ตอนที่ 614. กล "ซื้อลูกไม้เก่า"

การศึกยกแรกของเกียงอุยในการบุกวุยก๊กครั้งที่สามได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ทำลายกองทัพข้าศึกเสียกว่าสองในสาม จนกองทัพวุยก๊กต้องล่าถอยไปตั้งรับอยู่ที่เมืองเต๊กโตเสีย เกียงอุยจึงปรึกษาเตรียมการที่จะยกกองทัพติดตามข้าศึกไปที่เมืองเต๊กโตเสียต่อไป

            เตียวเอ๊กขุนนางอาวุโสได้ห้ามปรามเกียงอุยถึงสามครั้งว่าเมื่อทำการได้ชัยชนะขนาดนี้แล้วควรที่จะเลิกทัพกลับ อย่าได้เสี่ยงภัยไล่ตามตีต่อไปเลย แต่เกียงอุยก็ไม่เชื่อฟัง สั่งให้เคลื่อนทัพตามไปที่เมืองเต๊กโตเสีย

            ฝ่ายอองเก๋งครั้นเข้าไปตั้งหลักในเมืองเต๊กโตเสียแล้ว จึงส่งใบบอกรายงานความศึกเข้าไปเมืองลกเอี๋ยง ครั้นสุมาเจียวได้ทราบความจึงสั่งการให้เตงงายรีบยกทหารหนุนไปช่วยอองเก๋งป้องกันรักษาเมืองเต๊กโตเสียไว้ อย่าให้เกียงอุยโจมตีรุกลึกเข้ามาในแดนวุยก๊กได้

            เตงงายรับคำสั่งแล้วจึงรีบนำกองทัพเร่งรุดมาที่เมืองเต๊กโตเสีย ในระหว่างทางพบกับต้านท่ายซึ่งเสียทีแก่เกียงอุย แล้วพาทหารที่เหลือหนีไปตั้งหลัก ตั้งวงเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คนเพื่อจะยกไปแก้มือกับเกียงอุยต่อไป

            ต้านท่ายได้พบกับเตงงายก็มีความยินดี ถามเตงงายว่ากองทัพจ๊กก๊กยกมาเป็นอันมาก เมื่อได้ชัยชนะในการศึกยกแรกแล้วกองทัพจ๊กก๊กจะถอยทัพกลับคืนเมืองเสฉวนหรือว่าจะยกรุดหน้าบุกแดนวุยก๊กต่อไป

            เตงงายจึงว่า ในระหว่างที่เดินทัพข้าพเจ้าได้ให้ทหารล่วงหน้าไปสอดแนมที่ใกล้เคียงกับกองทัพของเกียงอุย เพราะเกรงว่าถ้าเกียงอุยดำเนินยุทธวิธีใช้การเมืองนำการทหาร ทำการเกลี้ยกล่อมบรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ข้างเคียงให้มีน้ำใจภักดีด้วย แล้วยกพร้อมกันบุกรุกเข้าตีวุยก๊ก การข้างเราก็จะขัดสน แต่บุญเจ้าเรายังมากอยู่ทำให้เกียงอุยคิดไม่ถึงเรื่องนี้ กลับเตรียมการที่จะยกกองทัพรุกลึกเข้ามาตีเอาเมืองเต๊กโตเสียทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวั่นเกรงกองทัพเกียงอุยอีกแล้ว

            ต้านท่ายได้ฟังดังนั้นก็ตกตะลึง และถามสืบไปว่าเหตุใดท่านจึงกล่าวว่ากองทัพ เกียงอุยไม่น่าเกรงขามอีกต่อไปแล้ว

            เตงงายจึงว่า อันเมืองเต๊กโตเสียนี้เป็นชัยภูมิอย่างดียิ่ง กำแพงเมืองสูงใหญ่แข็งแรงมั่นคง คูเมืองทั้งกว้างแลลึก ราษฎรและเสบียงอาหารก็พร้อมเพรียง อาจตั้งรับข้าศึกได้ถึงครึ่งปี กองทัพเกียงอุยยกมาแต่แดนไกล ทหารอ่อนล้าอิดโรย เสบียงอาหารก็น้อย ดังนั้นแม้จะเป็นกองทัพที่ได้รับการอบรมฝึกปรือจากขงเบ้งมาแต่ก่อน แต่ก็เปรียบประดุจดังลูกเกาทัณฑ์อันคมกล้าที่แล่นมาปะทะกำแพงศิลา ไหนเลยจะทะลุฝ่าไปได้

            ต้านท่ายจึงว่า ถ้าใช้กลยุทธ์ตั้งรับอาศัยชัยภูมิที่ได้เปรียบก็เพียงแต่จะตั้งรับข้าศึกได้ไม่กี่เดือน หากเกียงอุยได้รับกองทัพหนุนเนื่องมาจะมิเสียทีแก่ข้าศึกดอกหรือ

            เตงงายจึงว่า ประเพณีการสงครามในยามรับมือข้าศึกซึ่งกำลังรุก ก็ต้องรับให้หยุดเป็นปฐม จากนั้นจึงยันให้อยู่แล้วเปลี่ยนไปสู่การรุกเพื่อขับไล่ทำลายข้าศึกให้แตกพ่าย ชัยภูมิเมืองเต๊กโตเสียสามารถรับมือให้ข้าศึกหยุดอยู่กับที่ได้โดยไม่ต้องสงสัย แต่การซึ่งจะยันและรุกข้าศึกให้แตกพ่ายกลับไปนั้นก็ใช่ว่าจะต้องใช้กำลังทหารรบพุ่งเสมอไป เมื่อครั้งที่พระเจ้าเล่าปี่ทำศึกกับพระเจ้าวุยอ๋องโจโฉที่ริมแม่น้ำหันซุย ขงเบ้งใช้กลอุบายให้พลกลองไม่กี่คนรบกวนข่มขวัญจนทหารของพระเจ้าวุยอ๋องไม่เป็นอันหลับนอนแล้วต้องล่าถอย หรือเมื่อครั้งที่ขงเบ้งยกไปรบกับลุดตัดกุดคนเถื่อนแดนใต้ ก็ได้ใช้อุบายให้อุยเอี๋ยนลวงลุดตัดกุดให้ไล่ตามตี ยอมแตกหนีถึงสิบห้าครั้ง ทิ้งค่ายสิบห้าค่ายในเจ็ดวัน แล้วเอาชัยชนะในที่สุดได้ เกียงอุยแม้จะร่ำเรียนการพิชัยสงครามมาเป็นอันมาก แต่ยังขาดประสบการณ์และขวัญกำลังใจที่มั่นคง ต่างกับขงเบ้งมากมายนัก ซึ่งไม่เกลี้ยกล่อมราษฎร เน้นแต่การใช้กำลังทหารบุกโจมตีเมืองเต๊กโตเสีย ก็ได้ประจักษ์แล้วว่าเกียงอุยได้ละเสียซึ่งปัจจัยแห่งชัยชนะ ถลำลึกเข้ามาสู่ปัจจัยแห่งความปราชัย ข้าพเจ้าจะใช้กลซื้อลูกไม้เก่าของขงเบ้งลวงเกียงอุยให้ถอยทัพกลับไปเมืองฮันต๋งให้จงได้

            ต้านท่ายได้ยินดังนั้นจึงสรรเสริญว่า เตงงายท่านเป็นนายทหารยังไม่ถึงชั้นนายพลแต่มีสติปัญญาเลิศล้นลึกล้ำนัก วันเวลาข้างหน้าข้าพเจ้าเห็นว่าแผ่นดินนี้จะไม่มีศึกไหน ครณาน้ำมือท่านเป็นแน่แท้

            เตงงายได้ฟังดังนั้นก็ถ่อมตัวว่า ท่านอย่าได้ยกย่องข้าพเจ้าจนเกินเลย ความคิดเห็นครั้งนี้จะผิดถูกประการใดยังไม่แจ้ง หากท่านเห็นเป็นประการใดก็จงได้ชี้นำเพื่อทำให้แผนการรบของเราสมบูรณ์ที่สุดเถิด

            ต้านท่ายจึงว่า สติปัญญาในการสงครามของท่านที่ข้าพเจ้าประจักษ์แล้วนี้เห็นว่าเหนือกว่าสุมาอี้อีก ข้าพเจ้ามีปัญญาน้อย เต็มใจที่จะรับฟังและปฏิบัติตามแผนการของท่านทุกประการ

            เตงงายขอบคุณต้านท่ายแล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้าจะทำกลอุบายเอาชัยชนะเกียงอุยโดยไม่ให้เปลืองแรงแก่ทหาร จะแบ่งทหารเป็นสองกองและอีกยี่สิบเอ็ดหน่วย ตัวท่านและข้าพเจ้าคุมทหารคนละกอง ยกไปตั้งอยู่สองข้างซอกเขาฮางเนีย ทำทีเป็นกำลังเคลื่อนทัพจะยกหนุนไปช่วยเมืองเต๊กโตเสีย แต่ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ส่วนอีกยี่สิบเอ็ดหน่วยนั้นหน่วยหนึ่งใช้กำลังสามร้อยคนทำหน้าที่เป็นพลกลอง และแตรเขาควาย ยกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าใกล้หน้าเมืองเต๊กโตเสีย พอพ้นเวลายามสองก็ให้ตีฆ้องกลองม้าล่อและเป่าแตรเขาควาย ทำทีประหนึ่งจะยกกองทัพเข้าตีค่ายของเกียงอุย  รบกวนอย่าให้ทหารจ๊กก๊กได้หลับนอน ส่วนอีกยี่สิบหน่วยที่เหลือให้จัดกำลังหน่วยละห้าสิบคนซุ่มอยู่ในป่าบนยอดเขาตลอดซอกเขาฮางเนีย ให้เอาประทัดและพลุไปเป็นอันมาก เมื่อใดที่กองทัพเกียงอุยจะล่าถอยทัพกลับเมืองฮันต๋ง ก็ให้จุดประทัดสัญญาณโห่ร้องทำทีจะยกเข้าตี กองทัพเกียงอุยก็จะแตกพ่ายไปเอง

            ต้านท่ายได้ฟังแผนการของเตงงายก็เห็นด้วย ดังนั้นเตงงายจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้ามาพร้อมกัน ชี้แจงแผนการอุบายทั้งปวงให้ทราบ แล้วสั่งให้เคลื่อนกำลังออกปฏิบัติการตามแผนการทุกประการ

            ฝ่ายเกียงอุยครั้นยกกองทัพมาถึงหน้าเมืองเต๊กโตเสียก็สั่งให้ทหารตั้งค่ายเรียงรายรอบเมืองเป็นจำนวนแปดค่ายใหญ่ ทหารข้างในเมืองแม้เห็นทหารจ๊กก๊กยกมาถึงและกำลังจะตั้งค่ายแต่เห็นว่าทหารจ๊กก๊กมีจำนวนมาก ไม่อาจรุกรบเข้าโจมตีได้จึงตั้งมั่นอยู่ในเมือง

            ครั้นเกียงอุยตั้งค่ายเสร็จแล้ว จึงคุมทหารหักเข้าตีเมืองเต๊กโตเสีย ให้ทหารขนดินถมคูเมืองอยู่สองสามวัน ทหารข้างในเมืองก็ใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงสกัดไว้ จึงทำให้การถมคูเมืองเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่พอวันที่สี่ทหารของเกียงอุยก็ถมคูเมืองเสร็จ แล้วยกเข้าประชิดกำแพงเมือง ใช้บันไดและพะองพาดกำแพงเมืองและบุกขึ้นไปพร้อมกันทุกด้าน

            ทหารในเมืองเต๊กโตเสียได้ใช้ก้อนศิลาทุ่มใส่และใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงป้องกันรักษากำแพงเมืองไว้เป็นสามารถ และได้อาศัยกำแพงเมืองเป็นชัยภูมิที่ได้เปรียบยิงเกาทัณฑ์ พุ่งหอกซัดถูกทหารเกียงอุยบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เกียงอุยเห็นจะหักเข้าเมืองไม่ได้ จึงสั่งทหารให้ล่าถอย

            ครั้นรุ่งขึ้นเกียงอุยคุมทหารบุกเข้าโจมตีเมืองอีกครั้งหนึ่ง ข้างในเมืองได้รบพุ่งป้องกันต้านทานไว้ เกียงอุยหักเข้ายึดเมืองไม่ได้จำต้องพาทหารถอยกลับมาอีก

            เกียงอุยบุกเข้าหักเอาเมืองติดต่อกันถึงสิบวันแต่ก็ไม่อาจหักเอาเมืองได้ เพราะข้างในเมืองไม่ยอมยกออกมารบ คงตั้งหน้าอาศัยชัยภูมิกำแพงเมืองที่สูงใหญ่แข็งแรงเป็นเกราะกำบัง ทุ่มก้อนศิลา พุ่งหอกซัดและระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์จนไม่อาจฝ่าเข้าไปได้ เกียงอุยจึงจำต้องสั่งให้ทหารถอยกลับมาตั้งมั่นอยู่ในค่าย

            ครั้นค่ำลงทหารเกียงอุยกำลังพักผ่อนหลับนอน พลันได้ยินเสียงม้าล่อฆ้องกลองดังสนั่นหวั่นไหว ทหารของเกียงอุยต่างพากันตกใจเกรงว่าข้าศึกจะยกมาปล้นค่าย จึงเตรียมพร้อมอยู่ในค่ายแต่ไม่กล้ายกออกไปด้านนอกด้วยเป็นเวลากลางคืนและมืดสนิท จนสว่างก็ไม่เป็นอันหลับนอน

            คืนวันถัดมาก็มีเสียงม้าล่อฆ้องกลองดังสนั่นเหมือนกับคืนวันแรก ทหารจ๊กก๊กตกใจตื่นแล้วเตรียมพร้อมตั้งมั่นอยู่ในค่ายจนเวลาสว่างก็ไม่เห็นข้าศึกยกมา ทหารจ๊กก๊กถูกก่อกวนสองวันติดต่อกันโดยไม่ได้หลับนอนจึงอ่อนล้าอิดโรย และวิตกกังวลโดยทั่วไป

            เกียงอุยคิดอ่านแผนการตลอดระยะเวลาสิบวันว่าจะทำประการใดจึงจะหักเข้ายึดเมืองได้ แต่ไม่เห็นหนทางอื่นใด จึงได้แต่ขุ่นใจรำคาญเป็นอันมาก

            ในคืนวันที่สิบนั้นหน่วยสอดแนมได้นำความเข้ามารายงานต่อเนื่องกันถึงห้าระลอกว่า กองทัพวุยก๊กได้ยกหนุนมาเป็นสองกอง กองหนึ่งปรากฏชื่อนายทัพในผืนธงว่าเตงงาย อีกกองหนึ่งปรากฏชื่อนายทัพในผืนธงว่าต้านท่าย ทหารข้าศึกทั้งสองกองจุดคบเพลิง  สว่างไสวมาตามซอกเขาฮางเนีย เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ รำพึงว่าเฉพาะทหารในเมืองเต๊กโตเสียก็ป้องกันรักษาเมืองอยู่ได้ นี่ยังมีกองทัพหนุนมาอีก เราจะไม่ขัดสนดอกหรือ

            ในขณะที่เกียงอุยกำลังตกใจครุ่นคิดอยู่นั้น พลันหน่วยสอดแนมก็นำความมารายงานอีกว่า ในซอกเขาฮางเนียอันเป็นเส้นทางเชื่อมมาจากเมืองฮันต๋งนั้น เห็นทหารวุยก๊กเคลื่อนไหวอยู่ตามยอดเขา แต่มิรู้มากน้อยประการใด

            เกียงอุยได้ฟังรายงานดังนั้นก็ยิ่งตกใจ คิดว่าทหารวุยกำลังยกหนุนเนื่องมา และยังเตรียมการยึดเส้นทางถอยของกองทัพเราอีกเล่า หากเนิ่นช้าสืบไปเห็นจะพลาดท่าเสียทีแก่ข้าศึก จึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่าสภาพการณ์เช่นนี้จะคิดอ่านประการใด

            ฝ่ายแฮหัวป๋าพอได้ยินชื่อแม่ทัพข้าศึกกองหนึ่งที่ยกหนุนเนื่องมาว่าชื่อเตงงายก็ตกใจ รีบกล่าวกับเกียงอุยว่าอัจฉริยะสงครามรุ่นใหม่ที่ข้าพเจ้าเคยเตือนท่านไว้ก่อนนั้น บัดนี้ได้ปรากฏตัวและคุมทัพมาเอง เห็นการศึกครั้งนี้จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับท่านเป็นแน่แท้

            เกียงอุยได้ยินแฮหัวป๋ากล่าวคำสรรเสริญข้าศึกก็นึกขุ่นใจ จึงเสไปกล่าวว่า “กองทัพเขายกมาไกล ทหารเหนื่อยระส่ำระสายอยู่ เราเร่งยกเข้าตีเห็นจะได้ท่วงที อย่าให้ทันตั้งค่ายมั่นลงได้”

            แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ยินเกียงอุยกล่าวหนักแน่นดังนั้นก็พากันเห็นด้วย เกียงอุยจึงให้จัดกองทัพเป็นสามกอง ให้เตียวเอ๊กคุมกองหนึ่งทำหน้าที่เข้าตีเมืองเต๊กโตเสีย ให้แฮหัวป๋าคุมกองหนึ่งยกไปตีกองทัพของต้านท่าย เกียงอุยก็คุมทหารอีกกองหนึ่งจะยกไปตีกองทัพของเตงงาย

            ครั้นจัดแจงทหารเสร็จแล้วเตียวเอ๊กก็คุมทหารยกไปตีเมืองเต๊กโตเสีย ส่วนแฮหัวป๋าและเกียงอุยก็คุมทหารยกไปทางซอกเขาฮางเนีย แต่พอเคลื่อนทัพเข้าซอกเขาไปได้ห้าสิบเส้นก็ได้ยินเสียงประทัดดังกึกก้องประสานรับกันทุกยอดเขา และเห็นทหารวุยก๊กถือธงทิวโห่ร้องลงมาจากยอดเขาเป็นอันมาก เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจสำคัญว่าต้องกลของข้าศึกจึงสั่งทหารให้รีบล่าถอย แปรกองหลังเป็นกองหน้า เปลี่ยนกองหน้าเป็นกองหลัง และเกรงว่ากองทัพของเตียวเอ๊กก็ย่อมต้องหลงกลแก่ข้าศึกด้วยเช่นเดียวกัน เกียงอุยจึงสั่งทหารให้รีบไปตามกองทัพของเตียวเอ๊กให้เลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง

            ทหารจ๊กก๊กแปรขบวนแล้วพากันล่าถอย ในขณะที่ทหารวุยก๊กทางด้านหลังก็ทำทีเป็นโห่ร้องกึกก้องไล่ตามมา เกียงอุยขี่ม้าคุมทหารทำหน้าที่เป็นกองระวังหลังค่อย ๆ ล่าถอย พอกองทัพของเกียงอุยเคลื่อนพ้นจุดเดิมไปสี่ห้าร้อยเส้นก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นบนยอดเขาอีก เห็นทหารวุยก๊กถือธงทิวเป็นอันมากโห่ร้องลงมาจากยอดเขา เกียงอุยก็ตกใจเร่งทหารให้รีบล่าถอย

            กองทัพของเกียงอุยถูกกองซุ่มของเตงงายทั้งยี่สิบกองหลอกล่อเป็นทอด ๆ ทำทีจะโจมตีขับไล่ตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงพากันแตกตื่นถอยหนีไม่เป็นขบวน ไม่เป็นอันพัก อันกิน อันนอนตลอดทาง

            พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้เจ็ดร้อยเก้าสิบแปดพรรษา เดือนอ้ายปลายปี กองทัพของเกียงอุยถอยเข้าถึงด่านเกียมโก๊ะ จึงให้ทหารขึ้นรักษากำแพงเชิงเทินของด่านไว้เป็นมั่นคง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร