกด้วย
โจโฉเห็นชอบกับความคิดของกุยแกจึงว่า เราบาดเจ็บจากถูกไฟคลอกครั้งนี้เป็นที่รู้กันในฝ่ายทหารของลิโป้ ดังนั้นเราจะคิดอ่านเอาความเจ็บป่วยนี้วางกลจับตัวลิโป้ให้จงได้
แล้วโจโฉจึงเสนอแผนการให้คณะที่ปรึกษาพิจารณาว่า เราจะปล่อยข่าวไปถึงทหารลิโป้ว่าเราถูกไฟคลอกป่วยหนัก กลับมาถึงค่ายแล้วค่ำลงก็สิ้นใจ ให้ทหารนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ร้องไห้ ข่าวนี้เมื่อรู้ไปถึงลิโป้คงจะยกมาปล้นค่ายเรา และย่อมยกมาทางด้านหลังของค่ายเราผ่านเขาม้าเล้ง ซึ่งมีทางเดินในซอกเขาเป็นที่จำกัด เราจะแต่งทหารไปซุ่มไว้ในซอกเขา ครั้นกองหน้าลิโป้ผ่านไปแล้วจึงค่อยโจมตีที่ทัพหลวง คงจะจับลิโป้ได้โดยง่าย
คณะที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองเห็นด้วยกับแผนการนี้ แล้วพากันสรรเสริญความคิดอ่านของโจโฉเป็นอันมาก โจโฉครั้นเห็นว่าแผนการดังกล่าวเป็นที่เห็นชอบพร้อมกันทุกฝ่ายแล้วจึงสั่ง ให้ดำเนินการตามแผนการนี้ทุกประการ
แผนการครั้งนี้มิใช่แผนการใหม่อะไรเลย ตันก๋งเคยเสนอแผนการอย่างเดียวกันนี้ให้กับลิโป้เมื่อครั้งที่โจโฉจะเดินทัพ ผ่านเขาไทสันไปตีเมืองปักเอี้ยง แต่ลิโป้ไม่ยอมรับแผนดังกล่าว ครั้งนี้โจโฉวางอุบายเป็นแผนการเดียวกัน แต่สร้างสถานการณ์ปล่อยข่าวว่าถูกไฟคลอกตาย ครั้นข่าวนี้รู้ไปถึงทหารลิโป้จึงเข้าไปรายงานให้ลิโป้ทราบ
ครั้นลิโป้ได้ทราบข่าวนี้แล้วสมกับข่าวคราวที่โจโฉถูกไฟคลอกก็เชื่อว่าเป็น เรื่องจริง จึงตัดสินใจตามลำพังความคิดตัวเองโดยไม่สนใจที่จะปรึกษากับตันก๋งอีกต่อไป เพราะฮึกเหิมในชัยชนะที่ได้มาอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้ง สั่งทหารให้เตรียมการยกไปปล้นค่ายโจโฉ
ครั้นค่ำลง ลิโป้ก็ยกทหารไปตามซอกเขาม้าเล้ง เพื่อจะลอบไปปล้นค่ายโจโฉ พอกองหน้าของลิโป้ผ่านจุดซุ่มไปใกล้จะถึงปากทาง ทัพหลวงของลิโป้ก็เคลื่อนมาถึงจุดซุ่มพอดี โจโฉจึงให้จุดพลุสัญญาณและให้ทหารโห่ร้องดังสนั่นทั้งหุบเขา กองซุ่มของ โจโฉจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงทหารของลิโป้ตายเป็นอันมาก
พอทหารลิโป้แตกตื่นคุมกันไม่ติด ทหารของโจโฉก็ยกออกมาล้อมลิโป้กับทหารไว้ ทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด ลิโป้เห็นต้องกลข้าศึกและทหารแตกตื่นล้มตายลงเป็นอันมากก็รีบตีฝ่าย้อนกลับ มาทางด้านหลัง รีบพาทหารที่เหลือถอยกลับเข้าเมืองปักเอี้ยง
