ตอนที่ 631. ศึกวุยก๊กครั้งที่เจ็ด
พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้แปดร้อยสามพรรษา เดือนเก้า ข้างขึ้น แกฉงลูกน้องคนสนิทของสุมาเจียวสั่งให้เซงเจปลงพระชนม์พระเจ้าโจมอเสียที่บริเวณประตูหน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อจะปลีกตัวเองออกจากความผิดและคำครหาสุมาเจียวจึงให้ประหารชีวิตเซงเจและพี่น้องสามชั่วโคตรโทษฐานปลงพระชนม์พระเจ้าโจมอ และตั้งการพิธีพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ
ครั้นเสร็จการพระราชพิธีพระบรมศพแล้ว แกฉงและขุนนางทั้งปวงจึงพร้อมใจกันเข้าไปหาสุมาเจียว แล้วเสนอว่าอันแผ่นดินนั้นจะให้ว่างพระมหากษัตริย์มิได้ บัดนี้เชื้อวงศ์ของพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉดับสูญแล้ว ขุนนางทั้งปวงจึงพร้อมใจกันเชิญท่านปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สืบไป
สุมาเจียวได้ฟังคำขุนนางทั้งปวงดังนั้นก็ส่ายหน้า แล้วกล่าวว่าเมื่อครั้งพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉครองอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินวุยก๊ก ก็ไม่ยินยอมปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ จึงเป็นที่นับถือของผู้คนจนบัดนี้ ควรที่ตัวเราจะทำตามแบบอย่างของพระเจ้าวุยอ๋อง
แกฉงและขุนนางทั้งปวงได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าสุมาเจียวมีความคิดที่จะทำให้สถานการณ์สุกงอมยิ่งกว่านี้ และหมายให้ราชสมบัติตกได้แก่สุมาเอี๋ยนผู้บุตรตามแบบอย่างของโจโฉ ดังนั้นต่างคนจึงพากันนิ่ง
สุมาเจียวจึงกล่าวว่า เมื่อเดือนก่อนนี้ตัวเราได้กราบบังคมทูลพระเจ้าโจมอให้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งโจฮวนบุตรของโจเอี้ยนอ๋องซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าพระยาโจฮวนก๋ง บุคคลผู้นี้เป็นเชื้อสายสกุลโจ มีฐานันดรอันสูง ชอบที่จะสถาปนาขึ้นเป็นเจ้า ครองสิริราชสมบัติแทนพระเจ้าโจมอจึงจะควร
ขุนนางทั้งปวงได้ยินดังนั้นจึงพากันเห็นชอบ ดังนั้นเมื่อเสร็จการพิธีพระบรมศพของพระเจ้าโจมอแล้ว สุมาเจียวจึงนำคณะขุนนางไปอัญเชิญโจฮวนก๋งขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระเจ้าโจมอสืบไป
พระเจ้าโจฮวนทรงตั้งศักราชใหม่ตามประเพณี และโปรดเกล้าสถาปนาอิสริยยศของสุมาเจียวขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาที่จิ้นก๋ง พระราชทานเงินสิบหมื่นชั่ง ผ้าแพรไหมหนึ่งหมื่นพับ พร้อมกับเครื่องยศตามตำแหน่งจิ้นก๋งแก่สุมาเจียว ทรงโปรดเกล้าให้เลื่อนตำแหน่งทั้งทหารและพลเรือนโดยถ้วนหน้ากัน และโปรดให้ปลดปล่อยคนโทษแล้วงดภาษีแก่อาณาประชาราษฎรเป็นเวลาสามปี
ฝ่ายเกียงอุยครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่า พระเจ้าโจมอถูกปลงพระชนม์และสุมาเจียวได้ยกพระเจ้าโจฮวนขึ้นครองราชสมบัติ ก็คิดว่าจะเกิดความขัดแย้งสับสนวุ่นวายในทางการเมืองขึ้นในแผ่นดินวุยก๊ก ทั้งการปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์นั้นเป็นเหตุใหญ่ ขัดต่อประเพณีที่ขุนนางทั้งปวงต้องมีความจงรักภักดีต่อเจ้า สามารถอ้างขึ้นเป็นเหตุเพื่อกำจัดสุมาเจียวเสียได้
