ตอนที่ 628. ต้นไม้ที่ไร้รากแก้ว
เตงงายพ่ายความรู้ในเชิงค่ายกลพยุหะแก่เกียงอุย จึงวางกลอุบายให้สุมาปองท้าประลองค่ายกลพยุหะกับเกียงอุยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะอาศัยช่วงเวลาที่เกียงอุยยกทหารออกจากค่ายไปประลองวิชาค่ายกลพยุหะนั้นลอบยกทหารเข้ายึดเอาค่ายของเกียงอุยเสีย แต่เกียงอุยแจ้งในกลอุบายของเตงงายจึงวางแผนซ้อนกล
เกียงอุยแจ้งสถานการณ์ให้แม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้าใจกระจ่างแล้ว จึงให้เลียวฮัวและเตียวเอ๊กคุมทหารหมื่นหนึ่งยกออกไปซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังค่าย ถ้าหากเตงงายยกทหารมาชิงเอาค่ายก็ให้ยกออกไปโจมตีอย่าให้ทันตั้งตัว ส่วนเกียงอุยจะทำทีหลงกลยกทหารออกไปประลองวิชาค่ายกลพยุหะกับสุมาปอง
ครั้นสั่งการเสร็จสิ้นแล้วต่างคนต่างออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปตามแผนการที่กำหนดทุกประการ
เกียงอุยยกทหารไปตั้งขบวนอยู่ที่ทุ่งกว้างข้างหน้าเนินเขากิสาน เผชิญหน้ากับขบวนทหารของสุมาปอง เห็นสุมาปองยืนม้าอยู่ข้างหน้าขบวนทหาร เกียงอุยจึงร้องบอกสุมาปองว่า เมื่อวานนี้กองทัพวุยก๊กพ่ายแพ้ความรู้ในเชิงค่ายพยุหะแก่เราแล้ว ไฉนวันนี้จะมาท้ารบอีกเล่า หากความรู้ชาววุยก๊กวันนี้ดีกว่าเมื่อวันวานก็ลองตั้งค่ายกลพยุหะให้เราดูสักหน่อยหนึ่ง
สุมาปองสำคัญว่าเกียงอุยหลงกลอุบายจึงนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ แสร้งรับคำท้าแล้วขี่ม้ากลับมายังกองทหารแล้วโบกธงสัญญาณตามที่นัดหมายกันไว้ เสียงกลองศึกและเสียงแตรเขาโคดังกระหึ่มเร้าใจ ทหารวุยก๊กได้แปรขบวนตามเชิงพยุหะตั้งเป็นค่ายกลพยุหะอัฏฐทิศขึ้น
เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงหัวเราะ แล้วว่าค่ายกลพยุหะนี้เราได้ตั้งขบวนรบกับเตงงายตั้งแต่วันวานนี้แล้ว ไม่เห็นมีสิ่งใดแปลกใหม่เลย
สุมาปองทำทีหัวเราะบ้าง แล้วกล่าวว่าท่านรู้วิชาค่ายกลนี้ เราก็รู้อย่างเดียวกัน
เกียงอุยเอาแส้ม้าชี้ไปที่สุมาปองแล้วกล่าวว่า ค่ายกลพยุหะนี้แม้ท่านจะตั้งได้ แต่รู้หรือไม่ว่าสามารถแปรขบวนได้สักกี่พยุหะ
สุมาปองแหงนหน้าหัวเราะแล้วกล่าวว่า เราสามารถแปรขบวนค่ายกลพยุหะ อัฏฐทิศนี้ได้ถึงแปดสิบเอ็ดกระบวน กล่าวแล้วก็โบกธงเป็นสัญญาณให้ทหารแปรขบวนให้เกียงอุยดู
ทหารวุยก๊กแปรขบวนพยุหะแรก เกียงอุยก็หัวเราะเยาะเย้ยสุมาปองแล้วกล่าวว่า ท่านรู้วิชาแปรขบวนค่ายกลเพียงแปดสิบเอ็ดกระบวน ยังจะมีหน้ามาแสดงให้เราดูอีกเล่า เพียงเท่าที่บอกว่าแปรขบวนได้แปดสิบเอ็ดกระบวนกล ก็เห็นอยู่แล้วว่าวิชาท่านเพียงแค่หางอึ่งเท่านั้น ท่านไม่รู้หรือว่าอันค่ายกลอัฏฐทิศนี้สามารถแปรขบวนได้เสมอด้วยวิถีโคจรแห่งนพเคราะห์ในจักรราศี ตัวเรานี้ได้เรียนรู้วิธีแปรขบวนถึงสามร้อยหกสิบกระบวน
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) และสามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุว่า วิชาแปรขบวนค่ายกลพยุหะอัฏฐทิศของเกียงอุยสามารถแปรขบวนได้หกสิบห้ากระบวน ซึ่งน่าจะเป็นการคลาดเคลื่อน เพราะในจักรราศีนั้นแบ่งออกเป็นสิบสองราศี แต่ละราศีมีสามสิบองศา รวมเป็นสามร้อยหกสิบองศา เป็นแต่ว่าในรอบสามร้อยหกสิบองศานั้นโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นระยะเวลาประมาณสามร้อยหกสิบห้าวัน ดังนั้นการแปรขบวนจึงมีเพียงสามร้อยหกสิบกระบวนเท่านั้น
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ยังระบุด้วยว่า เกียงอุยได้โอ่ว่านอกจากมีความรู้วิชาค่ายกลพยุหะแล้ว ยังรู้วิชาฤกษ์บนและฤกษ์ล่างเป็นอันมาก
เกียงอุยโอ่เพื่อจะถ่วงเวลาให้เตงงายบุกเข้าปล้นค่ายแล้วซุ่มโจมตีตามแผนการ สุมาปองก็แสร้งเจรจาเพื่อจะถ่วงเวลาให้เตงงายบุกเข้ายึดค่ายของเกียงอุย ต่างคนต่างกุมไม้เด็ดที่ซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิด ในขณะที่ต่างคนต่างก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายหลงกล
สุมาปองได้ยินคำเกียงอุยดังนั้นก็สำนึกตัวว่าความรู้วิชาค่ายกลแลฤกษ์บนฤกษ์ล่างทั้งปวงที่ได้ศึกษามาจากเพื่อนของขงเบ้งนั้น เทียบกับเกียงอุยซึ่งศึกษาวิชามาจาก ขงเบ้งโดยตรงไม่ได้ แต่ครั้นยังไม่ได้ยินเสียงการสู้รบด้านหลังค่ายของเกียงอุย จึงแสร้งกล่าวต่อไปว่าคำพูดคนจะโอ้อวดเกินจริงประการใดก็ได้ หากท่านรู้จริงดังที่พูดก็จงแสดงความรู้ให้ข้าพเจ้าดูให้เห็นจริงจึงจะเชื่อ
เกียงอุยรู้นัยที่สุมาปองถ่วงเวลาจึงกล่าวความจี้ใจดำกลับไปว่า ตัวท่านมีสติปัญญาน้อย หากจะเรียนรู้วิชาของเราแล้วจงเรียกเตงงายออกมาเรียนโดยตรงเถิด
สุมาปองได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหวั่นใจ แต่แสร้งกล่าวว่าเตงงายเป็นแม่ทัพผู้ใหญ่ เรื่องเพียงเท่านี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือท่านแม่ทัพเตงงายดอก
เกียงอุยแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วหัวเราะดังลั่น และกล่าวว่าเตงงายจะออกมาอย่างไรได้ เวลาบัดนี้เห็นทีเตงงายจะยกทหารไปทางด้านหลังค่ายของเราไม่ใช่หรือ
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุคำของเกียงอุยว่า “ซึ่งเตงงายทำกลอุบายให้ท่านมาลวงหวังจะชิงเอาค่ายเดิมนั้นเราก็รู้อยู่แล้ว”
สุมาปองได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เห็นว่าเกียงอุยกล่าวคำดังนี้เพราะแจ้งในกลอุบายของเตงงาย เตงงายคงจะเสียทีแก่เกียงอุย จึงสั่งทหารให้โจมตีทหารของเกียงอุย หวังจะรีบยกไปช่วยเตงงายให้ทันท่วงที
เกียงอุยคุมเชิงคอยทีอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นสุมาปองตกใจหน้าถอดสี จึงโบกธงสัญญาณขึ้นเป็นสำคัญ ทหารจ๊กก๊กได้แปรขบวนเป็นสองสายรุกเข้าจู่โจมทหารของสุมาปองอย่างรวดเร็ว
ทหารของสุมาปองเพิ่งจะขยับขยายออกจากขบวนค่ายกล ไม่ทันตั้งขบวนรบ จึงถูกทหารของเกียงอุยบุกโจมตีฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารวุยก๊กพากันตกใจแตกตื่นถอยร่นไม่เป็นขบวน เกียงอุยก็เร่งทหารให้รุกตีขึ้นไปอย่างดุเดือด สุมาปองเห็นทหารบาดเจ็บล้มตายไม่สามารถต่อสู้ได้จึงพาทหารที่เหลือแตกหนีไป
ฝ่ายเตงงายยกทหารไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังเขากิสาน ครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่าเกียงอุยยกทหารออกไปรบกับสุมาปองแล้วก็มีความยินดี สำคัญว่าเกียงอุยหลงกล จึงสั่งทหารให้เตรียมพร้อม ครู่หนึ่งเตงงายจึงยกทหารออกจากแนวป่าจะอ้อมมุมเขาวกมาตีค่ายของเกียงอุยตามแผนการ
เตงงายคุมทหารมาถึงแนวป่าด้านหลังค่ายเกียงอุย พลันได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังสนั่นจากแนวป่าก็ตกใจ เห็นทหารเมืองเสฉวนยกขบวนออกมาจากแนวป่าสองข้างทาง รุกเข้าโจมตีอย่างดุเดือด
เลียวฮัวกระโจนม้าพุ่งเข้าหาเตงหลุนนายทหารกองหน้าของเตงงายอย่างรวดเร็ว แล้วเอาดาบฟันถูกเตงหลุนตกม้าตาย
ทั้งเลียวฮัวและเตียวเอ๊กเร่งทหารจู่โจมเข้าไปจนใกล้จะถึงตัวเตงงาย เตงงายเห็นทหารถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือก็แตกร่นไม่เป็นขบวน จึงสั่งทหารให้ล่าถอย เตงงายเร่งขับทหารอยู่ทางด้านหลัง
เลียวฮัวสั่งทหารให้เร่งระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่ทหารวุยก๊ก ถูกเตงงายซึ่งคุมขบวนอยู่ด้านหลังถึงสี่ดอก เตงงายตกใจจนขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร้องสั่งละล่ำละลักให้รีบหนีเอาตัวรอด นายทหารผู้ภักดีเห็นเตงงายบาดเจ็บจึงถอยม้าลงมาด้านหลังคุ้มกันให้เตงงายขี่ม้าหนีไปข้างหน้า
ทหารจ๊กก๊กยกไล่ตามตีเตงงายไปเป็นระยะทางร้อยกว่าเส้นเห็นจะไม่ทันแล้ว จึงพากันถอยทัพกลับมาค่าย เตงงายได้พาทหารหนีข้ามแม่น้ำอุยโหไปพบกับสุมาปองที่ริมแม่น้ำแล้วจึงพากันกลับไปค่าย
เตงงายให้รู้สึกอัปยศอดสูที่พลาดท่าเสียทีแก่เกียงอุย เป็นเหตุให้ทหารบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารที่เหลือต่างพากันเสียขวัญกำลังใจไม่เป็นอันสู้รบ จึงปรึกษากับสุมาปองว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก โชคดีที่มีแม่น้ำอุยโหเป็นปราการขวางกั้น หาไม่แล้วกองทัพเมืองเสฉวนจะรุกไล่ตามตีไปจนถึงเมืองเตียงอันล่วงไปเมืองลกเอี๋ยงเป็นแน่แท้
เตงงายกล่าวสืบไปว่า สถานการณ์บัดนี้ขวัญสู้รบทหารจ๊กก๊กฮึกเหิม ขวัญทหารเราอ่อนแอ หากรบพุ่งกันสืบไปเห็นจะเสียแก่เกียงอุย จะคิดอ่านประการใดจึงจะทำให้เกียงอุยต้องถอยทัพกลับไปได้
สุมาปองจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความคิดของท่านว่าจำจะต้องหาหนทางอื่นที่ทำให้เกียงอุยถอยทัพกลับไปให้จงได้ ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์มาว่าสถานการณ์ในเมืองเสฉวนทุกวันนี้แม้จะดูภายนอกเหมือนบ้านเมืองเป็นปกติ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงภาพเปลือกนอกเท่านั้น เนื้อแท้แล้วหากเป็นบ้านก็ผุทั้งหลัง หากเป็นเรือก็รั่วทั้งลำ หากเป็นต้นไม้ก็ไร้ซึ่งรากแก้ว ลมโชยมาแต่แผ่วเบาก็จะฉิบหายไป
เตงงายได้ฟังคำสุมาปองดังนั้นจึงแสดงท่าทีแปลกประหลาดใจ สุมาปองจึงกล่าวไขสืบไปว่าราชการเมืองเสฉวนวิปริตผันแปรไปสิ้นแล้วเนื่องจากพระเจ้าเล่าเสี้ยนมิได้เอาพระทัยใส่ในราชการ เชื่อฟังแต่คำฮุยโฮขันทีแต่เพียงผู้เดียว ฮุยโฮขันทีจะกล่าวประการใดก็ทรงเห็นชอบทั้งสิ้น เหตุนี้ฮุยโฮขันทีจึงมีอำนาจวาสนาขึ้นในเมืองเสฉวน แล้วปรนเปรอพระเจ้าเล่าเสี้ยนด้วยสุรานารีและกามกลนานาประการ พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ยิ่งลุ่มหลง ปล่อยให้ฮุยโฮขันทีจัดแจงการแผ่นดินตามอำเภอใจ ดังนั้นจึงควรที่ท่านจะแต่งของบรรณาการจงมากไปติดสินบนฮุยโฮขันทีให้กราบทูลยุยงพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้ระแวงเกียงอุย แล้วรับสั่งเรียกกองทัพกลับไปเมืองเสฉวน ดังนี้ท่านก็จะได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องรบ เกียงอุยก็จะปราชัยโดยไม่ต้องรบ
เตงงายได้ยินดังนั้นก็ปรบมือหัวเราะ แล้วกล่าวว่านึกไม่ถึงว่าท่านจะมีสติปัญญาแจ่มแจ้งในพิชัยสงครามอย่างล้ำลึกฉะนี้ นี่แล้วจึงเรียกว่าสุดยอดกลยุทธ์แห่งพิชัยสงคราม นับเป็นชัยชนะอันเลิศของขุนพลผู้พิชิต จงเร่งทำการตามความคิดของท่านเถิด
เตงงายจึงให้สืบหาขุนนางนายทหารที่รู้จักมักคุ้นกับฮุยโฮขันทีอย่างเร่งด่วน พอทราบว่าตองกิ๋นมีคุณสมบัติสมกับภาระหน้าที่ เตงงายจึงแต่งเพชรพลอยและเงินทองจำนวนมากให้แก่ตองกิ๋นเอาไปติดสินบนฮุยโฮขันทีที่เมืองเสฉวน
ตองกิ๋นไปถึงเมืองเสฉวนแล้ววิ่งเต้นเข้าพบกับคนสนิทของฮุยโฮขันที แล้วปรึกษาว่าตัวเรามีทรัพย์สินมีค่าเป็นอันมากจะนำมาบรรณาการแก่มหาขันที จะทำประการใด
ครั้นเห็นคนสนิทของฮุยโฮขันทีทำท่าทีอิดเอื้อน ตองกิ๋นจึงมอบเงินทองให้เป็นสินน้ำใจ แล้วกล่าวว่านี่เป็นสินน้ำใจแต่น้อยนิด ไว้การสำเร็จแล้วจะสมนาคุณท่านให้ถึงขนาด คนสนิทของมหาขันทีได้รับสินบนต้องด้วยอัชฌาสัยและหวังลาภก้อนใหญ่เมื่องานสำเร็จ จึงบอกตองกิ๋นว่าอำนาจราชการแผ่นดินเมืองเสฉวนทุกวันนี้อยู่ในเงื้อมมือมหาขันทีสิ้น การเล็กน้อยใหญ่ประการใด หากมหาขันทีรับปากแล้วก็จะสำเร็จทุกสิ่งอัน ท่านอย่าได้วิตกเลย
ตองกิ๋นจึงถามว่า ข้าพเจ้าจะว่ากล่าวประการใดจึงจะต้องใจท่านมหาขันทีเล่า
คนสนิทของฮุยโฮขันทีจึงว่า ท่านมหาขันทีเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องว่ากล่าวอ้อมค้อม ขอเพียงท่านมีของบรรณาการถึงขนาดก็จะสมความปรารถนาทุกสิ่ง กล่าวแล้วคนสนิทของฮุยโฮขันทีจึงพาตองกิ๋นเข้าไปพบกับจอมขันที
ตองกิ๋นให้ทหารคนสนิทยกกล่องเงินทองเพชรนิลจินดาเข้าไปพร้อมกัน เมื่อได้คำนับฮุยโฮมหาขันทีตามธรรมเนียมแล้วจึงนิ่งอยู่ ฮุยโฮขันทีเห็นคนของตองกิ๋นถือกล่องข้าวของมาเป็นอันมาก จึงมองหน้าคนสนิท เห็นพยักหน้าก็รู้นัย จึงกล่าวทักตามประสาเจ้าบ้านว่าท่านมาแต่ทางไกล มีกิจอันใดจงว่ากล่าวให้แจ้งอย่าได้เกรงใจเลย
ตองกิ๋นหันมาพยักหน้าให้กับคนสนิทให้เอาเงินทองเพชรนิลจินดาเข้าไปมอบแก่มหาขันทีแล้วเปิดฝากล่องให้ดู ฮุยโฮมหาขันทีเห็นเงินทองเพชรนิลจินดาเป็นอันมากก็ตกตะลึง รีบสั่งคนสนิทให้นำเข้าไปเก็บในห้องข้างใน แล้วหันมาทางตองกิ๋นพลางกล่าวว่า ท่านมีกิจธุระสิ่งใดจงรีบว่ามาเถิด
ตองกิ๋นจึงว่า ข้าพเจ้าเป็นพ่อค้าเข้าไปทำการค้าขายอยู่ในแผ่นดินวุยก๊ก มีสมัครพรรคพวกเป็นอันมาก ทำการค้าขายรุ่งเรือง แต่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากบ้านเมืองมีศึกสงครามเพราะเกียงอุยกระหายศึก ก่อความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า บรรดาพ่อค้าวาณิชจึงร่วมกันลงขันให้ข้าพเจ้านำของกำนัลมามอบแก่ท่าน เพื่อขอบารมีท่านช่วยจัดการให้เกียงอุยเลิกทัพกลับมาจากแดนวุยก๊กเสีย เสร็จการแล้วจะตอบแทนพระคุณอีกมาก
ฮุยโฮมหาขันทีได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวว่าการเพียงเท่านี้ดอกหรือ ท่านอย่าวิตกเลย.
เกียงอุยแจ้งสถานการณ์ให้แม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้าใจกระจ่างแล้ว จึงให้เลียวฮัวและเตียวเอ๊กคุมทหารหมื่นหนึ่งยกออกไปซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังค่าย ถ้าหากเตงงายยกทหารมาชิงเอาค่ายก็ให้ยกออกไปโจมตีอย่าให้ทันตั้งตัว ส่วนเกียงอุยจะทำทีหลงกลยกทหารออกไปประลองวิชาค่ายกลพยุหะกับสุมาปอง
ครั้นสั่งการเสร็จสิ้นแล้วต่างคนต่างออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปตามแผนการที่กำหนดทุกประการ
เกียงอุยยกทหารไปตั้งขบวนอยู่ที่ทุ่งกว้างข้างหน้าเนินเขากิสาน เผชิญหน้ากับขบวนทหารของสุมาปอง เห็นสุมาปองยืนม้าอยู่ข้างหน้าขบวนทหาร เกียงอุยจึงร้องบอกสุมาปองว่า เมื่อวานนี้กองทัพวุยก๊กพ่ายแพ้ความรู้ในเชิงค่ายพยุหะแก่เราแล้ว ไฉนวันนี้จะมาท้ารบอีกเล่า หากความรู้ชาววุยก๊กวันนี้ดีกว่าเมื่อวันวานก็ลองตั้งค่ายกลพยุหะให้เราดูสักหน่อยหนึ่ง
สุมาปองสำคัญว่าเกียงอุยหลงกลอุบายจึงนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ แสร้งรับคำท้าแล้วขี่ม้ากลับมายังกองทหารแล้วโบกธงสัญญาณตามที่นัดหมายกันไว้ เสียงกลองศึกและเสียงแตรเขาโคดังกระหึ่มเร้าใจ ทหารวุยก๊กได้แปรขบวนตามเชิงพยุหะตั้งเป็นค่ายกลพยุหะอัฏฐทิศขึ้น
เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงหัวเราะ แล้วว่าค่ายกลพยุหะนี้เราได้ตั้งขบวนรบกับเตงงายตั้งแต่วันวานนี้แล้ว ไม่เห็นมีสิ่งใดแปลกใหม่เลย
สุมาปองทำทีหัวเราะบ้าง แล้วกล่าวว่าท่านรู้วิชาค่ายกลนี้ เราก็รู้อย่างเดียวกัน
เกียงอุยเอาแส้ม้าชี้ไปที่สุมาปองแล้วกล่าวว่า ค่ายกลพยุหะนี้แม้ท่านจะตั้งได้ แต่รู้หรือไม่ว่าสามารถแปรขบวนได้สักกี่พยุหะ
สุมาปองแหงนหน้าหัวเราะแล้วกล่าวว่า เราสามารถแปรขบวนค่ายกลพยุหะ อัฏฐทิศนี้ได้ถึงแปดสิบเอ็ดกระบวน กล่าวแล้วก็โบกธงเป็นสัญญาณให้ทหารแปรขบวนให้เกียงอุยดู
ทหารวุยก๊กแปรขบวนพยุหะแรก เกียงอุยก็หัวเราะเยาะเย้ยสุมาปองแล้วกล่าวว่า ท่านรู้วิชาแปรขบวนค่ายกลเพียงแปดสิบเอ็ดกระบวน ยังจะมีหน้ามาแสดงให้เราดูอีกเล่า เพียงเท่าที่บอกว่าแปรขบวนได้แปดสิบเอ็ดกระบวนกล ก็เห็นอยู่แล้วว่าวิชาท่านเพียงแค่หางอึ่งเท่านั้น ท่านไม่รู้หรือว่าอันค่ายกลอัฏฐทิศนี้สามารถแปรขบวนได้เสมอด้วยวิถีโคจรแห่งนพเคราะห์ในจักรราศี ตัวเรานี้ได้เรียนรู้วิธีแปรขบวนถึงสามร้อยหกสิบกระบวน
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) และสามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุว่า วิชาแปรขบวนค่ายกลพยุหะอัฏฐทิศของเกียงอุยสามารถแปรขบวนได้หกสิบห้ากระบวน ซึ่งน่าจะเป็นการคลาดเคลื่อน เพราะในจักรราศีนั้นแบ่งออกเป็นสิบสองราศี แต่ละราศีมีสามสิบองศา รวมเป็นสามร้อยหกสิบองศา เป็นแต่ว่าในรอบสามร้อยหกสิบองศานั้นโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นระยะเวลาประมาณสามร้อยหกสิบห้าวัน ดังนั้นการแปรขบวนจึงมีเพียงสามร้อยหกสิบกระบวนเท่านั้น
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ยังระบุด้วยว่า เกียงอุยได้โอ่ว่านอกจากมีความรู้วิชาค่ายกลพยุหะแล้ว ยังรู้วิชาฤกษ์บนและฤกษ์ล่างเป็นอันมาก
เกียงอุยโอ่เพื่อจะถ่วงเวลาให้เตงงายบุกเข้าปล้นค่ายแล้วซุ่มโจมตีตามแผนการ สุมาปองก็แสร้งเจรจาเพื่อจะถ่วงเวลาให้เตงงายบุกเข้ายึดค่ายของเกียงอุย ต่างคนต่างกุมไม้เด็ดที่ซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิด ในขณะที่ต่างคนต่างก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายหลงกล
สุมาปองได้ยินคำเกียงอุยดังนั้นก็สำนึกตัวว่าความรู้วิชาค่ายกลแลฤกษ์บนฤกษ์ล่างทั้งปวงที่ได้ศึกษามาจากเพื่อนของขงเบ้งนั้น เทียบกับเกียงอุยซึ่งศึกษาวิชามาจาก ขงเบ้งโดยตรงไม่ได้ แต่ครั้นยังไม่ได้ยินเสียงการสู้รบด้านหลังค่ายของเกียงอุย จึงแสร้งกล่าวต่อไปว่าคำพูดคนจะโอ้อวดเกินจริงประการใดก็ได้ หากท่านรู้จริงดังที่พูดก็จงแสดงความรู้ให้ข้าพเจ้าดูให้เห็นจริงจึงจะเชื่อ
เกียงอุยรู้นัยที่สุมาปองถ่วงเวลาจึงกล่าวความจี้ใจดำกลับไปว่า ตัวท่านมีสติปัญญาน้อย หากจะเรียนรู้วิชาของเราแล้วจงเรียกเตงงายออกมาเรียนโดยตรงเถิด
สุมาปองได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหวั่นใจ แต่แสร้งกล่าวว่าเตงงายเป็นแม่ทัพผู้ใหญ่ เรื่องเพียงเท่านี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือท่านแม่ทัพเตงงายดอก
เกียงอุยแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วหัวเราะดังลั่น และกล่าวว่าเตงงายจะออกมาอย่างไรได้ เวลาบัดนี้เห็นทีเตงงายจะยกทหารไปทางด้านหลังค่ายของเราไม่ใช่หรือ
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุคำของเกียงอุยว่า “ซึ่งเตงงายทำกลอุบายให้ท่านมาลวงหวังจะชิงเอาค่ายเดิมนั้นเราก็รู้อยู่แล้ว”
สุมาปองได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เห็นว่าเกียงอุยกล่าวคำดังนี้เพราะแจ้งในกลอุบายของเตงงาย เตงงายคงจะเสียทีแก่เกียงอุย จึงสั่งทหารให้โจมตีทหารของเกียงอุย หวังจะรีบยกไปช่วยเตงงายให้ทันท่วงที
เกียงอุยคุมเชิงคอยทีอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นสุมาปองตกใจหน้าถอดสี จึงโบกธงสัญญาณขึ้นเป็นสำคัญ ทหารจ๊กก๊กได้แปรขบวนเป็นสองสายรุกเข้าจู่โจมทหารของสุมาปองอย่างรวดเร็ว
ทหารของสุมาปองเพิ่งจะขยับขยายออกจากขบวนค่ายกล ไม่ทันตั้งขบวนรบ จึงถูกทหารของเกียงอุยบุกโจมตีฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารวุยก๊กพากันตกใจแตกตื่นถอยร่นไม่เป็นขบวน เกียงอุยก็เร่งทหารให้รุกตีขึ้นไปอย่างดุเดือด สุมาปองเห็นทหารบาดเจ็บล้มตายไม่สามารถต่อสู้ได้จึงพาทหารที่เหลือแตกหนีไป
ฝ่ายเตงงายยกทหารไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังเขากิสาน ครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่าเกียงอุยยกทหารออกไปรบกับสุมาปองแล้วก็มีความยินดี สำคัญว่าเกียงอุยหลงกล จึงสั่งทหารให้เตรียมพร้อม ครู่หนึ่งเตงงายจึงยกทหารออกจากแนวป่าจะอ้อมมุมเขาวกมาตีค่ายของเกียงอุยตามแผนการ
เตงงายคุมทหารมาถึงแนวป่าด้านหลังค่ายเกียงอุย พลันได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังสนั่นจากแนวป่าก็ตกใจ เห็นทหารเมืองเสฉวนยกขบวนออกมาจากแนวป่าสองข้างทาง รุกเข้าโจมตีอย่างดุเดือด
เลียวฮัวกระโจนม้าพุ่งเข้าหาเตงหลุนนายทหารกองหน้าของเตงงายอย่างรวดเร็ว แล้วเอาดาบฟันถูกเตงหลุนตกม้าตาย
ทั้งเลียวฮัวและเตียวเอ๊กเร่งทหารจู่โจมเข้าไปจนใกล้จะถึงตัวเตงงาย เตงงายเห็นทหารถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือก็แตกร่นไม่เป็นขบวน จึงสั่งทหารให้ล่าถอย เตงงายเร่งขับทหารอยู่ทางด้านหลัง
เลียวฮัวสั่งทหารให้เร่งระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่ทหารวุยก๊ก ถูกเตงงายซึ่งคุมขบวนอยู่ด้านหลังถึงสี่ดอก เตงงายตกใจจนขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร้องสั่งละล่ำละลักให้รีบหนีเอาตัวรอด นายทหารผู้ภักดีเห็นเตงงายบาดเจ็บจึงถอยม้าลงมาด้านหลังคุ้มกันให้เตงงายขี่ม้าหนีไปข้างหน้า
ทหารจ๊กก๊กยกไล่ตามตีเตงงายไปเป็นระยะทางร้อยกว่าเส้นเห็นจะไม่ทันแล้ว จึงพากันถอยทัพกลับมาค่าย เตงงายได้พาทหารหนีข้ามแม่น้ำอุยโหไปพบกับสุมาปองที่ริมแม่น้ำแล้วจึงพากันกลับไปค่าย
เตงงายให้รู้สึกอัปยศอดสูที่พลาดท่าเสียทีแก่เกียงอุย เป็นเหตุให้ทหารบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารที่เหลือต่างพากันเสียขวัญกำลังใจไม่เป็นอันสู้รบ จึงปรึกษากับสุมาปองว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก โชคดีที่มีแม่น้ำอุยโหเป็นปราการขวางกั้น หาไม่แล้วกองทัพเมืองเสฉวนจะรุกไล่ตามตีไปจนถึงเมืองเตียงอันล่วงไปเมืองลกเอี๋ยงเป็นแน่แท้
เตงงายกล่าวสืบไปว่า สถานการณ์บัดนี้ขวัญสู้รบทหารจ๊กก๊กฮึกเหิม ขวัญทหารเราอ่อนแอ หากรบพุ่งกันสืบไปเห็นจะเสียแก่เกียงอุย จะคิดอ่านประการใดจึงจะทำให้เกียงอุยต้องถอยทัพกลับไปได้
สุมาปองจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความคิดของท่านว่าจำจะต้องหาหนทางอื่นที่ทำให้เกียงอุยถอยทัพกลับไปให้จงได้ ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์มาว่าสถานการณ์ในเมืองเสฉวนทุกวันนี้แม้จะดูภายนอกเหมือนบ้านเมืองเป็นปกติ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงภาพเปลือกนอกเท่านั้น เนื้อแท้แล้วหากเป็นบ้านก็ผุทั้งหลัง หากเป็นเรือก็รั่วทั้งลำ หากเป็นต้นไม้ก็ไร้ซึ่งรากแก้ว ลมโชยมาแต่แผ่วเบาก็จะฉิบหายไป
เตงงายได้ฟังคำสุมาปองดังนั้นจึงแสดงท่าทีแปลกประหลาดใจ สุมาปองจึงกล่าวไขสืบไปว่าราชการเมืองเสฉวนวิปริตผันแปรไปสิ้นแล้วเนื่องจากพระเจ้าเล่าเสี้ยนมิได้เอาพระทัยใส่ในราชการ เชื่อฟังแต่คำฮุยโฮขันทีแต่เพียงผู้เดียว ฮุยโฮขันทีจะกล่าวประการใดก็ทรงเห็นชอบทั้งสิ้น เหตุนี้ฮุยโฮขันทีจึงมีอำนาจวาสนาขึ้นในเมืองเสฉวน แล้วปรนเปรอพระเจ้าเล่าเสี้ยนด้วยสุรานารีและกามกลนานาประการ พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ยิ่งลุ่มหลง ปล่อยให้ฮุยโฮขันทีจัดแจงการแผ่นดินตามอำเภอใจ ดังนั้นจึงควรที่ท่านจะแต่งของบรรณาการจงมากไปติดสินบนฮุยโฮขันทีให้กราบทูลยุยงพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้ระแวงเกียงอุย แล้วรับสั่งเรียกกองทัพกลับไปเมืองเสฉวน ดังนี้ท่านก็จะได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องรบ เกียงอุยก็จะปราชัยโดยไม่ต้องรบ
เตงงายได้ยินดังนั้นก็ปรบมือหัวเราะ แล้วกล่าวว่านึกไม่ถึงว่าท่านจะมีสติปัญญาแจ่มแจ้งในพิชัยสงครามอย่างล้ำลึกฉะนี้ นี่แล้วจึงเรียกว่าสุดยอดกลยุทธ์แห่งพิชัยสงคราม นับเป็นชัยชนะอันเลิศของขุนพลผู้พิชิต จงเร่งทำการตามความคิดของท่านเถิด
เตงงายจึงให้สืบหาขุนนางนายทหารที่รู้จักมักคุ้นกับฮุยโฮขันทีอย่างเร่งด่วน พอทราบว่าตองกิ๋นมีคุณสมบัติสมกับภาระหน้าที่ เตงงายจึงแต่งเพชรพลอยและเงินทองจำนวนมากให้แก่ตองกิ๋นเอาไปติดสินบนฮุยโฮขันทีที่เมืองเสฉวน
ตองกิ๋นไปถึงเมืองเสฉวนแล้ววิ่งเต้นเข้าพบกับคนสนิทของฮุยโฮขันที แล้วปรึกษาว่าตัวเรามีทรัพย์สินมีค่าเป็นอันมากจะนำมาบรรณาการแก่มหาขันที จะทำประการใด
ครั้นเห็นคนสนิทของฮุยโฮขันทีทำท่าทีอิดเอื้อน ตองกิ๋นจึงมอบเงินทองให้เป็นสินน้ำใจ แล้วกล่าวว่านี่เป็นสินน้ำใจแต่น้อยนิด ไว้การสำเร็จแล้วจะสมนาคุณท่านให้ถึงขนาด คนสนิทของมหาขันทีได้รับสินบนต้องด้วยอัชฌาสัยและหวังลาภก้อนใหญ่เมื่องานสำเร็จ จึงบอกตองกิ๋นว่าอำนาจราชการแผ่นดินเมืองเสฉวนทุกวันนี้อยู่ในเงื้อมมือมหาขันทีสิ้น การเล็กน้อยใหญ่ประการใด หากมหาขันทีรับปากแล้วก็จะสำเร็จทุกสิ่งอัน ท่านอย่าได้วิตกเลย
ตองกิ๋นจึงถามว่า ข้าพเจ้าจะว่ากล่าวประการใดจึงจะต้องใจท่านมหาขันทีเล่า
คนสนิทของฮุยโฮขันทีจึงว่า ท่านมหาขันทีเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องว่ากล่าวอ้อมค้อม ขอเพียงท่านมีของบรรณาการถึงขนาดก็จะสมความปรารถนาทุกสิ่ง กล่าวแล้วคนสนิทของฮุยโฮขันทีจึงพาตองกิ๋นเข้าไปพบกับจอมขันที
ตองกิ๋นให้ทหารคนสนิทยกกล่องเงินทองเพชรนิลจินดาเข้าไปพร้อมกัน เมื่อได้คำนับฮุยโฮมหาขันทีตามธรรมเนียมแล้วจึงนิ่งอยู่ ฮุยโฮขันทีเห็นคนของตองกิ๋นถือกล่องข้าวของมาเป็นอันมาก จึงมองหน้าคนสนิท เห็นพยักหน้าก็รู้นัย จึงกล่าวทักตามประสาเจ้าบ้านว่าท่านมาแต่ทางไกล มีกิจอันใดจงว่ากล่าวให้แจ้งอย่าได้เกรงใจเลย
ตองกิ๋นหันมาพยักหน้าให้กับคนสนิทให้เอาเงินทองเพชรนิลจินดาเข้าไปมอบแก่มหาขันทีแล้วเปิดฝากล่องให้ดู ฮุยโฮมหาขันทีเห็นเงินทองเพชรนิลจินดาเป็นอันมากก็ตกตะลึง รีบสั่งคนสนิทให้นำเข้าไปเก็บในห้องข้างใน แล้วหันมาทางตองกิ๋นพลางกล่าวว่า ท่านมีกิจธุระสิ่งใดจงรีบว่ามาเถิด
ตองกิ๋นจึงว่า ข้าพเจ้าเป็นพ่อค้าเข้าไปทำการค้าขายอยู่ในแผ่นดินวุยก๊ก มีสมัครพรรคพวกเป็นอันมาก ทำการค้าขายรุ่งเรือง แต่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากบ้านเมืองมีศึกสงครามเพราะเกียงอุยกระหายศึก ก่อความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า บรรดาพ่อค้าวาณิชจึงร่วมกันลงขันให้ข้าพเจ้านำของกำนัลมามอบแก่ท่าน เพื่อขอบารมีท่านช่วยจัดการให้เกียงอุยเลิกทัพกลับมาจากแดนวุยก๊กเสีย เสร็จการแล้วจะตอบแทนพระคุณอีกมาก
ฮุยโฮมหาขันทีได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวว่าการเพียงเท่านี้ดอกหรือ ท่านอย่าวิตกเลย.