โจโฉได้ชัยชนะแก่ลิโป้แล้วก็พาทหารกลับเข้าค่าย แต่ตั้งทัพอยู่ได้ไม่กี่วันก็ขาดเสบียงลงเนื่องจากเกิดโรคแมลงระบาดหนักทั้ง ภาคตะวันออก ผลิตผลทางการเกษตรทั้งไร่นาราษฎรเสียหายจนหมดสิ้น ดังนั้นโจโฉจึงจำเป็นต้องสั่งให้กองทัพถอนไปตั้งอยู่ที่เมืองเอียนเสีย
ฝ่ายลิโป้เห็นโจโฉถอนทัพไปก็จัดทหารออกไปรักษาด่านต่าง ๆ นอกเมือง ปักเอี้ยงเพื่อระแวดระวังเหตุการณ์จนทั่วถ้วนทุกด่าน
ข้าง เมืองชีจิ๋วนั้น โตเกี๋ยมถูกโรคหลายโรครุมเร้าจึงล้มป่วยลงมีอาการหนัก จึงสั่งให้หาเล่าปี่เพื่อจะมอบเมืองชีจิ๋วให้ แต่เล่าปี่ไม่ยอมรับ ขุนนางเมืองชีจิ๋ว กวนอู เตียวหุย ช่วยกันอ้อนวอน แต่เล่าปี่ก็ยืนกรานไม่ยอมรับ เกี่ยงให้โตเกี๋ยมยกเมืองให้แก่บุตรคนใดคนหนึ่ง
โตเกี๋ยมรู้จักบุตรของตัวเองดีว่าไร้สติปัญญา จึงสั่งกำชับว่าหากมีอันเป็นไปห้ามยกเมืองชีจิ๋วให้แก่บุตรโดยเด็ดขาด และให้เล่าปี่รับเป็นเจ้าเมืองจงได้ทั้งนี้ได้ทำเป็นหนังสือกราบถวายบังคม ทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้เพื่อเสนอแต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วไว้พร้อม แล้ว และสั่งเสียว่าเมื่อเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วแล้วให้บิต๊ก และซุนเขียนช่วยเป็นที่ปรึกษาของเล่าปี่ในการบริหารบ้านเมืองต่อไป
โตเกี๋ยมสั่งเสียไม่สิ้นความ ลมก็ปะทะขึ้นมาแน่นในอก พูดจาต่อไปอีกไม่ได้แต่ยังคงมีสติอยู่จึงเอามือชี้เข้าที่อกตัว เป็นนัยว่าขอให้เล่าปี่เห็นใจคนกำลังใกล้ตายที่ห่วงใยราษฎรรับเป็นเจ้าเมือง ชีจิ๋วตามความประสงค์ แล้วมือโตเกี๋ยมก็พลัดลงเป็นอันสิ้นใจ ณ อายุได้ 63 ปี
บรรดาขุนนางและทหารเมืองชีจิ๋วจึงพร้อมกันเอาตราสำหรับเมืองมามอบแก่เล่าปี่ บรรดาชาวเมืองรู้ข่าวว่าโตเกี๋ยมตายแล้วก็พากันมาร้องไห้ที่จวนเจ้าเมืองและ อ้อนวอนขอให้เล่าปี่รับเป็นเจ้าเมืองแทนโตเกี๋ยม กวนอู เตียวหุย เห็นเช่นนั้นก็มีใจสงสารชาวเมืองจึงช่วยพูดอ้อนวอนเล่าปี่อีกครั้งหนึ่ง
เล่าปี่เห็นคนทั้งปวงมีน้ำใจนับถือตัวโดยสุจริตก็มีใจสงสารจึงรับเป็นเจ้า เมืองชีจิ๋วแล้วตั้งบิต๊กและซุนเขียนเป็นที่ปรึกษาตามคำสั่งเสีย และให้กวนอู เตียวหุย ไปรับทหารจากเมืองเสียวพ่ายเข้ามาอยู่เมืองชีจิ๋ว
เล่าปี่สั่งให้จัดพิธีศพของโตเกี๋ยมอย่างสมเกียรติตามธรรมเนียมแล้วเชิญศพไป ฝังไว้ที่ริมแม่น้ำฮวงโห ครั้นเสร็จจากพิธีศพแล้วจึงได้ส่งหนังสือกราบบังคมทูล พระเจ้าเหี้ยนเต้ซึ่งโตเกี๋ยมได้ทำเตรียมไว้เข้าไปยังเมืองหลวง พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรหนังสือของโตเกี๋ยมแล้วมิได้ตรัสประการใด