เกียงอุยคิดดังนั้นแล้วจึงแต่งทหารให้ถือหนังสือไปให้แก่มหาอุปราชเมืองกังตั๋งซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับเมืองเสฉวน ให้ยกกองทัพไปชำระโทษทัณฑ์ของสุมาเจียวเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวง ส่วนกองทัพเมืองเสฉวนจะยกกระหนาบตีเข้าไปพร้อมกัน
อีกด้านหนึ่งเกียงอุยได้แต่งฎีกาขึ้นไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน ขอรับพระบรมราชานุญาตกรีฑาทัพสิบห้าหมื่นยกไปตีวุยก๊ก พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบฎีกาของเกียงอุยแล้วมิได้ใส่พระทัยในราชการแผ่นดิน ทรงเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ จึงทรงอนุญาตตามฎีกาเพื่อขจัดความรำคาญให้พ้นพระทัย
ครั้นถึงวันฤกษ์ดีเกียงอุยได้ชุมนุมพลตามพระบรมราชานุญาตไว้ที่หน้าเมืองฮันต๋ง พร้อมแล้วจึงสั่งให้เคลื่อนทัพรุกเข้าแดนวุยก๊กเป็นสามสาย
สายแรกให้เลียวฮัวคุมทหารห้าหมื่นยกไปทางจูงอก๊ก สายที่สองให้เตียวเอ๊กคุมทหารห้าหมื่นยกไปทางล่อก๊ก ส่วนสายที่สามเกียงอุยคุมทหารอีกห้าหมื่นยกไปทางเซียก๊ก กำหนดให้กองทัพทุกกองไปบรรจบกองทัพพร้อมกันที่ตำบลเขากิสาน
ฝ่ายเตงงายหลังจากเกียงอุยถอยทัพในการสงครามครั้งก่อนแล้วยังคงคุมกำลังตั้งมั่นอยู่ที่ตำบลเขากิสาน เพราะเชื่อมั่นว่าเกียงอุยจะต้องยกกองทัพเข้ามาตีแผ่นดินวุยก๊กอีก ครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่าเกียงอุยยกกองทัพบุกวุยก๊กเป็นสามสาย จึงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่าจะคิดอ่านประการใด
ในขณะนั้นอองก๋วนซึ่งเป็นทหารฝ่ายเสนาธิการได้กล่าวว่า ข้าพเจ้ามีแผนการอันมั่นใจว่าจะสามารถตีโต้กองทัพเกียงอุยให้แตกพ่ายไปได้ แต่จะกล่าวกับท่านบัดนี้มิได้ เกรงว่าความลับจะแพร่งพรายไป
เตงงายได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า ท่านมีแผนการประการใดก็จงเขียนเป็นแผนปฏิบัติการมาให้เราดูก่อน
อองก๋วนจึงเขียนแผนยุทธการฉบับหนึ่งส่งให้กับเตงงาย มีเนื้อความว่า “ให้ทำกลเข้าสมัครด้วยเกียงอุย แล้วคิดเอาชัยชนะต่อภายหลัง”
เตงงายอ่านความตลอดแล้วจึงหัวเราะ และกล่าวว่าแผนการของท่านนี้ก็ดีอยู่ แต่เกียงอุยนั้นมีสติปัญญาในการศึก หากคนที่รับเป็นธุระไปทำการไม่แยบคาย เห็นจะทำการไม่ตลอด
อองก๋วนจึงว่า ข้อซึ่งท่านวิตกนี้อย่าได้ปรารมภ์เลย ข้าพเจ้าจะขออาสาไปทำการด้วยตนเอง เตงงายจึงว่า ถ้าเป็นตัวท่านรับอาสาเองข้าพเจ้าก็วางใจ เห็นการตามแผนการจะสำเร็จเป็นแน่แท้ ความชอบจะมีแก่ท่านเป็นอันมาก กล่าวแล้ว เตงงายจึงจัดแจงทหารห้าพันให้แก่อองก๋วน และกำชับว่าอย่าได้ประมาทแก่สติปัญญาของเกียงอุย มิฉะนั้นก็จะเสียทีแก่ข้าศึก จะทำการสิ่งใดให้ใคร่ครวญจง รอบคอบก่อนจึงจะไม่เป็นอันตราย
อองก๋วนรับคำเตงงาย พร้อมกับให้คำมั่นว่าข้าพเจ้าขออาสาเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำการครั้งนี้ แม้ไม่สำเร็จก็จะขอตายไม่ให้ละอายแก่คนทั้งปวงเลย
พอค่ำลงอองก๋วนจึงพาทหารห้าพันเดินทางออกจากค่ายของเตงงายที่ตำบลเขากิสาน ตรงไปที่ตั้งค่ายของเกียงอุย
ครั้นอองก๋วนพาทหารไปใกล้ค่ายของเกียงอุย ได้พบกับทหารลาดตระเวนของเมืองเสฉวน จึงแจ้งความประสงค์ให้ทราบว่าเป็นนายทหารของเตงงายพาทหารหลบหนีมาจะเข้าสวามิภักดิ์กับเกียงอุย ขอให้ทหารลาดตระเวนนำความไปรายงานให้เกียงอุยทราบ
ทหารนั้นจึงให้อองก๋วนพักทหารอยู่ในระยะไกล แล้วแจ้งข่าวรายงานความให้เกียงอุยทราบ เมื่อเกียงอุยทราบความแล้วจึงสั่งทหารให้ไปพาอองก๋วนเข้ามาพบ แต่ทหารของอองก๋วนนั้นให้รออยู่ที่ไกลก่อน
อองก๋วนคำนับเกียงอุยตามประเพณีแล้วกล่าวว่า “ข้าพเจ้านี้เป็นหลานอองเก๋ง สุมาเจียวฆ่าพระเจ้าโจมอเสีย อาข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อ ก็ฆ่าเสียสิ้นทั้งโคตร ข้าพเจ้ามีความแค้นนัก บัดนี้ข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านจะมาทำการลงโทษสุมาเจียว จึงพาสมัครพรรคพวกห้าพันมาเข้าด้วยท่าน จะขออาสาไปทำการแก้แค้นสุมาเจียวให้จงได้”
เกียงอุยได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า สุมาเจียวมีน้ำใจอำมหิต คิดผลาญชีวิตเจ้าแล้วยังสังหารขุนนางผู้ภักดีเป็นอันมาก อาท่านและครอบครัวถูกประหารไปถึงสามชั่วโคตรโดยไม่มีความผิด จึงชอบที่ท่านผู้หลานจะได้ทำการแก้แค้นให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวงสืบไป ตัวท่านมีความกตัญญูแลภักดีดังนี้ ข้าพเจ้ามีความชื่นชมโสมนักนัก จะช่วยเหลือท่านให้ทำการแก้แค้นแทนญาติพี่น้องไปจนกว่าจะสำเร็จ
อองก๋วนได้ยินคำเกียงอุยดังนั้นก็มีความยินดี สำคัญว่าเกียงอุยหลงกลอุบาย จึงกล่าวว่าซึ่งท่านมีน้ำใจเอื้ออาทรแก่ข้าพเจ้าดังนี้เป็นพระคุณยิ่งแล้ว มีการสิ่งใดข้าพเจ้าจะขออาสาทำการสนองคุณท่านโดยไม่เสียดายชีวิต
เกียงอุยจึงว่า ตัวท่านเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ อย่าเพิ่งเสี่ยงภัยให้ได้ยากลำบากเลย กองทัพเมืองเสฉวนยกมาครั้งนี้มีกองลำเลียงเสบียงอาหารยกตามมาข้างหลังเป็นอันมาก ไหว้วานท่านเป็นธุระช่วยพาทหารยกไปคุ้มกันเร่งให้กองลำเลียงเสบียงมาถึงแนวหน้าโดยเร็วที่สุด ข้าพเจ้าอยู่ทางนี้จะพาทหารเข้าตีค่ายเตงงายให้จงได้
อองก๋วนได้ยินดังนั้นก็ดีใจ เห็นช่องทางที่จะทำลายกองทัพเกียงอุยตามแผนการ จึงรีบรับคำ แต่เกียงอุยได้ท้วงว่าตัวท่านไปทำการในแนวหลัง หาใช่การรบพุ่งกับข้าศึกไม่ เหตุนี้จึงไม่ควรที่จะเอาทหารทั้งห้าพันไปกับท่านด้วย จงพาทหารไปแต่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งเอาไว้ช่วยกองทัพส่วนหน้าจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
อองก๋วนได้ยินดังนั้นก็พรั่นใจ แต่กริ่งว่าถ้าขัดขืนเกียงอุยจะจับพิรุธได้ จึงแสร้งทำเป็นเห็นชอบแล้วพาทหารสองพันห้าร้อยคนยกไปตามคำสั่งของเกียงอุย ส่วนทหารอีกสองพันห้าร้อยคนซึ่งเกียงอุยขอไว้จากอองก๋วนนั้น เกียงอุยได้มอบให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเปาเขียม
ฝ่ายแฮหัวป๋าครั้นทราบว่าเกียงอุยยอมรับอองก๋วนเข้ามาอยู่ในกองทัพก็ตกใจ รีบเข้ามาหาเกียงอุยแล้วถามว่า อองก๋วนมาสวามิภักดิ์ต่อท่านหรือ เกียงอุยรับว่าเป็นความจริง
แฮหัวป๋าจึงกล่าวว่า ซึ่งมหาอุปราชจะเชื่อถืออองก๋วนนั้นเห็นจะต้องด้วยกลอุบายของข้าศึกเป็นมั่นคง ข้าพเจ้ารู้จักอองก๋วนตั้งแต่ครั้งยังรับราชการอยู่ด้วยกันในเมืองลกเอี๋ยง ไม่เคยปรากฏว่าเป็นลูกหลานสนิทชิดเชื้อกับอองเก๋งผู้ภักดี ซึ่งมาแอบอ้างเป็นหลานอองเก๋งเห็นจะเป็นกลอุบายของเตงงายใช้มา
เกียงอุยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวว่าอองก๋วนอ้างว่าอองเก๋งถูกประหารสามชั่วโคตร แต่ลืมไปว่าตัวเองก็เป็นหลานอองเก๋ง แล้วไฉนจึงไม่ถูกประหารชีวิต อีกข้อหนึ่ง ถ้าอองก๋วนเป็นหลานแท้ของอองเก๋ง มีหรือที่สุมาเจียวจะวางใจให้คุมทหารอยู่แนวหน้า เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงแจ้งว่าเป็นอุบายของเตงงาย จำจะคิดอ่านจะซ้อนกลเอาชัยชนะเตงงายให้จงได้
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าเกียงอุยได้ยินคำแฮหัวป๋าก็หัวเราะแล้วกล่าวว่า “การอันนี้เราก็แจ้งอยู่แล้ว แม้อองก๋วนเป็นลูกหลานอองเก๋ง สุมาเจียวหรือจะปล่อยให้มาซ่องสุมทหารอยู่นอกเมืองฉะนี้ เราจึงแบ่งทหารไว้หวังจะซ้อนกลอองก๋วนให้จงได้”
แฮหัวป๋าได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวว่าเมื่อท่านแจ้งในอุบายของเตงงาย ดังนี้แล้วจะคิดอ่านประการใด
เกียงอุยจึงว่าประการแรกจะต้องจับการติดต่อกำหนดแผนการนัดหมายระหว่างอองก๋วนกับเตงงายให้ได้ก่อนว่าวางแผนคิดอ่านประการใด ประการถัดไปจึงวางแผนซ้อนกลเห็นจะได้ชัยชนะโดยง่าย
แฮหัวป๋าได้ยินดังนั้นก็สรรเสริญเกียงอุยว่ามีสติปัญญาคิดอ่านการสงครามรอบคอบนัก เกียงอุยได้ยินก็มีความยินดี สั่งให้ทหารกวดขันลาดตระเวนเส้นทางระหว่างค่ายทหารเมืองเสฉวนกับค่ายของเตงงายทั้งกลางวันและกลางคืน
ในคืนวันหนึ่งทหารลาดตระเวนของเกียงอุยได้จับกุมตัวทหารของอองก๋วนซึ่งถือหนังสือของอองก๋วนจะเดินสารไปมอบให้แก่เตงงายได้ จึงนำตัวมามอบแก่เกียงอุย
เกียงอุยให้ค้นตัวทหารนั้น พบหนังสือของอองก๋วนมีไปถึงเตงงายฉบับหนึ่ง เป็นเนื้อความว่าเกียงอุยหลงกลอุบายแล้ว ให้ข้าพเจ้าคุมทหารไปคุ้มกันกองเสบียงมาส่งแก่กองทัพ ในวันแรมสิบห้าค่ำ เดือนสิบ ข้าพเจ้าจะคุมขบวนเสบียงมาถึง หุบเขาฮุยสัน ให้ท่านแต่งทหารเข้าชิงเอาเสบียงและตีทหารเมืองเสฉวนเถิด
เกียงอุยทราบความดังนั้นจึงสั่งทหารให้ตัดศีรษะทหารเดินสารของอองก๋วน แล้วแก้ไขกำหนดนัดในหนังสือเป็นวันแรมสิบค่ำ เดือนสิบ ให้ทหารเมืองเสฉวนปลอมตัวเป็นทหารของอองก๋วน ถือหนังสือนั้นไปหาเตงงาย ณ ค่าย
ครั้นทหารเดินสารออกไปแล้ว เกียงอุยจึงให้เอาเกวียนร้อยเล่มบรรทุกฟืนฟางเชื้อเพลิงดินประสิวสุพรรณถันไว้จนเต็ม ให้เปาเขียมคุมทหารของอองก๋วนสองพันห้าร้อยคนพาขบวนเกวียนเข้าไปซุ่มอยู่ในหุบเขาฮุยสัน และให้เจียวสีและเตียวเอ๊ก เลียวฮัวคุมทหารเป็นสามกอง ยกไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้กับค่ายของเตงงาย เมื่อเตงงายยกทหารมาชิงเอาเสบียงแล้วให้ทหารทั้งสามกองยกตีชิงเอาค่ายของเตงงายให้จงได้
ครั้นสั่งการทั้งปวงเสร็จแล้วเกียงอุยจึงพาแฮหัวป๋าและทหารพันเศษขึ้นไปซุ่มอยู่บนยอดเขาคอยสังเกตการณ์และหนุนช่วยทหารเมืองเสฉวน
ฝ่ายเตงงายครั้นได้รับหนังสือของอองก๋วน จึงเปิดหนังสือออกอ่านดู เพ่งพินิจพิจารณาเนื้อความแลลายมือในหนังสือนั้น เห็นเป็นลายมือของอองก๋วนและมีเนื้อความสมกับแผนการที่อองก๋วนเคยบอกไว้ก็มีความยินดี จึงเขียนหนังสือถึง อองก๋วนฉบับหนึ่งความว่าให้อองก๋วนทำการตามกำหนด แผนการซึ่งวางไว้จักสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่แท้.
ครั้นเสร็จการพระราชพิธีพระบรมศพแล้ว แกฉงและขุนนางทั้งปวงจึงพร้อมใจกันเข้าไปหาสุมาเจียว แล้วเสนอว่าอันแผ่นดินนั้นจะให้ว่างพระมหากษัตริย์มิได้ บัดนี้เชื้อวงศ์ของพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉดับสูญแล้ว ขุนนางทั้งปวงจึงพร้อมใจกันเชิญท่านปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สืบไป
สุมาเจียวได้ฟังคำขุนนางทั้งปวงดังนั้นก็ส่ายหน้า แล้วกล่าวว่าเมื่อครั้งพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉครองอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินวุยก๊ก ก็ไม่ยินยอมปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ จึงเป็นที่นับถือของผู้คนจนบัดนี้ ควรที่ตัวเราจะทำตามแบบอย่างของพระเจ้าวุยอ๋อง
แกฉงและขุนนางทั้งปวงได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าสุมาเจียวมีความคิดที่จะทำให้สถานการณ์สุกงอมยิ่งกว่านี้ และหมายให้ราชสมบัติตกได้แก่สุมาเอี๋ยนผู้บุตรตามแบบอย่างของโจโฉ ดังนั้นต่างคนจึงพากันนิ่ง
สุมาเจียวจึงกล่าวว่า เมื่อเดือนก่อนนี้ตัวเราได้กราบบังคมทูลพระเจ้าโจมอให้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งโจฮวนบุตรของโจเอี้ยนอ๋องซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าพระยาโจฮวนก๋ง บุคคลผู้นี้เป็นเชื้อสายสกุลโจ มีฐานันดรอันสูง ชอบที่จะสถาปนาขึ้นเป็นเจ้า ครองสิริราชสมบัติแทนพระเจ้าโจมอจึงจะควร
ขุนนางทั้งปวงได้ยินดังนั้นจึงพากันเห็นชอบ ดังนั้นเมื่อเสร็จการพิธีพระบรมศพของพระเจ้าโจมอแล้ว สุมาเจียวจึงนำคณะขุนนางไปอัญเชิญโจฮวนก๋งขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระเจ้าโจมอสืบไป
พระเจ้าโจฮวนทรงตั้งศักราชใหม่ตามประเพณี และโปรดเกล้าสถาปนาอิสริยยศของสุมาเจียวขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาที่จิ้นก๋ง พระราชทานเงินสิบหมื่นชั่ง ผ้าแพรไหมหนึ่งหมื่นพับ พร้อมกับเครื่องยศตามตำแหน่งจิ้นก๋งแก่สุมาเจียว ทรงโปรดเกล้าให้เลื่อนตำแหน่งทั้งทหารและพลเรือนโดยถ้วนหน้ากัน และโปรดให้ปลดปล่อยคนโทษแล้วงดภาษีแก่อาณาประชาราษฎรเป็นเวลาสามปี
ฝ่ายเกียงอุยครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่า พระเจ้าโจมอถูกปลงพระชนม์และสุมาเจียวได้ยกพระเจ้าโจฮวนขึ้นครองราชสมบัติ ก็คิดว่าจะเกิดความขัดแย้งสับสนวุ่นวายในทางการเมืองขึ้นในแผ่นดินวุยก๊ก ทั้งการปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์นั้นเป็นเหตุใหญ่ ขัดต่อประเพณีที่ขุนนางทั้งปวงต้องมีความจงรักภักดีต่อเจ้า สามารถอ้างขึ้นเป็นเหตุเพื่อกำจัดสุมาเจียวเสียได้
เกียงอุยคิดดังนั้นแล้วจึงแต่งทหารให้ถือหนังสือไปให้แก่มหาอุปราชเมืองกังตั๋งซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับเมืองเสฉวน ให้ยกกองทัพไปชำระโทษทัณฑ์ของสุมาเจียวเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวง ส่วนกองทัพเมืองเสฉวนจะยกกระหนาบตีเข้าไปพร้อมกัน
อีกด้านหนึ่งเกียงอุยได้แต่งฎีกาขึ้นไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน ขอรับพระบรมราชานุญาตกรีฑาทัพสิบห้าหมื่นยกไปตีวุยก๊ก พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบฎีกาของเกียงอุยแล้วมิได้ใส่พระทัยในราชการแผ่นดิน ทรงเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ จึงทรงอนุญาตตามฎีกาเพื่อขจัดความรำคาญให้พ้นพระทัย
ครั้นถึงวันฤกษ์ดีเกียงอุยได้ชุมนุมพลตามพระบรมราชานุญาตไว้ที่หน้าเมืองฮันต๋ง พร้อมแล้วจึงสั่งให้เคลื่อนทัพรุกเข้าแดนวุยก๊กเป็นสามสาย
สายแรกให้เลียวฮัวคุมทหารห้าหมื่นยกไปทางจูงอก๊ก สายที่สองให้เตียวเอ๊กคุมทหารห้าหมื่นยกไปทางล่อก๊ก ส่วนสายที่สามเกียงอุยคุมทหารอีกห้าหมื่นยกไปทางเซียก๊ก กำหนดให้กองทัพทุกกองไปบรรจบกองทัพพร้อมกันที่ตำบลเขากิสาน
ฝ่ายเตงงายหลังจากเกียงอุยถอยทัพในการสงครามครั้งก่อนแล้วยังคงคุมกำลังตั้งมั่นอยู่ที่ตำบลเขากิสาน เพราะเชื่อมั่นว่าเกียงอุยจะต้องยกกองทัพเข้ามาตีแผ่นดินวุยก๊กอีก ครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่าเกียงอุยยกกองทัพบุกวุยก๊กเป็นสามสาย จึงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่าจะคิดอ่านประการใด
ในขณะนั้นอองก๋วนซึ่งเป็นทหารฝ่ายเสนาธิการได้กล่าวว่า ข้าพเจ้ามีแผนการอันมั่นใจว่าจะสามารถตีโต้กองทัพเกียงอุยให้แตกพ่ายไปได้ แต่จะกล่าวกับท่านบัดนี้มิได้ เกรงว่าความลับจะแพร่งพรายไป
เตงงายได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า ท่านมีแผนการประการใดก็จงเขียนเป็นแผนปฏิบัติการมาให้เราดูก่อน
อองก๋วนจึงเขียนแผนยุทธการฉบับหนึ่งส่งให้กับเตงงาย มีเนื้อความว่า “ให้ทำกลเข้าสมัครด้วยเกียงอุย แล้วคิดเอาชัยชนะต่อภายหลัง”
เตงงายอ่านความตลอดแล้วจึงหัวเราะ และกล่าวว่าแผนการของท่านนี้ก็ดีอยู่ แต่เกียงอุยนั้นมีสติปัญญาในการศึก หากคนที่รับเป็นธุระไปทำการไม่แยบคาย เห็นจะทำการไม่ตลอด
อองก๋วนจึงว่า ข้อซึ่งท่านวิตกนี้อย่าได้ปรารมภ์เลย ข้าพเจ้าจะขออาสาไปทำการด้วยตนเอง เตงงายจึงว่า ถ้าเป็นตัวท่านรับอาสาเองข้าพเจ้าก็วางใจ เห็นการตามแผนการจะสำเร็จเป็นแน่แท้ ความชอบจะมีแก่ท่านเป็นอันมาก กล่าวแล้ว เตงงายจึงจัดแจงทหารห้าพันให้แก่อองก๋วน และกำชับว่าอย่าได้ประมาทแก่สติปัญญาของเกียงอุย มิฉะนั้นก็จะเสียทีแก่ข้าศึก จะทำการสิ่งใดให้ใคร่ครวญจง รอบคอบก่อนจึงจะไม่เป็นอันตราย
อองก๋วนรับคำเตงงาย พร้อมกับให้คำมั่นว่าข้าพเจ้าขออาสาเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำการครั้งนี้ แม้ไม่สำเร็จก็จะขอตายไม่ให้ละอายแก่คนทั้งปวงเลย
พอค่ำลงอองก๋วนจึงพาทหารห้าพันเดินทางออกจากค่ายของเตงงายที่ตำบลเขากิสาน ตรงไปที่ตั้งค่ายของเกียงอุย
ครั้นอองก๋วนพาทหารไปใกล้ค่ายของเกียงอุย ได้พบกับทหารลาดตระเวนของเมืองเสฉวน จึงแจ้งความประสงค์ให้ทราบว่าเป็นนายทหารของเตงงายพาทหารหลบหนีมาจะเข้าสวามิภักดิ์กับเกียงอุย ขอให้ทหารลาดตระเวนนำความไปรายงานให้เกียงอุยทราบ
ทหารนั้นจึงให้อองก๋วนพักทหารอยู่ในระยะไกล แล้วแจ้งข่าวรายงานความให้เกียงอุยทราบ เมื่อเกียงอุยทราบความแล้วจึงสั่งทหารให้ไปพาอองก๋วนเข้ามาพบ แต่ทหารของอองก๋วนนั้นให้รออยู่ที่ไกลก่อน
อองก๋วนคำนับเกียงอุยตามประเพณีแล้วกล่าวว่า “ข้าพเจ้านี้เป็นหลานอองเก๋ง สุมาเจียวฆ่าพระเจ้าโจมอเสีย อาข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อ ก็ฆ่าเสียสิ้นทั้งโคตร ข้าพเจ้ามีความแค้นนัก บัดนี้ข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านจะมาทำการลงโทษสุมาเจียว จึงพาสมัครพรรคพวกห้าพันมาเข้าด้วยท่าน จะขออาสาไปทำการแก้แค้นสุมาเจียวให้จงได้”
เกียงอุยได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า สุมาเจียวมีน้ำใจอำมหิต คิดผลาญชีวิตเจ้าแล้วยังสังหารขุนนางผู้ภักดีเป็นอันมาก อาท่านและครอบครัวถูกประหารไปถึงสามชั่วโคตรโดยไม่มีความผิด จึงชอบที่ท่านผู้หลานจะได้ทำการแก้แค้นให้เป็นแบบอย่างแก่คนทั้งปวงสืบไป ตัวท่านมีความกตัญญูแลภักดีดังนี้ ข้าพเจ้ามีความชื่นชมโสมนักนัก จะช่วยเหลือท่านให้ทำการแก้แค้นแทนญาติพี่น้องไปจนกว่าจะสำเร็จ
อองก๋วนได้ยินคำเกียงอุยดังนั้นก็มีความยินดี สำคัญว่าเกียงอุยหลงกลอุบาย จึงกล่าวว่าซึ่งท่านมีน้ำใจเอื้ออาทรแก่ข้าพเจ้าดังนี้เป็นพระคุณยิ่งแล้ว มีการสิ่งใดข้าพเจ้าจะขออาสาทำการสนองคุณท่านโดยไม่เสียดายชีวิต
เกียงอุยจึงว่า ตัวท่านเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ อย่าเพิ่งเสี่ยงภัยให้ได้ยากลำบากเลย กองทัพเมืองเสฉวนยกมาครั้งนี้มีกองลำเลียงเสบียงอาหารยกตามมาข้างหลังเป็นอันมาก ไหว้วานท่านเป็นธุระช่วยพาทหารยกไปคุ้มกันเร่งให้กองลำเลียงเสบียงมาถึงแนวหน้าโดยเร็วที่สุด ข้าพเจ้าอยู่ทางนี้จะพาทหารเข้าตีค่ายเตงงายให้จงได้
อองก๋วนได้ยินดังนั้นก็ดีใจ เห็นช่องทางที่จะทำลายกองทัพเกียงอุยตามแผนการ จึงรีบรับคำ แต่เกียงอุยได้ท้วงว่าตัวท่านไปทำการในแนวหลัง หาใช่การรบพุ่งกับข้าศึกไม่ เหตุนี้จึงไม่ควรที่จะเอาทหารทั้งห้าพันไปกับท่านด้วย จงพาทหารไปแต่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งเอาไว้ช่วยกองทัพส่วนหน้าจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
อองก๋วนได้ยินดังนั้นก็พรั่นใจ แต่กริ่งว่าถ้าขัดขืนเกียงอุยจะจับพิรุธได้ จึงแสร้งทำเป็นเห็นชอบแล้วพาทหารสองพันห้าร้อยคนยกไปตามคำสั่งของเกียงอุย ส่วนทหารอีกสองพันห้าร้อยคนซึ่งเกียงอุยขอไว้จากอองก๋วนนั้น เกียงอุยได้มอบให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเปาเขียม
ฝ่ายแฮหัวป๋าครั้นทราบว่าเกียงอุยยอมรับอองก๋วนเข้ามาอยู่ในกองทัพก็ตกใจ รีบเข้ามาหาเกียงอุยแล้วถามว่า อองก๋วนมาสวามิภักดิ์ต่อท่านหรือ เกียงอุยรับว่าเป็นความจริง
แฮหัวป๋าจึงกล่าวว่า ซึ่งมหาอุปราชจะเชื่อถืออองก๋วนนั้นเห็นจะต้องด้วยกลอุบายของข้าศึกเป็นมั่นคง ข้าพเจ้ารู้จักอองก๋วนตั้งแต่ครั้งยังรับราชการอยู่ด้วยกันในเมืองลกเอี๋ยง ไม่เคยปรากฏว่าเป็นลูกหลานสนิทชิดเชื้อกับอองเก๋งผู้ภักดี ซึ่งมาแอบอ้างเป็นหลานอองเก๋งเห็นจะเป็นกลอุบายของเตงงายใช้มา
เกียงอุยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวว่าอองก๋วนอ้างว่าอองเก๋งถูกประหารสามชั่วโคตร แต่ลืมไปว่าตัวเองก็เป็นหลานอองเก๋ง แล้วไฉนจึงไม่ถูกประหารชีวิต อีกข้อหนึ่ง ถ้าอองก๋วนเป็นหลานแท้ของอองเก๋ง มีหรือที่สุมาเจียวจะวางใจให้คุมทหารอยู่แนวหน้า เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงแจ้งว่าเป็นอุบายของเตงงาย จำจะคิดอ่านจะซ้อนกลเอาชัยชนะเตงงายให้จงได้
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าเกียงอุยได้ยินคำแฮหัวป๋าก็หัวเราะแล้วกล่าวว่า “การอันนี้เราก็แจ้งอยู่แล้ว แม้อองก๋วนเป็นลูกหลานอองเก๋ง สุมาเจียวหรือจะปล่อยให้มาซ่องสุมทหารอยู่นอกเมืองฉะนี้ เราจึงแบ่งทหารไว้หวังจะซ้อนกลอองก๋วนให้จงได้”
แฮหัวป๋าได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวว่าเมื่อท่านแจ้งในอุบายของเตงงาย ดังนี้แล้วจะคิดอ่านประการใด
เกียงอุยจึงว่าประการแรกจะต้องจับการติดต่อกำหนดแผนการนัดหมายระหว่างอองก๋วนกับเตงงายให้ได้ก่อนว่าวางแผนคิดอ่านประการใด ประการถัดไปจึงวางแผนซ้อนกลเห็นจะได้ชัยชนะโดยง่าย
แฮหัวป๋าได้ยินดังนั้นก็สรรเสริญเกียงอุยว่ามีสติปัญญาคิดอ่านการสงครามรอบคอบนัก เกียงอุยได้ยินก็มีความยินดี สั่งให้ทหารกวดขันลาดตระเวนเส้นทางระหว่างค่ายทหารเมืองเสฉวนกับค่ายของเตงงายทั้งกลางวันและกลางคืน
ในคืนวันหนึ่งทหารลาดตระเวนของเกียงอุยได้จับกุมตัวทหารของอองก๋วนซึ่งถือหนังสือของอองก๋วนจะเดินสารไปมอบให้แก่เตงงายได้ จึงนำตัวมามอบแก่เกียงอุย
เกียงอุยให้ค้นตัวทหารนั้น พบหนังสือของอองก๋วนมีไปถึงเตงงายฉบับหนึ่ง เป็นเนื้อความว่าเกียงอุยหลงกลอุบายแล้ว ให้ข้าพเจ้าคุมทหารไปคุ้มกันกองเสบียงมาส่งแก่กองทัพ ในวันแรมสิบห้าค่ำ เดือนสิบ ข้าพเจ้าจะคุมขบวนเสบียงมาถึง หุบเขาฮุยสัน ให้ท่านแต่งทหารเข้าชิงเอาเสบียงและตีทหารเมืองเสฉวนเถิด
เกียงอุยทราบความดังนั้นจึงสั่งทหารให้ตัดศีรษะทหารเดินสารของอองก๋วน แล้วแก้ไขกำหนดนัดในหนังสือเป็นวันแรมสิบค่ำ เดือนสิบ ให้ทหารเมืองเสฉวนปลอมตัวเป็นทหารของอองก๋วน ถือหนังสือนั้นไปหาเตงงาย ณ ค่าย
ครั้นทหารเดินสารออกไปแล้ว เกียงอุยจึงให้เอาเกวียนร้อยเล่มบรรทุกฟืนฟางเชื้อเพลิงดินประสิวสุพรรณถันไว้จนเต็ม ให้เปาเขียมคุมทหารของอองก๋วนสองพันห้าร้อยคนพาขบวนเกวียนเข้าไปซุ่มอยู่ในหุบเขาฮุยสัน และให้เจียวสีและเตียวเอ๊ก เลียวฮัวคุมทหารเป็นสามกอง ยกไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้กับค่ายของเตงงาย เมื่อเตงงายยกทหารมาชิงเอาเสบียงแล้วให้ทหารทั้งสามกองยกตีชิงเอาค่ายของเตงงายให้จงได้
ครั้นสั่งการทั้งปวงเสร็จแล้วเกียงอุยจึงพาแฮหัวป๋าและทหารพันเศษขึ้นไปซุ่มอยู่บนยอดเขาคอยสังเกตการณ์และหนุนช่วยทหารเมืองเสฉวน
ฝ่ายเตงงายครั้นได้รับหนังสือของอองก๋วน จึงเปิดหนังสือออกอ่านดู เพ่งพินิจพิจารณาเนื้อความแลลายมือในหนังสือนั้น เห็นเป็นลายมือของอองก๋วนและมีเนื้อความสมกับแผนการที่อองก๋วนเคยบอกไว้ก็มีความยินดี จึงเขียนหนังสือถึง อองก๋วนฉบับหนึ่งความว่าให้อองก๋วนทำการตามกำหนด แผนการซึ่งวางไว้จักสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่แท้.