ตอนที่ 576. เงาของไม้ นามของคน
อุบายใช้ “คนตายหลอกคนเป็น” ของขงเบ้งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำให้สุมาอี้ตกใจกลัว พาทหารถอยหนีอย่างไม่คิดชีวิต ภารกิจประการแรกหลังการตายที่ขงเบ้งวางแผนไว้สำเร็จแล้ว แต่ภารกิจลำดับที่สองที่จะต้องกำจัดอุยเอี๋ยนซึ่งก่อการกบฏยังคงต้องดำเนินต่อไป
สุมาอี้พาทหารมาถึงค่ายหลวงของขงเบ้งแล้ว จึงขี่ม้าตรวจตราค่ายใหญ่น้อยทั้งค่ายหลวง ค่ายรองต่าง ๆ แล้วออกปากสรรเสริญว่าขงเบ้งนี้มีสติปัญญาชำนาญในพิชัยสงคราม ตั้งค่ายใหญ่น้อยถูกต้องครบถ้วนกระบวนสงคราม พร้อมรับพร้อมรุกและพร้อมหนุนช่วยกันได้อย่างทรงอานุภาพยิ่งนัก
สุมาอี้ตรวจตราดูค่ายของขงเบ้งแล้วพาทหารกลับไปที่ค่ายเดิมเพื่อรอคอยฟังข่าวคราวการถอยทัพกลับเมืองเสฉวนของทหารจ๊กก๊ก และกำชับทหารทั้งปวงให้กวดขันระมัดระวังรักษาค่ายมิได้ประมาท เมื่อแน่ใจว่ากองทัพจ๊กก๊กล่าถอยพ้นอันตรายแล้วสุมาอี้จึงสั่งการให้ด่านตามรายทางทุกตำบลเพิ่มความระมัดระวังตรวจตราไว้ให้มั่นคง จากนั้นจึงเลิกทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง
หลังจากข่าวขงเบ้งถึงแก่ความตายแพร่กระจายออกไป ลิเงียมซึ่งถูกขงเบ้งกราบบังคมทูลให้ถอดออกจากตำแหน่งฐานผิดวินัยทัพจัดส่งเสบียงแก่กองทัพไม่ทันตามกำหนด แล้วยังรายงานเท็จว่ากองทัพเมืองกังตั๋งยกมาย่ำยีเมืองเสฉวน ทำให้ขงเบ้งต้องเลิกทัพเสียกลางคัน ก็ได้ทราบข่าวคราวจึงร้องไห้เป็นอันมาก
ลิเงียมรำพึงว่าตัวเราเป็นข้าเก่าของพระเจ้าเล่าปี่ ได้กระทำความผิด มหาอุปราชเสนอให้ออกจากราชการนั้นควรแก่ความผิดแล้ว แต่ตลอดวันเวลาที่ผ่านมาเราได้ตั้งความหวังว่าวันใดวันหนึ่งมหาอุปราชจะเห็นแก่ความดีแต่หนหลัง และเห็นว่าเราสำนึกผิดได้แล้ว ก็อาจเรียกตัวกลับเข้ารับราชการ แต่เมื่อมหาอุปราชมาตายเสียเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดรำลึกถึงอีกต่อไป ความหวังตั้งใจที่จะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่งจึงเป็นอันหมดสิ้นไปด้วย
ลิเงียมยิ่งคิดยิ่งตรอมใจ ในที่สุดก็ป่วยหนักและถึงแก่ความตาย
ข้างในเมืองเสฉวนนั้น เดิมมีขุนนางผู้หนึ่งชื่อเลียวหลิบเป็นผู้ทะนงตนว่าเป็นผู้มีสติปัญญา รอบรู้ในพิชัยสงครามและการปกครองแผ่นดิน พร่ำพูดกับคนทั่วไปว่าสติปัญญาความรู้ความสามารถของตนนั้นสามารถที่จะครองตำแหน่งรองอุปราชได้
เพราะเหตุที่เลียวหลิบทะนงตนตีราคาตนเองข้างเดียวดังนี้ จึงเฝ้าแต่รอคอยว่าวันเวลาใดจะได้เลื่อนตำแหน่ง ครั้นไม่ได้สมดังใจก็พาลติฉินนินทา กล่าวหาว่าขงเบ้งมีแต่ตาแต่ไม่รู้จักคนดีมีสติปัญญา ข่าวคราวล่วงรู้ไปถึงขงเบ้งหลายครั้งหลายหน จึงเรียกตัวมาพบและตักเตือนว่ากล่าวแต่เลียวหลิบก็มิได้เชื่อฟัง ขงเบ้งจึงถอดเลียวหลิบออกจากตำแหน่งขุนนาง เนรเทศไปอยู่ที่ภูเขาบุกองสัน
ครั้นเลียวหลิบทราบข่าวว่าขงเบ้งถึงแก่ความตายแล้ว ก็ได้คิดว่าซึ่งทะนงตนว่ามีสติปัญญาควรค่าแก่ตำแหน่งสูงในทางราชการนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงการประเมินค่าตนเองข้างเดียวคนเดียว โดยไม่มีใครรับรู้ยอมรับด้วย ขงเบ้งตายแล้วเห็นจะไม่มีใครรำลึกถึง เรียกตัวกลับเข้ารับราชการอีกต่อไป
เลียวหลิบคำนึงดังนั้นก็ร้องไห้อาลัยรักขงเบ้ง และไว้ทุกข์ให้แก่ขงเบ้งอยู่ถึงสามปี