ฝ่ายโจโฉเมื่อทราบว่าโตเกี๋ยมตายแล้วและเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วก็ โกรธ เพราะความแค้นเรื่องสังหารบิดาและครอบครัวยังไม่ได้ชำระสะสาง แต่โตเกี๋ยมกลับมาชิงตายเสียก่อน ส่วนเล่าปี่นั้นมิได้เสียทหารสักคนหนึ่ง ไม่ได้เสียเกาทัณฑ์แต่สักดอกหนึ่งกลับได้เมืองชีจิ๋วไปครอง
โจโฉยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นจึงให้เรียกคณะที่ปรึกษามาประชุมหารือว่าจะยกกองทัพไป ตีเมืองชีจิ๋ว ขุดศพโตเกี๋ยมเอามาสับเป็นชิ้น ๆ และจับเล่าปี่ประหารเสีย แต่ซุนฮกที่ปรึกษาได้ห้ามว่า ขณะนี้เกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพง เสบียงอาหารก็ขาดแคลน ทั้งกองทัพก็เพิ่งเสร็จศึกกับลิโป้จำเป็นต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่ง
ซุนฮกได้แสดงเหตุผลว่าเมืองชีจิ๋วบัดนี้ชาวเมืองรักเล่าปี่เป็นอันมาก หากท่านจะยกกองทัพไปก็คงจะพร้อมใจกันรักษาเมืองไว้เป็นสามารถ เมืองชีจิ๋วมีผู้คนมาก ทหารก็พร้อม กำแพงเมืองก็สูงใหญ่ ข้าวปลาอาหารก็ยังบริบูรณ์ คงจะยึดเมืองชีจิ๋วไม่ได้โดยง่าย และหากท่านยกไปเมืองชีจิ๋ว ลิโป้รู้ข่าวเข้าก็คงจะยกกองทัพมายึดเอาเมืองเอียนเสียและหัวเมืองอื่น ๆ ในภาคตะวันออก
“ท่านยกไปข้างโน้นก็จะไม่สมความคิด จะกลับมาข้างนี้ก็จะเสียที ทหารก็จะน้อยลง กว่าจะหาที่ตั้งตัวขึ้นได้ก็ช้านานไป ซึ่งท่านจะทิ้งที่กว้างไปหาที่แคบนั้นขอท่านดำริดูแต่ควร”
โจโฉฟังคำซุนฮกแล้ว บริบูรณ์ด้วยเหตุผลจึงเห็นชอบกับความคิดของซุนฮก แต่วิตกว่าจะตั้งทัพอยู่เฉย ๆ เช่นนี้เสบียงอาหารก็ยิ่งลดน้อยถอยลง กองทัพก็จะลำบาก จึงหารือว่าจะแก้ไขปัญหานี้ประการใด
ซุนฮกจึงว่าขณะนี้โจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มของโฮฮีกับอุยเซียง ได้ตั้งฐานที่มั่นขึ้นในเขตเมืองเอ๊งจิ๋ว เที่ยวแย่งชิงเสบียงอาหารจากราษฎรไว้เป็นอันมาก ถ้าหากท่านยกไปปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มนี้แล้วจะได้ผลดีถึงสามสถานคือ เป็นการสร้างความชอบไว้กับแผ่นดิน ทางเมืองหลวงรับทราบแล้วคงจะบำเหน็จความชอบแก่ท่านสถานหนึ่ง ในขณะนี้กองทัพของเราก็ขาดแคลนเสบียง หากปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มนี้แล้วก็จะยึดเสบียงอาหารจากโจรโพกผ้า เหลืองได้เป็นจำนวนมาก ได้ข้าวข้าศึกมาหนึ่งถังดีกว่ากินข้าวตัวเองถึงสิบถัง ทำให้ปัญหาเสบียงอาหารของกองทัพหมดสิ้นไปสถานหนึ่ง และการปราบโจรโพกผ้าเหลืองครั้งนี้ท่านจะได้รับความเคารพรักจากราษฎรและจะ ได้กำลังพลกองทัพเพิ่มขึ้นอีกสถานหนึ่ง
