ตอนที่ 634. คนดีเข้าป่า คนบ้าเข้าเมือง

สงครามบุกวุยก๊กครั้งที่แปดพอเริ่มขึ้น แฮหัวป๋าซึ่งคุมกองทัพหน้าหลงกลข้าศึกเสียทีตายในที่รบ ครั้นเกียงอุยยกกองทัพหนุนไปช่วยก็ถูกเตงงายและสุมาปองตีกระหนาบเข้าปล้นค่ายในเวลากลางคืน ทหารจ๊กก๊กแตกตื่นตกใจไม่เป็นอันสู้รบ ต่างคนต่างคิดจะหนีเอาตัวรอด

            เกียงอุยเห็นข้าศึกตีกระหนาบเข้าปล้นค่ายหนักหน่วงเหลือกำลังรับ จึงพาทหารหนีออกจากค่ายตีฝ่าวงล้อมของทหารวุยก๊กออกไปได้ เตงงายเห็นเป็นเวลากลางคืนเกรงว่าหากไล่ตามไปอาจจะถูกซุ่มโจมตี จึงสั่งทหารล่าถอยกลับเข้าไปรักษาเมือง  เตียวเจี๋ยงไว้ดังเดิม แล้วแบ่งทหารตั้งค่ายอยู่นอกเมืองอีกกองหนึ่ง

            ฝ่ายเกียงอุยเมื่อพาทหารตีฝ่าหนีออกไปจากวงล้อมแล้ว ได้ตั้งค่ายห่างออกไปสองร้อยเส้น

            ทหารเมืองเสฉวนเสียทีแก่ข้าศึกถึงสองครั้งสองคราจึงพากันเสียขวัญกำลังใจ เกียงอุยจึงปลอบใจบรรดาข้าทหารทั้งปวงว่า เป็นประเพณีการสงครามย่อมมีแพ้แลชนะ เกิดเป็นชายชาติทหารแล้วจำจะทำหน้าที่สนองคุณชาติไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซึ่งจะท้อถอยนั้นไม่ควร ดังนั้นนับแต่วันนี้ไปหากผู้ใดระย่อท้อถอยจะต้องถูกลงโทษตามพระอัยการศึก

            ฝ่ายเตียวเอ๊กนายทหารฝ่ายเสนาธิการได้เสนอเกียงอุยว่า ซึ่งเตงงายยกทหารมาตั้งอยู่ที่เมืองเตียวเจี๋ยงนี้เห็นทีค่ายที่ตำบลเขากิสานจะมีทหารแต่เบาบาง ชอบที่จะแบ่งทหารไปชิงเอาค่ายของเตงงาย แล้วรุกเข้ายึดเอาเมืองเตียงอัน เห็นจะได้โดยง่าย

            เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงตั้งให้เตียวเอ๊กเป็นแม่ทัพแบ่งทหารยกไปตีค่ายของเตงงายที่ตำบลเขากิสาน ส่วนเกียงอุยจะทำหน้าที่รบล่อเตงงายไว้ที่เมืองเตียวเจี๋ยงไม่ให้ยกไปช่วยทหารวุยก๊กที่ตำบลเขากิสานได้

            เตียวเอ๊กรับคำสั่งเกียงอุยแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร พอค่ำลงก็ลอบยกทหารออกจากค่ายไปที่ตำบลเขากิสานตามแผนการที่ได้ตกลงไว้กับเกียงอุย

            วันรุ่งขึ้นเกียงอุยได้ยกทหารออกไปท้ารบกับเตงงาย ทั้งสองฝ่ายได้ขี่ม้าออกมารบกันต่อหน้าขบวนทหาร ครั้นรบกันได้สิบเพลงยังไม่แพ้แลชนะกันจึงต่างคนต่างถอยพาทหารกลับเข้าที่ตั้ง

            เกียงอุยได้ยกทหารออกไปรบกับเตงงายอีกหลายครั้ง แต่เตงงายกลับตั้งมั่นไม่ยกออกมารบ เกียงอุยจึงให้ทหารออกไปร้องด่าท้าทายเตงงายเป็นการหยาบช้า และทำท่าจะรบกับเตงงายไม่หยุดไม่หย่อน

