ตอนที่ 582. โจยอยกำเริบใจ

พระเจ้าโจยอยต้องการสร้างพระราชวังและพระตำหนักเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์ของพระองค์ให้ยิ่งใหญ่เสมอด้วยพระราชวังของพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ ทำให้บ้านเมืองต้องเสียงบประมาณและทรัพยากรจำนวนมาก ราษฎรเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ขุนนางผู้ภักดีสองคนได้กราบบังคมทูลทัดทานกลับถูกลงโทษ แต่ทำให้เฉลียวพระทัยแล้วเรียกแม่กองงานก่อสร้างเข้ามาสอบถาม

            ม้ากิ้นแม่กองงานก่อสร้างจึงกราบทูลว่า คนทั้งปวงซึ่งมาสนองพระเดชพระคุณทำการก่อสร้างในครั้งนี้ล้วนเต็มใจและปลื้มใจที่ได้ทำการถวายฮ่องเต้ หลายคนได้มีหนังสือมาแจ้งว่าเป็นวาสนาที่ได้ทำการครั้งนี้ เพราะจะเป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลังได้ประจักษ์ถึงความรุ่งเรืองแห่งพระราชอาณาจักร จึงเต็มใจยอมเหนื่อยยากลำบาก แม้ถึงตายก็ไม่เสียดายแก่ชีวิต เพราะถึงแม้จะไม่ได้ทำการอันยิ่งใหญ่นี้ก็ต้องตายอยู่นั่นเอง สู้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ฝากไว้กับคนรุ่นหลังจะดีกว่า

            ม้ากิ้นได้เอาหนังสือที่หัวเมืองต่าง ๆ ส่งอุปกรณ์และข้าวของมาร่วมการก่อสร้างซึ่งล้วนมีความว่าเต็มใจสนองพระเดชพระคุณทั้งสิ้น แล้วกราบทูลว่าซึ่งคำคนยุยงว่าราษฎรได้ความเดือดร้อนนั้นมีมาแต่น้ำจิตริษยา ขอพระองค์อย่าได้เชื่อฟัง อนึ่งเล่าแม้มีแรงงานไพร่ถึงแก่ความตายไปบ้างก็เป็นไปตามอายุขัย เพราะเป็นธรรมดาที่ความตายย่อมมาถึงได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าหนุ่มชะแลแก่ชราประการใด ซึ่งพระองค์ตรัสสั่งให้ทำการก่อสร้างครั้งนี้จะเป็นผลงานชิ้นประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ตราบชั่วกัลปาวสาน

            พระเจ้าโจยอยได้ฟังคำกราบทูลของม้ากิ้นก็ต้องพระทัย และมั่นใจว่าโครงการก่อสร้างที่ตรัสสั่งให้ทำนั้นเป็นประโยชน์ใหญ่แก่บ้านเมือง จึงรับสั่งกับม้ากิ้นต่อไปว่าเราได้ยินคำซินแสแต่โบราณกล่าวไว้ว่า ถ้าได้สร้างหอสูงเสียดฟ้า ตั้งการพิธีบวงสรวงบูชาเทพยดาแล้ว ก็จะมีอายุขัยที่ยั่งยืนยาวนาน เจ้าเคยได้ยินความนี้บ้างหรือไม่

            ม้ากิ้นได้ฟังคำพระเจ้าโจยอยดังนั้นก็เข้าใจในพระราชประสงค์ว่าทรงเกรงกลัวต่อความตาย ปรารถนาจะมีพระชนมายุยั่งยืนยาวนาน เป็นโอกาสที่จะสร้างความชอบไว้แก่ตัว จึงกราบทูลว่าในยุคต้นราชวงศ์ฮั่นมีฮ่องเต้เสวยราชย์ถึงยี่สิบสี่พระองค์ ในจำนวนนี้พระเจ้าฮั่นบู๊เต้ทรงเสวยราชย์ยาวนานที่สุดและมีพระชนมายุมากที่สุด ข้าพระองค์ได้ทราบมาว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากพระเจ้าฮั่นบู๊เต้เมื่อครั้งที่ประทับอยู่ที่พระตำหนักสันติสุข ได้โปรดให้สร้างหอสูงเจ็ดชั้นพระราชทานนามว่าหอวนากาศ ทรงโปรดให้หล่อรูปคนทองแดงตั้งไว้บนยอดหอ ในมือรูปหล่อถือถาดทองสำหรับรองน้ำทิพย์ซึ่งประทานจากเทพดาวไถจากสรวงสวรรค์ ทุกเวลายามสามจะมีน้ำปริ่มอยู่ในถาดทอง พระเจ้าฮั่นบู๊เต้โปรดให้เอาหยกงามและมุกเม็ดสมบูรณ์บดเป็นผง แล้วใช้น้ำในถาดทองนั้นเป็นกระสัยยาทำเป็นยาอายุวัฒนะ โบราณว่ามีสรรพคุณทำให้ผู้ชรากลับกลายเป็นคนหนุ่ม ชอบที่พระองค์ซึ่งมีบุญญาธิการจะได้ทำการตามแบบอย่างของพระเจ้าฮั่นบู๊เต้ก็จะมีพระชนมายุยืนนานเป็นหมื่นปี เป็นหลักชัยของบ้านเมืองสืบไป

            พระเจ้าโจยอยได้ฟังคำกราบทูลต้องด้วยพระทัยจึงทรงชื่นชมยินดี แล้วตรัสถามม้ากิ้นว่าบัดนี้รูปมนุษย์ทองแดงที่พระเจ้าฮั่นบู๊เต้ทรงหล่อไว้นั้นอยู่ที่ไหน เจ้ารู้หรือไม่

            ม้ากิ้นจึงกราบทูลว่าข้าพระองค์ทราบว่ารูปมนุษย์ทองแดงนี้ยังคงอยู่ที่เมืองเตียงอัน และมีความสมบูรณ์ทุกประการ

            พระเจ้าโจยอยจึงตรัสสรรเสริญม้ากิ้นว่ามีความรอบรู้การแผ่นดินในประวัติศาสตร์เป็นอันมาก ซึ่งกราบทูลความทั้งนี้หากสำเร็จจริงแล้วก็จะมีความชอบใหญ่หลวง แล้วจึงตรัสสั่งให้ม้ากิ้นคุมพลหมื่นคนรีบเดินทางไปเมืองเตียงอันเพื่อรื้อถอนรูปหล่อมนุษย์ทองแดงจากหอวนากาศ เพื่อเอามาประดับไว้ที่พระราชอุทยาน ซึ่งโปรดให้สร้างขึ้นในพระราชวังใหญ่แห่งใหม่ และให้รีบเดินทางไปทำการตามรับสั่ง

            ม้ากิ้นถวายบังคมลาพระเจ้าโจยอยแล้ว กลับไปจัดแจงไพร่หมื่นคนรีบเดินทางไปเมืองเตียงอัน ให้สร้างนั่งร้านโดยรอบหอวนากาศซึ่งมีความสูงถึงยี่สิบกว่าวา เสากลางของหอนี้ทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่เท่ากับสิบคนโอบ แล้วให้ตั้งปั้นจั่นขนาดใหญ่ถึงสิบตัวยกมนุษย์ทองแดงลงจากหอสูงเจ็ดชั้น

            ม้ากิ้นใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนจึงยกรูปหล่อมนุษย์ทองแดงออกจากหอวนากาศได้สำเร็จ แต่เมื่อยกรูปหล่อลงถึงพื้นม้ากิ้นและไพร่ทหารเลวทั้งปวงต่างพากันตกใจ เพราะได้เห็นใบหน้าของมนุษย์ทองแดงนั้นมีน้ำตารินไหลออกมาจากเบ้าตาเหมือนหนึ่งจะร้องไห้

            ม้ากิ้นและทหารเลวทั้งปวงพากันคุกเข่ากราบไหว้ ในทันใดนั้นก็บังเกิดพายุหมุนพัดดินฝุ่นเป็นวงตรงมาที่รูปหล่อมนุษย์ทองแดง อสุนีบาตได้ฟาดเปรี้ยงปร้างสะเทือนสะท้านไหวไปทั่วบริเวณ หอวนากาศพังทลายลงทับไพร่ทหารเลวบาดเจ็บล้มตายหลายพันคน

            อีกพักใหญ่ลมฟ้าก็สงบเป็นปกติลง ม้ากิ้นจึงสั่งให้เอาศพของไพร่ทหารฝังไว้ข้างหอวนากาศนั้น แล้วเร่งทหารช่างให้ต่อรถลากขนาดใหญ่มีแปดล้อ เสร็จแล้วยกรูปหล่อมนุษย์ทองแดงขึ้นบนรถลากรีบขนกลับไปเมืองลกเอี๋ยง แล้วกราบบังคมทูลความให้พระเจ้าโจยอยทรงทราบทุกประการ

            พระเจ้าโจยอยได้ฟังเหตุอันเป็นนิมิตดังนั้นก็ไม่สนพระทัย ตรัสถามว่าเมื่อหอวนากาศพังทลายลงดังนี้แล้ว เสาทองแดงนั้นเหตุไฉนจึงไม่ขนมาเมืองลกเอี๋ยง

            ม้ากิ้นจึงกราบทูลว่า เสาทองแดงมีขนาดใหญ่มาก มีน้ำหนักถึงร้อยหมื่นชั่ง ไม่อาจชักลากมาเมืองลกเอี๋ยงได้

            พระเจ้าโจยอยจึงตรัสว่า เราเป็นจักรพรรดิแห่งแผ่นดิน เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ย่อมได้ดังประสงค์ ความยากลำบากใด ๆ ไม่อาจขัดขวางความประสงค์ของเราได้ ให้ท่านเกณฑ์ผู้คนไปลากขนเอาเสาทองแดงกลับมาเมืองลกเอี๋ยงให้จงได้

            ม้ากิ้นจึงกราบทูลว่า พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ ข้าพระองค์จะรีบดำเนินการตามรับสั่ง กราบทูลแล้วม้ากิ้นจึงถวายบังคมลาพระเจ้าโจยอยกลับไปจัดแจงผู้คนแล้วยกไปเมืองเตียงอันอีกครั้งหนึ่ง ทำล้อเลื่อนขนาดใหญ่สองตอนยาวสิบแปดวาบรรทุกเสาทองแดงซึ่งเป็นเสาเอกของหอวนากาศชักลากกลับมาเมืองลกเอี๋ยง แล้วเข้าไปกราบบังคมทูลให้พระเจ้าโจยอยทรงทราบ

            พระเจ้าโจยอยทราบความตามคำกราบทูลแล้วก็มีพระทัยยินดี เสด็จไปทอดพระเนตรเสาทองแดงและรูปหล่อมนุษย์ทองแดงถึงบริเวณที่ก่อสร้างด้วยความปลาบปลื้มพระทัย หลังจากทรงพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัสสั่งให้ม้ากิ้นหลอมเสาทองแดงนั้นหล่อเป็นรูปทหารโบราณสองตัวพระราชทานนามว่าฮองต๋ง เมื่อเสร็จแล้วให้เอาไปตั้งไว้ข้างหน้าประตูพระราชวัง ทองแดงที่เหลือโปรดให้หล่อเป็นหงส์ตัวหนึ่งและมังกรอีกตัวหนึ่ง เมื่อเสร็จแล้วให้เอาไปตั้งไว้หน้าท้องพระโรงบนพระที่นั่งในพระราชวังใหญ่

            พระเจ้าโจยอยทอดพระเนตรการก่อสร้างวังใหญ่แล้ว เห็นด้านหลังพระตำหนักใหญ่ยังไม่เป็นที่รื่นรมย์ จึงตรัสสั่งให้สร้างอุทยานขึ้นในบริเวณด้านหลังพระตำหนักใหญ่นั้น เป็นที่กว้างขวาง โปรดให้สรรหาพันธุ์ไม้นานาพรรณจากทั่วทั้งแคว้นมาปลูกไว้ในอุทยาน ให้ปลูกไม้ดอก ไม้ผล และไม้ดัดเป็นจำนวนมาก ท้ายอุทยานให้ปลูกต้นไม้อย่างแน่นหนาคล้ายกับป่า และโปรดให้เอานก เนื้อ กวาง ทราย มาปล่อยไว้ในอุทยานนั้น

            สำหรับรูปหล่อมนุษย์ทองแดงนั้น เมื่อทรงพิเคราะห์แล้วโปรดให้เอาไปตั้งไว้ด้านหลังพระตำหนักใหญ่ใกล้กับอุทยานเป็นที่กลางหาว ตรัสสั่งม้ากิ้นด้วยว่าเมื่ออุทยานเสร็จแล้วให้เพิ่มนางกำนัลจำนวนมากสำหรับคอยปรนนิบัติเวลาเสด็จลงอุทยาน

            พระเจ้าโจยอยเสด็จตรวจการก่อสร้างทั่วแล้วจึงทรงกำชับม้ากิ้นว่า โครงการก่อสร้างดำเนินมาด้วยดีแล้ว จงเร่งรีบให้แล้วเสร็จตามกำหนด จากนั้นพระเจ้าโจยอยจึงเสด็จกลับเมืองฮูโต๋

            ม้ากิ้นยิ่งเร่งการก่อสร้างเท่าใด ความเดือดร้อนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เสียงแห่งความทุกข์ยากของอาณาประชาราษฎรก้องกระหึ่มไปทั้งแคว้น ราชครูเอียวหูอดรนทนมิได้จึงมิได้เกรงแก่ความตาย แต่งฎีกาขึ้นกราบทูลพระเจ้าโจยอยฉบับหนึ่ง ซึ่งสามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุความว่า “ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเงี่ยวเต้ทรงประทับอยู่ในกระท่อมหลังคามุงแฝก ก๊กทั้งหลายอยู่เย็นเป็นสุข พระเจ้าอู้เต้ก็ทรงประทับพระราชวังเล็ก ๆ และแผ่นดินก็ร่มเย็นเป็นสุข กระทั่งมาถึงราชวงศ์ฮึงและจิวต้องการให้สง่าผ่าเผยจึงได้ยกสูงเป็นสามเชี๊ยะ คาดคะเนว่าแต่ละวันต้องจัดงานกินเลี้ยงถึงเก้าครั้ง จักรพรรดิผู้เมธา อ๋องผู้ปราดเปรื่องในยุคโบราณ ยังมิได้มีพระราชวัง ตำหนักสูงใหญ่วิจิตรตระการตา ซึ่งทำให้ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ต้องสูญเสียแรงและทรัพย์สินต้องร่อยหรอยากจนข้นแค้นลง พระเจ้าเกี๊ยกทรงสร้างพระราชวังประดับเพชร คอกม้าประดับงาช้าง พระเจ้าติ้วอ๋องทุ่มเทสร้างพระราชวังเต๊กไถ้หรือพระราชวังกวาง เป็นเหตุให้สูญเสียแผ่นดิน ฌ้อเล้งอ๋องให้สร้างวังเจียวฮัว ร่างกายจึงต้องรับเภทภัย จักรพรรดิจิ๋นซีทรงสร้างพระราชวังอาปั๊งเกงและนำภัยพิบัติมาสู่บุตรตน เกิดขบถทรยศทั่วทั้งแผ่นดิน แค่สองชั่วคนก็ดับสูญ การที่ไม่คาดคะเนกำลังมหาชน ปล่อยตามแต่หูตาตนต้องการพอใจ ยังมิมีผู้ใดที่มิต้องสูญสิ้น พระองค์ควรต้องทรงเอาวิธีของพระเจ้าเงี้ยว ซุ่น อู้ ทัง บุ๊น เอาเรื่องพระเจ้าเกี๊ยก ติ้วอ๋อง ฌ้อเล้งอ๋อง จักรพรรดิจิ๋นซีเป็นข้อห้าม แต่หากพระองค์จะทรงพักผ่อนและสำราญพระทัยจำเพาะเจาะจงจะตกแต่งพระราชวัง ก็คงจะต้องมีเภทภัยอันตรายถึงสูญสิ้นแน่นอน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ข้าพระพุทธเจ้าเป็นดั่งผู้ช่วยมือซ้ายมือขวา ความเป็นความตายย่อมหนึ่งเดียวกัน จะได้หรือเสียก็เสมือนกัน”

            ราชครูรู้หมายรับสั่งเป็นอย่างดีว่าการกราบบังคมทูลครั้งนี้อาจต้องโทษถึงประหาร จึงกราบทูลไว้ในฎีกาด้วยว่า เมื่อพระเจ้าโจยอยได้ทอดพระเนตรฎีกานี้แล้วขอได้โปรด พระราชทานโลงศพให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วย

            พระเจ้าโจยอยทอดพระเนตรฎีกาของราชครูแล้วก็ทรงไม่พอพระทัย แต่ไม่กล้าลงพระราชอาชญาถึงประหารชีวิตตามหมายรับสั่ง เพราะเกรงคำคนครหาว่าเป็นศิษย์คิดล้างครู ดังนั้นจึงทรงเก็บฎีกาของราชครูไว้โดยมิได้ตรัสประการใดจนกระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงเสด็จมาประทับที่พระราชวังแห่งใหม่ ณ เมืองลกเอี๋ยง

            อนึ่งพระเจ้าโจยอยนั้นมีพระมเหสีองค์หนึ่งชื่อนางมอซือ ทรงอภิเษกสมรสตาม พระบรมราชานุญาตในพระเจ้าโจผี ครั้นพระเจ้าโจยอยได้เสวยราชย์แล้วทรงโปรดปรานพระสนมโกยฮุยหยินและยกย่องให้เป็นที่พระสนมเอก ด้วยความชำนาญในศาสตร์แห่งกามและความอ่อนช้อยเอาอกเอาใจทุกประการของพระสนมเอกโกยฮุยหยิน พระเจ้าโจยอยจึงยิ่งโปรดปรานเป็นอันมาก

            สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “พระเจ้าโจยอยรักยิ่งกว่านางมอซือ ด้วยการใช้สอยมีอัชฌาสัย”

            พระสนมเอกถวายการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าโจยอยทุกถ้วนกระบวนท่าสุดแท้แต่จะมีพระราชประสงค์ น้ำพระทัยรักของพระเจ้าโจยอยต่อพระสนมเอกโกยฮุยหยินจึงล้นหลั่งกลายเป็นความลุ่มหลง ไม่ยอมห่าง บางครั้งประทับอยู่กับพระสนมเอกนับสัปดาห์โดยไม่เสด็จออกว่าราชการ บางครั้งก็ประทับอยู่กับพระสนมเอกถึงหนึ่งเดือนโดยไม่เสด็จไปยังพระตำหนักของพระมเหสี

            เดือนห้าในปีนั้นย่างเข้าฤดูฝน ดอกไม้ในอุทยานแห่งใหม่ได้รับฝนแรกก็บานสะพรั่ง ชูช่อดอกไสวงดงามตระการตา พระเจ้าโจยอยได้พาพระสนมเอกไปพักผ่อนพระ อริยาบถในพระราชอุทยาน และโปรดให้ตั้งโต๊ะเสพสุรากับพระสนมเอก ตรัสสั่งให้จัดมโหรีขับกล่อมเป็นที่บันเทิงเพลิดเพลินพระหฤทัย

            พระสนมเอกต้องการจะลองน้ำพระทัยพระเจ้าโจยอย จึงกราบทูลถามว่าบรรยากาศอันงามตระการตาเปี่ยมสุขดังนี้ ไฉนพระองค์จึงไม่โปรดให้พระมเหสีมาร่วมเสวยน้ำจัณฑ์พร้อม ๆ กันด้วยเล่า

            พระเจ้าโจยอยไม่ทันกลสตรี พอได้ฟังคำทูลดังนั้นก็ตรัสว่าโลกส่วนตัวของเรานี้มีแต่เจ้าเพียงผู้เดียว หากมีพระมเหสีมาร่วมที่ด้วยแล้ว ไหนเลยเราจะกลืนน้ำจัณฑ์ได้ลงคอ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