โจโฉฟังคำของซุนฮกแล้วเห็นเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว จึงยกย่องความคิดของซุนฮกเป็นอันมาก แล้วสั่งให้เรียกโจหยินกลับมารักษาเมืองร่วมกับแฮหัวตุ้น ส่วนตัวโจโฉจัดทหารยกไปเมืองเอ๊งจิ๋ว เพื่อปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองตามแผนการของซุนฮก
โจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มของโฮฮี และอุยเซียงนั้น ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงกองกำลังอาวุธของชาวบ้าน ขาดประสบการณ์ในการศึก โดยเฉพาะการรบแบบแผน ดังนั้นเมื่อประจัญหน้ากับกองทัพของโจโฉไม่ทันไร อุยเซียงก็ถูกลิเตียนทหารเอกของโจโฉจับได้ โจรโพกผ้าเหลืองจึงแตกพ่ายไป กองทัพโจโฉได้ยึดเอาเสบียง อาวุธยุทโธปกรณ์ไว้เป็นจำนวนมาก
ส่วนโฮฮีแกนนำของโจรโพกผ้าเหลืองอีกคนหนึ่งคุมพรรคพวกได้สองร้อยเศษจึงพากัน หนีทหารของโจโฉไปถึงเนินเขาลูกหนึ่งก็ปะทะกับกองโจรอีกกองหนึ่ง ซึ่งมีเคาทูเป็นหัวหน้า ต่อสู้กันไม่กี่เพลงโฮฮีก็ถูกเคาทูจับตัวได้ พร้อมกับทหารโจรโพกผ้าเหลืองทั้งหมด แล้วเคาทูสั่งให้พรรคพวกควบคุมไปขังไว้ในถ้ำ
โจโฉเห็นโฮฮีหนีไปได้จึงสั่งให้เตียนอุยไล่ติดตามเพื่อปราบปรามให้สิ้นซาก เตียนอุยประจัญหน้ากับเคาทูจึงเรียกร้องให้ส่งมอบพวกโจรมาให้แต่เคาทูไม่ยอม ทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กันเป็นสามารถตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงก็ไม่แพ้ชนะกัน พักเที่ยงแล้วเริ่มต่อสู้กันใหม่จนถึงค่ำ ม้าที่ทั้งสองฝ่ายขี่ก็หมดกำลังลง ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงพักรบและนัดมาต่อสู้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น
เตียนอุยกลับมาถึงค่ายจึงรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉฟังรายงานแล้วแปลกใจในฝีมือของโจรป่าที่สามารถต่อสู้กับเตียนอุยได้ทั้ง วันโดยไม่เพลี่ยงพล้ำ น้ำใจรักคนมีฝีมือพลุ่งขึ้นในความคิดของโจโฉไม่อาจทนรอจนล่วงพ้นราตรีได้ จึงพาเตียนอุยและทหารสองร้อยไปที่หน้าถ้ำของเคาทูตั้งแต่คืนนั้น