            ฝ่ายเตงงายสังเกตเห็นเกียงอุยได้แต่ยกทหารมาท้ารบแต่ไม่หักเข้าตีเมือง ครั้งแรกก็ไม่รู้สึกเฉลียวใจ แต่พอหลายครั้งเข้าก็สงสัย เตงงายนั่งใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ก็ตกใจ รีบเรียกเตงต๋งผู้บุตรมาสั่งว่า ซึ่งเกียงอุยแสร้งตั้งรบกับเราอยู่ดังนี้เห็นจะเป็นกลอุบายแบ่งทหารยกไปตีค่ายเราที่ตำบลเขากิสานเป็นมั่นคง แลสูเป๋านั้นเหลือทหารรักษาค่ายอยู่แต่น้อย เห็นจะเสียทีแก่ทหารเมืองเสฉวน จำจะต้องรีบยกทหารไปช่วย

            กล่าวแล้วเตงงายจึงให้เตงต๋งเป็นแม่ทัพช่วยรักษาเมืองเตียวเจี๋ยงแต่ห้ามมิให้ยกออกไปรบกับข้าศึก เพียงแต่ให้ตั้งมั่นรักษาเมืองไว้มิให้เป็นอันตรายก็เป็นพอ ตัวเตงงายเตรียมกำลังพร้อมไว้ พอตกกลางคืนจึงยกทหารออกจากเมืองตรงไปที่หน้าค่ายของเกียงอุย แล้วให้ทหารตีม้าล่อฆ้องกลองทำทีจะเข้าไปปล้นค่าย

            ฝ่ายเกียงอุยคุมทหารรักษาค่าย ครั้นได้ยินเสียงทหารข้าศึกโห่ร้องดังกึกก้องอยู่ด้านนอก แต่เห็นเป็นเวลากลางคืนไม่รู้กำลังทหารมากและน้อย จึงสั่งทหารให้ตั้งมั่นรับมือข้าศึกอยู่แต่ในค่าย ครั้นเวลาใกล้สองยามเสียงโห่ร้องของทหารวุยก๊กที่ทำทีจะหักเข้าปล้นค่ายก็เงียบหายไป

            พอรุ่งขึ้นเกียงอุยจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า ซึ่งข้าศึกทำทีจะเข้าตีหักค่ายเมื่อคืนนี้เห็นเป็นเพียงกลอุบายให้เราพะวักพะวง เตงงายทำการฉะนี้คงจะยกกองทัพหนุนไปช่วยรักษาค่ายที่ตำบลเขากิสานเป็นแม่นมั่น

            เกียงอุยปรึกษาดังนั้นแล้วจึงสั่งให้หูเยียบคุมทหารรักษาค่าย คอยสกัดทหารวุยก๊กที่เมืองเตียวเจี๋ยงไม่ให้ยกหนุนไปช่วยเตงงาย ส่วนเกียงอุยรีบคุมทหารยกหนุนตามไปช่วยเตียวเอ๊ก

            ฝ่ายเตงงายครั้นทำทีจะเข้าปล้นค่ายของเกียงอุยอยู่หนึ่งชั่วยาม เห็นข้างในค่ายไม่ยกทหารออกมารบจึงรีบพาทหารยกไปตามเส้นทางลัดตรงไปที่เขากิสาน ให้เร่งเดินทัพเร็วขึ้นกว่าปกติสามเท่า หวังจะไปช่วยสูเป๋าให้ทันท่วงที

            ฝ่ายเตียวเอ๊กหลังจากได้รับคำสั่งจากเกียงอุยแล้วได้ยกทหารไปที่ค่ายของสูเป๋าที่ตำบลเขากิสาน และคุมทหารเข้าหักตีค่ายของสูเป๋าเป็นหลายครั้ง ทหารวุยก๊กที่รักษาค่ายตำบลเขากิสานน้อยตัวอยู่แล้ว ครั้นบาดเจ็บล้มตายลงก็ยิ่งเหลือน้อยกว่าน้อย ทั้งค่ายที่ตำบลเขากิสานก็ชำรุดหวุดหวิดจะเสียทีแก่เตียวเอ๊ก