ฝ่ายเอียวหงีและเกียงอุยได้นำขบวนทัพล่าถอยเข้าหุบเขาและเคลื่อนไปตามเส้นทางที่คับแคบอย่างช้า ๆ ตามแผนการที่ขงเบ้งกำหนดทุกประการ เมื่อกองทัพพ้นจากการตามตีของสุมาอี้แล้ว เอียวหงีจึงให้ประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่ามหาอุปราชป่วยหนักถึงแก่กรรมแล้ว ให้ทหารทั้งปวงนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ตามประเพณี
พลันที่ขบวนทัพประกาศข่าวการตายของขงเบ้ง ทหารทั้งปวงในกองทัพจ๊กก๊กที่กำลังล่าถอยนั้นต่างพากันตกใจ ร้องไห้ระงมไปทั้งกองทัพ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “ทหารใหญ่น้อยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ ต่างคนต่างร้องไห้รักขงเบ้ง ที่เอาศีรษะกระทบศิลาแตกบ้าง จนสลบไปเป็นอันมาก”
พอสร่างโศกทหารทั้งปวงในกองทัพจ๊กก๊กจึงเปลี่ยนชุดเสื้อเกราะเป็นนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ให้กับขงเบ้ง และเปลี่ยนธงประจำตัวแม่ทัพเป็นธงขาวไว้ทุกข์นำหน้าขบวนศพขงเบ้ง
ครั้นเอียวหงีและเกียงอุยพากองทัพถอยไปใกล้หุบเหวในตำบลเจียงโต๋เพื่อจะข้ามสะพานลอยข้ามหุบเหวเข้าเขตแดนเมืองเสฉวน หน่วยลาดตระเวนได้ขี่ม้ากลับมารายงานด้วยท่าทีที่ตกอกตกใจว่า ขณะนี้อุยเอี๋ยนได้ยกกองทัพไปสกัดขวางทางข้ามหุบเหวไว้ และได้เผาสะพานลอยข้ามหุบเหวหมดสิ้นแล้ว
เอียวหงีได้ฟังรายงานดังนั้นก็ตกใจ กล่าวกับบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่าบัดนี้อุยเอี๋ยนก่อการกบฏสมดังที่มหาอุปราชได้คาดการณ์ไว้แล้ว ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
บิฮุยจึงว่าซึ่งจะรบพุ่งกำจัดอุยเอี๋ยนนั้นมหาอุปราชได้กำหนดแผนการเอาไว้แล้ว แต่อุยเอี๋ยนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ชอบที่จะแต่งฎีกากราบบังคมทูลให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบก่อน จะได้คิดอ่านป้องกันเมืองเสฉวนอย่างหนึ่งและป้องกันมิให้อุยเอี๋ยนแต่งฎีกากล่าวโทษใส่ร้ายอีกประการหนึ่ง
เอียวหงีได้ฟังคำบิฮุยก็เห็นด้วย เกียงอุยซึ่งอยู่ในที่นั้นได้กล่าวว่ามหาอุปราชได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว จึงได้บอกเส้นทางลับซึ่งจะวกอ้อมกลับไปเมืองเสฉวนได้โดยสะดวก กล่าวแล้วเกียงอุยจึงนำแผนที่ซึ่งขงเบ้งบอกเส้นทางไว้เอามาให้เอียวหงีดู แล้วชี้ว่าเส้นทางในซอกเขาเจาสันนี้คือเส้นทางลัดวกออกทางด้านหลังสะพานลอยข้ามหุบเหวไปยังเมืองเสฉวนได้
เอียวหงีเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงแต่งฎีกาแล้วใช้ให้ม้าเร็วถือฎีการีบนำความเข้าไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน และสั่งให้เคลื่อนขบวนทัพไปตามเส้นทางลัดซึ่งขงเบ้งได้บอกไว้นั้น
ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนตั้งแต่ทรงทราบข่าวว่าขงเบ้งป่วยก็ไม่สบายพระทัย ในค่ำคืนที่ขงเบ้งจะสิ้นบุญนั้นพระเจ้าเล่าเสี้ยนเข้าที่พระบรรทมแล้ว ทรงมีพระสุบินนิมิตว่าได้เสด็จไปประพาสป่าถึงเขากิมปินสัน ในทันใดนั้นภูเขากิมปินสันถูกอสุนีบาตพังทลายลงจึงตกพระทัยตื่น แล้วไม่อาจบรรทมหลับได้อีกต่อไป
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทอดพระบาทเสด็จพระราชดำเนินวนไปวนมาอยู่ในพระตำหนักด้วยความรุ่มร้อนพระทัยจนสว่าง จึงตรัสสั่งให้เรียกประชุมขุนนางในท้องพระโรงตั้งแต่เวลาเช้า แล้วปรารภความซึ่งมีพระสุบินนิมิตนั้นให้ขุนนางทั้งปวงทราบ และตรัสถามว่าซึ่งเราฝันครั้งนี้จะร้ายดีประการใด
เจาจิ๋วซึ่งเป็นโหรหลวงได้เดินไปหน้าพระราชบัลลังก์ ถวายบังคมแล้วกราบทูลว่าเมื่อคืนนี้ข้าพระองค์ได้ตรวจดูการโคจรของดวงดาวบนอากาศ เห็นดาวประจำตัวมหาอุปราชตกลงข้างทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เห็นว่ามหาอุปราชจะสิ้นบุญแล้ว ซึ่งพระองค์ทรงมีพระสุบินว่าเขากิมปินสันพังทลายลงนั้นก็เป็นสุบินร้าย ต้องกันกับปรากฏการณ์ของดวงดาวบนอากาศ
พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังคำกราบทูลดังนั้นก็ตกพระทัย พระพักตร์เศร้าหมองลงเป็นอันมาก น้ำพระทัยก็หวนประหวัดรำลึกถึงขงเบ้งที่สู้ตรากตรำลำบากเพื่อพระองค์ น้ำพระเนตรก็ค่อย ๆ ไหลอาบพระพักตร์โดยไม่รู้สึกพระองค์ หลังจากวันนั้นแล้วพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ได้แต่กังวลพระทัยอยู่ในพระตำหนัก ไม่เสด็จออกว่าราชการตามปกติ
หลังจากนั้นอีกห้าวันลิฮกได้เดินทางกลับมาจากตำบลเขากิสาน แล้วเข้าไปเฝ้ากราบบังคมทูลว่ามหาอุปราชถึงแก่กรรมแล้ว และได้กราบทูลความตามที่ขงเบ้งได้สั่งไว้นั้นให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบทุกประการ
พระเจ้าเล่าเสี้ยนแม้ว่าจะทำพระทัยยอมรับในความเป็นไปอยู่บ้างแล้ว แต่พลันที่ได้ทราบว่าขงเบ้งตายก็ตกพระทัย ทรงกันแสงดังลั่นทั้งพระตำหนัก แล้วตรัสว่า “ซึ่งขงเบ้งถึงแก่ความตายนั้น ชะรอยเทพยดาจะสังหารชีวิตเรา”
ตรัสแล้วก็ยิ่งกันแสงหนักขึ้นแล้วล้มฟุบลงบนพระเก้าอี้ ขันทีทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ ตกใจ จึงเข้าช่วยพยุงพระองค์เข้าไปที่ข้างใน หลังจากวันนั้นแล้วพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ทรง พระประชวร ไม่เสด็จออกว่าราชการ
สำนักราชเลขาธิการได้ออกประกาศราชสำนักให้ชาวเมืองทั้งปวงได้ทราบว่าบัดนี้มหาอุปราชจูกัดเหลียง-ขงเบ้ง สิ้นบุญแล้ว ให้ชาวเมืองทั้งปวงไว้ทุกข์ตามประเพณี ชาวจ๊กก๊กทั้งปวงได้ทราบข่าวหมายประกาศของราชสำนักต่างพากันร้องไห้อาลัยรักขงเบ้ง และนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ให้แก่ขงเบ้งเสมอด้วยญาติผู้ใหญ่อันเป็นที่เคารพ
วันหนึ่งราชเลขาธิการได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า บัดนี้ อุยเอี๋ยนได้แต่งฎีกาเข้ามากราบบังคมทูลว่าเอียวหงีก่อการกบฏ ชิงเอาศพมหาอุปราช แล้วสมคบกับข้าศึกจะยกมาทำอันตรายเมืองเสฉวน อุยเอี๋ยนจึงคุมทหารสกัดทางกองทัพเอียวหงีไว้ที่ปากทางตำบลเจียงโต๋
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบความก็ตกพระทัย ตรัสสั่งให้ขุนนางคนสนิทเอาฎีกาของอุยเอี๋ยนมาอ่านให้ทรงฟัง ปรากฏความว่าข้าพเจ้าแม่ทัพกองทัพหน้าอุยเอี๋ยนขอถวายฎีกากราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบว่า เอียวหงีได้ถือโอกาสที่มหาอุปราชป่วยหนักชิงเอาตราประจำตำแหน่งแม่ทัพ แล้วคุมกองทัพไว้ในอำนาจ ก่อการกบฏสมคบกับข้าศึก แย่งชิงเอาศพของมหาอุปราชไว้เป็นเครื่องมือขู่เข็ญบังคับทหาร แล้วนำกองทัพเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก ข้าพระองค์จึงได้นำกองทัพหน้าเผาทำลายสะพานข้ามหุบเหวเพื่อขัดขวางไม่ให้เอียวหงียกทัพมาตีเอาเมืองเสฉวน ความคืบหน้าประการใดจะกราบบังคมทูลมาเพื่อทรงทราบต่อไป