ครั้นรุ่งขึ้นโจโฉจึงให้ตีกลองศึกเป็นสัญญาณให้เตียนอุยรบกับเคาทูตามที่นัด หมาย เคาทูก็ออกมาประจัญหน้ากับเตียนอุย โจโฉเห็นเคาทู “รูปร่างเคาทูใหญ่โต สูงประมาณหกศอก” จึงมีใจใคร่จะได้ตัวเคาทูมารับราชการด้วย
โจโฉยืนม้าดูเตียนอุยรบกับเคาทูตั้งแต่เช้าจนพักเที่ยง แล้วเริ่มการต่อสู้ในภาคบ่ายจนถึงค่ำอย่างสนุกสนาน และมีความพออกพอใจในฝีมือสองทหารเสือที่ต่อสู้กันเป็นยิ่งนัก ครั้นพักรบหลังเวลาค่ำแล้วเคาทูก็กลับเข้าถ้ำ เตียนอุยก็กลับมาที่ค่าย
โจโฉจึงวางแผนจับตัวเคาทู และสั่งให้ขุดหลุมห่างจากบริเวณลานรบห้าเส้น เป็นหลุมกว้างยาวด้านละสองวา ลึกสองวา เอาบ่วงซ่อนไว้ที่ปากหลุมแล้วเอาหญ้าเกลี่ยปิดปากหลุมไว้จนดูเสมือนหนึ่ง เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วสั่งเตียนอุยว่าพรุ่งนี้เมื่อออกรบด้วยเคาทูให้ทำเป็นหนีแล้วหลอกล่อให้ เคาทูมาตกหลุมซึ่งขุดไว้นั้น
วันรุ่งขึ้นเตียนอุยจึงไปท้ารบกับเคาทู แล้วทำเป็นหนีไปข้างหลุมที่ขุดไว้ เคาทูไม่รู้กลก็ไล่ตามไปและตกลงไปในหลุมถูกบ่วงรัดไว้ ทหารโจโฉจึงจับเอาตัวเคาทูมัดเข้าไปให้โจโฉ
โจโฉเป็นคนรักคนมีฝีมือ มีความพอใจอย่างสูงในฝีมือและบุคลิกสมทหารเอกของเคาทูตั้งแต่ครั้งแรก ครั้นรู้ว่าแผนการจับตัวเคาทูบรรลุผลแล้ว โจโฉจึงเริ่มผูกน้ำใจเคาทูทันทีด้วยการแกล้งทำเป็นตกใจแล้วเข้าไปแก้มัดเคา ทูด้วยตนเอง และสั่งทหารให้นำเสื้อผ้าอย่างดีมาให้เคาทูเปลี่ยน เสร็จแล้วจึงจูงมือเคาทูมานั่งใกล้ ๆ ถามสารทุกข์สุขดิบราวกับเป็นญาติสนิท
ครั้นเคาทูบอกกล่าวประวัติส่วนตัวและความเป็นมาแล้ว โจโฉจึงว่าเคยได้ยินกิตติศัพท์เคาทูมานานแล้ว บัดนี้มาพบตัวนับเป็นวาสนาของเราทั้งสองที่ได้สร้างสมมาแต่ปางก่อน เมื่อบุญบันดาลดั่งนี้แล้วจึงขอเชิญท่านให้มาทำราชการด้วยเราเถิด
เคาทูเผชิญกับไม้นี้ของโจโฉเข้าก็ตกลงใจรับราชการด้วยโจโฉ ลุกขึ้นคำนับคารวะขอบคุณแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นแต่ชาวป่า ท่านให้ความกรุณาครั้งนี้เป็นพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าตกลงใจที่จะทำราชการสนองคุณท่านสืบไป โจโฉมีความยินดีเป็นอันมากจึงให้เคาทูเป็นทหารเอก และมอบเงินทองเป็นรางวัลบำเหน็จรับขวัญเป็นอันมาก
เคาทูจึงให้พรรคพวกไปเอาพวกโจรที่จับไว้มามอบแก่โจโฉ โจโฉจึงสั่งให้ประหารโฮฮีและอุยเซียงและตัดศีรษะเสียบประจานไว้ไม่ให้ใครเอา เป็นเยี่ยงอย่าง แล้วยกกองทัพกลับเมืองเอียนเสีย.