            ฝ่ายเตงงายยกกองทัพรีบรุดมา ครั้นถึงค่ายตำบลเขากิสานเห็นทหารของเตียวเอ๊กกำลังหักเข้าตีค่าย จึงเร่งทหารให้ตีกระหนาบหลังทหารของเตียวเอ๊ก เกิดการสู้รบชุลมุนขึ้นทางกองหลังของทหารเมืองเสฉวน

            ทหารเมืองเสฉวนถูกตีกระหนาบหลังโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวจึงพากันตกใจ เตียวเอ๊กเห็นจะสู้ทหารของเตงงายไม่ได้จึงพาทหารหนีออกไปทางด้านข้างเข้าไปในซอกเขา แต่ถูกทหารของเตงงายอีกกองหนึ่งตีสกัดไว้ ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กันเป็นสามารถ

            ฝ่ายเกียงอุยเมื่อเคลื่อนทัพออกจากค่ายแล้วก็เร่งเดินทัพด้วยอัตราเร็วกว่าปกติถึงสามเท่าเช่นเดียวกัน ครั้นเห็นทหารวุยก๊กรบพุ่งอยู่กับทหารของเตียวเอ๊กจึงสั่งให้ทหารเข้าล้อมและตีกระหนาบหลังทหารวุยก๊ก

            ทหารวุยก๊กตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมถูกกระหนาบสองด้านก็พากันแตกตื่น  ตกใจ ทั้งถูกฆ่าฟันล้มตายลงเป็นจำนวนมากจึงพากันแตกหนีเข้าป่าไป ขณะนั้นเตงงายคุมทหารไล่ตามมา เกียงอุยจึงคุมทหารโจมตีเข้าไป ทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งกันเป็นตะลุมบอน

            เตงงายไม่ทันรู้ว่าเกียงอุยยกหนุนตามมาช่วยได้ทันท่วงที ครั้นถูกตีโต้โดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว และเห็นทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมากก็ตกใจ รีบพาทหารล่าถอยกลับเข้าไปตั้งอยู่ในค่ายตำบลเขากิสาน

            เกียงอุยเห็นได้ทีจึงพาทหารไล่ตามตี ครั้นเห็นว่าเตงงายพาทหารถอยกลับเข้าค่ายแล้ว เกียงอุยจึงสั่งให้ทหารตั้งค่ายประชิดล้อมค่ายเตงงายเป็นสี่ด้าน

            ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสวยสิริราชสมบัติเสพสุขอยู่ในเมืองเสฉวน แต่ละวันมิได้เอาพระทัยใส่ในราชการบ้านเมือง ปล่อยให้มหาขันทีฮุยโฮจัดการบ้านเมืองตามอำเภอน้ำใจ ราชการงานแผ่นดินซึ่งอยู่ในเงื้อมมือของขันทีคนวิปริตจึงวิปริตแปรปรวนไปจนหมดสิ้น

            สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “พระเจ้าเล่าเสี้ยนอยู่ ณ เมืองเสฉวนนั้นเชื่อฟังถ้อยคำฮุยโฮซึ่งเป็นขันทีผู้ใหญ่นั้น เสพสุราทุกวันมิได้ขาด หลงด้วยนางนักสนมกรมใน มิได้นำพาที่จะออกว่าราชการบ้านเมือง บรรดาขุนนางที่มีสติปัญญาเคยทำราชการมาด้วยแต่ก่อนนั้นก็ชวนกันเสียใจ ต่างคนต่างก็เอาตัวออกหาก มีแต่คนใหม่ ๆ ซึ่งประสมประสานฮุยโฮได้นั้นก็เข้ามาเป็นที่ขุนนางอยู่เป็นอันมาก”

            ความวิปริตผันแปรในเมืองเสฉวนได้ขยายตัวไปในทุกปริมณฑล การข้างในราชสำนักอยู่ในเงื้อมมือของมหาขันทีฮุยโฮจนหมดสิ้น ได้จัดหาขันทีหนุ่มรูปหล่อใหม่ๆ เข้ามารับราชการเป็นอันมาก ทั้งนางสนม นางกำนัลก็ให้กะเกณฑ์มาจากหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อปรนเปรอพระเจ้าเล่าเสี้ยนสุดแท้แต่พระทัยจะทรงโปรดทุกวันเวลา เงินในท้องพระคลังก็เอามาจับจ่ายใช้สอยตามอำเภอน้ำใจ ข้างในราชสำนักแต่ละวันมีแต่งานเลี้ยง การแสดงร้องรำทำเพลง และสนุกสนานตั้งแต่บ่ายจนจรดใกล้รุ่งจึงจะเลิก กว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนจะตื่นพระบรรทมก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง งานเลี้ยงสังสรรค์วันใหม่ก็เริ่มขึ้นเป็นเช่นนี้ทุกวี่วัน

            ราชการบ้านเมืองที่มีรายงานเข้ามาจากหัวเมืองต่าง ๆ ก็สุดแท้แต่มหาขันทีและขันทีผู้น้อยจะเพ็ดทูลประการใด พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็โปรดเกล้าให้เป็นไปตามคำกราบบังคมทูลนั้น จนการอันควรทำก็มิได้ทำ การที่ไม่ควรทำก็กลับทำ ยามหน้าฝนก็ดับไฟป่า ยามหน้าแล้งก็แต่งโครงการปลูกป่า ที่ห่างไกลความเจริญมีแต่ดินและทรายก็ตั้งโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เบียดเบียนผลาญงบประมาณแผ่นดินจนป่นปี้

            ตำแหน่งขุนนางข้าราชการและเจ้าเมืองต่าง ๆ ก็วิปริตผันแปรไป คนทำความดีไม่ได้ดี มิหนำซ้ำกลับถูกตำหนิติเตียนถอดถอนออกจากตำแหน่ง ใครทำความชอบแก่มหาขันทีก็จะได้บำเหน็จความชอบเป็นอันมาก ตำแหน่งแหล่งที่ทุกตำแหน่งมหาขันทีฮุยโฮได้จัดสรรให้แก่ผู้นำของกำนัลมามอบให้ หากมีตำแหน่งเหลือก็เปิดประมูลอย่างเอิกเกริก บางครั้งเปิดประมูลขายตำแหน่งกันกลางตลาด ครั้นขายตำแหน่งกันไปหมดแล้วความโลภยังไม่สิ้น จึงหาเหตุปลดขุนนางข้าราชการที่ไม่ใช่พวกออกจากตำแหน่ง แล้วเอาตำแหน่งนั้นมาประมูลขายกันต่อไป

            ดังนั้นข้าราชการขุนนางเมืองเสฉวนที่มีฝีมือและจงรักภักดีต่อแผ่นดินจึงค่อย ๆ หมดสิ้นออกไปจากราชการ เหลือแต่พวกคนพาลสันดานหยาบครองอำนาจเป็นใหญ่ในบ้านเมือง เหล่าพาลรุ่งเรืองเฟื่องอำนาจแล้วได้ชักนำพวกเหล่าพาลด้วยกันเข้ามาเป็นขุนนางจนเต็มทั้งบ้านทั้งเมือง

            เพราะเหตุนี้แผ่นดินเมืองเสฉวนจึงถูกอุปมาว่า หากเป็นบ้านก็ถูกปลวกกินผุทั้งหลัง หากเป็นเรือก็ถูกเพรียงกินจนรั่วทั้งลำ หรือหากเป็นต้นไม้ใหญ่ก็ไร้แล้วซึ่งรากแก้ว รอวันที่จะพังพินาศลงไปเท่านั้น

            ฝ่ายเงียมอูซึ่งเป็นขุนนางในเมืองเสฉวน ได้ซื้อตำแหน่งแหล่งที่จนมีตำแหน่งสูงขึ้นโดยลำดับ เมื่อซื้อตำแหน่งซื้ออำนาจมาครองได้แล้ว ก็ลงมือขายทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้อำนาจของตนโดยไม่เกรงฟ้ากลัวดิน เพราะถือว่าเป็นลูกน้องอยู่ภายใต้ร่มบารมีของมหาขันทีฮุยโฮ ดังนั้นอำนาจวาสนาและทรัพย์สินของเงียมอูจึงเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก

            เงียมอูมีอำนาจวาสนาและเงินตรามหาศาลแล้ว สิไม่รู้อิ่มในอำนาจวาสนานั้น ใคร่จะได้อำนาจทางทหารมาครองอีก จึงนำเงินทองเพชรพลอยเป็นจำนวนมากเข้าไปติดสินบนมหาขันทีฮุยโฮ ขอให้เรียกเกียงอุยกลับเข้าเมืองหลวง และขอให้ตั้งเงียมอูเป็นแม่ทัพแทนตำแหน่งของเกียงอุย

            เงียมอูไม่เพียงแต่บรรณาการด้วยเงินทองเพชรพลอยจำนวนมากเท่านั้น ยังให้คำมั่นสัญญาต่อมหาขันทีผู้เป็นเจ้านายด้วยว่า ถ้าได้ครองอำนาจสมดังใจแล้ว จะรับใช้ถวายชีวิตมิให้ผู้ใดข่มเหงนินทามหาขันทีได้อีกต่อไป ทั้งจะส่งส่วยทรัพย์สินเงินทองทั้งรายเดือนและรายปีมิให้ขาดแคลนเลย

            มหาขันทีฮุยโฮได้รับสินบนปัจจุบันเป็นจำนวนมาก และยังเห็นประโยชน์อนาคตอีกมหาศาลก็มีความยินดี ตกปากรับคำเงียมอูว่าเรื่องเพียงเท่านี้เจ้าอย่าได้ปรารมภ์เลย

            หลังจากวันนั้นแล้วมหาขันทีฮุยโฮจึงเข้าไปกราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า เกียงอุยอาสายกทหารไปทำสงครามกับวุยก๊กหลายครั้งหลายหนยังไม่ได้ชัยชนะ ทำให้แผ่นดินต้องสูญเสียทหารและเสบียงไปเป็นอันมาก ควรที่จะตั้งเงียมอูไปเป็นแม่ทัพแทนเกียงอุย เห็นจะได้ชัยชนะแก่ข้าศึก

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนในวันนี้เอาแต่เมาสุราเคล้านารีและขันทีจนลืมเลือนราชการแผ่นดินและความหลังจนหมดสิ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ทรงรู้จักว่าเงียมอูมีความรู้ทางการทหารหรือมีความจงรักภักดีประการใด และทั้ง ๆ ที่ทรงรู้ดีว่าเกียงอุยคือทายาททางการเมืองการทหารของขงเบ้ง เป็นผู้มีความจงรักภักดีจนถึงที่สุดก็ทรงลืมเลือนไปจนหมดสิ้น พอได้ยินคำทูลของมหาขันทีก็ทรงคล้อยตาม มีพระบรมราชโองการเรียกเกียงอุยกลับเมืองเสฉวน และทรงตั้งให้เงียมอูเป็นแม่ทัพแทนตำแหน่งของเกียงอุย

            ครั้นข้าหลวงได้เชิญพระบรมราชโองการออกจากพระบรมมหาราชวังไปแล้ว มหาขันทีฮุยโฮได้กราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนต่อไปว่า อำนาจทางการทหารเป็นของติดยึด เห็นเกียงอุยจะไม่ยอมกลับ จึงควรที่จะมีพระบรมราชโองการเร่งซ้ำไปอีก พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ทรงโปรดตามคำทูล

            ฮุยโฮจึงทำพระบรมราชโองการเร่งรัดให้เกียงอุยรีบกลับเมืองเสฉวนอีกสองฉบับ แล้วให้ข้าหลวงเชิญพระบรมราชโองการนั้นไปที่ตำบลเขากิสาน

            ฝ่ายเกียงอุยตั้งค่ายคุมเชิงรบพุ่งอยู่กับเตงงายที่ตำบลเขากิสาน ครั้นได้รับพระบรมราชโองการเรียกตัวกลับเมืองเสฉวนก็ตกใจ เรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่าจะทำประการใด.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร