ตอนที่ 617. ช่วงชิงกระทำก่อน
เกียงอุยยกกองทัพไปใกล้ปากทางออกเขากิสาน เห็นกองทัพเตงงายตั้งค่ายเป็นกลพยุหะนาคบาศก์ไม่อาจเข้าตีได้ จึงแบ่งทหารส่วนน้อยหลอกล่อให้เตงงายหลงอยู่กับที่ แล้วพากองทัพใหญ่จะยกไปตีเมืองลำอั๋น ครั้นเตงงายเห็นทหารเสฉวนไม่ยกเข้าตีก็แจ้งในอุบายของเกียงอุย จึงวางแผนเผด็จศึกอย่างลึกซึ้ง
ทั้งสองฝ่ายต่างรู้เท่าทันกันและกัน ดังนั้นความได้เปรียบเสียเปรียบจึงขึ้นอยู่กับความกระจ่างแจ้งในภูมิประเทศ และการช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำก่อนเป็นสำคัญ เตงงายนั้นชำนาญภูมิประเทศ จึงช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำและลงมือเป็นฝ่ายกระทำก่อน จึงมีสถานะเป็นฝ่ายรุกและเป็นฝ่ายกระทำอย่างต่อเนื่อง
ต้านท่ายได้ยินแผนการของเตงงายกระจ่างแจ้งแสดงผลบั้นปลายของสงครามอย่างชัดเจนก็ตกตะลึง กล่าวว่าข้าพเจ้ารับราชการอยู่ในภาคตะวันตกร่วมสามสิบปีแล้ว ยังไม่รู้แจ้งในภูมิประเทศเหมือนกับที่ท่านได้ระบุในแผนการครั้งนี้เลย ตัวท่านกระจ่างในภูมิประเทศทั้งปวงประดุจดังนิ้วในฝ่ามือเป็นที่อัศจรรย์ แลยังมีสติปัญญาในการบัญชาทหารเสมอด้วยเทพยดา ดังนี้แล้วจะเกรงกลัวอันใดกับทหารเมืองเสฉวน
ครั้นกลับลงมาจากเนินเขาเข้าไปในค่ายแล้ว เตงงายจึงจัดทหารห้าหมื่นให้ต้านท่ายและคุมกองทัพที่เหลือรีบรุดเดินทางไปยังเมืองลำอั๋น เตงงายเดินทัพทั้งวันทั้งคืนด้วยอัตราความเร็วสองสามเท่าตัว และเร่งให้ทหารสอดแนมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกองทัพเกียงอุยอย่างใกล้ชิด
กองทัพของเตงงายเดินทัพตามเส้นทางลัดด้วยความชำนาญภูมิประเทศและเข้ายึดเขาบูเสียงสันก่อนที่กองทัพเกียงอุยจะไปถึง เตงงายให้ทหารตั้งค่ายไว้ในป่า หลังอิงภูเขา หน้ายันทุ่งราบตามตำราพิชัยสงครามด้วยความใจเย็น เพราะได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่าอย่างเร็วอีกหนึ่งวันกองทัพเกียงอุยจึงจะยกมาถึง
เตงงายได้ทราบว่าเกียงอุยยังยกมาไม่ถึงก็มีความยินดี เรียกเตงต๋งผู้บุตรและสุเมาซึ่งเป็นนายทหารรองเข้ามาหาแล้วกระซิบสั่งการว่า ให้พวกเจ้าทั้งสองคนคุมทหารคนละ ห้าพันยกไปตั้งในซอกเขาซึ่งเป็นเส้นทางไปเขากิสาน ณ ตำบลตวนโกะ เมื่อยกไปถึงให้กำชับทหารทั้งปวงอย่าได้ปักธงทิว หรือกระทำซุ่มเสียงสำเนียงใด ๆ ให้ซุ่มสงบเงียบไว้ทุกเมื่อ และให้แต่งหน่วยลาดตระเวนคอยสอดแนมอย่าได้ประมาท เมื่อเกียงอุยพาทหารถอยไปถึงจุดซุ่มก็ให้รุมกันตีกระหนาบจงพร้อมกัน อย่าให้ทันได้ตั้งตัว
เตงต๋งและสุเมารับคำสั่งของเตงงายแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร และรีบยกไปตามแผนการที่เตงงายกำหนด
ฝ่ายเกียงอุยคุมกองทัพใหญ่ยกมาจากปากทางเขากิสานตามเส้นทางที่จะไปเมืองลำอั๋น ครั้นยกมาใกล้เขาบูเสียงสันจึงกล่าวกับแฮหัวป๋าว่าภูมิประเทศเขาบูเสียงสันนี้มีลักษณะประหลาด คล้ายกับเกาะแก่งปากแม่น้ำใหญ่ หากผ่านเขาบูเสียงสันไปแล้วก็จะเข้าตีเมืองลำอั๋นได้โดยสะดวก
แฮหัวป๋าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า เกียงอุยจึงกล่าวสืบไปว่าชัยภูมิเขาบูเสียงสันชอบกลนัก กริ่งแต่ว่าเตงงายมีสติปัญญา ถ้าหากให้ทหารมาตั้งซุ่มสกัดอยู่ที่เขาบูเสียงสันนี้แล้ว เราก็จะทำการขัดสน แต่ครั้งนี้โชคดีที่เตงงายตั้งค่ายอยู่ตำบลเขากิสาน ป่านฉะนี้คงจะหลงเฝ้าอยู่ที่ปากทาง กล่าวแล้วเกียงอุยก็หัวเราะ
ยังไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะของเกียงอุย พลันเสียงประทัดก็ดังขึ้น แล้วเสียงม้าล่อฆ้องกลองและเสียงโห่ร้องทหารก็ดังสนั่น ทหารวุยก๊กถือธงทิวปลิวไสวยกออกมาจากป่าข้างเนินเขาเป็นอันมาก ภายในผืนธงใหญ่ประจำตัวนายทัพมีอักษรจารึกชื่อเตงงายปลิวไสวรุดออกมาจากป่าหน้าเนินเขา เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ
ในพลันนั้นทหารวุยก๊กได้ยกพ้นออกจากแนวป่า รุกเข้าจู่โจมกองหน้าของเกียงอุยซึ่งกำลังตกตะลึงพรึงเพริดอย่างดุเดือดรวดเร็ว ทหารจ๊กก๊กพากันตกใจแตกตื่นถอยร่นไม่เป็นขบวน จนกระทบกับกองทัพหลวงของเกียงอุย
เกียงอุยตั้งสติมั่นแล้วจึงเร่งทหารในกองทัพหลวงให้หนุนเนื่องขึ้นไปช่วยกองหน้า ทหารวุยก๊กเห็นกองทัพหลวงของจ๊กก๊กยกหนุนมาจึงพากันล่าถอยเข้าไปในป่า
เกียงอุยเห็นได้ทีจึงพาทหารไล่ตามตี ครั้นเข้าไปใกล้เขตแนวป่าเห็นค่ายทหารวุยก๊กตั้งรายเรียงอยู่ในป่าเป็นอันมาก ทันใดนั้นทหารวุยก๊กได้ระดมยิงเกาทัณฑ์ออกมาจากแนวป่าดุจห่าฝน
เกียงอุยเห็นทหารจะรุกฝ่าเข้าไปในป่าไม่ได้จึงสั่งให้ทหารถอยออกมานอกรัศมีเกาทัณฑ์ แล้วให้ทหารไปร้องด่าท้าทายเตงงายให้ยกออกมารบกันที่ทุ่งราบ แต่ไม่มีเสียงขานรับใด ๆ ออกมาจากราวป่า
เกียงอุยให้ทหารร้องท้าอยู่จนเวลาเย็น เห็นทหารวุยก๊กจะไม่ยกออกมารบแน่แล้ว จึงให้ทหารตัดไม้และขนก้อนศิลาเตรียมจะตั้งค่ายประจันหน้ากับกองทัพของวุยก๊ก
ในขณะที่ทหารเกียงอุยกำลังสาละวนจะตั้งค่ายนั้น เสียงประทัดสัญญาณก็ดังสนั่นหวั่นไหวจากในราวป่าอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยก๊กเป็นอันมากพากันยกออกมาจากป่ารุกเข้าโจมตีทหารจ๊กก๊ก
ทหารของเกียงอุยไม่ทันระวังตัว จึงถูกทหารวุยก๊กจู่โจมเข้าฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พากันแตกตื่นถอยร่นไม่สามารถตั้งค่ายได้ เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ล่าถอยไปตามเส้นทางเดิมที่ยกมา จนเที่ยงวันรุ่งขึ้นเห็นข้าศึกไม่ได้ติดตามมาแล้ว เกียงอุยจึงสั่งทหารให้ตัดไม้เตรียมจะตั้งค่าย
ทหารจ๊กก๊กตัดไม้อยู่จนถึงเวลาค่ำ ได้ไม้มากพอแล้วจึงเตรียมที่จะปักค่าย แต่ด้วยความหิวโหยจึงหุงหาอาหารเตรียมการว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะปักค่ายต่อไป พอเวลายามเศษทหารจ๊กก๊กยังไม่ทันปักค่ายก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นจากทุกทิศทาง บรรดากองไม้ซึ่งเตรียมจะตั้งค่ายได้ถูกเพลิงเผาไหม้จนหมดสิ้น และทหารวุยก๊กได้ยกออกมาจากป่าพร้อมกัน
เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบพาทหารถอยหนีเข้าไปในซอกเขาเป็นระยะทางสองร้อยเส้น เห็นข้าศึกไม่ติดตามมาแล้ว เกียงอุยจึงปรึกษากับแฮหัวป๋าว่าเตงงายนี้สติปัญญาหลักแหลมลึกซึ้งนัก เราจะทำการประการใดก็รู้ล่วงหน้าป้องกันไว้ทุกประการ ซึ่งจะยกไปตีเมืองลำอั๋นเห็นจะขัดสนเพราะเตงงายได้ยกทหารมาสกัดป้องกันเอาไว้แล้ว ชอบที่จะยกไปตีเมืองเซียงเท้งก่อน แลเมืองเซียงเท้งนี้เป็นแหล่งเสบียงอาหารหล่อเลี้ยงเมืองลำอั๋น หากได้เมืองเซียงเท้งแล้วก็จะได้เมืองลำอั๋นด้วย เมื่อครั้งที่มหาอุปราชอาจารย์เรามีชีวิตอยู่ได้คิดอ่านอุบายแยบยลยึดสามหัวเมืองไว้ได้ในเวลาพร้อม ๆ กัน แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ถึงกระนั้นหากได้เมืองเซียงเท้งแล้วก็จะได้ผลเป็นอย่างเดียวกัน
เกียงอุยกล่าวกับแฮหัวป๋าสืบไปว่า ให้ท่านคุมทหารตั้งค่ายอยู่ในซอกเขา หลอกล่อให้เตงงายพะว้าพะวังอยู่ที่เขาบูเสียงสัน ตัวข้าพเจ้าจะยกกองทัพไปตีเมืองเซียงเท้ง เมื่อได้เมืองเซียงเท้งแล้วข้าพเจ้าจะยกทหารอ้อมไปตีเมืองลำอั๋น จากนั้นจึงยกทหารมาตีกระหนาบกองทัพเตงงายพร้อมกันเห็นจะได้ชัยชนะเป็นมั่นคง
แฮหัวป๋าได้ฟังแผนการของเกียงอุยก็เห็นด้วย จึงกล่าวว่าท่านจงเร่งทำการตามแผนนี้เถิด ข้าพเจ้าจะคุมทหารหลอกล่อเตงงายไว้ที่นี่เอง เมื่อท่านจะยกมาตีกองทัพของเตงงายก็ให้ม้าเร็วแจ้งข่าวให้ข้าพเจ้าทราบล่วงหน้า
พอค่ำลงเกียงอุยจึงคุมทหารแยกเดินทางจะไปยังเมืองเซียงเท้ง เร่งให้เดินทัพตลอดทั้งคืน จนรุ่งสางก็เข้าเขตซอกเขาแห่งหนึ่งเป็นทางแคบและมีป่ารบทึบอยู่สองข้างทั้งซ้ายขวา เงียบสงัดวังเวง ไม่ได้ยินเสียงนกกาตามปกติ ดูเป็นที่คับขันชอบกล เกียงอุยจึงถามทหารผู้นำทางว่าตำบลนี้มีชื่อใด
ทหารมัคคุเทศก์จึงรายงานว่า บริเวณตำบลนี้เป็นรอยต่อกับซอกเขาที่จะไปยังเขากิสาน มีช่องว่างระหว่างหุบเขาทำให้เทือกเขาขาดตอน จึงเรียกชื่อตามสภาพภูมิประเทศว่าเขาขาดหรือเขาตวนโกะ
เกียงอุยได้ฟังชื่อภูมิประเทศว่าเป็นเทือกเขาขาด สอดคล้องกับสภาพที่ตัดขาดเส้นทางอันจะไปยังตำบลเขากิสาน และมีลักษณะภูมิประเทศเป็นอุกฤตภูมิก็ตกใจ จึงว่า “เขาอันนี้เป็นที่คับขัน ชื่อเสียงก็ร้ายอยู่ หาดีไม่ ถ้าข้าศึกมาสกัดอยู่ทางที่จะกลับไป เราจะมิขัดสนหรือ”
เกียงอุยปรารภอย่างลืมตัวดังนั้นแล้วก็อ้ำอึ้งตะลึงขึงอยู่ พอดีหน่วยสอดแนมได้ขี่ม้าเข้าไปใกล้แล้วรายงานว่า ได้เห็นฝุ่นตลบขึ้นในป่าข้างทางซ้ายขวา เห็นประหลาดนัก
เกียงอุยและทหารอยู่ในช่องแคบ มีป่ารกทึบทั้งสองด้าน มองไม่เห็นสภาพการณ์ที่ลึกเข้าไปในป่าใกล้เชิงเขา แต่พอได้ฟังรายงานก็กริ่งว่าข้าศึกซุ่มกำลังจะยกเข้าตี จึงออกคำสั่งให้ถอยทัพ
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของเกียงอุย เสียงประทัดก็ดังขึ้นจากราวป่า ทหารวุยก๊กเป็น อันมากยกจู่โจมออกมาพร้อมกัน สกัดเส้นทางที่จะถอยไปทางเขากิสานจนหมดสิ้น ทหารจ๊กก๊กตกใจแตกตื่นคุมกันไม่ติด จึงถูกทหารวุยก๊กฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก
เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ สั่งทหารให้ตีฝ่าไปทางด้านตรงกันข้าม ตัวเกียงอุยคุมทหารคุ้มกันอยู่ด้านหลัง รบพลางถอยพลางอยู่พักใหญ่ก็ถึงทางแยกซอกเขา ได้ยินเสียงทหารอีกกองหนึ่งโห่ร้องยกมาตามทางแยกนั้น ปรากฏเป็นกองทัพของเตงงายตีกระหนาบเข้ามา
เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้รีบล่าถอยไปโดยเร็ว เกียงอุยคุมทหารซี่งมีฝีมือคอยคุ้มกันสกัดอยู่ด้านหลัง และเนื่องจากเป็นเส้นทางแคบ แม้กองทัพเตงงายจะยกมาเป็นอันมากแต่ก็ถูกภูมิประเทศจำกัด ไม่อาจใช้กำลังมากให้เป็นประโยชน์ได้ ดังนั้นฝ่ายหนึ่งรุก ฝ่ายหนึ่งถอยจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล
ฝ่ายแฮหัวป๋าตั้งค่ายคุมเชิงกองทัพเตงงายอยู่ในซอกเขา วันหนึ่งได้รับรายงานจากหน่วยลาดตระเวนว่ากองทัพของเตงงายได้ลอบยกออกจากค่ายติดตามเกียงอุยไป
แฮหัวป๋าได้ทราบรายงานก็ตกใจ เกรงว่าเกียงอุยจะต้องกลเสียทีข้าศึก จึงคุมทหารยกออกจากซอกเขาติดตามกองทัพเตงงายไป
ในขณะที่เตงงายกำลังคุมทหารไล่ตามตีเกียงอุยอยู่ในซอกเขานั้น พลันได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารดังขึ้นด้านหลัง เหลียวกลับไปดูเห็นเป็นทหารจ๊กก๊กยกตีกระหนาบมาทางด้านหลังก็สำคัญว่าเกียงอุยซุ่มทหารไว้ จึงตีฝ่าพาทหารออกไปทางซอกเขาน้อยอีกด้านหนึ่ง
เกียงอุยได้ยินเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นด้านหลังและได้รับรายงานว่าเป็นกองทัพของแฮหัวป๋ายกหนุนตามมาช่วยก็ดีใจ สั่งทหารให้กลับหลังเป็นหน้าเข้าตีกระหนาบกองทัพของเตงงาย ครั้นเห็นเตงงายพาทหารหลบออกไปทางซอกเขาแล้ว เกียงอุยจึงเข้าไปหาแฮหัวป๋า แล้วปรึกษากันว่าเตงงายเพิ่งจะพาทหารไปตามทางแยก ชอบที่เราจะรีบยกไปที่ตำบลเขากิสาน ตีค่ายของเตงงายที่ตำบลเขากิสานนั้นเห็นจะได้โดยง่าย
แฮหัวป๋าจึงว่า ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับรายงานก่อนจะยกมานี้ว่าหลังจากท่านและข้าพเจ้ายกออกมาจากตำบลเขากิสานแล้ว ต้านท่ายได้คุมทหารเข้าตีค่ายที่ซอกเขาทางออกเขากิสาน เปาเชานายทหารซึ่งรักษาค่ายตายในที่รบ ทหารที่เหลือแตกหนีกลับคืนเมืองฮันต๋งหมดสิ้นแล้ว
เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็เสียใจ เพราะกองหน้าซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลเขากิสานก็แตกหนี ทหารที่เหลืออยู่ก็ไม่พอเพียงที่จะรุดหน้าไปได้ จึงจำใจสั่งให้ล่าทัพจะถอยกลับไปเมืองฮันต๋ง
ครั้นกองทัพเกียงอุยล่าถอยไปใกล้จะเข้าเขตแดนเมืองฮันต๋ง ก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องดังมาจากด้านหลัง เห็นเป็นกองทัพของเตงงายไล่ตามมา เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงเร่งทหารให้รีบล่าถอย แต่เกียงอุยนั้นคุมทหารซึ่งมีฝีมือรบพุ่งป้องกันอยู่ด้านหลัง.
ทั้งสองฝ่ายต่างรู้เท่าทันกันและกัน ดังนั้นความได้เปรียบเสียเปรียบจึงขึ้นอยู่กับความกระจ่างแจ้งในภูมิประเทศ และการช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำก่อนเป็นสำคัญ เตงงายนั้นชำนาญภูมิประเทศ จึงช่วงชิงเป็นฝ่ายกระทำและลงมือเป็นฝ่ายกระทำก่อน จึงมีสถานะเป็นฝ่ายรุกและเป็นฝ่ายกระทำอย่างต่อเนื่อง
ต้านท่ายได้ยินแผนการของเตงงายกระจ่างแจ้งแสดงผลบั้นปลายของสงครามอย่างชัดเจนก็ตกตะลึง กล่าวว่าข้าพเจ้ารับราชการอยู่ในภาคตะวันตกร่วมสามสิบปีแล้ว ยังไม่รู้แจ้งในภูมิประเทศเหมือนกับที่ท่านได้ระบุในแผนการครั้งนี้เลย ตัวท่านกระจ่างในภูมิประเทศทั้งปวงประดุจดังนิ้วในฝ่ามือเป็นที่อัศจรรย์ แลยังมีสติปัญญาในการบัญชาทหารเสมอด้วยเทพยดา ดังนี้แล้วจะเกรงกลัวอันใดกับทหารเมืองเสฉวน
ครั้นกลับลงมาจากเนินเขาเข้าไปในค่ายแล้ว เตงงายจึงจัดทหารห้าหมื่นให้ต้านท่ายและคุมกองทัพที่เหลือรีบรุดเดินทางไปยังเมืองลำอั๋น เตงงายเดินทัพทั้งวันทั้งคืนด้วยอัตราความเร็วสองสามเท่าตัว และเร่งให้ทหารสอดแนมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกองทัพเกียงอุยอย่างใกล้ชิด
กองทัพของเตงงายเดินทัพตามเส้นทางลัดด้วยความชำนาญภูมิประเทศและเข้ายึดเขาบูเสียงสันก่อนที่กองทัพเกียงอุยจะไปถึง เตงงายให้ทหารตั้งค่ายไว้ในป่า หลังอิงภูเขา หน้ายันทุ่งราบตามตำราพิชัยสงครามด้วยความใจเย็น เพราะได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่าอย่างเร็วอีกหนึ่งวันกองทัพเกียงอุยจึงจะยกมาถึง
เตงงายได้ทราบว่าเกียงอุยยังยกมาไม่ถึงก็มีความยินดี เรียกเตงต๋งผู้บุตรและสุเมาซึ่งเป็นนายทหารรองเข้ามาหาแล้วกระซิบสั่งการว่า ให้พวกเจ้าทั้งสองคนคุมทหารคนละ ห้าพันยกไปตั้งในซอกเขาซึ่งเป็นเส้นทางไปเขากิสาน ณ ตำบลตวนโกะ เมื่อยกไปถึงให้กำชับทหารทั้งปวงอย่าได้ปักธงทิว หรือกระทำซุ่มเสียงสำเนียงใด ๆ ให้ซุ่มสงบเงียบไว้ทุกเมื่อ และให้แต่งหน่วยลาดตระเวนคอยสอดแนมอย่าได้ประมาท เมื่อเกียงอุยพาทหารถอยไปถึงจุดซุ่มก็ให้รุมกันตีกระหนาบจงพร้อมกัน อย่าให้ทันได้ตั้งตัว
เตงต๋งและสุเมารับคำสั่งของเตงงายแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร และรีบยกไปตามแผนการที่เตงงายกำหนด
ฝ่ายเกียงอุยคุมกองทัพใหญ่ยกมาจากปากทางเขากิสานตามเส้นทางที่จะไปเมืองลำอั๋น ครั้นยกมาใกล้เขาบูเสียงสันจึงกล่าวกับแฮหัวป๋าว่าภูมิประเทศเขาบูเสียงสันนี้มีลักษณะประหลาด คล้ายกับเกาะแก่งปากแม่น้ำใหญ่ หากผ่านเขาบูเสียงสันไปแล้วก็จะเข้าตีเมืองลำอั๋นได้โดยสะดวก
แฮหัวป๋าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า เกียงอุยจึงกล่าวสืบไปว่าชัยภูมิเขาบูเสียงสันชอบกลนัก กริ่งแต่ว่าเตงงายมีสติปัญญา ถ้าหากให้ทหารมาตั้งซุ่มสกัดอยู่ที่เขาบูเสียงสันนี้แล้ว เราก็จะทำการขัดสน แต่ครั้งนี้โชคดีที่เตงงายตั้งค่ายอยู่ตำบลเขากิสาน ป่านฉะนี้คงจะหลงเฝ้าอยู่ที่ปากทาง กล่าวแล้วเกียงอุยก็หัวเราะ
ยังไม่ทันสิ้นเสียงหัวเราะของเกียงอุย พลันเสียงประทัดก็ดังขึ้น แล้วเสียงม้าล่อฆ้องกลองและเสียงโห่ร้องทหารก็ดังสนั่น ทหารวุยก๊กถือธงทิวปลิวไสวยกออกมาจากป่าข้างเนินเขาเป็นอันมาก ภายในผืนธงใหญ่ประจำตัวนายทัพมีอักษรจารึกชื่อเตงงายปลิวไสวรุดออกมาจากป่าหน้าเนินเขา เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ
ในพลันนั้นทหารวุยก๊กได้ยกพ้นออกจากแนวป่า รุกเข้าจู่โจมกองหน้าของเกียงอุยซึ่งกำลังตกตะลึงพรึงเพริดอย่างดุเดือดรวดเร็ว ทหารจ๊กก๊กพากันตกใจแตกตื่นถอยร่นไม่เป็นขบวน จนกระทบกับกองทัพหลวงของเกียงอุย
เกียงอุยตั้งสติมั่นแล้วจึงเร่งทหารในกองทัพหลวงให้หนุนเนื่องขึ้นไปช่วยกองหน้า ทหารวุยก๊กเห็นกองทัพหลวงของจ๊กก๊กยกหนุนมาจึงพากันล่าถอยเข้าไปในป่า
เกียงอุยเห็นได้ทีจึงพาทหารไล่ตามตี ครั้นเข้าไปใกล้เขตแนวป่าเห็นค่ายทหารวุยก๊กตั้งรายเรียงอยู่ในป่าเป็นอันมาก ทันใดนั้นทหารวุยก๊กได้ระดมยิงเกาทัณฑ์ออกมาจากแนวป่าดุจห่าฝน
เกียงอุยเห็นทหารจะรุกฝ่าเข้าไปในป่าไม่ได้จึงสั่งให้ทหารถอยออกมานอกรัศมีเกาทัณฑ์ แล้วให้ทหารไปร้องด่าท้าทายเตงงายให้ยกออกมารบกันที่ทุ่งราบ แต่ไม่มีเสียงขานรับใด ๆ ออกมาจากราวป่า
เกียงอุยให้ทหารร้องท้าอยู่จนเวลาเย็น เห็นทหารวุยก๊กจะไม่ยกออกมารบแน่แล้ว จึงให้ทหารตัดไม้และขนก้อนศิลาเตรียมจะตั้งค่ายประจันหน้ากับกองทัพของวุยก๊ก
ในขณะที่ทหารเกียงอุยกำลังสาละวนจะตั้งค่ายนั้น เสียงประทัดสัญญาณก็ดังสนั่นหวั่นไหวจากในราวป่าอีกครั้งหนึ่ง ทหารวุยก๊กเป็นอันมากพากันยกออกมาจากป่ารุกเข้าโจมตีทหารจ๊กก๊ก
ทหารของเกียงอุยไม่ทันระวังตัว จึงถูกทหารวุยก๊กจู่โจมเข้าฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พากันแตกตื่นถอยร่นไม่สามารถตั้งค่ายได้ เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ล่าถอยไปตามเส้นทางเดิมที่ยกมา จนเที่ยงวันรุ่งขึ้นเห็นข้าศึกไม่ได้ติดตามมาแล้ว เกียงอุยจึงสั่งทหารให้ตัดไม้เตรียมจะตั้งค่าย
ทหารจ๊กก๊กตัดไม้อยู่จนถึงเวลาค่ำ ได้ไม้มากพอแล้วจึงเตรียมที่จะปักค่าย แต่ด้วยความหิวโหยจึงหุงหาอาหารเตรียมการว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะปักค่ายต่อไป พอเวลายามเศษทหารจ๊กก๊กยังไม่ทันปักค่ายก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นจากทุกทิศทาง บรรดากองไม้ซึ่งเตรียมจะตั้งค่ายได้ถูกเพลิงเผาไหม้จนหมดสิ้น และทหารวุยก๊กได้ยกออกมาจากป่าพร้อมกัน
เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบพาทหารถอยหนีเข้าไปในซอกเขาเป็นระยะทางสองร้อยเส้น เห็นข้าศึกไม่ติดตามมาแล้ว เกียงอุยจึงปรึกษากับแฮหัวป๋าว่าเตงงายนี้สติปัญญาหลักแหลมลึกซึ้งนัก เราจะทำการประการใดก็รู้ล่วงหน้าป้องกันไว้ทุกประการ ซึ่งจะยกไปตีเมืองลำอั๋นเห็นจะขัดสนเพราะเตงงายได้ยกทหารมาสกัดป้องกันเอาไว้แล้ว ชอบที่จะยกไปตีเมืองเซียงเท้งก่อน แลเมืองเซียงเท้งนี้เป็นแหล่งเสบียงอาหารหล่อเลี้ยงเมืองลำอั๋น หากได้เมืองเซียงเท้งแล้วก็จะได้เมืองลำอั๋นด้วย เมื่อครั้งที่มหาอุปราชอาจารย์เรามีชีวิตอยู่ได้คิดอ่านอุบายแยบยลยึดสามหัวเมืองไว้ได้ในเวลาพร้อม ๆ กัน แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ถึงกระนั้นหากได้เมืองเซียงเท้งแล้วก็จะได้ผลเป็นอย่างเดียวกัน
เกียงอุยกล่าวกับแฮหัวป๋าสืบไปว่า ให้ท่านคุมทหารตั้งค่ายอยู่ในซอกเขา หลอกล่อให้เตงงายพะว้าพะวังอยู่ที่เขาบูเสียงสัน ตัวข้าพเจ้าจะยกกองทัพไปตีเมืองเซียงเท้ง เมื่อได้เมืองเซียงเท้งแล้วข้าพเจ้าจะยกทหารอ้อมไปตีเมืองลำอั๋น จากนั้นจึงยกทหารมาตีกระหนาบกองทัพเตงงายพร้อมกันเห็นจะได้ชัยชนะเป็นมั่นคง
แฮหัวป๋าได้ฟังแผนการของเกียงอุยก็เห็นด้วย จึงกล่าวว่าท่านจงเร่งทำการตามแผนนี้เถิด ข้าพเจ้าจะคุมทหารหลอกล่อเตงงายไว้ที่นี่เอง เมื่อท่านจะยกมาตีกองทัพของเตงงายก็ให้ม้าเร็วแจ้งข่าวให้ข้าพเจ้าทราบล่วงหน้า
พอค่ำลงเกียงอุยจึงคุมทหารแยกเดินทางจะไปยังเมืองเซียงเท้ง เร่งให้เดินทัพตลอดทั้งคืน จนรุ่งสางก็เข้าเขตซอกเขาแห่งหนึ่งเป็นทางแคบและมีป่ารบทึบอยู่สองข้างทั้งซ้ายขวา เงียบสงัดวังเวง ไม่ได้ยินเสียงนกกาตามปกติ ดูเป็นที่คับขันชอบกล เกียงอุยจึงถามทหารผู้นำทางว่าตำบลนี้มีชื่อใด
ทหารมัคคุเทศก์จึงรายงานว่า บริเวณตำบลนี้เป็นรอยต่อกับซอกเขาที่จะไปยังเขากิสาน มีช่องว่างระหว่างหุบเขาทำให้เทือกเขาขาดตอน จึงเรียกชื่อตามสภาพภูมิประเทศว่าเขาขาดหรือเขาตวนโกะ
เกียงอุยได้ฟังชื่อภูมิประเทศว่าเป็นเทือกเขาขาด สอดคล้องกับสภาพที่ตัดขาดเส้นทางอันจะไปยังตำบลเขากิสาน และมีลักษณะภูมิประเทศเป็นอุกฤตภูมิก็ตกใจ จึงว่า “เขาอันนี้เป็นที่คับขัน ชื่อเสียงก็ร้ายอยู่ หาดีไม่ ถ้าข้าศึกมาสกัดอยู่ทางที่จะกลับไป เราจะมิขัดสนหรือ”
เกียงอุยปรารภอย่างลืมตัวดังนั้นแล้วก็อ้ำอึ้งตะลึงขึงอยู่ พอดีหน่วยสอดแนมได้ขี่ม้าเข้าไปใกล้แล้วรายงานว่า ได้เห็นฝุ่นตลบขึ้นในป่าข้างทางซ้ายขวา เห็นประหลาดนัก
เกียงอุยและทหารอยู่ในช่องแคบ มีป่ารกทึบทั้งสองด้าน มองไม่เห็นสภาพการณ์ที่ลึกเข้าไปในป่าใกล้เชิงเขา แต่พอได้ฟังรายงานก็กริ่งว่าข้าศึกซุ่มกำลังจะยกเข้าตี จึงออกคำสั่งให้ถอยทัพ
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของเกียงอุย เสียงประทัดก็ดังขึ้นจากราวป่า ทหารวุยก๊กเป็น อันมากยกจู่โจมออกมาพร้อมกัน สกัดเส้นทางที่จะถอยไปทางเขากิสานจนหมดสิ้น ทหารจ๊กก๊กตกใจแตกตื่นคุมกันไม่ติด จึงถูกทหารวุยก๊กฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก
เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ สั่งทหารให้ตีฝ่าไปทางด้านตรงกันข้าม ตัวเกียงอุยคุมทหารคุ้มกันอยู่ด้านหลัง รบพลางถอยพลางอยู่พักใหญ่ก็ถึงทางแยกซอกเขา ได้ยินเสียงทหารอีกกองหนึ่งโห่ร้องยกมาตามทางแยกนั้น ปรากฏเป็นกองทัพของเตงงายตีกระหนาบเข้ามา
เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้รีบล่าถอยไปโดยเร็ว เกียงอุยคุมทหารซี่งมีฝีมือคอยคุ้มกันสกัดอยู่ด้านหลัง และเนื่องจากเป็นเส้นทางแคบ แม้กองทัพเตงงายจะยกมาเป็นอันมากแต่ก็ถูกภูมิประเทศจำกัด ไม่อาจใช้กำลังมากให้เป็นประโยชน์ได้ ดังนั้นฝ่ายหนึ่งรุก ฝ่ายหนึ่งถอยจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล
ฝ่ายแฮหัวป๋าตั้งค่ายคุมเชิงกองทัพเตงงายอยู่ในซอกเขา วันหนึ่งได้รับรายงานจากหน่วยลาดตระเวนว่ากองทัพของเตงงายได้ลอบยกออกจากค่ายติดตามเกียงอุยไป
แฮหัวป๋าได้ทราบรายงานก็ตกใจ เกรงว่าเกียงอุยจะต้องกลเสียทีข้าศึก จึงคุมทหารยกออกจากซอกเขาติดตามกองทัพเตงงายไป
ในขณะที่เตงงายกำลังคุมทหารไล่ตามตีเกียงอุยอยู่ในซอกเขานั้น พลันได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารดังขึ้นด้านหลัง เหลียวกลับไปดูเห็นเป็นทหารจ๊กก๊กยกตีกระหนาบมาทางด้านหลังก็สำคัญว่าเกียงอุยซุ่มทหารไว้ จึงตีฝ่าพาทหารออกไปทางซอกเขาน้อยอีกด้านหนึ่ง
เกียงอุยได้ยินเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นด้านหลังและได้รับรายงานว่าเป็นกองทัพของแฮหัวป๋ายกหนุนตามมาช่วยก็ดีใจ สั่งทหารให้กลับหลังเป็นหน้าเข้าตีกระหนาบกองทัพของเตงงาย ครั้นเห็นเตงงายพาทหารหลบออกไปทางซอกเขาแล้ว เกียงอุยจึงเข้าไปหาแฮหัวป๋า แล้วปรึกษากันว่าเตงงายเพิ่งจะพาทหารไปตามทางแยก ชอบที่เราจะรีบยกไปที่ตำบลเขากิสาน ตีค่ายของเตงงายที่ตำบลเขากิสานนั้นเห็นจะได้โดยง่าย
แฮหัวป๋าจึงว่า ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับรายงานก่อนจะยกมานี้ว่าหลังจากท่านและข้าพเจ้ายกออกมาจากตำบลเขากิสานแล้ว ต้านท่ายได้คุมทหารเข้าตีค่ายที่ซอกเขาทางออกเขากิสาน เปาเชานายทหารซึ่งรักษาค่ายตายในที่รบ ทหารที่เหลือแตกหนีกลับคืนเมืองฮันต๋งหมดสิ้นแล้ว
เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็เสียใจ เพราะกองหน้าซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลเขากิสานก็แตกหนี ทหารที่เหลืออยู่ก็ไม่พอเพียงที่จะรุดหน้าไปได้ จึงจำใจสั่งให้ล่าทัพจะถอยกลับไปเมืองฮันต๋ง
ครั้นกองทัพเกียงอุยล่าถอยไปใกล้จะเข้าเขตแดนเมืองฮันต๋ง ก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องดังมาจากด้านหลัง เห็นเป็นกองทัพของเตงงายไล่ตามมา เกียงอุยเห็นดังนั้นจึงเร่งทหารให้รีบล่าถอย แต่เกียงอุยนั้นคุมทหารซึ่งมีฝีมือรบพุ่งป้องกันอยู่ด้านหลัง.