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทราบความในฎีกาของอุยเอี๋ยนตรงกับที่ราชเลขาธิการกราบบังคมทูลดังนั้น จึงตรัสกับพระมเหสีว่าจะทำประการใด
พระมเหสีได้ฟังรับสั่งถามของพระเจ้าเล่าเสี้ยนดังนั้น จึงกราบทูลว่าเคยได้ยินพระเจ้าเล่าปี่ตรัสอยู่เนือง ๆ ว่าขงเบ้งได้ทำนายว่าอุยเอี๋ยนจะเป็นกบฏ แต่ยังรักในฝีมือของอุยเอี๋ยนอยู่ จึงเอาไว้ใช้ในราชการไปพลาง ซึ่งอุยเอี๋ยนมีฎีกามากราบบังคมทูลดังนี้ยังมิควรที่จะเชื่อก่อน โบราณว่าเงาของไม้ นามของคน บ่งบอกความเป็นไปให้รู้ได้ อันตัวเอียวหงีนั้นเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือน มหาอุปราชไว้วางใจให้เป็นปลัดทัพ คงจะเห็นในน้ำใจซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระองค์ ขงเบ้งเชื่อถือได้ เมื่อขงเบ้งวางใจเอียวหงี เอียวหงีก็ควรที่จะได้รับการเชื่อถือเช่นเดียวกัน หากด่วนพระทัยตัดสินตามฎีกาของ อุยเอี๋ยน เอียวหงีรู้แล้วก็จะเสียน้ำใจอาจเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก ชอบที่พระองค์จะทรงไตร่ตรองให้จงดี
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนทราบความในฎีกาแล้ว ทรงปรึกษาด้วยขุนนางทั้งปวงว่า “แม้เอียวหงีจะเป็นกบฎจริง อันอุยเอี๋ยนก็มีฝีมือพอจะสู้รบเอียวหงีได้ เหตุใดจึงรีบมาสกัดทางเจียงโต๋ไว้ดังนี้ อนึ่งแต่ก่อนนั้นเราได้ยินพระราชบิดาตรัสว่า ขงเบ้งทำนายไว้ว่าอุยเอี๋ยนนั้นลักษณะเป็นขบถ จะให้ฆ่าเสียเนือง ๆ อยู่ หากคนทั้งปวงห้ามไว้ว่าอุยเอี๋ยนมีฝีมือจึงเอาไว้เป็นเพื่อนทหารเลว ซึ่งอุยเอี๋ยนกล่าวโทษเอียวหงีมานี้ ครั้นเราจะทำตามเกลือกว่าเอียวหงีดีอยู่ก็จะเสียใจแตกตื่นไป เราจำจะฟังดูให้แน่ก่อน”
ในขณะนั้นกรมข่าวแห่งสำนักพระราชวังก็ได้เข้ามาเฝ้า แล้วกราบบังคมทูลรายงานว่าเอียวหงีได้ให้ม้าเร็วถือฎีกามาถวาย พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบดังนั้นจึงตรัสสั่งให้ม้าเร็วเข้ามาเฝ้า
ม้าเร็วของเอียวหงีกราบถวายบังคมตามประเพณีแล้ว จึงกราบทูลว่าเอียวหงีซึ่งเป็นผู้รับสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพแทนขงเบ้งได้ใช้ให้ข้าพระองค์ถือฎีกาเข้ามาถวาย กราบทูลแล้วจึงลุกขึ้นเอาฎีกาของเอียวหงีมอบแก่ขันทีนำขึ้นไปถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยน
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงรับเอาฎีกาของเอียวหงีมาทอดพระเนตรปรากฏความว่า ข้าพระองค์เอียวหงีขอกราบบังคมทูลถวายฎีกาเพื่อทรงพระกรุณาทราบว่า ก่อนที่มหาอุปราชจะถึงแก่ความตายนั้นได้สั่งไว้ว่าให้อุยเอี๋ยนเป็นกองทัพหลังคุ้มกันกองทัพถอยกลับเมืองเสฉวน เมื่อมหาอุปราชตายแล้วอุยเอี๋ยนละเมิดไม่ทำตามคำสั่ง ได้ก่อการกบฏแล้วยกทหารมาสกัดเส้นทางของกองทัพที่จะกลับคืนเมืองเสฉวนที่ตำบลเจียงโต๋ ทำการเผาทำลายสะพานข้ามหุบเหวและยกทหารสกัดเส้นทางไว้ หวังจะชิงเอาศพของมหาอุปราชไปสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก.
