ตอนที่ 565. อุบาย "คนขายขนม"
ขงเบ้งชอบใจในภูมิประเทศของหุบเขาน้ำเต้า คิดอ่านแผนการสำคัญถึงสามประการ ประการแรกคือการสร้างโคกลเพื่อแก้ไขปัญหาการลำเลียงเสบียงบำรุงเลี้ยงกองทัพ แต่อีกสองประการที่เหลือนั้นขงเบ้งยังคงปิดงำไว้อย่างเงียบกริบ
ครั้นได้ทราบรายงานจากโกเสียงดังนั้น แทนที่ขงเบ้งจะตำหนิติเตียนลงโทษ ขงเบ้ง กลับหัวเราะปรบมือแล้วกล่าวว่า “ซึ่งสุมาอี้ได้โคยนต์ไปนั้นเรามีความยินดีนัก เห็นเราจะได้เสบียงไว้เป็นกำลังอีกเป็นมั่นคง”
โกเสียงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ทันที่จะไต่ถามประการใด แม่ทัพ นายกองซึ่งพร้อมกันอยู่ในค่ายของขงเบ้งได้พากันถามพร้อมกันว่า เหตุใดมหาอุปราชจึงไม่ตื่นเต้นตกใจ กลับกล่าวว่าจะได้เสบียงเป็นกำลังเพิ่มเติมอีกเล่า
ขงเบ้ง จึงอธิบายว่า ท่านทั้งปวงย่อมจำนิทานโบราณเกี่ยวกับอุบายของคนขายขนมที่เอาขนมแจกให้เด็ก ลองกินเล่นก่อน เด็กกินอร่อยชอบใจแล้วก็ขายขนมให้แก่เด็กนั้นมากขึ้นได้ไม่ใช่หรือ ซึ่งสุมาอี้ให้ทหารมาตีชิงเอาโคกลไปครั้งนี้ เห็นจะไปลอกเลียนแบบทำโคกลขึ้นใช้ในกองทัพสำหรับลำเลียงเสบียงอาหารตามอย่าง กองทัพเราบ้าง การทั้งนี้จึงสมกับความคิดที่เราตั้งใจไว้ เราจะคิดอ่านกลอุบายให้ทหารไปตีชิงเอาโคกลและเสบียงอาหารของสุมาอี้ให้จงได้ จะเสียดายไปไยกับโคกลตัวอย่างแค่ห้าตัวนั้นเล่า
แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังดังนั้นยังคงพากันงุนงงสงสัย แต่ไม่มีผู้ใดกล้าไต่ถาม หลังจากนั้นอีกหลายวัน หน่วยสอดแนมได้นำความมารายงานแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้สุมาอี้ได้ลอกเลียนแบบโคกลของมหาอุปราช และใช้ไปลำเลียงเสบียงอาหารกำลังจะนำมาส่งแก่กองทัพที่ริมแม่น้ำอุยโห
ขงเบ้งได้ฟังรายงานดังนั้นก็มีความยินดี รำพึงขึ้นในใจว่าแผนการคิดสร้างโคกลของเรากำลังจะสำเร็จผลอีกประการหนึ่ง แล้ว รำพึงดังนั้นแล้วจึงเรียกอองเป๋งมาสั่งให้คุมทหารพันหนึ่งปลอมเป็นทหารวุย ก๊ก ยกไปซุ่มอยู่ระหว่างเส้นทางลำเลียงเสบียงที่จะมาส่งยังกองทัพของสุมาอี้ใน เวลากลางคืน เมื่อกองลำเลียงมาถึงจุดซุ่มก็ให้กระจายกำลังเข้าประกบทหารซึ่งคุมเสบียง แล้วแจ้งแก่ทหารที่ลำเลียงเสบียงนั้นว่าสุมาอี้สั่งให้มาช่วยป้องกันรักษา เสบียง เป็นทีแล้วก็ให้สังหารทหารวุยก๊กเสียให้สิ้น แล้วเข็นเอาเกวียนเสบียงมาที่ค่ายตำบลเขากิสาน
อองเป๋งได้ฟังคำสั่งของขงเบ้งดังนั้นจึงไต่ถามว่า ถ้าหากสุมาอี้ยกทหารมาช่วย จะให้ทำประการใด
ขงเบ้ง จึงว่า แม้หากสุมาอี้จะยกทหารหนุนมาช่วย เห็นเหลือกำลังแล้วก็ให้พลิกลิ้นโคกลเสียให้สิ้นทุกตัว โคกลก็จะเดินไม่ได้ เราจะคิดอ่านอุบายขับไล่ทหารของสุมาอี้เอง ท่านจงยกไปเถิด อย่าได้วิตกเลย เมื่อทหารสุมาอี้หนีไปแล้วให้พลิกลิ้นโคกลกลับดังเดิมแล้วเข็นโคกลกลับมาที่ ค่าย
อองเป๋งเคยประสบเหตุการณ์ที่ขงเบ้งใช้ให้คุมทหารหนึ่งพันไปป้องกันกองทัพสี่ สิบหมื่นของสุมาอี้มาแล้วว่าในที่สุดทหารสี่สิบหมื่นก็ติดจมปลักฝนตกหนัก อยู่ในหุบเขา ครั้นได้ยินดังนั้นจึงมิได้สงสัย รับคำแล้วคำนับลาขงเบ้งออกไปจัดแจงทหารและยกไปตามคำสั่ง
พออองเป๋งกลับออกไปแล้วขงเบ้งจึงเรียกเตียวหงีเข้ามาหาข้างในค่าย สั่ง “ให้ คุมทหารห้าร้อยแต่งตัวเขียนหน้าปลอมเป็นทัพผี มือหนึ่งถือธง มือหนึ่งถือกระบี่ ให้เอาดินประสิวสุพรรณถันใส่หม้อสะพายไปซุ่มอยู่ทุกคน แม้เห็นทหารสุมาอี้ตามอองเป๋งมาก็ให้จุดดินประสิวสุพรรณถันขึ้นทุกคน แล้วโห่ร้องคุกคามหลอกหลอนเป็นทัพผีออกมา”
สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุแผนการของขงเบ้งตอนนี้ว่า ขงเบ้งได้สั่งเตียวหงีว่า “ท่าน จงนำทหารห้าร้อยนายให้แต่งตัวเป็นลักเตงลักกะทหารเทพเจ้า สวมหัวปีศาจ ร่างเป็นสัตว์ เอาห้าสีทาหน้า ตกแต่งเป็นตัวประหลาดหลาย ๆ แบบ มือหนึ่งให้ถือธงปักด้วยไหม มือหนึ่งถือกระบี่วิเศษ ที่ร่างแขวนน้ำเต้า ภายในให้บรรจุดินปืนซุ่มดักอยู่ที่เชิงเขา รอให้โคไม้ม้าไหลมาถึงก็พร้อมกันออกมาแล้วปล่อยเพลิงไฟ บังคับโคม้าออกเดินทาง ทหารงุ่ยเห็นเข้าก็ต้องว่าผีสางเทวดา ก็จะมิกล้าไล่ติดตามมา”
ก็ได้ เห็นความมหัศจรรย์ของโคกลของขงเบ้งอีกประการหนึ่งว่า มีเครื่องมือสำหรับเบรคมิให้โคกลเดินต่อไปได้หรือให้หยุดอยู่กับที่ และเป็นกลไกที่ลี้ลับพิสดารเพราะติดตั้งอยู่ที่ลิ้นของโคกล เมื่อพลิกลิ้นโคกลก็จะผลักดันให้สลักขัดกลไกภายในโคกลมิให้ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ทหารสุมาอี้ซึ่งเอาแต่ลอกเลียนโดยไม่รู้ถึงเลศนัยของกลไกภายในตัวโคกลก็จะ งุนงงสงสัย นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ก้าวหน้าล้ำยุคสมัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมนุษยชาติพัฒนาก้าวหน้าในยุคสองพันปีหลัง สามารถคิดค้นรถจักรยานขึ้นได้เป็นครั้งแรกก็ไม่มีเบรคสำหรับหยุดรถ ต้องใช้เท้าเป็นเครื่องมือช่วยในการหยุดรถจักรยาน ในขณะที่สองพันกว่าปีก่อนนั้นขงเบ้งสามารถคิดกลไกเครื่องมือสำหรับเบรคโคกล ได้อย่างลึกล้ำแล้ว
เตียวหงีรับคำสั่งขงเบ้งแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหารตามแผนการที่ขงเบ้งกำหนดทุกประการ
พอเตียวหงีออกไปขงเบ้งจึงเรียกเกียงอุย เตียวเอ๊ก ม้าต้าย ม้าตง เข้ามาพร้อมกันแล้วสั่งให้เกียงอุยคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปคอยคุ้มกันกอง ลำเลียงเสบียงอย่าให้เป็นอันตรายหรือถูกทหารสุมาอี้ตีชิงกลับไปได้ ส่วนเตียวเอ๊กและเลียวฮัวให้คุมทหารห้าพันยกไปซุ่มอยู่ข้างเส้นทางที่กองทัพ สุมาอี้จะติดตามมาชิงเอาขบวนโคกลมากลับคืน แล้วคอยซุ่มโจมตีกองทัพของสุมาอี้ ส่วนม้าตงและม้าต้ายให้คุมทหารอีกห้าพันคอยไปก่อกวนอยู่ที่ค่ายของสุมาอี้ ทำทีจะปล้นค่ายลวงให้กองทัพสุมาอี้ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่ให้ยกออกไปช่วยเหลือกันได้
นายทหารเอกทั้งสี่คนรับคำสั่งของขงเบ้งแล้วจึงคำนับลากลับออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปตามแผนการที่ขงเบ้งกำหนด
ฝ่ายเงียมอุ๋ยซึ่งคุมขบวนโคกลลำเลียงเสบียงอาหารจะมาส่งกองทัพของสุมาอี้ พอค่ำลงก็เห็นทหารวุยก๊กกองหนึ่งยกมา แจ้งว่าสุมาอี้วิตกว่าทหารจ๊กก๊กจะยกมาตีเอาเสบียง จึงให้มาช่วยป้องกัน เงียมอุ๋ยสำคัญว่าเป็นความจริงก็มีความยินดี สั่งให้ทหารกองที่มาใหม่กระจายกำลังสมทบกับหน่วยคุ้มกันกองเสบียงที่มีอยู่ แต่เดิม พอเวลายามเศษกองทหารที่มาใหม่ก็ชักเอาอาวุธแทงฟันทหารของเงียมอุ๋ยโดยไม่ทัน รู้เนื้อรู้ตัว ทหารของเงียมอุ๋ยล้มตายลงเป็นอันมาก
เงีย มอุ๋ยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขี่ม้าจะกลับมาช่วยทหารทางด้านหลัง ในทันใดนั้น อองเป๋งก็ขี่ม้าสกัดหน้าไว้ เพียงไม่ถึงสามเพลงอองเป๋งก็เอาทวนแทงเงียมอุ๋ยตกม้าตาย ทหารของเงียมอุ๋ยเห็นตัวนายตกม้าตาย ก็พากันแตกหนีไปจนหมดสิ้น
อองเป๋งจึงสั่งให้ทหารเข็นโคกลจะไปที่ค่ายตำบลเขากิสาน
ฝ่ายทหารของเงียมอุ๋ยซึ่งแตกหนีกลับไปได้นำความเข้าไปรายงานให้โกฉุยแม่ทัพ กองทัพหน้าทราบ โกฉุยได้ฟังรายงานก็ตกใจ รีบคุมทหารออกจากค่ายจะไปตีชิงขบวนเสบียงกลับคืน ครั้นไปทันกับขบวนโคกลซึ่งอองเป๋งกำลังจะเข็นกลับไปค่าย ก็สั่งทหารให้เข้าโจมตี
อองเป๋งเห็นทหารของโก ฉุยยกตามมาเป็นอันมาก เกรงว่าจะเข็นโคกลหนีไม่ทัน จึงสั่งทหารให้พลิกลิ้นโคกลตามคำสั่งของขงเบ้งแล้วทำทีแตกหนีไป โกฉุยเห็นดังนั้นก็ไม่ไล่ติดตาม สั่งทหารให้เข็นโคกลจะเอากลับไปค่าย แต่เข็นเท่าใดโคกลก็ไม่ขยับเขยื้อน
โกฉุยและทหารพากันตรวจดูตามขาโคกลว่าติดขวากกิ่งไม้หรือก้อนศิลาประการใด หรือไม่ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปกติ โกฉุยจึงสั่งทหารให้เข็นโคกลใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่โคกลก็ไม่ขยับเขยื้อน โกฉุยและทหารให้รู้สึกประหลาดใจและตกตะลึง สำคัญว่าภูตผีปีศาจมาหลอกหลอนบันดาลให้เป็นไป ในทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องดังขึ้นจากสองข้างทางและข้างหน้า ปรากฏกองทหารของอองเป๋ง เกียงอุย และอุยเอี๋ยนตีกระหนาบกระทบเข้ามาพร้อมกันทั้งสามด้าน
โกฉุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบสั่งทหารให้ทิ้งขบวนโคกลแล้วรีบล่าถอยกลับไป อองเป๋งเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ทหารพลิกลิ้นโคกลกลับดังเดิม แล้วเข็นโคกลจะเอาไปค่าย
โกฉุยพาทหารซึ่งกำลังแตกตื่นถอยไปได้ครู่หนึ่ง ครั้นมองย้อนกลับมาเห็นขบวนโคกลกำลังขับเคลื่อนเป็นปกติอีกครั้งหนึ่งก็โกรธ จึงสั่งทหารให้แปรขบวนกลับหลังยกเข้าตีทหารจ๊กก๊กอีกครั้งหนึ่ง
แต่พอโกฉุยขี่ม้านำหน้าทหารเข้าไปใกล้ขบวนโคกล พลันได้ยินเสียงโห่ร้องประหลาดพิกลดังขึ้นบนเนินเขาประสานกับเสียงเป่าเขา ควาย ตัวประหลาดรูปลักษณะแตกต่างหลากหลายพากันยกขบวนออกมาจากป่า ในมือของแต่ละตัวถือธงและกระบี่รูปลักษณะประหลาดพิกล ที่หน้าอกหรือบ้างที่ด้านหลังก็มีควันเพลิงพวยพุ่งออกมาเป็นที่น่าเกรงกลัว ยิ่งนัก ขบวนปีศาจพากันกู่ร้องตรงเข้าไปที่ขบวนโคกล โกฉุยรู้สึกว่าขบวนโคกลเคลื่อนรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทั้งไพร่และนายจึงพากันแตกตื่นตกใจ คิดว่าเป็นผีป่าโขมดไพรยกขบวนออกมาคุ้มกันทหารจ๊กก๊ก ต่างคนจึงต่างพากันเกรงกลัว หยุดกึกอยู่กับที่ไม่กล้าไล่ติดตามอีกต่อไป
ฝ่ายสุมาอี้ครั้นได้ทราบรายงานจากทหารรักษาการณ์ว่า กองลำเลียงโคกลถูกทหารจ๊กก๊กโจมตีชิงเอาไปได้ และโกฉุยได้ยกทหารออกไปช่วยก็เกรงว่าโกฉุยจะเสียที จึงรีบคุมทหารจะยกไปช่วยโกฉุย
กองทัพสุมาอี้ยก ไปถึงกลางทางก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นจากสองข้างทางหุบเขาทั้งด้าน หน้า ด้านหลัง ประสานกับเสียงโห่ร้องกึกก้องกระหึ่ม ทางข้างขวาเตียวเอ๊กคุมทหารโจมตีเข้ามา ทางข้างซ้ายเลียวฮัวคุมทหารตีกระทบเข้ามาพร้อมกัน ทหารของสุมาอี้ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวก็แตกตื่นตกใจ ต่างคนต่างวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง สุมาอี้หนีไปแต่ตัวผู้เดียว
เลียวฮัวเห็นสุมาอี้ขี่ม้าหนีไปดังนั้นจึงขี่ม้าไล่ตาม ถึงชายป่าแห่งหนึ่งใกล้จะทันกันและอยู่ในระยะง้าว เลียวฮัวจึงเงื้อง้าวขึ้นฟันสุมาอี้ สุมาอี้เหลียวมาเห็นดังนั้นก็กระตุ้นม้าให้โผนทะยานรุดไปข้างหน้า ง้าวของเลียวฮัวจึงฟันพลาดเป้าติดอยู่กับต้นไม้ สุมาอี้จึงรีบชักม้าหนีไปทางด้านทิศใต้
เลียวฮัวรีบดึงง้าวออกจากต้นไม้แล้วจึงเร่งม้าไล่ตามสุมาอี้ไป สุมาอี้เห็นเลียวฮัวยังขับม้าไล่ตามมาก็ตกใจ ตะลีตะลานเร่งฝีเท้าม้าให้รีบหนี หมวกเกราะทองสำหรับยศของสุมาอี้เกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้พลัดตกลงจากศีรษะ สุมาอี้ไม่คำนึงถึงยศศักดิ์อีกต่อไป คงตะบึงห้อม้าหนีโดยไม่คิดชีวิต
เลียว ฮัวเห็นจะไล่ตามสุมาอี้ไม่ทัน จึงเก็บเอาหมวกเกราะทองคำประจำตำแหน่งของสุมาอี้ แล้วขี่ม้ากลับไปสมทบกับเกียงอุย อุยเอี๋ยน เตียวหงี และอองเป๋ง คุมขบวนโคกลของวุยก๊กกลับไปถึงค่ายที่ตำบลเขากิสาน แล้วพากันเข้าไปรายงานให้ขงเบ้งทราบทุกประการ
ครั้นรายงานความเสร็จแล้ว เลียวฮัวจึงเอาหมวกเกราะทองคำของสุมาอี้มอบให้แก่ขงเบ้ง และเล่าความซึ่งได้ไล่ติดตามสุมาอี้ให้ขงเบ้งฟังทุกประการ
ขงเบ้งนั่งฟังรายงานของเลียวฮัวด้วยความปลื้มปิติ สายตาก็ชำเลืองไปที่อุยเอี๋ยน เห็นประกายตาของอุยเอี๋ยนวาววาบด้วยแรงริษยา ขงเบ้งแสร้งทำเป็นไม่ทันสังเกต แล้วเมินหน้ากลับไปฟังรายงานของเลียวฮัวจนจบสิ้นกระแสความ
ฝ่ายสุมาอี้ครั้นกลับไปถึงค่ายก็ให้สำรวจความสูญเสีย ปรากฏว่าทหารบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง สูญเสียม้าศึกและศาสตราวุธเป็นอันมาก ทั้งกองทัพจ๊กก๊กยังยึดเอาโคกลและเสบียงอาหารไปเป็นกำลังอีก ก็ให้รู้สึกอัปยศอดสูยิ่งนัก นั่งเป็นทุกข์ใจอยู่แต่ในค่าย บรรดาทหารวุยก๊กซึ่งหลายคนดูหมิ่นสุมาอี้ว่าเป็นแม่ทัพที่ขี้ขลาด ไม่กล้ายกออกไปรบกับขงเบ้งเดินผ่านไปมา เห็นสุมาอี้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในค่าย ต่างพากันสมน้ำหน้าแล้วเดินผ่านเลยไป
ในขณะที่ สุมาอี้เป็นทุกข์ใจอยู่นั้น ข้าหลวงของพระเจ้าโจยอยก็เดินทางมาถึง แล้วเอาหมายรับสั่งเข้าไปแจ้งแก่สุมาอี้ว่า บัดนี้กองทัพเมืองกังตั๋งกำลังยกบุกรุกเข้าตีวุยก๊กทางทิศใต้.
ครั้นได้ทราบรายงานจากโกเสียงดังนั้น แทนที่ขงเบ้งจะตำหนิติเตียนลงโทษ ขงเบ้ง กลับหัวเราะปรบมือแล้วกล่าวว่า “ซึ่งสุมาอี้ได้โคยนต์ไปนั้นเรามีความยินดีนัก เห็นเราจะได้เสบียงไว้เป็นกำลังอีกเป็นมั่นคง”
โกเสียงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ทันที่จะไต่ถามประการใด แม่ทัพ นายกองซึ่งพร้อมกันอยู่ในค่ายของขงเบ้งได้พากันถามพร้อมกันว่า เหตุใดมหาอุปราชจึงไม่ตื่นเต้นตกใจ กลับกล่าวว่าจะได้เสบียงเป็นกำลังเพิ่มเติมอีกเล่า
ขงเบ้ง จึงอธิบายว่า ท่านทั้งปวงย่อมจำนิทานโบราณเกี่ยวกับอุบายของคนขายขนมที่เอาขนมแจกให้เด็ก ลองกินเล่นก่อน เด็กกินอร่อยชอบใจแล้วก็ขายขนมให้แก่เด็กนั้นมากขึ้นได้ไม่ใช่หรือ ซึ่งสุมาอี้ให้ทหารมาตีชิงเอาโคกลไปครั้งนี้ เห็นจะไปลอกเลียนแบบทำโคกลขึ้นใช้ในกองทัพสำหรับลำเลียงเสบียงอาหารตามอย่าง กองทัพเราบ้าง การทั้งนี้จึงสมกับความคิดที่เราตั้งใจไว้ เราจะคิดอ่านกลอุบายให้ทหารไปตีชิงเอาโคกลและเสบียงอาหารของสุมาอี้ให้จงได้ จะเสียดายไปไยกับโคกลตัวอย่างแค่ห้าตัวนั้นเล่า
แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังดังนั้นยังคงพากันงุนงงสงสัย แต่ไม่มีผู้ใดกล้าไต่ถาม หลังจากนั้นอีกหลายวัน หน่วยสอดแนมได้นำความมารายงานแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้สุมาอี้ได้ลอกเลียนแบบโคกลของมหาอุปราช และใช้ไปลำเลียงเสบียงอาหารกำลังจะนำมาส่งแก่กองทัพที่ริมแม่น้ำอุยโห
ขงเบ้งได้ฟังรายงานดังนั้นก็มีความยินดี รำพึงขึ้นในใจว่าแผนการคิดสร้างโคกลของเรากำลังจะสำเร็จผลอีกประการหนึ่ง แล้ว รำพึงดังนั้นแล้วจึงเรียกอองเป๋งมาสั่งให้คุมทหารพันหนึ่งปลอมเป็นทหารวุย ก๊ก ยกไปซุ่มอยู่ระหว่างเส้นทางลำเลียงเสบียงที่จะมาส่งยังกองทัพของสุมาอี้ใน เวลากลางคืน เมื่อกองลำเลียงมาถึงจุดซุ่มก็ให้กระจายกำลังเข้าประกบทหารซึ่งคุมเสบียง แล้วแจ้งแก่ทหารที่ลำเลียงเสบียงนั้นว่าสุมาอี้สั่งให้มาช่วยป้องกันรักษา เสบียง เป็นทีแล้วก็ให้สังหารทหารวุยก๊กเสียให้สิ้น แล้วเข็นเอาเกวียนเสบียงมาที่ค่ายตำบลเขากิสาน
อองเป๋งได้ฟังคำสั่งของขงเบ้งดังนั้นจึงไต่ถามว่า ถ้าหากสุมาอี้ยกทหารมาช่วย จะให้ทำประการใด
ขงเบ้ง จึงว่า แม้หากสุมาอี้จะยกทหารหนุนมาช่วย เห็นเหลือกำลังแล้วก็ให้พลิกลิ้นโคกลเสียให้สิ้นทุกตัว โคกลก็จะเดินไม่ได้ เราจะคิดอ่านอุบายขับไล่ทหารของสุมาอี้เอง ท่านจงยกไปเถิด อย่าได้วิตกเลย เมื่อทหารสุมาอี้หนีไปแล้วให้พลิกลิ้นโคกลกลับดังเดิมแล้วเข็นโคกลกลับมาที่ ค่าย
อองเป๋งเคยประสบเหตุการณ์ที่ขงเบ้งใช้ให้คุมทหารหนึ่งพันไปป้องกันกองทัพสี่ สิบหมื่นของสุมาอี้มาแล้วว่าในที่สุดทหารสี่สิบหมื่นก็ติดจมปลักฝนตกหนัก อยู่ในหุบเขา ครั้นได้ยินดังนั้นจึงมิได้สงสัย รับคำแล้วคำนับลาขงเบ้งออกไปจัดแจงทหารและยกไปตามคำสั่ง
พออองเป๋งกลับออกไปแล้วขงเบ้งจึงเรียกเตียวหงีเข้ามาหาข้างในค่าย สั่ง “ให้ คุมทหารห้าร้อยแต่งตัวเขียนหน้าปลอมเป็นทัพผี มือหนึ่งถือธง มือหนึ่งถือกระบี่ ให้เอาดินประสิวสุพรรณถันใส่หม้อสะพายไปซุ่มอยู่ทุกคน แม้เห็นทหารสุมาอี้ตามอองเป๋งมาก็ให้จุดดินประสิวสุพรรณถันขึ้นทุกคน แล้วโห่ร้องคุกคามหลอกหลอนเป็นทัพผีออกมา”
สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุแผนการของขงเบ้งตอนนี้ว่า ขงเบ้งได้สั่งเตียวหงีว่า “ท่าน จงนำทหารห้าร้อยนายให้แต่งตัวเป็นลักเตงลักกะทหารเทพเจ้า สวมหัวปีศาจ ร่างเป็นสัตว์ เอาห้าสีทาหน้า ตกแต่งเป็นตัวประหลาดหลาย ๆ แบบ มือหนึ่งให้ถือธงปักด้วยไหม มือหนึ่งถือกระบี่วิเศษ ที่ร่างแขวนน้ำเต้า ภายในให้บรรจุดินปืนซุ่มดักอยู่ที่เชิงเขา รอให้โคไม้ม้าไหลมาถึงก็พร้อมกันออกมาแล้วปล่อยเพลิงไฟ บังคับโคม้าออกเดินทาง ทหารงุ่ยเห็นเข้าก็ต้องว่าผีสางเทวดา ก็จะมิกล้าไล่ติดตามมา”
ก็ได้ เห็นความมหัศจรรย์ของโคกลของขงเบ้งอีกประการหนึ่งว่า มีเครื่องมือสำหรับเบรคมิให้โคกลเดินต่อไปได้หรือให้หยุดอยู่กับที่ และเป็นกลไกที่ลี้ลับพิสดารเพราะติดตั้งอยู่ที่ลิ้นของโคกล เมื่อพลิกลิ้นโคกลก็จะผลักดันให้สลักขัดกลไกภายในโคกลมิให้ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ทหารสุมาอี้ซึ่งเอาแต่ลอกเลียนโดยไม่รู้ถึงเลศนัยของกลไกภายในตัวโคกลก็จะ งุนงงสงสัย นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ก้าวหน้าล้ำยุคสมัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมนุษยชาติพัฒนาก้าวหน้าในยุคสองพันปีหลัง สามารถคิดค้นรถจักรยานขึ้นได้เป็นครั้งแรกก็ไม่มีเบรคสำหรับหยุดรถ ต้องใช้เท้าเป็นเครื่องมือช่วยในการหยุดรถจักรยาน ในขณะที่สองพันกว่าปีก่อนนั้นขงเบ้งสามารถคิดกลไกเครื่องมือสำหรับเบรคโคกล ได้อย่างลึกล้ำแล้ว
เตียวหงีรับคำสั่งขงเบ้งแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหารตามแผนการที่ขงเบ้งกำหนดทุกประการ
พอเตียวหงีออกไปขงเบ้งจึงเรียกเกียงอุย เตียวเอ๊ก ม้าต้าย ม้าตง เข้ามาพร้อมกันแล้วสั่งให้เกียงอุยคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปคอยคุ้มกันกอง ลำเลียงเสบียงอย่าให้เป็นอันตรายหรือถูกทหารสุมาอี้ตีชิงกลับไปได้ ส่วนเตียวเอ๊กและเลียวฮัวให้คุมทหารห้าพันยกไปซุ่มอยู่ข้างเส้นทางที่กองทัพ สุมาอี้จะติดตามมาชิงเอาขบวนโคกลมากลับคืน แล้วคอยซุ่มโจมตีกองทัพของสุมาอี้ ส่วนม้าตงและม้าต้ายให้คุมทหารอีกห้าพันคอยไปก่อกวนอยู่ที่ค่ายของสุมาอี้ ทำทีจะปล้นค่ายลวงให้กองทัพสุมาอี้ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่ให้ยกออกไปช่วยเหลือกันได้
นายทหารเอกทั้งสี่คนรับคำสั่งของขงเบ้งแล้วจึงคำนับลากลับออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปตามแผนการที่ขงเบ้งกำหนด
ฝ่ายเงียมอุ๋ยซึ่งคุมขบวนโคกลลำเลียงเสบียงอาหารจะมาส่งกองทัพของสุมาอี้ พอค่ำลงก็เห็นทหารวุยก๊กกองหนึ่งยกมา แจ้งว่าสุมาอี้วิตกว่าทหารจ๊กก๊กจะยกมาตีเอาเสบียง จึงให้มาช่วยป้องกัน เงียมอุ๋ยสำคัญว่าเป็นความจริงก็มีความยินดี สั่งให้ทหารกองที่มาใหม่กระจายกำลังสมทบกับหน่วยคุ้มกันกองเสบียงที่มีอยู่ แต่เดิม พอเวลายามเศษกองทหารที่มาใหม่ก็ชักเอาอาวุธแทงฟันทหารของเงียมอุ๋ยโดยไม่ทัน รู้เนื้อรู้ตัว ทหารของเงียมอุ๋ยล้มตายลงเป็นอันมาก
เงีย มอุ๋ยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบขี่ม้าจะกลับมาช่วยทหารทางด้านหลัง ในทันใดนั้น อองเป๋งก็ขี่ม้าสกัดหน้าไว้ เพียงไม่ถึงสามเพลงอองเป๋งก็เอาทวนแทงเงียมอุ๋ยตกม้าตาย ทหารของเงียมอุ๋ยเห็นตัวนายตกม้าตาย ก็พากันแตกหนีไปจนหมดสิ้น
อองเป๋งจึงสั่งให้ทหารเข็นโคกลจะไปที่ค่ายตำบลเขากิสาน
ฝ่ายทหารของเงียมอุ๋ยซึ่งแตกหนีกลับไปได้นำความเข้าไปรายงานให้โกฉุยแม่ทัพ กองทัพหน้าทราบ โกฉุยได้ฟังรายงานก็ตกใจ รีบคุมทหารออกจากค่ายจะไปตีชิงขบวนเสบียงกลับคืน ครั้นไปทันกับขบวนโคกลซึ่งอองเป๋งกำลังจะเข็นกลับไปค่าย ก็สั่งทหารให้เข้าโจมตี
อองเป๋งเห็นทหารของโก ฉุยยกตามมาเป็นอันมาก เกรงว่าจะเข็นโคกลหนีไม่ทัน จึงสั่งทหารให้พลิกลิ้นโคกลตามคำสั่งของขงเบ้งแล้วทำทีแตกหนีไป โกฉุยเห็นดังนั้นก็ไม่ไล่ติดตาม สั่งทหารให้เข็นโคกลจะเอากลับไปค่าย แต่เข็นเท่าใดโคกลก็ไม่ขยับเขยื้อน
โกฉุยและทหารพากันตรวจดูตามขาโคกลว่าติดขวากกิ่งไม้หรือก้อนศิลาประการใด หรือไม่ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปกติ โกฉุยจึงสั่งทหารให้เข็นโคกลใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่โคกลก็ไม่ขยับเขยื้อน โกฉุยและทหารให้รู้สึกประหลาดใจและตกตะลึง สำคัญว่าภูตผีปีศาจมาหลอกหลอนบันดาลให้เป็นไป ในทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องดังขึ้นจากสองข้างทางและข้างหน้า ปรากฏกองทหารของอองเป๋ง เกียงอุย และอุยเอี๋ยนตีกระหนาบกระทบเข้ามาพร้อมกันทั้งสามด้าน
โกฉุยเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบสั่งทหารให้ทิ้งขบวนโคกลแล้วรีบล่าถอยกลับไป อองเป๋งเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ทหารพลิกลิ้นโคกลกลับดังเดิม แล้วเข็นโคกลจะเอาไปค่าย
โกฉุยพาทหารซึ่งกำลังแตกตื่นถอยไปได้ครู่หนึ่ง ครั้นมองย้อนกลับมาเห็นขบวนโคกลกำลังขับเคลื่อนเป็นปกติอีกครั้งหนึ่งก็โกรธ จึงสั่งทหารให้แปรขบวนกลับหลังยกเข้าตีทหารจ๊กก๊กอีกครั้งหนึ่ง
แต่พอโกฉุยขี่ม้านำหน้าทหารเข้าไปใกล้ขบวนโคกล พลันได้ยินเสียงโห่ร้องประหลาดพิกลดังขึ้นบนเนินเขาประสานกับเสียงเป่าเขา ควาย ตัวประหลาดรูปลักษณะแตกต่างหลากหลายพากันยกขบวนออกมาจากป่า ในมือของแต่ละตัวถือธงและกระบี่รูปลักษณะประหลาดพิกล ที่หน้าอกหรือบ้างที่ด้านหลังก็มีควันเพลิงพวยพุ่งออกมาเป็นที่น่าเกรงกลัว ยิ่งนัก ขบวนปีศาจพากันกู่ร้องตรงเข้าไปที่ขบวนโคกล โกฉุยรู้สึกว่าขบวนโคกลเคลื่อนรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทั้งไพร่และนายจึงพากันแตกตื่นตกใจ คิดว่าเป็นผีป่าโขมดไพรยกขบวนออกมาคุ้มกันทหารจ๊กก๊ก ต่างคนจึงต่างพากันเกรงกลัว หยุดกึกอยู่กับที่ไม่กล้าไล่ติดตามอีกต่อไป
ฝ่ายสุมาอี้ครั้นได้ทราบรายงานจากทหารรักษาการณ์ว่า กองลำเลียงโคกลถูกทหารจ๊กก๊กโจมตีชิงเอาไปได้ และโกฉุยได้ยกทหารออกไปช่วยก็เกรงว่าโกฉุยจะเสียที จึงรีบคุมทหารจะยกไปช่วยโกฉุย
กองทัพสุมาอี้ยก ไปถึงกลางทางก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นจากสองข้างทางหุบเขาทั้งด้าน หน้า ด้านหลัง ประสานกับเสียงโห่ร้องกึกก้องกระหึ่ม ทางข้างขวาเตียวเอ๊กคุมทหารโจมตีเข้ามา ทางข้างซ้ายเลียวฮัวคุมทหารตีกระทบเข้ามาพร้อมกัน ทหารของสุมาอี้ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวก็แตกตื่นตกใจ ต่างคนต่างวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง สุมาอี้หนีไปแต่ตัวผู้เดียว
เลียวฮัวเห็นสุมาอี้ขี่ม้าหนีไปดังนั้นจึงขี่ม้าไล่ตาม ถึงชายป่าแห่งหนึ่งใกล้จะทันกันและอยู่ในระยะง้าว เลียวฮัวจึงเงื้อง้าวขึ้นฟันสุมาอี้ สุมาอี้เหลียวมาเห็นดังนั้นก็กระตุ้นม้าให้โผนทะยานรุดไปข้างหน้า ง้าวของเลียวฮัวจึงฟันพลาดเป้าติดอยู่กับต้นไม้ สุมาอี้จึงรีบชักม้าหนีไปทางด้านทิศใต้
เลียวฮัวรีบดึงง้าวออกจากต้นไม้แล้วจึงเร่งม้าไล่ตามสุมาอี้ไป สุมาอี้เห็นเลียวฮัวยังขับม้าไล่ตามมาก็ตกใจ ตะลีตะลานเร่งฝีเท้าม้าให้รีบหนี หมวกเกราะทองสำหรับยศของสุมาอี้เกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้พลัดตกลงจากศีรษะ สุมาอี้ไม่คำนึงถึงยศศักดิ์อีกต่อไป คงตะบึงห้อม้าหนีโดยไม่คิดชีวิต
เลียว ฮัวเห็นจะไล่ตามสุมาอี้ไม่ทัน จึงเก็บเอาหมวกเกราะทองคำประจำตำแหน่งของสุมาอี้ แล้วขี่ม้ากลับไปสมทบกับเกียงอุย อุยเอี๋ยน เตียวหงี และอองเป๋ง คุมขบวนโคกลของวุยก๊กกลับไปถึงค่ายที่ตำบลเขากิสาน แล้วพากันเข้าไปรายงานให้ขงเบ้งทราบทุกประการ
ครั้นรายงานความเสร็จแล้ว เลียวฮัวจึงเอาหมวกเกราะทองคำของสุมาอี้มอบให้แก่ขงเบ้ง และเล่าความซึ่งได้ไล่ติดตามสุมาอี้ให้ขงเบ้งฟังทุกประการ
ขงเบ้งนั่งฟังรายงานของเลียวฮัวด้วยความปลื้มปิติ สายตาก็ชำเลืองไปที่อุยเอี๋ยน เห็นประกายตาของอุยเอี๋ยนวาววาบด้วยแรงริษยา ขงเบ้งแสร้งทำเป็นไม่ทันสังเกต แล้วเมินหน้ากลับไปฟังรายงานของเลียวฮัวจนจบสิ้นกระแสความ
ฝ่ายสุมาอี้ครั้นกลับไปถึงค่ายก็ให้สำรวจความสูญเสีย ปรากฏว่าทหารบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง สูญเสียม้าศึกและศาสตราวุธเป็นอันมาก ทั้งกองทัพจ๊กก๊กยังยึดเอาโคกลและเสบียงอาหารไปเป็นกำลังอีก ก็ให้รู้สึกอัปยศอดสูยิ่งนัก นั่งเป็นทุกข์ใจอยู่แต่ในค่าย บรรดาทหารวุยก๊กซึ่งหลายคนดูหมิ่นสุมาอี้ว่าเป็นแม่ทัพที่ขี้ขลาด ไม่กล้ายกออกไปรบกับขงเบ้งเดินผ่านไปมา เห็นสุมาอี้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในค่าย ต่างพากันสมน้ำหน้าแล้วเดินผ่านเลยไป
ในขณะที่ สุมาอี้เป็นทุกข์ใจอยู่นั้น ข้าหลวงของพระเจ้าโจยอยก็เดินทางมาถึง แล้วเอาหมายรับสั่งเข้าไปแจ้งแก่สุมาอี้ว่า บัดนี้กองทัพเมืองกังตั๋งกำลังยกบุกรุกเข้าตีวุยก๊กทางทิศใต้.