ตอนที่ 572. สามคำสั่งเสีย

ขงเบ้งทำพิธีลี้ลับบวงสรวงต่อเทพประจำดาวเหนือ ขอให้ยืดอายุออกไปอีกสิบสองปี พิธีล่วงไปด้วยดีจนเหลือเพียงวันเดียวก็จะสำเร็จการ แต่อุยเอี๋ยนลุแก่โทสะที่ข้าศึกยั่วยุ ผลุนผลันเข้าไปในกระโจมพิธี สะดุดโคมไฟเสี่ยงทายดับลง ขงเบ้งเกรงว่าข้าศึกจะรู้ว่าป่วย จึงสั่งอุยเอี๋ยนให้ยกทหารไปรบกับข้าศึก
อุยเอี๋ยนได้ยินคำสั่งของขงเบ้งที่ให้ยกทหารไปรบกับทหารของสุมาอี้ก็แจ้งในความคิดของขงเบ้ง จึงพาทหารออกจากค่ายจะออกไปรบกับแฮหัวป๋า

            ฝ่ายแฮหัวป๋ายกทหารมาเพียงเพื่อจะหยั่งดูท่าทีว่าขงเบ้งป่วยจริงหรือไม่เท่านั้น ครั้นเห็นอุยเอี๋ยนคุมทหารจะออกจากค่ายไปรบพุ่งก็ตกใจ รีบพาทหารถอยกลับไป อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นจึงขี่ม้าพาทหารไล่ตามตี จนแฮหัวป๋าหนีลับหายไปแล้วจึงพาทหารกลับเข้าค่าย แล้วนำความเข้าไปรายงานแก่ขงเบ้ง

            ขงเบ้งทราบรายงานจากอุยเอี๋ยนแล้ว จึงสั่งให้อุยเอี๋ยนคุมทหารออกไปลาดตระเวนรักษาตรวจตราค่ายมิให้ประมาท อุยเอี๋ยนรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลากลับออกไป

            ขงเบ้งเรียกเกียงอุยเข้ามานั่งที่ข้างเตียงแล้วกล่าวว่า “ตัวเราตั้งใจจะบำรุงพระมหากษัตริย์ ก็ไม่สมความคิด เพราะชีวิตเราจะตายอยู่แล้ว แต่เรามีวิชาแลความรู้ แลตำราซึ่งได้เรียนมาคิดเป็นอักษรสิบหมื่นสี่พันร้อยสิบสองตัว คิดเป็นความยี่สิบสี่ข้อ การพิชัยสงครามแลตำราดูฤกษ์บน ฤกษ์ต่ำอยู่ในนั้นสิ้น เราพิเคราะห์ดูไม่เห็นผู้ใดซึ่งจะมีความอุตสาหะเรียนตำราทั้งนี้ได้ เห็นแต่ท่านผู้เดียวมีสติปัญญาสัตย์ซื่อ ทั้งประกอบด้วยความเพียรเป็นอันมาก ควรจะรักษาตำราแลเรียนให้ชำนาญไว้ได้”

            เกียงอุยได้ยินคำขงเบ้งดังนั้นก็ร้องไห้ ขงเบ้งจึงสั่งทหารให้ไปขนตำรับตำราทั้งปวงเอามากองไว้เบื้องหน้า แล้วบอกแก่เกียงอุยว่าท่านจงศึกษาวิชาตามตำราทั้งนี้ไว้ทำการบำรุงแผ่นดินสืบไปเถิด

            ขงเบ้งหยิบเอาตำราฉบับหนึ่งขึ้นมาเปิดให้เกียงอุยดู แล้วกล่าวว่า “ตำราหน้าไม้นี้ของเราคิดเอง ยังมิได้ทำ ท่านจงเอาไว้แล้วคิดอ่านทำเถิด ยิงได้ทีละสิบลูก”

            สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุความซึ่งขงเบ้งได้กล่าวกับเกียงอุยตอนนี้ว่า “ข้าความจริงตั้งใจจะถวายความจงรักภักดีอย่างสุดความสามารถ เอาดินแดนตงง้วนกลับคืนมาให้ราชสำนักฮั่นได้ฟื้นฟูเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แต่จนใจที่เจตนารมย์แห่งสวรรค์เป็นเช่นนี้ ข้าไม่เช้าก็เย็นคงจะตาย ตลอดชีวิตข้าที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา ได้ประพันธ์หนังสือไว้ยี่สิบสี่บท นับอักษรได้สิบหมื่นสี่พันหนึ่งร้อยสิบสองตัว เป็นหลักการประกอบด้วยแปดต้องทำ ศีลเจ็ด หกเกรงกลัว ห้าคร้ามขยาด ข้าได้วิเคราะห์ดูบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดจะมอบให้ได้ เฉพาะท่านเท่านั้นที่ควรจะได้รับการถ่ายทอดหนังสือของข้า ขอให้ท่านอย่าประมาทคิดว่าไม่สำคัญ เกียงอุยร่ำไห้คารวะและรับมอบ ขงเบ้ง กล่าวอีกว่าข้ายังมีวิชาการยิงเกาทัณฑ์ติดต่อกันยังมิเคยได้ใช้ ลูกเกาทัณฑ์นั้นยาวแปดนิ้ว ยิงครั้งเดียวจะปล่อยออกมาสิบลูก ล้วนได้วาดเป็นภาพอยู่แล้ว ท่านจงอาศัยตามวิธีประดิษฐ์สร้างเอาไปใช้”

            เครื่องยิงเกาทัณฑ์ชนิดใหม่ที่ขงเบ้งคิดประดิษฐ์ไว้นี้คือเกาทัณฑ์กล ที่สามารถยิงได้ครั้งละสิบลูก เป็นเครื่องยิงที่วาดภาพแบบแผนรายละเอียดไว้ครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่เคยทดลองนำมาใช้ ถึงกระนั้นก็นับได้ว่าเป็นเกาทัณฑ์กลครั้งแรกของโลก และเป็นต้นแบบของปืนกลในระยะเกือบสองพันปีหลัง ความจริงในยุคนั้นฝรั่งชาติตะวันตกยังคงทำสงครามกันด้วยก้อนหินและท่อนไม้ ยังไม่รู้จักใช้ง้าว หอก ดาบ และเกาทัณฑ์เลย เห็นได้ชัดว่าชนชาติจีนไม่เพียงแต่สามารถคิดอ่านตำราพิชัยสงครามอันเป็นวิชาฆ่ามนุษย์ด้วยกันได้อย่างพิสดารเท่านั้น ยังสามารถคิดค้นอาวุธร้ายแรงสามารถใช้ประหัตประหารเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองครั้งละจำนวนมากได้ก่อนพวกฝรั่งอีกด้วย

            เกียงอุยกระทำคารวะขงเบ้ง แล้วรับเอาตำรายิงเกาทัณฑ์กลซึ่งสามารถยิงได้ครั้งละสิบลูกมาถือแนบกับอก ในขณะที่น้ำตาไหลซึมเต็มใบหน้า

            ขงเบ้งได้กล่าวต่อไปด้วยน้ำสียงอันอ่อนล้าว่า หลังเราตายแล้วยังมีเรื่องสำคัญอีกสามเรื่องที่จะต้องทำต่อไป เรื่องแรกคือการถอยทัพกลับเมืองเสฉวนโดยปลอดภัย เรื่องที่สองคือการคิดอ่านกำจัดอุยเอี๋ยนซึ่งจะเป็นกบฏทันทีที่เราตายแล้ว และเรื่องที่สามเป็นเหตุการณ์ข้างหน้า วิตกว่าเมืองเสฉวนจะถูกข้าศึกบุกรุกโจมตี เราอาทรด้วยอาณาประชาราษฎรซึ่งทำนุบำรุงมาแต่ก่อนจะเดือดร้อนล้มตาย ข้อวิตกทั้งสามประการนี้เราได้คิดอ่านเตรียมการไว้แล้ว

            ขงเบ้งหยุดหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนครู่หนึ่ง จึงกล่าวสืบไปว่าให้ท่านสืบทอดภารกิจของเรา ทำนุบำรุงแผ่นดินสืบไปตามตำราทั้งปวงที่มอบไว้ให้นี้ อนึ่งเมืองเสฉวนนั้นตั้งอยู่ในชัยภูมิอันเลิศล้ำ ยากแก่การที่ข้าศึกจะเข้าตีได้ เพราะมีเส้นทางเป็นซอกเขาเล็กแคบ มากด้วยห้วยธารทุรกันดารอันตรายนัก จะมีก็แต่เส้นทางซอกเขาตำบลอิมเป๋ง และช่องเขาเตงกุนสันเท่านั้นที่ข้าศึกอาจลอบยกรุกเข้ามาได้

            ขงเบ้งชี้ให้เกียงอุยดูแผนที่ตำบลอิมเป๋งแล้ว จึงกล่าวว่าเมื่อเราตายแล้วให้จัดทหารไปตั้งรักษาการณ์อยู่ที่ซอกเขาตำบลอิมเป๋งนี้ มาตรแม้นข้าศึกจะยกมาเป็นอันมากก็ไม่อาจรุกฝ่าเข้าไปได้ อนึ่งเล่าเมื่อเสร็จการพิธีศพของเราแล้ว ให้นำศพไปฝังไว้ที่กลางทางในซอกเขาเตงกุนสัน อย่าได้ลืมความนี้เป็นอันขาด

            เกียงอุยดูแผนที่ซึ่งขงเบ้งได้ชี้ให้ดูซอกเขาที่ตำบลอิมเป๋งและเขาเตงกุนสันแล้วถามขงเบ้งว่าศพของมหาอุปราชจะให้ฝังไว้ ณ ตำแหน่งใด ขงเบ้งได้เอามือชี้ไปที่แผนที่ซึ่งเป็นเส้นทางระหว่างเขาเตงกุนสัน แล้วสั่งเกียงอุยให้เอาพู่กันไปกาไว้ตรงจุดที่กำหนดซึ่งเป็นตำแหน่งข้างทางของเส้นทางในหุบเขา แล้วกล่าวว่าให้นำศพเราฝังไว้ตรงจุดนี้ แต่อย่าให้ก่อสุสานหรือตั้งศาลใด ๆ เป็นสำคัญ หลุมศพนั้นเมื่อฝังแล้วให้เกลี่ยกลบเสมอพื้นทางอย่าให้เป็นที่สังเกตได้

            เกียงอุยสงสัยว่าเหตุไฉนขงเบ้งจึงไม่ยินยอมให้ศพตัวได้เข้าอยู่ในสุสานหลวงตามตำแหน่งมหาอุปราชและบิดรแห่งแคว้น อันเปี่ยมไปด้วยความอัครฐานสง่างามตามตำแหน่งยศศักดิ์ กลับสั่งให้นำศพไปฝังตรากน้ำค้างกลางหาว อยู่ข้างทางกลางป่าเขาอันทุรกันดาร แต่เห็นขงเบ้งอ่อนเพลียจึงเก็บงำความสงสัยนั้นไว้

            ขงเบ้งเรียกม้าต้ายเข้ามากระซิบพอได้ยินแต่เพียงสองคนว่า เมื่อเราตายแล้วอุยเอี๋ยนจะเป็นกบฏต่อแผ่นดิน ท่านจงไปอยู่กับอุยเอี๋ยน ทำตัวให้เป็นที่ไว้วางใจ เมื่อใดที่อุยเอี๋ยนแหงนหน้ามองฟ้า ร้องขึ้นว่าใครจะบังอาจมาฆ่ากู ก็ให้คิดอ่านสังหารอุยเอี๋ยนเสียให้จงได้

            ขงเบ้งเห็นม้าต้ายร้องไห้คำนับรับคำก็มีความวางใจ โบกมือเป็นทีให้ม้าต้ายกลับออกไป ม้าต้ายเห็นดังนั้นก็ร้องไห้เสียงดังลั่นแล้วคำนับลาขงเบ้งกลับออกไปด้านนอก

            ขงเบ้งเรียกตัวเอียวหงีเข้ามาข้างในค่ายพักแล้วกล่าวว่า ตัวท่านมีสติปัญญา สัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน ทำราชการมานานช้า จงคิดอ่านทำนุบำรุงแผ่นดินพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้จำเริญสืบไป อายุเรานี้เหลืออยู่เพียงชั่วพระจันทร์อยู่บนฟ้าคืนนี้หรืออย่างช้าเพียงแค่คืนพรุ่งนี้เท่านั้น แต่วิตกว่าเราตายลงเมื่อใดอุยเอี๋ยนก็จะคิดเป็นกบฏเมื่อนั้น

            กล่าวแล้วขงเบ้งจึงหยิบซองหนังสือซึ่งปิดผนึกออกมาจากใต้หมอนมอบให้แก่เอียวหงี แล้วว่าเราได้คิดแผนกำจัดอุยเอี๋ยนไว้ในซองหนังสือนี้ ท่านจงเก็บไว้เป็นความลับ เมื่อถึงคราอุยเอี๋ยนเป็นกบฏยกมาทำอันตราย คับขันแล้วก็จงเปิดหนังสือนี้ออกดูแล้วจะรู้ความเอง

            เอียวหงีสงสัยจึงกล่าวเป็นเชิงถามว่า อุยเอี๋ยนมีฝีมือกล้าแข็งเป็นอันมาก ยากจะหาแม่ทัพนายกองคนใดรบพุ่งสังหารอุยเอี๋ยนได้

            ขงเบ้งจึงว่า ผู้ซึ่งจะสังหารอุยเอี๋ยนนั้นได้กำหนดตัวไว้แน่นอนแล้ว ไว้ถึงเวลาท่านจะรู้เอง ท่านจงทำตามแผนการที่เราสั่งไว้อย่าได้ประมาทเถิด

            เอียวหงีเห็นขงเบ้งอ่อนอิดโรยเต็มทีก็รู้สึกสงสารจึงร้องไห้ รับคำขงเบ้งแล้วคำนับลากลับออกไป
ขงเบ้งสั่งความเอียวหงีเสร็จก็สลบสิ้นสติ เกียงอุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบแต่งฎีกามอบให้ม้าเร็วรีบส่งเข้าไปเมืองเสฉวนเพื่อกราบบังคมทูลให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบ

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบความว่าขงเบ้งป่วยหนักเห็นจะไม่มีชีวิตกลับเข้ามาเฝ้าอีกแล้วก็ตกพระทัย ตรัสสั่งให้ลิฮกรีบเดินทางไปเยี่ยมไข้ขงเบ้งที่ตำบลเขากิสานในทันที ลิฮก รับรับสั่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนแล้วจึงรีบเดินทางไปถึงค่ายเขากิสาน แล้วเข้าไปเยี่ยมขงเบ้งถึงข้างในค่าย

            ขงเบ้งทราบว่าลิฮกมาแต่เมืองเสฉวนก็ลืมตาขึ้นมอง ลิฮกเห็นสภาพขงเบ้งดังนั้นก็ร้องไห้ แล้วกล่าวว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงทราบข่าวว่ามหาอุปราชป่วย จึงตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ามาเยี่ยมไข้แทนพระองค์

            ขงเบ้งจึงว่า “ตัวเรานี้คิดจะอยู่ทำราชการ บัดนี้หาบุญไม่ อายุจะถึงแก่ความตายในวันนี้พรุ่งนี้แล้ว ตัวท่านอยู่ภายหลังจงตั้งใจสุจริตต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เหมือนเรา ซึ่งจะใช้ผู้คนทำการสิ่งใด ๆ จงประมาณการหนักแลเบากับสติปัญญาผู้นั้นให้ควรแก่การจึงใช้ อันการข้างฝ่ายทหารแลตำราพิชัยสงครามนั้นเราก็สั่งเกียงอุยไว้เสร็จแล้ว ท่านจงกลับไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนก่อนเถิดว่าเราเป็นคนบุญน้อย จะขอกราบถวายบังคมลาในวันพรุ่งนี้แล้ว เราจะแต่งหนังสือขึ้นไปถวายต่อภายหลัง”

            สามก๊กฉบับภาษาจีนระบุว่า ขงเบ้งได้สั่งเสียลิฮกผู้แทนพระองค์พระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า เมื่อเราหาบุญไม่แล้ว การข้างฝ่ายทหารนั้นเรามอบหมายวางใจไว้กับเกียงอุยทั้งสิ้น จงกลับไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้โปรดเกล้าแต่งตั้งเกียงอุยสืบแทนตำแหน่งทางการทหารแทนตัวเรา ก็จะป้องกันรักษาบ้านเมืองไว้มิให้เป็นอันตรายได้

            ลิฮกรับคำขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาแล้วรีบเดินทางกลับไปเมืองเสฉวน

            พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดพรรษา เดือนสิบ แรมแปดค่ำ เวลาบ่าย ขงเบ้งซึ่งป่วยอาการหนักประคองตัวลุกขึ้นจากเตียง สั่งทหารให้เอาเสื้อคลุมมาคลุมแล้วให้พยุงไปขึ้นเกวียนจะออกไปตรวจตราดูแลค่ายทั้งปวง แต่พอไปถึงด้านหน้าค่ายสายลมหนาวโชยพัดจัดมา ขงเบ้งหนาวสะท้านทั้งตัว ไม่อาจออกไปตรวจตราค่ายได้ดังใจ จึงสั่งทหารให้เข็นเกวียนกลับเข้าค่ายดังเก่า

            ขงเบ้งนั่งลงบนเตียงพลางทอดถอนใจใหญ่ แล้วรำพึงว่า “ตัวเรานี้มีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินจะมาถึงแก่ความตาย เทพยดาไม่ช่วยเราแล้วหรือ” แล้วจึงสั่งให้ทหารตามตัวเอียวหงีมาพบ เอียวหงีตรวจตราค่ายอยู่ในที่ใกล้ พอรู้ก็รีบเข้ามาหาขงเบ้ง

            ขงเบ้งเห็นเอียวหงีจึงกวักมือเรียกเข้ามาใกล้แล้วกล่าวว่า “ตัวเราจะหาบุญไม่ ท่านจะเป็นผู้ใหญ่อยู่ในกองทัพ จงเลี้ยงดูทหารทั้งปวงอย่าให้เสียใจ อันอองเป๋ง ม้าต้าย เลียวฮัว เตียวเอ๊ก เตียวหงี ห้าคนนี้มีใจสัตย์ซื่อ ท่านจงทำนุบำรุงให้เหมือนตัวเรา อนึ่งเมื่อท่านจะเลิกกองทัพกลับไปนั้นอย่าวู่วาม ให้ถอยไปโดยปรกติ ถึงมาตรว่าข้าศึกรู้จะติดตามไปก็ช่วยกันรบพุ่งป้องกัน อย่าให้มีอันตรายแก่ทหารใหญ่น้อยได้ อันเกียงอุยนั้นมีสติปัญญาแลฝีมืออยู่ เราก็ได้สั่งการทั้งปวงไว้เสร็จแล้ว แม้ท่านจะทำการสิ่งใดก็ให้ปรึกษากันกับเกียงอุย”

            เอียวหงีร้องไห้รับคำสั่งขงเบ้งที่มอบหมายให้ทำหน้าที่แม่ทัพแทนเมื่อขงเบ้งตายแล้ว และกล่าวว่ามหาอุปราชจงวางใจ ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำสั่งฝากฝังสั่งเสียของมหาอุปราชด้วยชีวิต และจะพากองทัพถอยกลับเมืองเสฉวนให้ปลอดภัยจงได้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