สุมาอี้พาทหารมาถึงค่ายหลวงของขงเบ้งแล้ว จึงขี่ม้าตรวจตราค่ายใหญ่น้อยทั้งค่ายหลวง ค่ายรองต่าง ๆ แล้วออกปากสรรเสริญว่าขงเบ้งนี้มีสติปัญญาชำนาญในพิชัยสงคราม ตั้งค่ายใหญ่น้อยถูกต้องครบถ้วนกระบวนสงคราม พร้อมรับพร้อมรุกและพร้อมหนุนช่วยกันได้อย่างทรงอานุภาพยิ่งนัก
สุมาอี้ตรวจตราดูค่ายของขงเบ้งแล้วพาทหารกลับไปที่ค่ายเดิมเพื่อรอคอยฟังข่าวคราวการถอยทัพกลับเมืองเสฉวนของทหารจ๊กก๊ก และกำชับทหารทั้งปวงให้กวดขันระมัดระวังรักษาค่ายมิได้ประมาท เมื่อแน่ใจว่ากองทัพจ๊กก๊กล่าถอยพ้นอันตรายแล้วสุมาอี้จึงสั่งการให้ด่านตามรายทางทุกตำบลเพิ่มความระมัดระวังตรวจตราไว้ให้มั่นคง จากนั้นจึงเลิกทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง
หลังจากข่าวขงเบ้งถึงแก่ความตายแพร่กระจายออกไป ลิเงียมซึ่งถูกขงเบ้งกราบบังคมทูลให้ถอดออกจากตำแหน่งฐานผิดวินัยทัพจัดส่งเสบียงแก่กองทัพไม่ทันตามกำหนด แล้วยังรายงานเท็จว่ากองทัพเมืองกังตั๋งยกมาย่ำยีเมืองเสฉวน ทำให้ขงเบ้งต้องเลิกทัพเสียกลางคัน ก็ได้ทราบข่าวคราวจึงร้องไห้เป็นอันมาก
ลิเงียมรำพึงว่าตัวเราเป็นข้าเก่าของพระเจ้าเล่าปี่ ได้กระทำความผิด มหาอุปราชเสนอให้ออกจากราชการนั้นควรแก่ความผิดแล้ว แต่ตลอดวันเวลาที่ผ่านมาเราได้ตั้งความหวังว่าวันใดวันหนึ่งมหาอุปราชจะเห็นแก่ความดีแต่หนหลัง และเห็นว่าเราสำนึกผิดได้แล้ว ก็อาจเรียกตัวกลับเข้ารับราชการ แต่เมื่อมหาอุปราชมาตายเสียเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดรำลึกถึงอีกต่อไป ความหวังตั้งใจที่จะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่งจึงเป็นอันหมดสิ้นไปด้วย
ลิเงียมยิ่งคิดยิ่งตรอมใจ ในที่สุดก็ป่วยหนักและถึงแก่ความตาย
ข้างในเมืองเสฉวนนั้น เดิมมีขุนนางผู้หนึ่งชื่อเลียวหลิบเป็นผู้ทะนงตนว่าเป็นผู้มีสติปัญญา รอบรู้ในพิชัยสงครามและการปกครองแผ่นดิน พร่ำพูดกับคนทั่วไปว่าสติปัญญาความรู้ความสามารถของตนนั้นสามารถที่จะครองตำแหน่งรองอุปราชได้
เพราะเหตุที่เลียวหลิบทะนงตนตีราคาตนเองข้างเดียวดังนี้ จึงเฝ้าแต่รอคอยว่าวันเวลาใดจะได้เลื่อนตำแหน่ง ครั้นไม่ได้สมดังใจก็พาลติฉินนินทา กล่าวหาว่าขงเบ้งมีแต่ตาแต่ไม่รู้จักคนดีมีสติปัญญา ข่าวคราวล่วงรู้ไปถึงขงเบ้งหลายครั้งหลายหน จึงเรียกตัวมาพบและตักเตือนว่ากล่าวแต่เลียวหลิบก็มิได้เชื่อฟัง ขงเบ้งจึงถอดเลียวหลิบออกจากตำแหน่งขุนนาง เนรเทศไปอยู่ที่ภูเขาบุกองสัน
ครั้นเลียวหลิบทราบข่าวว่าขงเบ้งถึงแก่ความตายแล้ว ก็ได้คิดว่าซึ่งทะนงตนว่ามีสติปัญญาควรค่าแก่ตำแหน่งสูงในทางราชการนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงการประเมินค่าตนเองข้างเดียวคนเดียว โดยไม่มีใครรับรู้ยอมรับด้วย ขงเบ้งตายแล้วเห็นจะไม่มีใครรำลึกถึง เรียกตัวกลับเข้ารับราชการอีกต่อไป
เลียวหลิบคำนึงดังนั้นก็ร้องไห้อาลัยรักขงเบ้ง และไว้ทุกข์ให้แก่ขงเบ้งอยู่ถึงสามปี
ฝ่ายเอียวหงีและเกียงอุยได้นำขบวนทัพล่าถอยเข้าหุบเขาและเคลื่อนไปตามเส้นทางที่คับแคบอย่างช้า ๆ ตามแผนการที่ขงเบ้งกำหนดทุกประการ เมื่อกองทัพพ้นจากการตามตีของสุมาอี้แล้ว เอียวหงีจึงให้ประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่ามหาอุปราชป่วยหนักถึงแก่กรรมแล้ว ให้ทหารทั้งปวงนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ตามประเพณี
พลันที่ขบวนทัพประกาศข่าวการตายของขงเบ้ง ทหารทั้งปวงในกองทัพจ๊กก๊กที่กำลังล่าถอยนั้นต่างพากันตกใจ ร้องไห้ระงมไปทั้งกองทัพ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “ทหารใหญ่น้อยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ ต่างคนต่างร้องไห้รักขงเบ้ง ที่เอาศีรษะกระทบศิลาแตกบ้าง จนสลบไปเป็นอันมาก”
พอสร่างโศกทหารทั้งปวงในกองทัพจ๊กก๊กจึงเปลี่ยนชุดเสื้อเกราะเป็นนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ให้กับขงเบ้ง และเปลี่ยนธงประจำตัวแม่ทัพเป็นธงขาวไว้ทุกข์นำหน้าขบวนศพขงเบ้ง
ครั้นเอียวหงีและเกียงอุยพากองทัพถอยไปใกล้หุบเหวในตำบลเจียงโต๋เพื่อจะข้ามสะพานลอยข้ามหุบเหวเข้าเขตแดนเมืองเสฉวน หน่วยลาดตระเวนได้ขี่ม้ากลับมารายงานด้วยท่าทีที่ตกอกตกใจว่า ขณะนี้อุยเอี๋ยนได้ยกกองทัพไปสกัดขวางทางข้ามหุบเหวไว้ และได้เผาสะพานลอยข้ามหุบเหวหมดสิ้นแล้ว
เอียวหงีได้ฟังรายงานดังนั้นก็ตกใจ กล่าวกับบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่าบัดนี้อุยเอี๋ยนก่อการกบฏสมดังที่มหาอุปราชได้คาดการณ์ไว้แล้ว ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
บิฮุยจึงว่าซึ่งจะรบพุ่งกำจัดอุยเอี๋ยนนั้นมหาอุปราชได้กำหนดแผนการเอาไว้แล้ว แต่อุยเอี๋ยนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ชอบที่จะแต่งฎีกากราบบังคมทูลให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบก่อน จะได้คิดอ่านป้องกันเมืองเสฉวนอย่างหนึ่งและป้องกันมิให้อุยเอี๋ยนแต่งฎีกากล่าวโทษใส่ร้ายอีกประการหนึ่ง
เอียวหงีได้ฟังคำบิฮุยก็เห็นด้วย เกียงอุยซึ่งอยู่ในที่นั้นได้กล่าวว่ามหาอุปราชได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว จึงได้บอกเส้นทางลับซึ่งจะวกอ้อมกลับไปเมืองเสฉวนได้โดยสะดวก กล่าวแล้วเกียงอุยจึงนำแผนที่ซึ่งขงเบ้งบอกเส้นทางไว้เอามาให้เอียวหงีดู แล้วชี้ว่าเส้นทางในซอกเขาเจาสันนี้คือเส้นทางลัดวกออกทางด้านหลังสะพานลอยข้ามหุบเหวไปยังเมืองเสฉวนได้
เอียวหงีเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงแต่งฎีกาแล้วใช้ให้ม้าเร็วถือฎีการีบนำความเข้าไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน และสั่งให้เคลื่อนขบวนทัพไปตามเส้นทางลัดซึ่งขงเบ้งได้บอกไว้นั้น
ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนตั้งแต่ทรงทราบข่าวว่าขงเบ้งป่วยก็ไม่สบายพระทัย ในค่ำคืนที่ขงเบ้งจะสิ้นบุญนั้นพระเจ้าเล่าเสี้ยนเข้าที่พระบรรทมแล้ว ทรงมีพระสุบินนิมิตว่าได้เสด็จไปประพาสป่าถึงเขากิมปินสัน ในทันใดนั้นภูเขากิมปินสันถูกอสุนีบาตพังทลายลงจึงตกพระทัยตื่น แล้วไม่อาจบรรทมหลับได้อีกต่อไป
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทอดพระบาทเสด็จพระราชดำเนินวนไปวนมาอยู่ในพระตำหนักด้วยความรุ่มร้อนพระทัยจนสว่าง จึงตรัสสั่งให้เรียกประชุมขุนนางในท้องพระโรงตั้งแต่เวลาเช้า แล้วปรารภความซึ่งมีพระสุบินนิมิตนั้นให้ขุนนางทั้งปวงทราบ และตรัสถามว่าซึ่งเราฝันครั้งนี้จะร้ายดีประการใด
เจาจิ๋วซึ่งเป็นโหรหลวงได้เดินไปหน้าพระราชบัลลังก์ ถวายบังคมแล้วกราบทูลว่าเมื่อคืนนี้ข้าพระองค์ได้ตรวจดูการโคจรของดวงดาวบนอากาศ เห็นดาวประจำตัวมหาอุปราชตกลงข้างทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เห็นว่ามหาอุปราชจะสิ้นบุญแล้ว ซึ่งพระองค์ทรงมีพระสุบินว่าเขากิมปินสันพังทลายลงนั้นก็เป็นสุบินร้าย ต้องกันกับปรากฏการณ์ของดวงดาวบนอากาศ
พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังคำกราบทูลดังนั้นก็ตกพระทัย พระพักตร์เศร้าหมองลงเป็นอันมาก น้ำพระทัยก็หวนประหวัดรำลึกถึงขงเบ้งที่สู้ตรากตรำลำบากเพื่อพระองค์ น้ำพระเนตรก็ค่อย ๆ ไหลอาบพระพักตร์โดยไม่รู้สึกพระองค์ หลังจากวันนั้นแล้วพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ได้แต่กังวลพระทัยอยู่ในพระตำหนัก ไม่เสด็จออกว่าราชการตามปกติ
หลังจากนั้นอีกห้าวันลิฮกได้เดินทางกลับมาจากตำบลเขากิสาน แล้วเข้าไปเฝ้ากราบบังคมทูลว่ามหาอุปราชถึงแก่กรรมแล้ว และได้กราบทูลความตามที่ขงเบ้งได้สั่งไว้นั้นให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบทุกประการ
พระเจ้าเล่าเสี้ยนแม้ว่าจะทำพระทัยยอมรับในความเป็นไปอยู่บ้างแล้ว แต่พลันที่ได้ทราบว่าขงเบ้งตายก็ตกพระทัย ทรงกันแสงดังลั่นทั้งพระตำหนัก แล้วตรัสว่า “ซึ่งขงเบ้งถึงแก่ความตายนั้น ชะรอยเทพยดาจะสังหารชีวิตเรา”
ตรัสแล้วก็ยิ่งกันแสงหนักขึ้นแล้วล้มฟุบลงบนพระเก้าอี้ ขันทีทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ ตกใจ จึงเข้าช่วยพยุงพระองค์เข้าไปที่ข้างใน หลังจากวันนั้นแล้วพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ทรง พระประชวร ไม่เสด็จออกว่าราชการ
สำนักราชเลขาธิการได้ออกประกาศราชสำนักให้ชาวเมืองทั้งปวงได้ทราบว่าบัดนี้มหาอุปราชจูกัดเหลียง-ขงเบ้ง สิ้นบุญแล้ว ให้ชาวเมืองทั้งปวงไว้ทุกข์ตามประเพณี ชาวจ๊กก๊กทั้งปวงได้ทราบข่าวหมายประกาศของราชสำนักต่างพากันร้องไห้อาลัยรักขงเบ้ง และนุ่งขาวห่มขาวไว้ทุกข์ให้แก่ขงเบ้งเสมอด้วยญาติผู้ใหญ่อันเป็นที่เคารพ
วันหนึ่งราชเลขาธิการได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า บัดนี้ อุยเอี๋ยนได้แต่งฎีกาเข้ามากราบบังคมทูลว่าเอียวหงีก่อการกบฏ ชิงเอาศพมหาอุปราช แล้วสมคบกับข้าศึกจะยกมาทำอันตรายเมืองเสฉวน อุยเอี๋ยนจึงคุมทหารสกัดทางกองทัพเอียวหงีไว้ที่ปากทางตำบลเจียงโต๋
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบความก็ตกพระทัย ตรัสสั่งให้ขุนนางคนสนิทเอาฎีกาของอุยเอี๋ยนมาอ่านให้ทรงฟัง ปรากฏความว่าข้าพเจ้าแม่ทัพกองทัพหน้าอุยเอี๋ยนขอถวายฎีกากราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบว่า เอียวหงีได้ถือโอกาสที่มหาอุปราชป่วยหนักชิงเอาตราประจำตำแหน่งแม่ทัพ แล้วคุมกองทัพไว้ในอำนาจ ก่อการกบฏสมคบกับข้าศึก แย่งชิงเอาศพของมหาอุปราชไว้เป็นเครื่องมือขู่เข็ญบังคับทหาร แล้วนำกองทัพเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก ข้าพระองค์จึงได้นำกองทัพหน้าเผาทำลายสะพานข้ามหุบเหวเพื่อขัดขวางไม่ให้เอียวหงียกทัพมาตีเอาเมืองเสฉวน ความคืบหน้าประการใดจะกราบบังคมทูลมาเพื่อทรงทราบต่อไป
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทราบความในฎีกาของอุยเอี๋ยนตรงกับที่ราชเลขาธิการกราบบังคมทูลดังนั้น จึงตรัสกับพระมเหสีว่าจะทำประการใด
พระมเหสีได้ฟังรับสั่งถามของพระเจ้าเล่าเสี้ยนดังนั้น จึงกราบทูลว่าเคยได้ยินพระเจ้าเล่าปี่ตรัสอยู่เนือง ๆ ว่าขงเบ้งได้ทำนายว่าอุยเอี๋ยนจะเป็นกบฏ แต่ยังรักในฝีมือของอุยเอี๋ยนอยู่ จึงเอาไว้ใช้ในราชการไปพลาง ซึ่งอุยเอี๋ยนมีฎีกามากราบบังคมทูลดังนี้ยังมิควรที่จะเชื่อก่อน โบราณว่าเงาของไม้ นามของคน บ่งบอกความเป็นไปให้รู้ได้ อันตัวเอียวหงีนั้นเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือน มหาอุปราชไว้วางใจให้เป็นปลัดทัพ คงจะเห็นในน้ำใจซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระองค์ ขงเบ้งเชื่อถือได้ เมื่อขงเบ้งวางใจเอียวหงี เอียวหงีก็ควรที่จะได้รับการเชื่อถือเช่นเดียวกัน หากด่วนพระทัยตัดสินตามฎีกาของ อุยเอี๋ยน เอียวหงีรู้แล้วก็จะเสียน้ำใจอาจเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก ชอบที่พระองค์จะทรงไตร่ตรองให้จงดี
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนทราบความในฎีกาแล้ว ทรงปรึกษาด้วยขุนนางทั้งปวงว่า “แม้เอียวหงีจะเป็นกบฎจริง อันอุยเอี๋ยนก็มีฝีมือพอจะสู้รบเอียวหงีได้ เหตุใดจึงรีบมาสกัดทางเจียงโต๋ไว้ดังนี้ อนึ่งแต่ก่อนนั้นเราได้ยินพระราชบิดาตรัสว่า ขงเบ้งทำนายไว้ว่าอุยเอี๋ยนนั้นลักษณะเป็นขบถ จะให้ฆ่าเสียเนือง ๆ อยู่ หากคนทั้งปวงห้ามไว้ว่าอุยเอี๋ยนมีฝีมือจึงเอาไว้เป็นเพื่อนทหารเลว ซึ่งอุยเอี๋ยนกล่าวโทษเอียวหงีมานี้ ครั้นเราจะทำตามเกลือกว่าเอียวหงีดีอยู่ก็จะเสียใจแตกตื่นไป เราจำจะฟังดูให้แน่ก่อน”
ในขณะนั้นกรมข่าวแห่งสำนักพระราชวังก็ได้เข้ามาเฝ้า แล้วกราบบังคมทูลรายงานว่าเอียวหงีได้ให้ม้าเร็วถือฎีกามาถวาย พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบดังนั้นจึงตรัสสั่งให้ม้าเร็วเข้ามาเฝ้า
ม้าเร็วของเอียวหงีกราบถวายบังคมตามประเพณีแล้ว จึงกราบทูลว่าเอียวหงีซึ่งเป็นผู้รับสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพแทนขงเบ้งได้ใช้ให้ข้าพระองค์ถือฎีกาเข้ามาถวาย กราบทูลแล้วจึงลุกขึ้นเอาฎีกาของเอียวหงีมอบแก่ขันทีนำขึ้นไปถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยน
พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงรับเอาฎีกาของเอียวหงีมาทอดพระเนตรปรากฏความว่า ข้าพระองค์เอียวหงีขอกราบบังคมทูลถวายฎีกาเพื่อทรงพระกรุณาทราบว่า ก่อนที่มหาอุปราชจะถึงแก่ความตายนั้นได้สั่งไว้ว่าให้อุยเอี๋ยนเป็นกองทัพหลังคุ้มกันกองทัพถอยกลับเมืองเสฉวน เมื่อมหาอุปราชตายแล้วอุยเอี๋ยนละเมิดไม่ทำตามคำสั่ง ได้ก่อการกบฏแล้วยกทหารมาสกัดเส้นทางของกองทัพที่จะกลับคืนเมืองเสฉวนที่ตำบลเจียงโต๋ ทำการเผาทำลายสะพานข้ามหุบเหวและยกทหารสกัดเส้นทางไว้ หวังจะชิงเอาศพของมหาอุปราชไปสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก.