ตอนที่ 61. ฤทธิ์เดชของคนที่ถูกมองข้าม
ลิโป้เห็นโจโฉจำนนต่อถ้อยคำที่พิสดารของตัว ก็กระหยิ่มในความหลักแหลมแบบไร้เหตุผลนี้ยิ่งนัก จึงสั่งให้จงป้าทหารเอกออกไปจับตัวโจโฉ ฝ่ายโจโฉก็สั่งให้งักจิ้นออกรบด้วยลิโป้ รบกันได้สามสิบเพลงแฮหัวตุ้นจึงขับม้าเข้าไปช่วย งักจิ้น ฝ่ายเตียวเลี้ยวเห็นเช่นนั้นก็ขับม้าออกไปสกัดแฮหัวตุ้นไว้
ทหารเอกทั้งสองคู่ของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นสามารถ ลิโป้รู้สึกรำคาญใจจึงขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้นและงักจิ้น สองทหารเอกของโจโฉสู้ลิโป้ไม่ได้ก็ขับม้าหนี ลิโป้จึงสั่งให้ทหารเข้าโจมตีกองทหารของโจโฉจนแตกพ่ายหนีเข้าค่ายไป ลิโป้จึงยกทหารกลับมาค่าย
ครั้นกลับมาถึงค่ายแล้วโจโฉจึงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองว่า ลิโป้มีฝีมือเข้มแข็งผู้ใดจะอาสาเอาชนะลิโป้ได้บ้าง อิกิ๋มทหารเอกของโจโฉจึงว่าได้ขึ้นไปบนภูเขาตรวจดูภูมิประเทศและการตั้งค่ายของลิโป้แล้ว ปรากฏว่าค่ายด้านทิศตะวันตกของเมืองมีทหารประจำอยู่น้อย วันนี้ลิโป้รบชนะศึกยกแรกย่อมมีใจกำเริบ ทหารก็จะขาดความระมัดระวังในการรักษาค่าย ถ้าฝ่ายเรายกทหารเข้าปล้นค่ายตะวันตกคงจะได้โดยง่าย จากนั้นค่อยยึดค่ายด้านทิศใต้ของลิโป้ต่อไป
โจโฉเห็นชอบกับแผนการของอิกิ๋ม จึงสั่งการให้โจหอง ลิเตียน ลิยอย อิกิ๋ม และเตียนอุย คุมทหารสองหมื่นเตรียมพร้อมไว้ คืนนี้จะยกเข้าปล้นค่ายตะวันตกของ ลิโป้
ฝ่ายลิโป้ชนะศึกยกแรก และกลับเข้าค่ายด้านทิศใต้ของเมืองปักเอี้ยงแล้ว เย็นลงก็จัดเลี้ยงแม่ทัพนายกอง ณ ค่ายนั้นเป็นการฉลองชัยชนะ ตันก๋งเห็นดังนั้นจึงเสนอว่าโจโฉแพ้ศึกวันนี้คงคิดแก้แค้นเป็นมั่นคง โจโฉรู้ว่าฝ่ายเราฉลองชัยแล้วจะประมาท เห็นทีจะยกมาปล้นค่ายเราในคืนนี้และเนื่องจากค่ายตะวันตกมีทหารอยู่น้อย โจโฉคงเข้าปล้นค่ายตะวันตกเป็นแน่แท้ ขอให้ท่านจัดทหารลอบยกไปเสริมกำลังไว้ในค่ายตะวันตกโดยเร็ว หากโจโฉยกมาก็จะเสียทีแก่เราเป็นมั่นคง
ลิโป้จึงว่าโจโฉเพิ่งพ่ายแพ้ไปไม่ทันข้ามวันคงจะขยาดไม่กล้ายกมาโจมตีในค่ำนี้ ตันก๋งจึงยืนยันแข็งขันว่าโจโฉมีสติปัญญาในการศึก เห็นโอกาสคืนนี้แล้วคงจะไม่ปล่อยให้ผ่านไป ท่านอย่าได้วางใจ ทั้งการส่งทหารไปเพิ่มเติมก็ไม่ได้เสียหายอะไร ลิโป้เห็นตันก๋งยืนยันแข็งขันก็คล้อยตาม จึงสั่งให้โกสุ้น งุยซก และโฮเสง คุมทหารสองหมื่นเตรียมยกไปเสริมกำลังที่ค่ายด้านตะวันตก แต่ขอเวลาว่าให้ทหารได้เลี้ยงฉลองชัยชนะให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยยกไป ตันก๋งขี้เกียจเซ้าซี้ก็เออออตามใจลิโป้
ลิโป้เลี้ยงฉลองชัยชนะอยู่จนเกือบสองยาม เสร็จงานเลี้ยงแล้ว สามทหารเอกจึงยกทหารออกจากค่ายทิศใต้ของลิโป้ไปยังค่ายตะวันตก ถึงกลางทางพบทหารค่ายตะวันตกแตกตื่นหนีมาจึงทราบความว่าโจโฉลอบยกทหารไปปล้นค่ายตะวันตกและยึดค่ายไว้ได้แล้ว สามทหารเอกจึงให้ทหารที่แตกหนีมานั้นไปรายงานให้ลิโป้ทราบ แล้วรีบยกไปเพื่อจะยึดค่ายตะวันตกกลับคืน
โจโฉรู้ว่าทหารลิโป้ยกมาก็ยกทหารออกมาตั้งรับหน้าค่าย ทหารทั้งสองฝ่ายรบพุ่งกันเป็นสามารถ ตั้งแต่สองยามจนถึงใกล้รุ่ง บาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ขณะนั้นทหารโจโฉหน้าตื่นเข้ามารายงานว่า ลิโป้กำลังยกทหารเป็นจำนวนมากมาสมทบ ขณะนี้ใกล้ถึงค่ายด้านตะวันตกแล้ว
โจโฉได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจ สั่งทหารให้ตีฝ่าเพื่อจะกลับไปค่ายเดิม สามทหารเอกของลิโป้จึงไล่ตามตีมาทางด้านหลัง โจโฉนำทหารหนีมาระยะหนึ่งปะทะกับกองทหารซึ่งลิโป้ยกมาสมทบ จึงให้อิกิ๋มกับงักจิ้นสกัดลิโป้ไว้ ตัวโจโฉคุมทหารวกไปทางด้านทิศเหนือของเมืองปักเอี้ยง เพื่อจะอ้อมด้านตะวันออกไปยังค่ายของตัว
อิกิ๋มกับงักจิ้นรบกับลิโป้อยู่ครู่หนึ่งสู้ลิโป้ไม่ได้จึงชักม้าหนีพาทหารตามโจโฉไปทางทิศเหนือ ลิโป้และทหารไล่ฆ่าทหารโจโฉล้มตายลงเป็นอันมาก
โจโฉ อิกิ๋ม และงักจิ้น พาทหารหนีอ้อมไปทางด้านทิศเหนือของเมืองปักเอี้ยง ถึงเนินเขาแห่งหนึ่งปะทะกับเตียวเลี้ยวและจงป้า ทหารเอกของลิโป้ซึ่งคุมทหารมาสกัดอยู่จึงตีฝ่าออกไป หนีไปได้ระยะหนึ่งใกล้จะเลี้ยวไปทางด้านตะวันออกของเมืองได้ปะทะกับทหารเอกของลิโป้อีกสี่คน ซึ่งคุมทหารมาสกัดอยู่อีก ทหารทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นสามารถ โจโฉเห็นจวนตัวเข้าจึงให้ทหารช่วยกันสกัดฝ่ายลิโป้ไว้ แล้วพาทหารสี่ห้าคนรีบหนีฝ่าออกไปทางด้านทิศตะวันออกของเมืองปักเอี้ยง
โจโฉและทหารสี่ห้าคนหนีมาได้ระยะหนึ่ง ถึงเนินเขาก็ได้ยินพลุสัญญาณแล้วทหารลิโป้ได้ยิงเกาทัณฑ์ลงมาเป็นห่าฝนและยกทหารมาล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน โจโฉเห็นจะหนีไม่รอดจึงร้องขึ้นว่า “ผู้ใดมีกำลัง จงช่วยชีวิตเราในครั้งนี้”
เตียนอุยจึงว่าท่านอย่ากลัวเลย ข้าพเจ้าอยู่กับท่านจะพิทักษ์ให้ท่านปลอดภัย แล้วจึงลงจากม้าเอาทวนคู่หนีบไว้ข้างกายเปลี่ยนเอาหอกซัดเกือบยี่สิบเล่มมาถือไว้ สั่งทหารว่าถ้าข้าศึกตามมาในระยะห้าวาให้เรียกชื่อเตียนอุย จากนั้นจึงนำหน้าม้าโจโฉตีฝ่าออกไป
ทหารลิโป้ราวยี่สิบคนไล่ตามไปติด ๆ คนไหนเข้ามาในระยะห้าวา ทหารโจโฉก็เรียกชื่อเตียนอุย เตียนอุยก็หยุดแล้วซัดหอกไปถูกทหารที่ตามมาตายไปทีละคนจนหมดหอกซัด ทหารลิโป้ที่เหลืออีกสี่ห้าคนจึงไม่กล้าติดตามเข้ามาอีก เตียนอุยพาโจโฉหนีต่อไปเพื่อจะกลับเข้าค่ายจนใกล้ค่ำลิโป้ก็ยกทหารตามมาทัน โจโฉก็ตกใจ ทั้งอ่อนล้า หิวโหย สิ้นเรี่ยวแรง ทหารโจโฉที่ตามมาสี่ห้าคนจึงแยกย้ายกันวิ่งหนี เตียนอุยพาโจโฉหนีลิโป้ต่อไป พอดีแฮหัวตุ้นคุมทหารตามมาทันจึงเข้าสกัดลิโป้ไว้จนใกล้พลบค่ำ ฝนก็ตกหนักลงมา ลิโป้จึงรีบยกทหารกลับไปค่าย
ฝ่ายโจโฉ เตียนอุย แฮหัวตุ้นและทหารที่เหลือซึ่งเปียกปอนและอิดโรยเต็มที่ หนีกลับเข้าค่ายได้เกือบย่างเข้ายามสอง ถึงค่ายแล้วโจโฉจึงสั่งทหารปูนบำเหน็จรางวัลแก่เตียนอุยเป็นอันมาก
การศึกยกที่สองระหว่างโจโฉกับลิโป้ตั้งแต่สองยามวันหนึ่งต่อเนื่องมาถึงค่ำอีกวันหนึ่ง สิ้นสุดลงโดยพระพิรุณประทานฝนมาห้ามทัพ และโจโฉเป็นฝ่ายปราชัยอย่างย่อยยับแทบจะเอาตัวไม่รอด
ความปราชัยของโจโฉในครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นการปราชัยครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต และเกิดขึ้นโดยที่โจโฉคาดคิดไม่ถึง เนื่องจากมองข้ามเรื่องสำคัญไปสองเรื่อง
เรื่องสำคัญเรื่องแรกคือเรื่องตันก๋ง โจโฉไม่รู้จักคนผู้นี้ดีพอ เนื่องจากอยู่ร่วมกันเพียงชั่วสองสามวัน คิดว่าตันก๋งเป็นเพียงเจ้าเมืองธรรมดาที่ไม่เอาไหนเหมือนกับบรรดาเจ้าเมืองอื่น ๆ ที่เอาแต่เสพสุข คอร์รัปชั่น รีดไถ และข่มเหงราษฎร โดยหารู้ไม่ว่าตันก๋งนั้นคือนักยุทธศาสตร์ทั้งการเมืองและการทหาร
เรื่องสำคัญเรื่องที่สองคือความสัมพันธ์ระหว่างลิโป้กับตันก๋ง ซึ่งโจโฉรู้จักลิโป้ดีว่าเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ แต่หัวรั้น โลภและไร้สติปัญญา จึงเชื่อว่าจะสามารถกำจัดลิโป้ได้โดยง่าย ดังนั้นโจโฉจึงประมาทคิดจับปลาทีเดียวพร้อมกันสองมือ จะยึดเอาทั้งเมืองกุนจิ๋วและเมืองปักเอี้ยงพร้อมกันในคราวเดียว มิหนำซ้ำยังวางกำลังหลักไว้ที่การยึดเมืองกุนจิ๋ว ตัวเองยกกำลังส่วนน้อยมาเมืองปักเอี้ยง หวังเอาชนะลิโป้ด้วยสติปัญญา
โจโฉมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างลิโป้ซึ่งสุดยอดเชิงบู๊ว่าไร้สติปัญญา มองข้ามตันก๋งซึ่งนับว่าเป็นยอดคนทางบุ๋นว่าเป็นเพียงขุนนางตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ความหมาย ครั้นสุดยอดทางบู๊กับยอดคนทางบุ๋นมารวมตัวกัน โดยที่โจโฉไม่รู้ความข้อนี้และมองข้ามความข้อนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าตระหนกอย่างยิ่ง เพราะสภาพเช่นนี้คือสภาพที่ไม่ใช่เพียงโจโฉ “ไม่รู้เขา” เอาเสียเลยเท่านั้น หากยังเข้าใจสภาพการศึกที่ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกด้วย
ดังนั้นความปราชัยของโจโฉจึงเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นอย่างแน่นอนแล้วภายใต้กฎแห่งสงคราม
แต่ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างตันก๋งกับลิโป้นั้นมิใช่จะปกติลึกซึ้งกระไรนัก เพราะตันก๋งมิได้สมัครใจอยู่กับลิโป้หากทำราชการอยู่กับเมืองตันลิว ที่มาด้วยลิโป้ก็เพราะเจ้าเมืองตันลิวมอบหมายให้ช่วยเหลือโตเกี๋ยม ซึ่งสอดคล้องกับความประสงค์ของตันก๋งสถานหนึ่ง และเพื่อป้องกันเมืองตันลิวอันเป็นผลประโยชน์ของเจ้าเมืองตันลิวอีกสถานหนึ่ง ในขณะที่ลิโป้ก็มิได้เชื่อถือศรัทธาตันก๋ง แต่ทั้งสองคนนี้กลับต้องมาร่วมกันทำศึก ดังนั้นความเห็นของตันก๋งจึงไม่สามารถเปล่งอานุภาพได้เต็มที่
ลิโป้พอใจจะเชื่อก็ปฏิบัติตาม ไม่พอใจจะเชื่อก็ถือเอาความคิดตนเป็นใหญ่ ด้วยเหตุนี้โอกาสกำจัดโจโฉตอนเดินทัพตามซอกเขาไทสันและการโจมตีโจโฉในขณะที่เพิ่งยกถึงเมืองปักเอี้ยง ซึ่งทั้งอ่อนล้าและยังไม่ทันตั้งค่ายจึงไม่ได้รับการปฏิบัติจากลิโป้
แม้ในการสงครามครั้งที่สอง ซึ่งโจโฉปราชัยย่อยยับก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากลิโป้ปฏิบัติตามคำตันก๋งส่งทหารไปเสริมไว้ที่ค่ายตะวันตกก่อนแล้วค่อยยกไปตีกระหนาบ โจโฉก็จะย่อยยับกว่านี้ แม้กระนั้นอานุภาพของฝีมือทางบู๊ของลิโป้กับมันสมองอันเลิศทางบุ๋นของตันก๋งก็ได้ทำให้โจโฉเกือบเอาตัวไม่รอด
การที่โจโฉหนีลิโป้ที่ค่ายตะวันตกแล้วถูกทหารลิโป้ออกสกัดโจมตีตลอดแนวทางด้านทิศเหนือ ด้านทิศตะวันออก เรื่อยมาจนเกือบจะถึงค่ายโจโฉทางด้านทิศใต้ถึงสามครั้งสามครานั้นมิใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือจากความคิดอ่านของลิโป้ เพราะสติปัญญาของลิโป้นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ถึงการหนีของโจโฉได้แม่นยำถึงปานนั้น และโดยความรับรู้ของลิโป้ก็ไม่ได้รู้จักภูมิประเทศของเมืองปักเอี้ยง
ตันก๋งต่างหากที่รู้จักสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างดี ครั้นลิโป้ยกทหารออกไปช่วยค่ายตะวันตกยามใกล้รุ่งก็ได้มอบหมายให้ตันก๋งรักษาค่ายทิศใต้ของตนไว้ ดังนั้นเมื่อ ลิโป้ยกทหารออกไปแล้ว ข้างภายในค่ายของลิโป้จึงมีตันก๋งเป็นผู้บังคับบัญชาแทนลิโป้
ตันก๋งจึงอาศัยอำนาจและโอกาสนี้บัญชาการให้จัดทหารเป็นสามกอง ยกไปตั้งสกัดโจโฉ ซึ่งตันก๋งคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเมื่อลิโป้ยกออกไปช่วยค่ายตะวันตก โจโฉจะต้องแตกหนีไปอ้อมเมืองปักเอี้ยงทางด้านทิศเหนือ แล้ววกกลับมาทางด้านตะวันออกจึงจะกลับเข้าค่ายได้
เมื่อคาดการณ์เส้นทางที่โจโฉจะหนีแล้ว จึงวางกำลังไปสกัดถึงสามกอง เพื่อให้มั่นใจว่าคราวนี้โจโฉต้องตายแน่นอน ความคิดของตันก๋งครั้งนี้ก็พอจะเห็นได้ว่าโจโฉคงจะเอาตัวรอดได้โดยยาก แต่ทว่า “ความคิดเป็นของคน แต่ความสำเร็จเป็นของฟ้า” ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นเพราะความเก่งกล้าสามารถของเตียนอุย องครักษ์ประจำตัวของโจโฉที่สามารถพาโจโฉตีฝ่าทหารที่สกัดหลุดรอดไปได้
แม้เมื่อลิโป้ไล่ตามมาทันก่อนจะถึงค่ายทางทิศใต้ โจโฉมีเพียงแฮหัวตุ้นเท่านั้นที่สกัดลิโป้ไว้ ลำพังฝีมือของแฮหัวตุ้นคงจะสกัดไว้ได้ไม่นาน แต่ฝนกลับตกหนักลงมา ลิโป้ซึ่งคงจะเป็นคนกลัวฝน กลัวเปียก ดังที่จะเห็นได้ตลอดมาว่าถ้าฝนตกลงมาคราวใด ลิโป้มีอันต้องยกทหารกลับเข้าเมืองหรือกลับเข้าค่ายทุกครั้ง
ดังนั้นถ้าหากโจโฉรู้มาก่อนว่าตันก๋งไม่ใช่เจ้าเมืองธรรมดาเหมือนกับบรรดาเจ้าเมืองที่เคยพบ โจโฉย่อมหาหนทางเอาตัวตันก๋งมาทำราชการด้วยเป็นแน่แท้ และคงไม่ต้องเสียหายยับเยินถึงปานนี้
นี่คือฤทธิ์เดชของสิ่งที่โจโฉมองข้ามไป
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ มันสมองของตันก๋งยังคงคิดอ่านแผนการกำจัดโจโฉออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นเมื่อตันก๋งทราบข่าวว่าเจ้าเมืองปักเอี้ยงเกิดรักตัวกลัวตายจากสงคราม จึงทิ้งเมืองปักเอี้ยงเสีย แล้วพาครอบครัวหลบหนีไปตั้งแต่คืนที่โจโฉเข้าปล้นค่ายตะวันตกแล้ว ตันก๋งจึงรีบไปหาลิโป้รายงานเรื่องนี้ให้ทราบ
รายงานแล้วตันก๋งได้เอาข่าวคราวเรื่องนี้กำหนดขึ้นเป็นแผนกำจัดโจโฉต่อไป และต้องถือว่าเป็น “แผนพิฆาต” อย่างแท้จริง เพราะแผนการพิฆาตนี้คือแผนการใช้พลังจักรวาลเข้าทำสงครามเป็นครั้งแรกในสามก๊ก.
ทหารเอกทั้งสองคู่ของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นสามารถ ลิโป้รู้สึกรำคาญใจจึงขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้นและงักจิ้น สองทหารเอกของโจโฉสู้ลิโป้ไม่ได้ก็ขับม้าหนี ลิโป้จึงสั่งให้ทหารเข้าโจมตีกองทหารของโจโฉจนแตกพ่ายหนีเข้าค่ายไป ลิโป้จึงยกทหารกลับมาค่าย
ครั้นกลับมาถึงค่ายแล้วโจโฉจึงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองว่า ลิโป้มีฝีมือเข้มแข็งผู้ใดจะอาสาเอาชนะลิโป้ได้บ้าง อิกิ๋มทหารเอกของโจโฉจึงว่าได้ขึ้นไปบนภูเขาตรวจดูภูมิประเทศและการตั้งค่ายของลิโป้แล้ว ปรากฏว่าค่ายด้านทิศตะวันตกของเมืองมีทหารประจำอยู่น้อย วันนี้ลิโป้รบชนะศึกยกแรกย่อมมีใจกำเริบ ทหารก็จะขาดความระมัดระวังในการรักษาค่าย ถ้าฝ่ายเรายกทหารเข้าปล้นค่ายตะวันตกคงจะได้โดยง่าย จากนั้นค่อยยึดค่ายด้านทิศใต้ของลิโป้ต่อไป
โจโฉเห็นชอบกับแผนการของอิกิ๋ม จึงสั่งการให้โจหอง ลิเตียน ลิยอย อิกิ๋ม และเตียนอุย คุมทหารสองหมื่นเตรียมพร้อมไว้ คืนนี้จะยกเข้าปล้นค่ายตะวันตกของ ลิโป้
ฝ่ายลิโป้ชนะศึกยกแรก และกลับเข้าค่ายด้านทิศใต้ของเมืองปักเอี้ยงแล้ว เย็นลงก็จัดเลี้ยงแม่ทัพนายกอง ณ ค่ายนั้นเป็นการฉลองชัยชนะ ตันก๋งเห็นดังนั้นจึงเสนอว่าโจโฉแพ้ศึกวันนี้คงคิดแก้แค้นเป็นมั่นคง โจโฉรู้ว่าฝ่ายเราฉลองชัยแล้วจะประมาท เห็นทีจะยกมาปล้นค่ายเราในคืนนี้และเนื่องจากค่ายตะวันตกมีทหารอยู่น้อย โจโฉคงเข้าปล้นค่ายตะวันตกเป็นแน่แท้ ขอให้ท่านจัดทหารลอบยกไปเสริมกำลังไว้ในค่ายตะวันตกโดยเร็ว หากโจโฉยกมาก็จะเสียทีแก่เราเป็นมั่นคง
ลิโป้จึงว่าโจโฉเพิ่งพ่ายแพ้ไปไม่ทันข้ามวันคงจะขยาดไม่กล้ายกมาโจมตีในค่ำนี้ ตันก๋งจึงยืนยันแข็งขันว่าโจโฉมีสติปัญญาในการศึก เห็นโอกาสคืนนี้แล้วคงจะไม่ปล่อยให้ผ่านไป ท่านอย่าได้วางใจ ทั้งการส่งทหารไปเพิ่มเติมก็ไม่ได้เสียหายอะไร ลิโป้เห็นตันก๋งยืนยันแข็งขันก็คล้อยตาม จึงสั่งให้โกสุ้น งุยซก และโฮเสง คุมทหารสองหมื่นเตรียมยกไปเสริมกำลังที่ค่ายด้านตะวันตก แต่ขอเวลาว่าให้ทหารได้เลี้ยงฉลองชัยชนะให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยยกไป ตันก๋งขี้เกียจเซ้าซี้ก็เออออตามใจลิโป้
ลิโป้เลี้ยงฉลองชัยชนะอยู่จนเกือบสองยาม เสร็จงานเลี้ยงแล้ว สามทหารเอกจึงยกทหารออกจากค่ายทิศใต้ของลิโป้ไปยังค่ายตะวันตก ถึงกลางทางพบทหารค่ายตะวันตกแตกตื่นหนีมาจึงทราบความว่าโจโฉลอบยกทหารไปปล้นค่ายตะวันตกและยึดค่ายไว้ได้แล้ว สามทหารเอกจึงให้ทหารที่แตกหนีมานั้นไปรายงานให้ลิโป้ทราบ แล้วรีบยกไปเพื่อจะยึดค่ายตะวันตกกลับคืน
โจโฉรู้ว่าทหารลิโป้ยกมาก็ยกทหารออกมาตั้งรับหน้าค่าย ทหารทั้งสองฝ่ายรบพุ่งกันเป็นสามารถ ตั้งแต่สองยามจนถึงใกล้รุ่ง บาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ขณะนั้นทหารโจโฉหน้าตื่นเข้ามารายงานว่า ลิโป้กำลังยกทหารเป็นจำนวนมากมาสมทบ ขณะนี้ใกล้ถึงค่ายด้านตะวันตกแล้ว
โจโฉได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจ สั่งทหารให้ตีฝ่าเพื่อจะกลับไปค่ายเดิม สามทหารเอกของลิโป้จึงไล่ตามตีมาทางด้านหลัง โจโฉนำทหารหนีมาระยะหนึ่งปะทะกับกองทหารซึ่งลิโป้ยกมาสมทบ จึงให้อิกิ๋มกับงักจิ้นสกัดลิโป้ไว้ ตัวโจโฉคุมทหารวกไปทางด้านทิศเหนือของเมืองปักเอี้ยง เพื่อจะอ้อมด้านตะวันออกไปยังค่ายของตัว
อิกิ๋มกับงักจิ้นรบกับลิโป้อยู่ครู่หนึ่งสู้ลิโป้ไม่ได้จึงชักม้าหนีพาทหารตามโจโฉไปทางทิศเหนือ ลิโป้และทหารไล่ฆ่าทหารโจโฉล้มตายลงเป็นอันมาก
โจโฉ อิกิ๋ม และงักจิ้น พาทหารหนีอ้อมไปทางด้านทิศเหนือของเมืองปักเอี้ยง ถึงเนินเขาแห่งหนึ่งปะทะกับเตียวเลี้ยวและจงป้า ทหารเอกของลิโป้ซึ่งคุมทหารมาสกัดอยู่จึงตีฝ่าออกไป หนีไปได้ระยะหนึ่งใกล้จะเลี้ยวไปทางด้านตะวันออกของเมืองได้ปะทะกับทหารเอกของลิโป้อีกสี่คน ซึ่งคุมทหารมาสกัดอยู่อีก ทหารทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นสามารถ โจโฉเห็นจวนตัวเข้าจึงให้ทหารช่วยกันสกัดฝ่ายลิโป้ไว้ แล้วพาทหารสี่ห้าคนรีบหนีฝ่าออกไปทางด้านทิศตะวันออกของเมืองปักเอี้ยง
โจโฉและทหารสี่ห้าคนหนีมาได้ระยะหนึ่ง ถึงเนินเขาก็ได้ยินพลุสัญญาณแล้วทหารลิโป้ได้ยิงเกาทัณฑ์ลงมาเป็นห่าฝนและยกทหารมาล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน โจโฉเห็นจะหนีไม่รอดจึงร้องขึ้นว่า “ผู้ใดมีกำลัง จงช่วยชีวิตเราในครั้งนี้”
เตียนอุยจึงว่าท่านอย่ากลัวเลย ข้าพเจ้าอยู่กับท่านจะพิทักษ์ให้ท่านปลอดภัย แล้วจึงลงจากม้าเอาทวนคู่หนีบไว้ข้างกายเปลี่ยนเอาหอกซัดเกือบยี่สิบเล่มมาถือไว้ สั่งทหารว่าถ้าข้าศึกตามมาในระยะห้าวาให้เรียกชื่อเตียนอุย จากนั้นจึงนำหน้าม้าโจโฉตีฝ่าออกไป
ทหารลิโป้ราวยี่สิบคนไล่ตามไปติด ๆ คนไหนเข้ามาในระยะห้าวา ทหารโจโฉก็เรียกชื่อเตียนอุย เตียนอุยก็หยุดแล้วซัดหอกไปถูกทหารที่ตามมาตายไปทีละคนจนหมดหอกซัด ทหารลิโป้ที่เหลืออีกสี่ห้าคนจึงไม่กล้าติดตามเข้ามาอีก เตียนอุยพาโจโฉหนีต่อไปเพื่อจะกลับเข้าค่ายจนใกล้ค่ำลิโป้ก็ยกทหารตามมาทัน โจโฉก็ตกใจ ทั้งอ่อนล้า หิวโหย สิ้นเรี่ยวแรง ทหารโจโฉที่ตามมาสี่ห้าคนจึงแยกย้ายกันวิ่งหนี เตียนอุยพาโจโฉหนีลิโป้ต่อไป พอดีแฮหัวตุ้นคุมทหารตามมาทันจึงเข้าสกัดลิโป้ไว้จนใกล้พลบค่ำ ฝนก็ตกหนักลงมา ลิโป้จึงรีบยกทหารกลับไปค่าย
ฝ่ายโจโฉ เตียนอุย แฮหัวตุ้นและทหารที่เหลือซึ่งเปียกปอนและอิดโรยเต็มที่ หนีกลับเข้าค่ายได้เกือบย่างเข้ายามสอง ถึงค่ายแล้วโจโฉจึงสั่งทหารปูนบำเหน็จรางวัลแก่เตียนอุยเป็นอันมาก
การศึกยกที่สองระหว่างโจโฉกับลิโป้ตั้งแต่สองยามวันหนึ่งต่อเนื่องมาถึงค่ำอีกวันหนึ่ง สิ้นสุดลงโดยพระพิรุณประทานฝนมาห้ามทัพ และโจโฉเป็นฝ่ายปราชัยอย่างย่อยยับแทบจะเอาตัวไม่รอด
ความปราชัยของโจโฉในครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นการปราชัยครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต และเกิดขึ้นโดยที่โจโฉคาดคิดไม่ถึง เนื่องจากมองข้ามเรื่องสำคัญไปสองเรื่อง
เรื่องสำคัญเรื่องแรกคือเรื่องตันก๋ง โจโฉไม่รู้จักคนผู้นี้ดีพอ เนื่องจากอยู่ร่วมกันเพียงชั่วสองสามวัน คิดว่าตันก๋งเป็นเพียงเจ้าเมืองธรรมดาที่ไม่เอาไหนเหมือนกับบรรดาเจ้าเมืองอื่น ๆ ที่เอาแต่เสพสุข คอร์รัปชั่น รีดไถ และข่มเหงราษฎร โดยหารู้ไม่ว่าตันก๋งนั้นคือนักยุทธศาสตร์ทั้งการเมืองและการทหาร
เรื่องสำคัญเรื่องที่สองคือความสัมพันธ์ระหว่างลิโป้กับตันก๋ง ซึ่งโจโฉรู้จักลิโป้ดีว่าเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ แต่หัวรั้น โลภและไร้สติปัญญา จึงเชื่อว่าจะสามารถกำจัดลิโป้ได้โดยง่าย ดังนั้นโจโฉจึงประมาทคิดจับปลาทีเดียวพร้อมกันสองมือ จะยึดเอาทั้งเมืองกุนจิ๋วและเมืองปักเอี้ยงพร้อมกันในคราวเดียว มิหนำซ้ำยังวางกำลังหลักไว้ที่การยึดเมืองกุนจิ๋ว ตัวเองยกกำลังส่วนน้อยมาเมืองปักเอี้ยง หวังเอาชนะลิโป้ด้วยสติปัญญา
โจโฉมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างลิโป้ซึ่งสุดยอดเชิงบู๊ว่าไร้สติปัญญา มองข้ามตันก๋งซึ่งนับว่าเป็นยอดคนทางบุ๋นว่าเป็นเพียงขุนนางตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ความหมาย ครั้นสุดยอดทางบู๊กับยอดคนทางบุ๋นมารวมตัวกัน โดยที่โจโฉไม่รู้ความข้อนี้และมองข้ามความข้อนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าตระหนกอย่างยิ่ง เพราะสภาพเช่นนี้คือสภาพที่ไม่ใช่เพียงโจโฉ “ไม่รู้เขา” เอาเสียเลยเท่านั้น หากยังเข้าใจสภาพการศึกที่ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกด้วย
ดังนั้นความปราชัยของโจโฉจึงเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นอย่างแน่นอนแล้วภายใต้กฎแห่งสงคราม
แต่ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างตันก๋งกับลิโป้นั้นมิใช่จะปกติลึกซึ้งกระไรนัก เพราะตันก๋งมิได้สมัครใจอยู่กับลิโป้หากทำราชการอยู่กับเมืองตันลิว ที่มาด้วยลิโป้ก็เพราะเจ้าเมืองตันลิวมอบหมายให้ช่วยเหลือโตเกี๋ยม ซึ่งสอดคล้องกับความประสงค์ของตันก๋งสถานหนึ่ง และเพื่อป้องกันเมืองตันลิวอันเป็นผลประโยชน์ของเจ้าเมืองตันลิวอีกสถานหนึ่ง ในขณะที่ลิโป้ก็มิได้เชื่อถือศรัทธาตันก๋ง แต่ทั้งสองคนนี้กลับต้องมาร่วมกันทำศึก ดังนั้นความเห็นของตันก๋งจึงไม่สามารถเปล่งอานุภาพได้เต็มที่
ลิโป้พอใจจะเชื่อก็ปฏิบัติตาม ไม่พอใจจะเชื่อก็ถือเอาความคิดตนเป็นใหญ่ ด้วยเหตุนี้โอกาสกำจัดโจโฉตอนเดินทัพตามซอกเขาไทสันและการโจมตีโจโฉในขณะที่เพิ่งยกถึงเมืองปักเอี้ยง ซึ่งทั้งอ่อนล้าและยังไม่ทันตั้งค่ายจึงไม่ได้รับการปฏิบัติจากลิโป้
แม้ในการสงครามครั้งที่สอง ซึ่งโจโฉปราชัยย่อยยับก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากลิโป้ปฏิบัติตามคำตันก๋งส่งทหารไปเสริมไว้ที่ค่ายตะวันตกก่อนแล้วค่อยยกไปตีกระหนาบ โจโฉก็จะย่อยยับกว่านี้ แม้กระนั้นอานุภาพของฝีมือทางบู๊ของลิโป้กับมันสมองอันเลิศทางบุ๋นของตันก๋งก็ได้ทำให้โจโฉเกือบเอาตัวไม่รอด
การที่โจโฉหนีลิโป้ที่ค่ายตะวันตกแล้วถูกทหารลิโป้ออกสกัดโจมตีตลอดแนวทางด้านทิศเหนือ ด้านทิศตะวันออก เรื่อยมาจนเกือบจะถึงค่ายโจโฉทางด้านทิศใต้ถึงสามครั้งสามครานั้นมิใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือจากความคิดอ่านของลิโป้ เพราะสติปัญญาของลิโป้นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ถึงการหนีของโจโฉได้แม่นยำถึงปานนั้น และโดยความรับรู้ของลิโป้ก็ไม่ได้รู้จักภูมิประเทศของเมืองปักเอี้ยง
ตันก๋งต่างหากที่รู้จักสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างดี ครั้นลิโป้ยกทหารออกไปช่วยค่ายตะวันตกยามใกล้รุ่งก็ได้มอบหมายให้ตันก๋งรักษาค่ายทิศใต้ของตนไว้ ดังนั้นเมื่อ ลิโป้ยกทหารออกไปแล้ว ข้างภายในค่ายของลิโป้จึงมีตันก๋งเป็นผู้บังคับบัญชาแทนลิโป้
ตันก๋งจึงอาศัยอำนาจและโอกาสนี้บัญชาการให้จัดทหารเป็นสามกอง ยกไปตั้งสกัดโจโฉ ซึ่งตันก๋งคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเมื่อลิโป้ยกออกไปช่วยค่ายตะวันตก โจโฉจะต้องแตกหนีไปอ้อมเมืองปักเอี้ยงทางด้านทิศเหนือ แล้ววกกลับมาทางด้านตะวันออกจึงจะกลับเข้าค่ายได้
เมื่อคาดการณ์เส้นทางที่โจโฉจะหนีแล้ว จึงวางกำลังไปสกัดถึงสามกอง เพื่อให้มั่นใจว่าคราวนี้โจโฉต้องตายแน่นอน ความคิดของตันก๋งครั้งนี้ก็พอจะเห็นได้ว่าโจโฉคงจะเอาตัวรอดได้โดยยาก แต่ทว่า “ความคิดเป็นของคน แต่ความสำเร็จเป็นของฟ้า” ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นเพราะความเก่งกล้าสามารถของเตียนอุย องครักษ์ประจำตัวของโจโฉที่สามารถพาโจโฉตีฝ่าทหารที่สกัดหลุดรอดไปได้
แม้เมื่อลิโป้ไล่ตามมาทันก่อนจะถึงค่ายทางทิศใต้ โจโฉมีเพียงแฮหัวตุ้นเท่านั้นที่สกัดลิโป้ไว้ ลำพังฝีมือของแฮหัวตุ้นคงจะสกัดไว้ได้ไม่นาน แต่ฝนกลับตกหนักลงมา ลิโป้ซึ่งคงจะเป็นคนกลัวฝน กลัวเปียก ดังที่จะเห็นได้ตลอดมาว่าถ้าฝนตกลงมาคราวใด ลิโป้มีอันต้องยกทหารกลับเข้าเมืองหรือกลับเข้าค่ายทุกครั้ง
ดังนั้นถ้าหากโจโฉรู้มาก่อนว่าตันก๋งไม่ใช่เจ้าเมืองธรรมดาเหมือนกับบรรดาเจ้าเมืองที่เคยพบ โจโฉย่อมหาหนทางเอาตัวตันก๋งมาทำราชการด้วยเป็นแน่แท้ และคงไม่ต้องเสียหายยับเยินถึงปานนี้
นี่คือฤทธิ์เดชของสิ่งที่โจโฉมองข้ามไป
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ มันสมองของตันก๋งยังคงคิดอ่านแผนการกำจัดโจโฉออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นเมื่อตันก๋งทราบข่าวว่าเจ้าเมืองปักเอี้ยงเกิดรักตัวกลัวตายจากสงคราม จึงทิ้งเมืองปักเอี้ยงเสีย แล้วพาครอบครัวหลบหนีไปตั้งแต่คืนที่โจโฉเข้าปล้นค่ายตะวันตกแล้ว ตันก๋งจึงรีบไปหาลิโป้รายงานเรื่องนี้ให้ทราบ
รายงานแล้วตันก๋งได้เอาข่าวคราวเรื่องนี้กำหนดขึ้นเป็นแผนกำจัดโจโฉต่อไป และต้องถือว่าเป็น “แผนพิฆาต” อย่างแท้จริง เพราะแผนการพิฆาตนี้คือแผนการใช้พลังจักรวาลเข้าทำสงครามเป็นครั้งแรกในสามก๊ก.