ตอนที่ 625. อุบายสามัญ

ความขัดแย้งทางการเมืองในราชสำนักง่อถึงขั้นแตกหัก มหาอุปราชซุนหลิมจึงทำการถอดถอนพระเจ้าซุนเหลียงออกจากราชสมบัติ และอัญเชิญซุนฮิวพระราชบุตรองค์ที่หกของพระเจ้าซุนกวนขึ้นเสวยราชย์แทน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน  ซุนหลิมถึงกับตั้งกองอำนวยการชั่วคราวขึ้นที่นอกเมืองกังตั๋งเพื่อรักษาสถานการณ์

            ฝ่ายงุยเปียวกับชีซกซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่รับผิดชอบคลังแสง เห็นการซ่องสุมอาวุธและเบิกอาวุธจากคลังแสงของซุนหลิมดังนั้น จึงนำความเข้าไปกราบบังคมทูลให้พระเจ้าซุนฮิวทรงทราบ และกราบทูลเสนอความเห็นว่าพฤติกรรมดังนี้เป็นท่าทีที่แสดงว่าซุนหลิมจะคิดการกบฎชิงเอาราชบัลลังก์

            พระเจ้าซุนฮิวทรงทราบความก็ตกพระทัย รับสั่งให้หาเตียวปอเข้ามาปรึกษาข้อราชการเป็นการส่วนพระองค์ ทรงปรารภความวิตกในพระทัยให้เตียวปอทราบ

            เตียวปอจึงกราบทูลว่า ข้าพระองค์มีสติปัญญาอันน้อย ไม่เห็นทางที่จะช่วยเหลือพระองค์ให้พ้นจากอันตรายได้ เห็นก็แต่เตงฮองขุนนางผู้เฒ่าห้าแผ่นดิน เป็นขุนนางผู้ใหญ่ เป็นหลักชัยของแผ่นดิน มีความจงรักภักดีเป็นที่ยิ่ง ชอบที่พระองค์จะทรงปรึกษาด้วยเตงฮอง เห็นว่าจะขจัดปัดเป่าเหตุร้ายให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

            พระเจ้าซุนฮิวทรงเห็นชอบ จึงตรัสให้หาเตงฮองเข้ามาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ และทรงเล่าความวิตกทุกข์ร้อนในพระทัยให้เตงฮองฟังทุกประการ

            เตงฮองฟังกระแสพระราชดำรัสแล้วน้ำตาซึมไหลออกจากเบ้าด้วยความรำลึกถึงพระคุณพระเจ้าซุนกวน จึงถวายบังคมแล้วกราบทูลว่าข้าพระองค์ขออาสารักษาโรคในพระทัยของใต้ฝ่าพระบาทให้สร่างหาย อย่าได้ทรงวิตกสืบไปเลย

            พระเจ้าซุนฮิวได้ฟังดังนั้นก็ทรงคลายพระทัย รีบตรัสถามว่าท่านนายพลผู้เฒ่าจะคิดอ่านประการใด

            เตงฮองจึงกราบทูลว่า “พรุ่งนี้จะเข้าปีใหม่เป็นวันตรุษ พระองค์จงแต่งโต๊ะเลี้ยงขุนนางทั้งปวงตามธรรมเนียม แล้วให้คนสนิทไปเชิญซุนหลิมมากินโต๊ะในตำหนัก ข้าพเจ้าจะให้เตียวปอแอบอยู่คอยจับตัวซุนหลิมก็จะจับได้โดยง่าย”

            กลอุบายสามัญประจำบ้านแห่งแคว้นกังตั๋งรู้กันทั่วไปเพราะใช้มานับครั้งไม่ถ้วนนี้ เตงฮองได้กราบทูลเสนอให้นำอุบายลูกไม้เก่าดังกล่าวมาใช้อีก เพราะเห็นว่าอุบายสามัญที่สุดนั่นแล้วจึงจะมีอานุภาพสูงสุด พระเจ้าซุนฮิวทรงฟังแผนการของเตงฮองแล้วทรงเห็นชอบ ตรัสสั่งให้เตงฮอง งุยเปียว และชีซกคุมทหารรักษาการณ์อยู่ภายนอกพระบรมมหาราชวัง และให้เตียวปอคุมทหารซ่อนอยู่ด้านหลังฉากภายในพระตำหนักที่ประทับ แล้วโปรดเกล้าให้จัดงานเลี้ยงโต๊ะขุนนางผู้ใหญ่ตามประเพณีในวันตรุษ ให้มีหมายรับสั่งเชิญซุนหลิมมหาอุปราชมาร่วมงานพระราชทานเลี้ยงด้วย

            นายทหารผู้ภักดีถวายบังคมรับรับสั่งลับของพระเจ้าซุนฮิวแล้วถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะทำการถวายด้วยความจงรักภักดีโดยไม่เห็นแก่ชีวิต พระเจ้าซุนฮิวทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็ทรงวางพระทัย

            ค่ำวันนั้นได้บังเกิดนิมิตอัศจรรย์ขึ้นในเมืองกังตั๋ง “เกิดลมพายุใหญ่พัดต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่หน้าตึกซุนหลิมนั้นโค่นลง แล้วก็พัดฝุ่นทรายแลก้อนศิลาปลิวขึ้น” ในขณะที่สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุความคล้ายคลึงกันว่า “ในคืนนั้นลมพายุจัด พัดพา ทรายหินบินวิ่ง พัดเอาต้นไม้เก่าใหญ่ทั้งถอนรากโคนล้มลงมา ถึงสว่างลมพายุจึงได้สงบลง”

            พระเจ้าซุนหลิมทรงทราบเหตุดังนั้น ทรงสำคัญว่าเทพยดาได้บอกนิมิตสังหรณ์ว่าแผนการของพระองค์จะประสบความสำเร็จ จึงมีความยินดีในพระทัย และทรงบวงสรวงบูชาเทพยดาเนื่องในเทศกาลวันตรุษตามประเพณีด้วยพระอารมณ์ที่ผ่องใสยิ่งกว่าวันก่อน ๆ

            ฝ่ายซุนหลิมมหาอุปราช ในค่ำคืนวันนั้นให้รู้สึกรุ่มร้อนใจ ครั้นพายุใหญ่พัดหนักมา ต้นไม้ใหญ่โค่นล้ม ดินทรายปลิวว่อน ก็รู้สึกประหวั่นพรั่งพรึงในจิตใจชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สังหรณ์ใจว่าไฉนหนอเราซึ่งคุ้นเคยกับการฆ่าฟันแลสงคราม ไม่เคยรู้สึกประหวั่นใจในลมฝนมาแต่ก่อน แต่มาค่ำคืนนี้กลับมีความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป

            พอรุ่งขึ้นข้าหลวงในพระเจ้าซุนฮิวได้เชิญหมายรับสั่งไปมอบแก่ซุนหลิมว่า พระเจ้าซุนฮิวตรัสสั่งให้เข้าไปเฝ้ารับพระราชทานเลี้ยงโต๊ะพร้อมกับขุนนางทั้งปวงเนื่องในเทศกาลวันตรุษ

            ซุนหลิมคำนับรับหมายรับสั่งแล้วแจ้งแก่ข้าหลวงของพระเจ้าซุนฮิวว่าจะเข้าไปรับพระราชทานเลี้ยงตามกำหนด ครั้นใกล้เวลาตามหมายกำหนดการซุนหลิมจึงแต่งตัวเตรียมจะเข้าไปในพระราชวัง พลันรู้สึกว่ามีคนมาผลักจนล้มลงทั้งยืนจึงรู้สึกประหลาดใจ คิดจะเปลี่ยนใจไม่เข้าไปเฝ้า ในทันใดนั้นขันทีสองคนได้เข้ามาหา  ซุนหลิมและแจ้งว่าขณะนี้ขุนนางทั้งปวงไปพร้อมกันที่พระตำหนักแล้ว กำลังรอคอยมหาอุปราชอยู่ จงรีบเดินทางเข้าไปเฝ้าเถิด

            ซุนหลิมขัดไม่ได้จึงสั่งให้จัดทหารองครักษ์ซึ่งมีฝีมือสิบกว่าคนคุ้มกันจะออกจากจวนไปรับพระราชทานเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง

            ฝ่ายพ่อบ้านซึ่งรับผิดชอบดูแลจวนของซุนหลิมเป็นผู้สูงวัย ทราบข่าวว่าซุนหลิมจะเข้าไปเฝ้ารับพระราชทานเลี้ยง จึงเข้าไปทักท้วงกับซุนหลิมว่าเมื่อคืนนี้มีนิมิตประหลาด ลมพัดกล้าต้นไม้ใหญ่โค่นล้ม ดินทรายปลิวว่อน และเช้าวันนี้จู่ ๆ ท่านก็ล้มลงโดยไม่ปรากฏเหตุ มีลักษณะเป็นลางร้าย เกรงว่าจะมีเหตุร้ายเกิดกับท่าน จึงควรที่มหาอุปราชจะได้อ้างเหตุป่วยแล้วงดการเข้าไปเฝ้าเอาไว้ก่อนจึงจะควร

            ซุนหลิมได้ฟังคำพ่อบ้านจึงกล่าวว่า พระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้เข้าไปเฝ้ารับพระราชทานเลี้ยงตามธรรมเนียมแผ่นดิน ตัวเราเป็นมหาอุปราชจะอ้างเหตุป่วยแล้วไม่เข้าไปเฝ้านั้นไม่ควร ซึ่งเหตุอันปรากฏนั้นเป็นเรื่องของความบังเอิญแลธรรมชาติ ไม่เกี่ยวกับนิมิตหรือลางประการใด อนึ่งเล่าตัวเราคุมอำนาจทางการเมืองการทหาร ทั้งพี่น้องพรรคพวกก็ครองอำนาจในเมืองหลวงอย่างแน่นแฟ้น ใครจะบังอาจคิดร้ายต่อเราเล่า แลแม้ว่าจะมีผู้คิดร้ายก็จะไม่มีทางทำอันตรายแก่เราได้ เนื่องจากได้เตรียมสัญญาณนัดหมายกันไว้เป็นปกติแล้วว่าหากมีเหตุร้ายขึ้นกับเรา จะจุดเพลิงควันขึ้นเป็นสัญญาณ ทหารของเราก็ยกเข้าไปช่วย

            กล่าวแล้วซุนหลิมจึงเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่ง และเคลื่อนขบวนเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง พระเจ้าซุนฮิวทรงทราบว่ามหาอุปราชกำลังเข้ามาเฝ้าตามรับสั่ง จึงเสด็จพระราชดำเนินออกไปต้อนรับที่หน้าประตูพระตำหนัก

            พอซุนหลิมลงจากรถก็ตรงเข้าไปถวายบังคมตามประเพณี พระเจ้าซุนฮิวประคองซุนหลิมให้ลุกขึ้นแล้วจูงมือซุนหลิมเข้าไปในห้องโถงจัดเลี้ยง หลังจากขุนนางกล่าวถวายพระพรและพระเจ้าซุนฮิวมีพระราชดำรัสตอบขอบคุณแล้ว เจ้าพนักงานได้เอาสุรามารินแก่ขุนนางทั้งปวง แล้วชวนกันดื่มถวายพระพร และพากันเสพสุรากันอย่างเต็มที่ตามประเพณีวันตรุษ

            ฝ่ายงุยเปียวและชีซกซึ่งคุมทหารรักษาการณ์อยู่ภายนอก ได้ยินพลุสัญญาณถวายพระพรชัยแก่พระเจ้าซุนฮิวก็รู้ว่างานเลี้ยงโต๊ะกำลังเริ่มขึ้น จึงสั่งทหารให้จับกุมตัวทหารองครักษ์และพรรคพวกของซุนหลิมที่คอยท่ารักษาความปลอดภัยอยู่ด้านนอกพระบรมมหาราชวัง จึงเกิดการต่อสู้กันที่ด้านนอกพระบรมมหาราชวัง

            ฝ่ายซุนหลิมได้ยินเสียงต่อสู้เกิดขึ้นที่ด้านนอกแว่วมาแต่ไกล ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจ ลุกขึ้นยืนถือกระบี่จะออกไปสังเกตการณ์ แต่พระเจ้าซุนฮิวได้ยุดมือซุนหลิมไว้แล้วตรัสว่า มหาอุปราชจะตกใจไปไยมี เป็นธรรมดาของวันตรุษ ผู้คนย่อมเมามาย เสพสุราแล้วก็วิวาทชกต่อยกันให้เป็นที่อึกทึก เชิญท่านเสพสุรากินโต๊ะให้เป็นที่สบายใจในโอกาสเป็นมงคลนี้เถิด

            ซุนหลิมได้ยินกระแสพระราชดำรัสดังนั้นจึงนั่งลงในที่เดิม ในทันใดนั้นเตียวปอได้พาทหารประมาณสามสิบคนพร้อมอาวุธครบมือก้าวออกมาจากด้านหลังฉาก ปากก็กล่าวว่า “รับสั่งให้จับอ้ายกบฏให้จงได้”

            ซุนหลิมเห็นดังนั้นก็ตกใจ เอามือกุมกระบี่ลุกขึ้นยืนจะผลุนผลันออกไปทางประตู แต่ทันใดนั้นทหารของเตียวปอได้กรูกันเข้ามาจับตัวซุนหลิมเอาไว้ได้

            พระเจ้าซุนฮิวพอเห็นเตียวปอคุมทหารออกมาจากด้านหลังฉากก็ทรงลุกขึ้นแล้วรีบเสด็จไปประทับอยู่ด้านหลังทหารของเตียวปอ ซุนหลิมเห็นดังนั้นก็รู้ว่าซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้เป็นเพราะพระเจ้าซุนฮิวทรงวางแผนการหมายจะทำร้ายตัว แต่เมื่อถึงคราอับจนจึงกราบบังคมทูลว่า “พระองค์โปรดให้ทานชีวิตข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าไม่คิดการฉะนั้นสืบไปแล้ว จะถวายบังคมลาไปทำมาหากินอยู่ ณ บ้านเก่า”

            พระเจ้าซุนฮิวจึงตรัสว่า อำนาจการเมืองเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จะใช้ความเมตตาปรานีจะได้อยู่หรือ แลเมื่อครั้งเตงอิ๋น ลิกี๋ แลอ๋องตุ้นถูกท่านจับกุม ก็ได้อ้อนวอนร้องขอชีวิตขอออกจากราชการกลับไปทำมาหากินอยู่บ้านเดิม ไฉนท่านจึงไม่ฟังและสั่งประหารชีวิตเสียเล่า ตรัสแล้วจึงรับสั่งให้เตียวปอคุมตัวซุนหลิมไปประหารชีวิต

            ในขณะที่พระเจ้าซุนฮิวมีกระแสพระราชดำรัสตอบโต้กับซุนหลิมนั้น บรรดาขุนนางทั้งปวงที่ไม่รู้ความนัยพากันแตกตื่นตกใจวุ่นวายไปทั้งพระตำหนัก เตียวปอเห็นดังนั้นจึงประกาศขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า ซุนหลิมคิดขบถจะชิงเอาราชสมบัติ แต่ด้วยพระบารมีมากพ้นรำพัน จึงทรงทราบเหตุการณ์ก่อนและกำจัดซุนหลิมผู้ผิดแล้ว ท่านทั้งปวงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยอ้ายขบถ อย่าได้วิตกวุ่นวายสืบไป

            ขุนนางทั้งปวงได้ยินประกาศดังนั้นก็ค่อยวางใจว่าจะไม่เป็นอันตราย แต่ต่างคนต่างไม่รู้ที่จะทำประการใด จึงพากันนั่งลงในที่เดิมเพื่อคอยฟังพระราชกระแส

            ในทันใดนั้นเตงฮองได้พาทหารคนสนิทเข้ามาเฝ้าพระเจ้าซุนฮิวแล้วกราบทูลว่า ได้จับกุมพรรคพวกของซุนหลิมที่แข็งขืนไว้หมดแล้ว เฉพาะบุตรภรรยาญาติพี่น้องของซุนหลิมร้อยกว่าคนได้ควบคุมตัวไว้เตรียมการประหาร จึงมาขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาต

            พระเจ้าซุนฮิวได้ยินดังนั้นจึงตรัสสั่งให้เตงฮองประหารชีวิตบุตรภรรยาญาติพี่น้องของซุนหลิมร้อยกว่าคน และให้ทำการประหารที่ทางสามแพร่งใกล้กับตลาดในเมืองกังตั๋งเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั้งปวง

            สำหรับเครือญาติของซุนหลิม โปรดให้ลงโทษประหารชีวิตสามชั่วโคตร เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามรากเหง้ามิให้ก่อการกำเริบกบฎต่อไป โปรดให้ขุดศพของซุนจุ๋นซึ่งเป็นพี่ชายของซุนหลิมออกจากสุสานหลวง เอาไปประจานเป็นเวลาสามวันแล้วให้เอาไปโยนทิ้งในหุบเหว

            ส่วนขุนนางผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีที่ซุนจุ๋นและซุนหลิมเคยลงโทษทัณฑ์ประหารชีวิต พระเจ้าซุนฮิวโปรดเกล้าให้แต่งการพิธีศพฟื้นฟูเกียรติคุณอย่างสมเกียรติ และเอาศพไปฝังไว้ในสุสานวีรชนของเมืองกังตั๋ง ขุนนางที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งขับไล่ไปอยู่บ้านเดิมหรือถูกเนรเทศหรือถูกจองจำ พระเจ้าซุนฮิวโปรดให้กลับเข้ารับราชการตามตำแหน่งเดิมดังแต่ก่อน

            ครั้นจัดแจงการบ้านเมืองเป็นปกติแล้ว พระเจ้าซุนฮิวจึงโปรดเกล้าแต่งราชทูตอัญเชิญเครื่องราชบรรณาการและอัญเชิญพระราชสาส์นไปเมืองเสฉวนถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยน กราบทูลความเป็นไปในเมืองกังตั๋งให้ทรงทราบทุกประการ

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบความแล้วมีน้ำพระทัยยินดี โปรดเกล้าให้เลี้ยงดูราชทูตอย่างสมเกียรติ และแต่งเครื่องราชบรรณาการพร้อมพระราชสาส์นให้ชีฮูขุนนางประจำสำนักราชเลขาธิการเป็นราชทูตไปเฝ้าพระเจ้าซุนฮิวที่เมืองกังตั๋งเป็นการตอบแทนตามประเพณี

            พระเจ้าซุนฮิวโปรดให้ราชทูตเมืองเสฉวนเข้าเฝ้าตามธรรมเนียม หลังจากมีพระราชปฏิสันถารตามสมควรแล้วจึงพระราชทานเลี้ยงราชทูต และตรัสถามว่าเหตุการณ์บ้านเมืองในเมืองเสฉวนเป็นประการใดบ้าง

            ชีฮูได้กราบทูลว่า “พระเจ้าเล่าเสี้ยนนับถือฟังคำฮุยโฮขันที ถ้าผู้ใดมีสมบัติมากไปบนฮุยโฮขันทีแล้วก็ได้เป็นที่ขุนนางผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าเห็นราชการแผ่นดินเมืองเสฉวนเรรวนนัก ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยแลราษฎรทั้งปวงก็ไม่สบายปรับทุกข์กันอยู่สิ้น”

            สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุความตามคำทูลของชีฮูว่า “หมู่นี้ฮุยโฮขันทีกำลังเรืองอำนาจ มหาอำมาตย์ขุนนางทั้งหลายส่วนใหญ่เข้าหาคบค้าคนผู้นี้ ในราชสำนักมิได้ยินวาจาที่กล่าวตรงไปตรงมา ผ่านเขตบ้านนอกชาวบ้านสีหน้าซีดเซียวอดอยาก เหมือนดั่งคำกล่าวกันว่านกอีแอ่น นกกระจอก อาศัยอยู่บนหลังคา ไม่รู้ว่าคฤหาสน์จวนจะไฟไหม้บรรลัยอยู่แล้ว”.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร