ตอนที่ 605. กล "เก็บลูกไม้เก่า"
สงครามบุกวุยก๊กครั้งที่สองของเกียงอุยได้ประสบกับความพ่ายแพ้ในยุทธการครั้งแรก เพราะฝีมือทหารเอกของจ๊กก๊กสู้ฝีมือของชีจิดไม่ได้ เกียงอุยต้องล่าถอยไปตั้งค่ายใหม่ห่างจากที่เดิมถึงสองร้อยเส้น แล้วปรึกษาหาอุบายที่จะตีโต้กองทัพของสุมาเจียวว่า สุมาเจียวย่อมจะต้องใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับสุมาอี้ คือเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นเส้นทางลำเลียงเสบียง
เมื่อคะเนกลยุทธ์ของข้าศึกดังนั้นแล้วเกียงอุยจึงว่า ชีจิดมีฝีมือกล้าแข็งนัก จะกำจัดเสียซึ่งหน้าเห็นจะไม่ได้ ดังนั้นชอบที่ฝ่ายเราจะตั้งมั่นไว้ไม่ออกรบ เห็นสุมาเจียวจะใช้ลูกไม้เก่าของสุมาอี้ให้ชีจิดไปสกัดเส้นทางลำเลียงเสบียง เราจะซุ่มทหารไว้ที่สองข้างทาง เมื่อชีจิดยกไปจะเสียทีแก่เราเป็นมั่นคง
แฮหัวป๋าได้ยินแผนการของเกียงอุยดังนั้นก็สรรเสริญว่าเป็นแผนการที่แยบยล ดุจเดียวกับแผนการที่ขงเบ้งเคยใช้กับสุมาอี้ เกียงอุยได้ยินคำยกย่องก็ยินดี เรียกเลียวฮัวและเตียวเอ๊กเข้ามากระซิบแผนการ แล้วกำชับว่าให้รีบยกทหารไปตั้งแต่คืนวันนี้ อย่าให้ข้าศึกได้รู้เบาะแสเป็นอันขาด
เลียวฮัวและเตียวเอ๊กได้ยินแผนการของเกียงอุยเหมือนกับแผนการที่ขงเบ้งเคยสั่งให้ทำมาแต่ก่อนก็มีความยินดี คำนับลาเกียงอุยออกไปเตรียมทหาร ครั้นเวลาใกล้สองยามก็ลอบยกทหารย้อนไปทางที่จะลำเลียงเสบียงอาหารมาส่งกองทัพ
วันรุ่งขึ้นเกียงอุยได้สั่งทหารให้ทำขวากและเครื่องกีดขวางวางไว้โดยรอบค่าย แล้วให้ทำขวากปักรอบนอกอีกชั้นหนึ่ง ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็พากันสงสัยว่าเกียงอุยจะคิดอ่านประการใด
ฝ่ายชีจิดยกทหารมาท้าเกียงอุยให้ออกไปรบกัน เห็นรอบค่ายของเกียงอุยมีขวากและรั้วปักกั้นไว้เป็นอันมาก บ่งบอกว่าจะดำเนินกลยุทธ์ตั้งรับแทนการรุกก็แปลกประหลาดใจ ครั้นให้ทหารท้ารบก็ไม่มีเสียงขานตอบ ชีจิดคุมทหารท้ารบอยู่จนถึงเย็น จึงพาทหารกลับไปค่าย
วันรุ่งขึ้นชีจิดก็ยกทหารมาท้ารบอีก แต่เกียงอุยก็คงสงบนิ่งอยู่ภายในค่าย ชีจิดจะหักเข้าตีค่ายก็ไม่ได้เพราะติดด้วยเครื่องกีดขวางเป็นอันมาก ทั้งทหารภายในค่ายของเกียงอุยก็คุมเชิงเตรียมเกาทัณฑ์พร้อมที่จะระดมยิง ตกเย็นลงชีจิดก็จำต้องยกทหารกลับไปค่าย ชีจิดท้ารบกับเกียงอุยอยู่หลายวัน เกียงอุยก็ยังคงตั้งมั่นไม่ยอมยกออกไปรบ
ชีจิดไม่รู้ที่จะทำประการใดจึงไปหาสุมาเจียว แล้วรายงานความให้สุมาเจียวทราบทุกประการ พอดีในขณะนั้นหน่วยลาดตระเวนของสุมาเจียวก็ได้รายงานความให้สุมาเจียวทราบว่า ทหารเมืองเสฉวนได้ลำเลียงเสบียงอาหารมาตามเส้นทางหลังเขาเทียดลองสันเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด
สุมาเจียวได้ฟังรายงานของชีจิดและรายงานจากหน่วยสอดแนมแล้วจึงปรึกษาว่า ซึ่งเกียงอุยตั้งมั่นไม่ยกออกมารบ และจัดลำเลียงเสบียงอาหารเป็นอันมากอยู่ทุกวันดังนี้ เห็นได้ว่าเกียงอุยต้องการทำศึกระยะยาวและรอกำลังหนุน หากให้แผนการของเกียงอุยสำเร็จก็จะรับมือขัดสนนัก จำจะจัดกำลังไปโจมตีกองเสบียงแล้วยึดจุดยุทธศาสตร์ ควบคุมเส้นทางลำเลียงเสบียงไว้ เกียงอุยก็จะเลิกทัพกลับไปเอง พอเกียงอุยถอยทัพเราจึงค่อยยกกองทัพตามตี เห็นจะได้ชัยชนะโดยง่าย
ชีจิดได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญสุมาเจียวว่าคิดอ่านแผนการประหนึ่งเทพยดาเข้าดลใจ สุมาเจียวจึงว่า ตัวท่านคุมทหารเป็นกองหน้าอยู่แล้ว อย่าให้กองทัพหลวงต้องลำบากเลย ข้าพเจ้าจะให้ท่านยกทหารไปตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารของเกียงอุย แล้วยึดเส้นทางลำเลียงไว้ ถ้าเกียงอุยไม่ส่งทหารไปแย่งชิงก็จะขาดเสบียงลง ทหารก็จะระส่ำระสาย หากเกียงอุยส่งทหารไปช่วยเหลือรักษาเส้นทางเสบียง ท่านจงยกเข้าตีอย่าให้ทันได้ตั้งตัว
ชีจิดคำนับรับคำสั่งสุมาเจียว แล้วเดินทางกลับไปที่กองทหาร พอเวลาพลบค่ำก็ยกทหารห้าพันออกจากค่ายตรงไปที่เขาเทียดลองสัน เมื่อชีจิดยกทหารเข้าใกล้เขตภูเขาก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า เห็นทหารเกียงอุยประมาณสองร้อยคนคุมขบวนโคกลบรรทุกเสบียงอาหารประมาณสองร้อยตัว และทางด้านหลังยังมีขบวนโคกลอีกจำนวนมาก
ชีจิดทราบรายงานแล้วจึงสั่งทหารให้แยกย้ายกันซุ่มกำลังไว้สองข้างทางเตรียมโจมตีกองลำเลียงเสบียงอาหารของเกียงอุย
ฝ่ายเกียงอุยหลังจากสั่งการให้เลียงฮัวกับเตียวเอ๊กยกทหารไปแล้ว ก็วางหน่วยสอดแนมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกองทัพวุยก๊ก ครั้นได้ทราบว่าชีจิดยกทหารไปที่เขาเทียดลองสันแล้ว เกียงอุยจึงเรียกแฮหัวป๋ามากระซิบแผนการ แล้วต่างคนต่างคุมทหารออกจากค่ายวกอ้อมไปทางด้านหลังค่ายหลวงของสุมาเจียว
ฝ่ายชีจิดคุมทหารซุ่มอยู่สองข้างทางคอยทีกองลำเลียงเสบียงอาหารของจ๊กก๊ก ครั้นขบวนโคกลกองแรกประมาณสองร้อยตัวมาถึงจุดซุ่ม ชีจิดก็คุมทหารเข้าจู่โจมโดยฉับพลัน ทหารจ๊กก๊กซึ่งคุมขบวนโคกลเห็นข้าศึกเข้าจู่โจมก็ทำทีแตกหนีเข้าป่า ชีจิดจึงแบ่งทหารสองพันห้าร้อยคนให้คุมขบวนโคกลกลับไปค่าย ตัวชีจิดคุมทหารที่เหลือรุดหน้าไปตามทางที่ขบวนโคกลกองหลังจะยกมา
ชีจิดคุมทหารยกไปได้เพียงร้อยเส้น เห็นเส้นทางแคบลงทุกที ทหารซึ่งเคยขี่ม้าหน้ากระดานเรียงสิบก็ต้องลดหลั่นเหลือเพียงเรียงเจ็ดแล้วเรียงห้า ครู่หนึ่งก็ไปถึงลานกว้างในหุบเขา เห็นในลานมีขบวนโคกลรวมสุมอยู่ แต่ทหารจ๊กก๊กซึ่งคุมขบวนโคกลได้พากันแยกย้ายหนีเข้าป่าไปจนหมดสิ้น
ชีจิดเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ลงจากหลังม้า ช่วยกันเข็นโคกลจะพากลับไปค่าย แต่พอโคกลขยับออกจากที่โคกลนั้นก็เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง แสงเพลิงลุกไหม้โชติช่วงขึ้นจากกลุ่มโคกลนั้น สะเก็ดระเบิดถูกทหารของชีจิดบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เสียงทหารของชีจิดร้องไห้โหยหวนดังลั่นไปทั้งหุบเขา
ชีจิดรู้ว่าต้องกลข้าศึกก็ตกใจ จะหนีออกไปทางปากหุบเขาก็ไม่รู้สภาพว่าจะมีข้าศึกมากและน้อยสกัดขวางทางอยู่หรือไม่ ครั้นจะล่าถอยกลับไปตามเส้นทางเดิมก็เกรงว่า เกียงอุยจะซุ่มทหารไว้ดักโจมตี พอดีเห็นเส้นทางน้อยอยู่ใกล้กับหุบเขา จึงพาทหารรีบหนีไปตามทางซอกเขานั้น
ชีจิดพาทหารหนีไปในซอกเขาที่เงียบสงัดก็ค่อยคลายใจว่าเป็นเส้นทางปลอดโปร่ง ไม่มีข้าศึกซุ่มโจมตี แต่พอใกล้จะถึงปากทางออกซอกเขาก็เห็นเกวียนเสบียงจำนวนมากกองสุมอยู่ที่สองข้างทางก็ตกใจ คิดว่าคงเป็นเกวียนบรรจุวัตถุระเบิดหรือเชื้อเพลิงไว้ทำลายเหมือนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงสั่งทหารให้รีบถอยกลับ
สิ้นเสียงของชีจิดก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ที่เกวียนเหล่านั้นบังเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นและเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทหารของชีจิดถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บล้มตายลงอีกจำนวนมาก
ชีจิดพาทหารที่เหลือตายไม่ถึงสองร้อยคนถอยกลับมาทางด้านหลัง พลันเห็นคบไฟสว่างขึ้นเบื้องหน้า แล้วเลียวฮัวกับเตียวเอ๊กได้ยกทหารเป็นอันมากออกมาจากสองข้างทางซ้ายขวาขวางหน้าชีจิดไว้อย่างหนาแน่น
ทหารของเลียวฮัวและเตียวเอ๊กได้พากันโห่ร้องข่มขวัญเสียงดังกึกก้องไปทั้งซอกเขา ชีจิดเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ตีฝ่าสู้ตาย ทหารของชีจิดกำลังอกสั่นขวัญแขวนไม่ทันคิด พอได้ยินคำสั่งก็พากันรุดหน้าจะตีฝ่าออกไป จึงถูกทหารของเลียวฮัวและเตียวเอ๊กฆ่าฟันล้มตายจนหมดสิ้น
ชีจิดยืนม้าบัญชาทหารอยู่ด้านหลังแต่ผู้เดียว เห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขี่ม้าเข้าทางซอกเขาซึ่งจะแยกไปทางค่ายหลวงของสุมาเจียว แต่พอไปถึงปากทางก็พบกับเกียงอุยคุมทหารเป็นอันมากสกัดขวางทางไว้ ชีจิดพอรู้สึกตัวก็ถูกทหารของเกียงอุยล้อมไว้อย่างหนาแน่น
ชีจิดคิดสู้ตายจึงขี่ม้าพุ่งเข้าไปหาเกียงอุย ในขณะนั้นเกียงอุยคุมเชิงอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นม้าของชีจิดกลับตัวก็กระตุ้นม้าพุ่งเข้าหาชีจิดแล้วเอาทวนแทงถูกชีจิดพลัดตกลงจากหลังม้า ทหารของเกียงอุยก็ได้กรุ้มรุมกันแทงฟันชีจิดจนถึงแก่ความตาย
ฝ่ายทหารของชีจิดสองพันห้าร้อยคนซึ่งคุมขบวนโคกลกองแรกจะกลับไปค่าย พอไปถึงกลางทางก็เห็นคบไฟสว่างขึ้นทั้งสองข้างทาง แฮหัวป๋าได้คุมทหารเป็นจำนวนมากเข้าล้อมขบวนทหารที่คุมโคกลไว้จนหมดสิ้น
ทหารของชีจิดเห็นดังนั้นก็รู้ว่าต้องกลข้าศึก หากจะต่อสู้ก็จะพากันตายสิ้น จึงพร้อมใจกันยอมจำนนเข้าสวามิภักดิ์กับแฮหัวป๋า
แฮหัวป๋าจึงสั่งให้ทหารของชีจิดถอดชุดแต่งกายแล้วเอามาให้ทหารจ๊กก๊กใส่ แล้วให้ทหารซึ่งปลอมตัวเป็นทหารของชีจิดนั้นทำหน้าที่เป็นกองหน้าถือธงประจำตัวของชีจิดนำหน้าไป แฮหัวป๋าคุมทหารเป็นกองกลาง คุมขบวนโคกลเสบียงตรงไปที่ค่ายของสุมาเจียว
ทหารในค่ายของสุมาเจียวเห็นทหารวุยก๊กกองหนึ่งยกมา ในผืนธงใหญ่จารึกว่าชีจิดเป็นนายทัพ และเห็นโคกลเสบียงตามหลังมาเป็นจำนวนมาก ก็สำคัญว่าชีจิดไปตีเสบียงทหารจ๊กก๊กสำเร็จตามแผนการของสุมาเจียว จึงเปิดประตูค่ายออกรับ
พอประตูค่ายเปิดเท่านั้น แฮหัวป๋าก็จุดพลุสัญญาณขึ้น ทหารจ๊กก๊กจึงพากันกรูบุกเข้าไปในค่ายแล้วฆ่าฟันทหารในค่ายของสุมาเจียวโดยไม่ทันตั้งตัว ทหารข้างในค่ายอยู่รักษาเวรยามเพียงจำนวนน้อย จึงถูกทหารของแฮหัวป๋าฆ่าฟันจนหมดสิ้น ทหารส่วนใหญ่ที่หลับนอนพอรู้ตัวว่าข้าศึกจู่โจมเข้ามาถึงตัวก็งัวเงียลุกขึ้น บ้างไม่ทันจับอาวุธก็ถูกทหารแฮหัวป๋าสังหาร บ้างพอแต่งตัวจะขึ้นม้าก็ถูกฆ่าฟัน ทหารในค่ายของสุมาเจียวถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ฝ่ายสุมาเจียวพอรู้ตัวว่าถูกข้าศึกจู่โจมเข้ามาถึงในค่ายและทหารพากันแตกตื่นโกลาหลก็ตกใจ รีบผลุนผลันคว้าอาวุธแล้วขึ้นม้าพาทหารที่สนิทหนีออกจากค่ายไปได้ แต่พอสุมาเจียวหนีออกจากค่ายได้ไม่ถึงร้อยเส้นก็พบกับเลียวฮัวและเตียวเอ๊กคุมทหารสกัดหน้าไว้
เลียวฮัวและเตียวเอ๊กเห็นสุมาเจียวแตกหนีออกมาดังนั้นก็สั่งทหารให้รุกเข้าโจมตี สุมาเจียวเห็นทหารแตกตื่นไม่มีใจสู้รบจึงรีบออกคำสั่งให้ทหารรีบหนีตามไป สุมาเจียวเกรงว่าถ้าจะหนีไปตามเส้นทางที่จะกลับไปยังเมืองลกเอี๋ยงก็อาจถูกซุ่มโจมตี จึงคิดว่าเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดคือเส้นทางที่ย้อนไปทางเขาเทียดลองสัน ดังนั้นจึงพาทหารมุ่งตรงไปที่เขาเทียดลองสันแล้วจะวกอ้อมกลับไปตั้งหลักต่อไป
สุมาเจียวพาทหารหนีไปใกล้เขาเทียดลองสันก็พบกับเกียงอุยคุมทหารเป็นอันมากสกัดอยู่ เกียงอุยคอยทีอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นสุมาเจียวพาทหารหนีมาจึงสั่งทหารให้เข้าโจมตี ทหารสุมาเจียวกำลังแตกตื่นสู้ไม่ได้จึงพากันถอยร่น สุมาเจียวเกรงว่าหากพาทหารย้อนกลับไปทางด้านหลังก็อาจถูกซุ่มโจมตีอีก และเห็นว่าเขาเทียดลองสันเป็นภูเขาสูง มีทางขึ้นเพียงเส้นทางเดียว และทราบมาก่อนว่าบนเขาเทียดลองสันยังพอมีบ่อน้ำขนาดร้อยคนดื่มกินได้ จึงพาทหารซึ่งเหลืออยู่เพียงหกพันคนหนีขึ้นไปบนเขาเทียดลองสัน
เกียงอุยเห็นสุมาเจียวพาทหารหนีขึ้นไปบนเนินเขาก็พาทหารไล่ตาม แต่เส้นทางขึ้นเขาเป็นทางแคบ บุกขึ้นไปได้ทีละคนเท่านั้น สุมาเจียวได้ใช้ชัยภูมิที่อยู่สูงกว่าระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ เกียงอุยเห็นจะบุกขึ้นไปไม่ได้จึงคุมทหารล้อมเขาเทียดลองสันไว้
ทหารของสุมาเจียวมีจำนวนถึงหกพันคน ในขณะที่น้ำบ่อน้อยดื่มกินได้เพียงร้อยคนเท่านั้น ดังนั้นเพียงชั่ววันเดียวน้ำในบ่อก็แห้งขอด สุมาเจียวเห็นทหารอดน้ำระส่ำระสายเป็นอันมากก็วิตก แต่เกียงอุยเองก็ไม่สามารถบุกฝ่าขึ้นไปบนเขาเทียดลองสันได้ ต่างฝ่ายจึงต่างคุมเชิงกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งติดอยู่บนเขาไม่มีน้ำดื่มกินแต่ไม่มีทางหนี ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งล้อมหุบเขาไว้แต่บุกขึ้นไปไม่ได้
บ่ายวันหนึ่งสุมาเจียวเห็นทหารพากันอ่อนล้าอิดโรยเพราะขาดน้ำถึงสองวัน “ก็เงยหน้าขึ้นดูอากาศแล้วกระทืบเท้าร้องว่าเทพยดาไม่เอ็นดูเลย จะให้อดน้ำตายเสียสิ้นแล้วหรือ”.
เมื่อคะเนกลยุทธ์ของข้าศึกดังนั้นแล้วเกียงอุยจึงว่า ชีจิดมีฝีมือกล้าแข็งนัก จะกำจัดเสียซึ่งหน้าเห็นจะไม่ได้ ดังนั้นชอบที่ฝ่ายเราจะตั้งมั่นไว้ไม่ออกรบ เห็นสุมาเจียวจะใช้ลูกไม้เก่าของสุมาอี้ให้ชีจิดไปสกัดเส้นทางลำเลียงเสบียง เราจะซุ่มทหารไว้ที่สองข้างทาง เมื่อชีจิดยกไปจะเสียทีแก่เราเป็นมั่นคง
แฮหัวป๋าได้ยินแผนการของเกียงอุยดังนั้นก็สรรเสริญว่าเป็นแผนการที่แยบยล ดุจเดียวกับแผนการที่ขงเบ้งเคยใช้กับสุมาอี้ เกียงอุยได้ยินคำยกย่องก็ยินดี เรียกเลียวฮัวและเตียวเอ๊กเข้ามากระซิบแผนการ แล้วกำชับว่าให้รีบยกทหารไปตั้งแต่คืนวันนี้ อย่าให้ข้าศึกได้รู้เบาะแสเป็นอันขาด
เลียวฮัวและเตียวเอ๊กได้ยินแผนการของเกียงอุยเหมือนกับแผนการที่ขงเบ้งเคยสั่งให้ทำมาแต่ก่อนก็มีความยินดี คำนับลาเกียงอุยออกไปเตรียมทหาร ครั้นเวลาใกล้สองยามก็ลอบยกทหารย้อนไปทางที่จะลำเลียงเสบียงอาหารมาส่งกองทัพ
วันรุ่งขึ้นเกียงอุยได้สั่งทหารให้ทำขวากและเครื่องกีดขวางวางไว้โดยรอบค่าย แล้วให้ทำขวากปักรอบนอกอีกชั้นหนึ่ง ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็พากันสงสัยว่าเกียงอุยจะคิดอ่านประการใด
ฝ่ายชีจิดยกทหารมาท้าเกียงอุยให้ออกไปรบกัน เห็นรอบค่ายของเกียงอุยมีขวากและรั้วปักกั้นไว้เป็นอันมาก บ่งบอกว่าจะดำเนินกลยุทธ์ตั้งรับแทนการรุกก็แปลกประหลาดใจ ครั้นให้ทหารท้ารบก็ไม่มีเสียงขานตอบ ชีจิดคุมทหารท้ารบอยู่จนถึงเย็น จึงพาทหารกลับไปค่าย
วันรุ่งขึ้นชีจิดก็ยกทหารมาท้ารบอีก แต่เกียงอุยก็คงสงบนิ่งอยู่ภายในค่าย ชีจิดจะหักเข้าตีค่ายก็ไม่ได้เพราะติดด้วยเครื่องกีดขวางเป็นอันมาก ทั้งทหารภายในค่ายของเกียงอุยก็คุมเชิงเตรียมเกาทัณฑ์พร้อมที่จะระดมยิง ตกเย็นลงชีจิดก็จำต้องยกทหารกลับไปค่าย ชีจิดท้ารบกับเกียงอุยอยู่หลายวัน เกียงอุยก็ยังคงตั้งมั่นไม่ยอมยกออกไปรบ
ชีจิดไม่รู้ที่จะทำประการใดจึงไปหาสุมาเจียว แล้วรายงานความให้สุมาเจียวทราบทุกประการ พอดีในขณะนั้นหน่วยลาดตระเวนของสุมาเจียวก็ได้รายงานความให้สุมาเจียวทราบว่า ทหารเมืองเสฉวนได้ลำเลียงเสบียงอาหารมาตามเส้นทางหลังเขาเทียดลองสันเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด
สุมาเจียวได้ฟังรายงานของชีจิดและรายงานจากหน่วยสอดแนมแล้วจึงปรึกษาว่า ซึ่งเกียงอุยตั้งมั่นไม่ยกออกมารบ และจัดลำเลียงเสบียงอาหารเป็นอันมากอยู่ทุกวันดังนี้ เห็นได้ว่าเกียงอุยต้องการทำศึกระยะยาวและรอกำลังหนุน หากให้แผนการของเกียงอุยสำเร็จก็จะรับมือขัดสนนัก จำจะจัดกำลังไปโจมตีกองเสบียงแล้วยึดจุดยุทธศาสตร์ ควบคุมเส้นทางลำเลียงเสบียงไว้ เกียงอุยก็จะเลิกทัพกลับไปเอง พอเกียงอุยถอยทัพเราจึงค่อยยกกองทัพตามตี เห็นจะได้ชัยชนะโดยง่าย
ชีจิดได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญสุมาเจียวว่าคิดอ่านแผนการประหนึ่งเทพยดาเข้าดลใจ สุมาเจียวจึงว่า ตัวท่านคุมทหารเป็นกองหน้าอยู่แล้ว อย่าให้กองทัพหลวงต้องลำบากเลย ข้าพเจ้าจะให้ท่านยกทหารไปตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารของเกียงอุย แล้วยึดเส้นทางลำเลียงไว้ ถ้าเกียงอุยไม่ส่งทหารไปแย่งชิงก็จะขาดเสบียงลง ทหารก็จะระส่ำระสาย หากเกียงอุยส่งทหารไปช่วยเหลือรักษาเส้นทางเสบียง ท่านจงยกเข้าตีอย่าให้ทันได้ตั้งตัว
ชีจิดคำนับรับคำสั่งสุมาเจียว แล้วเดินทางกลับไปที่กองทหาร พอเวลาพลบค่ำก็ยกทหารห้าพันออกจากค่ายตรงไปที่เขาเทียดลองสัน เมื่อชีจิดยกทหารเข้าใกล้เขตภูเขาก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า เห็นทหารเกียงอุยประมาณสองร้อยคนคุมขบวนโคกลบรรทุกเสบียงอาหารประมาณสองร้อยตัว และทางด้านหลังยังมีขบวนโคกลอีกจำนวนมาก
ชีจิดทราบรายงานแล้วจึงสั่งทหารให้แยกย้ายกันซุ่มกำลังไว้สองข้างทางเตรียมโจมตีกองลำเลียงเสบียงอาหารของเกียงอุย
ฝ่ายเกียงอุยหลังจากสั่งการให้เลียงฮัวกับเตียวเอ๊กยกทหารไปแล้ว ก็วางหน่วยสอดแนมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกองทัพวุยก๊ก ครั้นได้ทราบว่าชีจิดยกทหารไปที่เขาเทียดลองสันแล้ว เกียงอุยจึงเรียกแฮหัวป๋ามากระซิบแผนการ แล้วต่างคนต่างคุมทหารออกจากค่ายวกอ้อมไปทางด้านหลังค่ายหลวงของสุมาเจียว
ฝ่ายชีจิดคุมทหารซุ่มอยู่สองข้างทางคอยทีกองลำเลียงเสบียงอาหารของจ๊กก๊ก ครั้นขบวนโคกลกองแรกประมาณสองร้อยตัวมาถึงจุดซุ่ม ชีจิดก็คุมทหารเข้าจู่โจมโดยฉับพลัน ทหารจ๊กก๊กซึ่งคุมขบวนโคกลเห็นข้าศึกเข้าจู่โจมก็ทำทีแตกหนีเข้าป่า ชีจิดจึงแบ่งทหารสองพันห้าร้อยคนให้คุมขบวนโคกลกลับไปค่าย ตัวชีจิดคุมทหารที่เหลือรุดหน้าไปตามทางที่ขบวนโคกลกองหลังจะยกมา
ชีจิดคุมทหารยกไปได้เพียงร้อยเส้น เห็นเส้นทางแคบลงทุกที ทหารซึ่งเคยขี่ม้าหน้ากระดานเรียงสิบก็ต้องลดหลั่นเหลือเพียงเรียงเจ็ดแล้วเรียงห้า ครู่หนึ่งก็ไปถึงลานกว้างในหุบเขา เห็นในลานมีขบวนโคกลรวมสุมอยู่ แต่ทหารจ๊กก๊กซึ่งคุมขบวนโคกลได้พากันแยกย้ายหนีเข้าป่าไปจนหมดสิ้น
ชีจิดเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ลงจากหลังม้า ช่วยกันเข็นโคกลจะพากลับไปค่าย แต่พอโคกลขยับออกจากที่โคกลนั้นก็เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง แสงเพลิงลุกไหม้โชติช่วงขึ้นจากกลุ่มโคกลนั้น สะเก็ดระเบิดถูกทหารของชีจิดบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เสียงทหารของชีจิดร้องไห้โหยหวนดังลั่นไปทั้งหุบเขา
ชีจิดรู้ว่าต้องกลข้าศึกก็ตกใจ จะหนีออกไปทางปากหุบเขาก็ไม่รู้สภาพว่าจะมีข้าศึกมากและน้อยสกัดขวางทางอยู่หรือไม่ ครั้นจะล่าถอยกลับไปตามเส้นทางเดิมก็เกรงว่า เกียงอุยจะซุ่มทหารไว้ดักโจมตี พอดีเห็นเส้นทางน้อยอยู่ใกล้กับหุบเขา จึงพาทหารรีบหนีไปตามทางซอกเขานั้น
ชีจิดพาทหารหนีไปในซอกเขาที่เงียบสงัดก็ค่อยคลายใจว่าเป็นเส้นทางปลอดโปร่ง ไม่มีข้าศึกซุ่มโจมตี แต่พอใกล้จะถึงปากทางออกซอกเขาก็เห็นเกวียนเสบียงจำนวนมากกองสุมอยู่ที่สองข้างทางก็ตกใจ คิดว่าคงเป็นเกวียนบรรจุวัตถุระเบิดหรือเชื้อเพลิงไว้ทำลายเหมือนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงสั่งทหารให้รีบถอยกลับ
สิ้นเสียงของชีจิดก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ที่เกวียนเหล่านั้นบังเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นและเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทหารของชีจิดถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บล้มตายลงอีกจำนวนมาก
ชีจิดพาทหารที่เหลือตายไม่ถึงสองร้อยคนถอยกลับมาทางด้านหลัง พลันเห็นคบไฟสว่างขึ้นเบื้องหน้า แล้วเลียวฮัวกับเตียวเอ๊กได้ยกทหารเป็นอันมากออกมาจากสองข้างทางซ้ายขวาขวางหน้าชีจิดไว้อย่างหนาแน่น
ทหารของเลียวฮัวและเตียวเอ๊กได้พากันโห่ร้องข่มขวัญเสียงดังกึกก้องไปทั้งซอกเขา ชีจิดเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ตีฝ่าสู้ตาย ทหารของชีจิดกำลังอกสั่นขวัญแขวนไม่ทันคิด พอได้ยินคำสั่งก็พากันรุดหน้าจะตีฝ่าออกไป จึงถูกทหารของเลียวฮัวและเตียวเอ๊กฆ่าฟันล้มตายจนหมดสิ้น
ชีจิดยืนม้าบัญชาทหารอยู่ด้านหลังแต่ผู้เดียว เห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขี่ม้าเข้าทางซอกเขาซึ่งจะแยกไปทางค่ายหลวงของสุมาเจียว แต่พอไปถึงปากทางก็พบกับเกียงอุยคุมทหารเป็นอันมากสกัดขวางทางไว้ ชีจิดพอรู้สึกตัวก็ถูกทหารของเกียงอุยล้อมไว้อย่างหนาแน่น
ชีจิดคิดสู้ตายจึงขี่ม้าพุ่งเข้าไปหาเกียงอุย ในขณะนั้นเกียงอุยคุมเชิงอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นม้าของชีจิดกลับตัวก็กระตุ้นม้าพุ่งเข้าหาชีจิดแล้วเอาทวนแทงถูกชีจิดพลัดตกลงจากหลังม้า ทหารของเกียงอุยก็ได้กรุ้มรุมกันแทงฟันชีจิดจนถึงแก่ความตาย
ฝ่ายทหารของชีจิดสองพันห้าร้อยคนซึ่งคุมขบวนโคกลกองแรกจะกลับไปค่าย พอไปถึงกลางทางก็เห็นคบไฟสว่างขึ้นทั้งสองข้างทาง แฮหัวป๋าได้คุมทหารเป็นจำนวนมากเข้าล้อมขบวนทหารที่คุมโคกลไว้จนหมดสิ้น
ทหารของชีจิดเห็นดังนั้นก็รู้ว่าต้องกลข้าศึก หากจะต่อสู้ก็จะพากันตายสิ้น จึงพร้อมใจกันยอมจำนนเข้าสวามิภักดิ์กับแฮหัวป๋า
แฮหัวป๋าจึงสั่งให้ทหารของชีจิดถอดชุดแต่งกายแล้วเอามาให้ทหารจ๊กก๊กใส่ แล้วให้ทหารซึ่งปลอมตัวเป็นทหารของชีจิดนั้นทำหน้าที่เป็นกองหน้าถือธงประจำตัวของชีจิดนำหน้าไป แฮหัวป๋าคุมทหารเป็นกองกลาง คุมขบวนโคกลเสบียงตรงไปที่ค่ายของสุมาเจียว
ทหารในค่ายของสุมาเจียวเห็นทหารวุยก๊กกองหนึ่งยกมา ในผืนธงใหญ่จารึกว่าชีจิดเป็นนายทัพ และเห็นโคกลเสบียงตามหลังมาเป็นจำนวนมาก ก็สำคัญว่าชีจิดไปตีเสบียงทหารจ๊กก๊กสำเร็จตามแผนการของสุมาเจียว จึงเปิดประตูค่ายออกรับ
พอประตูค่ายเปิดเท่านั้น แฮหัวป๋าก็จุดพลุสัญญาณขึ้น ทหารจ๊กก๊กจึงพากันกรูบุกเข้าไปในค่ายแล้วฆ่าฟันทหารในค่ายของสุมาเจียวโดยไม่ทันตั้งตัว ทหารข้างในค่ายอยู่รักษาเวรยามเพียงจำนวนน้อย จึงถูกทหารของแฮหัวป๋าฆ่าฟันจนหมดสิ้น ทหารส่วนใหญ่ที่หลับนอนพอรู้ตัวว่าข้าศึกจู่โจมเข้ามาถึงตัวก็งัวเงียลุกขึ้น บ้างไม่ทันจับอาวุธก็ถูกทหารแฮหัวป๋าสังหาร บ้างพอแต่งตัวจะขึ้นม้าก็ถูกฆ่าฟัน ทหารในค่ายของสุมาเจียวถูกฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ฝ่ายสุมาเจียวพอรู้ตัวว่าถูกข้าศึกจู่โจมเข้ามาถึงในค่ายและทหารพากันแตกตื่นโกลาหลก็ตกใจ รีบผลุนผลันคว้าอาวุธแล้วขึ้นม้าพาทหารที่สนิทหนีออกจากค่ายไปได้ แต่พอสุมาเจียวหนีออกจากค่ายได้ไม่ถึงร้อยเส้นก็พบกับเลียวฮัวและเตียวเอ๊กคุมทหารสกัดหน้าไว้
เลียวฮัวและเตียวเอ๊กเห็นสุมาเจียวแตกหนีออกมาดังนั้นก็สั่งทหารให้รุกเข้าโจมตี สุมาเจียวเห็นทหารแตกตื่นไม่มีใจสู้รบจึงรีบออกคำสั่งให้ทหารรีบหนีตามไป สุมาเจียวเกรงว่าถ้าจะหนีไปตามเส้นทางที่จะกลับไปยังเมืองลกเอี๋ยงก็อาจถูกซุ่มโจมตี จึงคิดว่าเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดคือเส้นทางที่ย้อนไปทางเขาเทียดลองสัน ดังนั้นจึงพาทหารมุ่งตรงไปที่เขาเทียดลองสันแล้วจะวกอ้อมกลับไปตั้งหลักต่อไป
สุมาเจียวพาทหารหนีไปใกล้เขาเทียดลองสันก็พบกับเกียงอุยคุมทหารเป็นอันมากสกัดอยู่ เกียงอุยคอยทีอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นสุมาเจียวพาทหารหนีมาจึงสั่งทหารให้เข้าโจมตี ทหารสุมาเจียวกำลังแตกตื่นสู้ไม่ได้จึงพากันถอยร่น สุมาเจียวเกรงว่าหากพาทหารย้อนกลับไปทางด้านหลังก็อาจถูกซุ่มโจมตีอีก และเห็นว่าเขาเทียดลองสันเป็นภูเขาสูง มีทางขึ้นเพียงเส้นทางเดียว และทราบมาก่อนว่าบนเขาเทียดลองสันยังพอมีบ่อน้ำขนาดร้อยคนดื่มกินได้ จึงพาทหารซึ่งเหลืออยู่เพียงหกพันคนหนีขึ้นไปบนเขาเทียดลองสัน
เกียงอุยเห็นสุมาเจียวพาทหารหนีขึ้นไปบนเนินเขาก็พาทหารไล่ตาม แต่เส้นทางขึ้นเขาเป็นทางแคบ บุกขึ้นไปได้ทีละคนเท่านั้น สุมาเจียวได้ใช้ชัยภูมิที่อยู่สูงกว่าระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ เกียงอุยเห็นจะบุกขึ้นไปไม่ได้จึงคุมทหารล้อมเขาเทียดลองสันไว้
ทหารของสุมาเจียวมีจำนวนถึงหกพันคน ในขณะที่น้ำบ่อน้อยดื่มกินได้เพียงร้อยคนเท่านั้น ดังนั้นเพียงชั่ววันเดียวน้ำในบ่อก็แห้งขอด สุมาเจียวเห็นทหารอดน้ำระส่ำระสายเป็นอันมากก็วิตก แต่เกียงอุยเองก็ไม่สามารถบุกฝ่าขึ้นไปบนเขาเทียดลองสันได้ ต่างฝ่ายจึงต่างคุมเชิงกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งติดอยู่บนเขาไม่มีน้ำดื่มกินแต่ไม่มีทางหนี ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งล้อมหุบเขาไว้แต่บุกขึ้นไปไม่ได้
บ่ายวันหนึ่งสุมาเจียวเห็นทหารพากันอ่อนล้าอิดโรยเพราะขาดน้ำถึงสองวัน “ก็เงยหน้าขึ้นดูอากาศแล้วกระทืบเท้าร้องว่าเทพยดาไม่เอ็นดูเลย จะให้อดน้ำตายเสียสิ้นแล้วหรือ”.