สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 5มนุษย์ทุกคนมีราคาของตนเอง

ความชุลมุนวุ่นวายในราชสำนักไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าพระเจ้าเลนเต้ทรงตั้งอยู่ในขัตติยะราชธรรม ทรงแต่งตั้งหองจูเปียนเป็นรัชทายาทตามราชประเพณี และไม่ปล่อยให้พวก 10 ขันทีกับพระมเหษีโฮเฮากับพระราชมารดามาก้าวก่ายราชการแผ่นดินมากจนเกินไป ถ้าการบริหารราชการแผ่นดินมีธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง เตียวก๊กก็มิอาจก่อม็อบ จนกลายเป็นกองกำลังกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองทำการจลาจลบนแผ่นดินได้

ตั๋งโต๊ะ เป็นชาวเมืองหลินเถา มณฑลเจียงซู พระเจ้าเลนเต้โปรดให้ไปปราบโจรโพกผ้าเหลือง แต่ตั๋งโต๊ะด้อยฝีมือแตกทัพถอยหนี อาศัยเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเข้าช่วยรบจึงรอดมา ตั๋งโต๊ะใช้วิชามารติดสินบน 10 ขันทีช่วยเพ็ดทูลความดีความชอบ ทั้งๆ ที่ไม่มีความดีแม้แต่น้อย แต่ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองซีหลง เมื่อได้รับคำสั่งให้ยกทัพเข้าเมืองเพื่อจับขันทีฆ่าเสีย ตั๋งโต๊ะยกไพร่พลสิบหมื่น พร้อมด้วยนายทหารเอก ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว พร้อมเครื่องศัตราวุธยกมาตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองลกเอี๋ยงราชธานี

เหตุการณ์เป็นจริงดั่งที่โจโฉเคยกล่าวไว้ บ้านเมืองจะฉิบหายก็เพราะโฮจิ๋น ตันหลิมอาลักษณ์ก็เคยทัดทานไว้ว่า จะเผาขนหูเส้นเดียวทำไมถึงต้องตั้งเตาเผา แค่ปราบกระเทยขันที 10 คน ทำไมต้องสั่งให้ทัพหัวเมืองยกทัพเรือนแสนประดากันเข้าเมืองหลวง แค่คิดก็ผิดแล้ว





นับตั้งแต่ทัพตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวงแล้ว ก็เริ่มขยายเครือข่ายอิทธิพลในลกเอี๋ยง เร่งเกลี้ยกล่อมทหารที่เคยอยู่กับโฮจิ๋นเข้ามาเป็นพรรคพวก วันหนึ่งตั๋งโต๊ะแต่งโต๊ะสุราอาหารในพระราชอุทยานอุยเบ้งหุยเชิญขุนนางน้อยใหญ่มากินเลี้ยง ทุกคนเกรงอำนาจตั๋งโต๊ะก็พากันมาตามคำเชิญ พอได้เวลาตั๋งโต๊ะมือถือกระบี่ร้องห้ามว่า ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งเสพสุรา เรามีข้อราชการสำคัญจะปรึกษาด้วย ขุนนางทั้งปวงก็ตกใจนิ่งฟังอยู่

ตั๋งโต๊ะประกาศว่า ทุกวันนี้หองจูเปียนได้เสวยราชสมบัติ แต่ไม่มีสง่าราศี ไม่มีกิริยาท่วงทีเป็นผู้นำให้ขุนนางกับประชาชนเคารพนับถือ ส่วนหองจูเหียบมีสติปัญญา ความรู้ความสามารถดีกว่า จึงอยากให้หองจูเปียนสละราชสมบัติ แล้วให้หองจูเหียบเสวยราชย์แทน นักการทหารอย่างตั๋งโต๊ะตบท้ายด้วยคำอ้างยอดนิยมในหมู่นักการเมืองว่า ที่ทำอย่างนี้เพื่อความร่มเย็นผาสุกของปวงประชาทั้งแผ่นดิน

ขุนนางทุกฝ่ายพากันตกตะลึง แต่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นนิ่งเงียบอยู่ มีแต่เตงหงวนเจ้าเมืองเต๊งจิ๋วคนเดียวลุกขึ้นยืนร้องแก่ตั๋งโต๊ะว่า ท่านเป็นแต่ขุนนางบ้านนอก ไฉนจึงบังอาจคิดอ่านจะถอดพระเจ้าแผ่นดิน อันหองจูเปียนนั้นเป็นพระราชบุตรเอก มิได้ทำผิดสิ่งใด ท่านคิดอ่านอย่างนี้ถือว่าเป็นขบถ

ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธชักกระบี่ออกจะฆ่าเต็งหงวน แต่ลิยูที่ปรึกษาตั๋งโต๊ะเหลือบตาเห็นองครักษ์เต็งหงวนคนหนึ่งรูปร่างสง่า สูงใหญ่ ถืออาวุธทวน ท่าทีเข้มแข็งนัก จึงทำเป็นห้ามตั๋งโต๊ะไว้ ขุนนางทั้งปวงก็ห้ามเต็งหงวน แล้วพากันแยกย้ายกลับที่พัก มาทราบภายหลังว่า นายทหารองครักษ์เต็งหงวนผู้นั้นชื่อ ลิโป้ นักรบยอดฝีมือแห่งยุค

ตั๋งโต๊ะมิได้ลดความพยายาม บีบสภาขุนนางเรื่องที่จะปลดฮ่องเต้ แต่ขุนนางทั้งปวงต่างทัดทานไม่เห็นด้วย โลติดประธานองคมนตรีลุกขึ้นค้านว่าที่เต็งหงวนพูดนั้นถูกแล้ว ตั๋งโต๊ะโกรธจัด จะฆ่าโลติดให้ได้ แต่ถูกขุนนางรวมทั้งอ้องอุ้นห้ามไว้ ด้วยเห็นว่าโลติดเป็นขุนนางเก่าแก่เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป หากฆ่าเสียจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้

รุ่งขึ้นเช้า เต็งหงวนกับลิโป้คุมทหารออกไปท้ารบกับตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะคุมทหารออกรับ ลิโป้ควบม้ารำทวนเข้ามาแทง ตั๋งโต๊ะตกใจกลัวลิโป้ชักม้าหนีหลบเข้าหลังทหาร เต็งหงวนขับทหารหนุนไล่ฟันจนตั๋งโต๊ะกับทหารแตกกระจาย ต้องจัดตั้งค่ายใหม่ไว้รองรับ





ตั๋งโต๊ะกลับค่ายด้วยอารมณ์ฮึดฮัด ออกปากกับบรรดานายทหารว่าเห็นนักรบมามาก แต่ไม่พบผู้ใดเข้มแข็งห้าวหาญเหมือนลิโป้ อยากจะได้ลิโป้มาเป็นพวก ลิซกกุนซือรับอาสาไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ เพราะเคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ขอม้าเซ็กเธาว์ไปล่อ ตั๋งโต๊ะลังเลไม่ยอม ลิซกจึงว่า แค่ม้าตัวเดียว แลกกับบ้านเมือง จะเลือกอย่างไหน?

ตั๋งโต๊ะจึงยอม พร้อมกับจัดทองคำพันตำลึงกับพลอยสิบยอด เข็มขัดประดับหยกสายหนึ่งให้ลิซกนำไปให้ลิโป้ ลิซกเกลี้ยกล่อมลิโป้อยู่นาน หว่านล้อมว่าแทนที่จะเป็นนายทหารช่วยแค่เจ้าเมือง กับเป็นขุนทัพระดับชาติภายใต้อำนาจตั๋งโต๊ะ อนาคตย่อมไปได้ไกลกว่า

ลิโป้ละโมบหลุดปากว่า คำของท่านลิซกเหมือนกับแหวกหมู่เมฆมองเห็นตะวัน ลิโป้เห็นแก่ลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่คำนึงถึงจริยธรรมกับความชอบธรรม ตรงรี่เข้าไปฆ่าเต็งหงวนพ่อบุญธรรมของตัวเองในที่พัก แล้วตัดศีรษะเต็งหงวนห่อผ้านำไปสวามิภักดิ์กับตั๋งโต๊ะ

เห็นลิโป้เข้ามาหา ตั๋งโต๊ะออกมารับถึงกับคุกเข่าคำนับลิโป้ บอกว่าท่านมาหาข้าพเจ้า อุปมาเหมือนฝนตกลงห่าใหญ่ น้ำท่วมเลี้ยงต้นกล้าชุ่มชื่น ใบเขียวสดขจีมีชีวิตขึ้นแล้ว พร้อมกับออกปากรับลิโป้เป็นบุตรบุญธรรมแทนที่เต็งหงวน นำเสื้ออย่างดีกับเกราะทองคำมากำนัลแก่ลิโป้ แต่งตั้งให้เป็นนายทหารองครักษ์เจ้า กรมฝ่ายขวาคอยรับใช้อยู่ใกล้ชิด มนุษย์ทุกคนย่อมมีราคาของตนเอง ลำพังแค่ม้าเซ็กเธาว์ แก้วแหวนเงินทอง เสื้อเกราะทองคำกับตำแหน่งลาภยศ ก็สามารถทำให้ยอดฝีมืออย่างลิโป้ หันหลังให้แก่ความชอบธรรมได้

ตั๋งโต๊ะเมื่อได้ลิโป้มาอยู่ข้างตัว คิดอ่านสิ่งใดก็สะดวกขุนนางน้อยใหญ่แลทหารในเมืองตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตั๋งโต๊ะทั้งสิ้น อยู่มาวันหนึ่ง ตั๋งโต๊ะสั่งให้ลิโป้คุมกำลังกว่าพันคนเข้าล้อมพระราชวัง แล้วตั้งโต๊ะเชิญขุนนางมากินเลี้ยงในที่เฝ้า มือถือกระบี่ร้องประกาศถอดหองจูเปียนออกจากตำแหน่งฮ่องเต้ แล้วจะตั้งหองจูเหียบขึ้นเสวยราชสมบัติแทน ผู้ใดไม่เห็นด้วยข้าพเจ้าจะฆ่าเสีย

ขุนนางฟังแล้วต่างนิ่งอึ้ง มีแต่อ้วนเสี้ยวคนเดียวที่ลุกขึ้นยืนคัดค้านว่า หองจูเปียนเป็นพระราชบุตรเอก พระราชบิดายกราชสมบัติให้ มิได้มีความผิดสิ่งใด ท่านทำอย่างนี้มิใช่เป็นการคิดขบถหรือ ตั๋งโต๊ะได้ยินก็โกรธ ตวาดว่าถ้าขืนขัดขวาง ขอให้ดูกระบี่ในมือว่าจะคมหรือไม่ อ้วนเสี้ยวผู้กล้าย้อนว่า แล้วกระบี่ของข้าพเจ้าที่มีอยู่มันก็คมเหมือนกัน ทั้งสองต่างชักกระบี่ ลิยูที่ปรึกษาเข้าห้ามตั๋งโต๊ะ ขุนนางทั้งปวงก็เข้าห้ามอ้วนเสี้ยว ซึ่งโกรธจัดพาทหารกับพลพรรคยกออกจากเมืองหลวง

ผู้นำที่สร้างความผิดพลาดให้กับการบริหารบ้านเมือง ส่วนมากจะอยู่ได้เห็นความหายนะที่ตนได้ก่อขึ้น แต่ในกรณีของโฮจิ๋นแม่ทัพผู้นำที่สร้างความวิบัติให้กับบ้านเมือง หาได้มีชีวิตยืนยาวได้อยู่เห็นความแตกร้าวพินาศฉิบหายที่ตนเองได้ก่อขึ้นไม่ เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนคิดทำการใหญ่ ถ้าถือคติข้ามาคนเดียว ไม่ฟังเสียงทักท้วงของผู้ใต้บังคับบัญชา สุดท้ายแม้ชีวิตของตัวเองก็เอาไม่รอดอย่างโฮจิ๋น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