ตอนที่ 564. กำเนิดโคกล

ขงเบ้งเพียงแค่จับร่องรอยพิรุธจากการสู้รบของแต้บุ๋นก็อ่านกลของสุ มาอี้ได้กระจ่าง จึงบังคับแต้บุ๋นให้ลวงสุมาอี้ยกกองทัพมาปล้นค่าย ทั้งได้ใช้คนซึ่งเฉลียวฉลาดเชิงชั้นเจรจาและท่วงท่าถือหนังสือลับไปหาสุมา อี้ ครั้นสุมาอี้หลงกลยกเข้าปล้นค่ายจึงพ่ายแพ้เสียทีอย่างยับเยิน

            สุมาอี้พาทหารเดนตายหนีกลับไปถึงค่ายเป็นเวลาใกล้รุ่ง ไม่เป็นอันหลับนอนอีกต่อไป เฝ้าแต่เป็นทุกข์ใจและรู้สึกอัปยศอดสูมิรู้ที่จะเอาหน้าไว้แห่งใด เพราะยุทธการครั้งนี้ได้สูญเสียทหารและศาสตราวุธเป็นอันมาก หลังจากวันนั้นแล้วสุมาอี้ก็ตั้งมั่นรักษาค่าย ไม่ยกออกไปรบกับขงเบ้งอีกเลย

            ขงเบ้งให้ทหารไปด่าว่าท้ารบเป็นหยาบช้าสาหัสนัก แม้หลายครั้งหลายหนสุมาอี้ก็ยอมทนตั้งมั่นอยู่ในค่ายไม่ยกทหารออกมารบพุ่ง

            ขงเบ้งเห็นสุมาอี้ไม่ยอมยกออกมารบก็เป็นทุกข์ใจ ด้วยเสบียงอาหารซึ่งลำเลียงแสวงหาจากแดนของข้าศึกไม่พอเพียงแก่การบำรุงกอง ทัพ ครั้นจะรีดนาทาเร้นเอากับราษฎรก็เอ็นดู และเกรงว่าราษฎรจะไม่เป็นใจแล้วขัดขวางการปฏิบัติการทางทหาร ทั้งเวลานี้ก็ย่างเข้าฤดูฝน การลำเลียงเสบียงอาหารมาแต่เมืองฮันต๋งส่งมายังกองทัพยิ่งลำบากยากเย็น

            วัน หนึ่งขงเบ้งจึงขี่เกวียนพาทหารองครักษ์ออกไปสำรวจตรวจตราภูมิประเทศทั่ว เทือกเขากิสาน ขงเบ้งไปถึงหุบเขาแห่งหนึ่งมีลักษณะประหลาดคล้ายกับรูปน้ำเต้า เป็นภูเขาสูงชันโดยรอบ บริเวณส่วนที่เป็นก้นของน้ำเต้ามีลานกว้างอยู่ตรงกลางลี้ลับ สามารถจุคนได้พันเศษ บริเวณส่วนที่เป็นคอของน้ำเต้ามีลานอยู่แห่งหนึ่งสามารถจุคนได้อีกสี่ร้อยคน เศษ ตรงปากทางเป็นทางแคบ เพียงแค่ม้าเดินเรียงหน้ากระดานได้หกตัวเท่านั้น สุดปลายก้นรูปน้ำเต้ามีซอกเขาเล็ก ๆ ขี่ม้าไปได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น

            ขงเบ้งเห็นภูมิประเทศลี้ลับต้องด้วยใจก็มีความยินดีเป็นอันมาก รำพึงว่าเทพยดามาเสกสรรปั้นแต่งภูมิประเทศนี้ให้แก่เรา เห็นจะได้การถึงสามสถาน กล่าวแล้วขงเบ้งจึงพาทหารจะกลับไปค่าย พอไปถึงปากทางเห็นชาวบ้านย่านนั้นจึงไต่ถามว่าหุบเขานี้มีชื่อใด

            ชาว บ้านนั้นได้ตอบว่า หุบเขานี้เรียกขานกันแต่โบราณมาว่าหุบเขาน้ำเต้า มีรูปลักษณะดั่งน้ำเต้าของเซียนผู้เป็นเทพแห่งอายุหรือซิ่วซิ่ง ขงเบ้งได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี เพราะนามแห่งหุบเขาสอดคล้องต้องกับสภาพความเป็นจริงแห่งภูมิประเทศที่จะคิด การสำคัญทั้งสามประการนั้น ขงเบ้งจึงพาทหารกลับไปค่าย

            ค่ำวันนั้นขงเบ้งได้เรียกตอยอยและอาวต๋งแม่กองทหารช่างเข้ามาหาถึงข้างใน ค่ายเป็นการลับ หยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมากางบนโต๊ะว่าราชการ แล้วกล่าวกับสองนายกองทหารช่างว่า นี่คือรูปแบบรายละเอียดการสร้างโคกลที่เราได้คิดเตรียมไว้ตั้งแต่ครั้งที่ ยังอยู่ในเมืองฮันต๋ง กล่าวแล้วขงเบ้งก็ชี้ให้สองนายกองดูโครงสร้างส่วนหัว ส่วนลำตัว ส่วนขา ส่วนหาง โครงสร้างภายนอก โครงสร้างภายในและกลไกที่เชื่อมโยงภายในตัวโคกล อธิบายความสั้นยาวหนาบางของไม้และอุปกรณ์ที่จะใช้สร้างโคกลโดยละเอียดทุก ประการ และกำชับว่ารอยต่อเชื่อมระหว่างลิ้นของโคกลกับกลไกในบริเวณส่วนลำคอของโคกล นั้นสำคัญนัก ให้จัดทำโดยแข็งแรง ประณีต ความหนาบางจะคลาดเคลื่อนมิได้เป็นอันขาด

            สองนายกองทหารช่างสอบถามข้อสงสัยอีกหลายประการแล้วก็รับคำขงเบ้งว่า ฝีมือของทหารช่างซึ่งมหาอุปราชได้จัดแจงมาแต่เมืองเสฉวนนั้นสามารถที่จะทำ การให้สำเร็จดังความปรารถนาได้เป็นแน่นอน มหาอุปราชอย่าได้วิตกเลย

            ขงเบ้ง ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี มอบแบบรายการละเอียดของโคกลนั้นให้แก่สองนายกองทหารช่าง และให้เกณฑ์ทหารช่างกว่าพันคน พอค่ำลงก็ให้ลอบยกเข้าไปในหุบเขาน้ำเต้า ให้เร่งสร้างโคกลให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และสั่งม้าต้ายให้คุมทหารอีกห้าร้อยยกไปป้องกันคนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า อยู่ที่ปากทางหุบเขาน้ำเต้า

            ทุกวันขงเบ้งจะออกไปตรวจตราการทำโคกลถึงวันละสองครั้ง มีข้อขัดข้องในระหว่างการสร้างโคกลประการใด ขงเบ้งก็ชี้แจงอธิบายและให้แก้ไข จนการสร้างโคกลถูกต้องตามต้นแบบทุกประการ

            วันหนึ่งเตียวหงีขุนนางผู้ใหญ่ได้เข้ามาหาขงเบ้งแล้วรายงานว่า บัดนี้ย่างเข้าฤดูฝน การลำเลียงเสบียงอาหารยากลำบาก ทั้งระยะทางจากด่านเกี้ยมโก๊ะมาถึงค่ายเขากิสานนี้ก็เป็นระยะทางไกลและ ทุรกันดารเป็นอันมาก การลำเลียงเสบียงอาหารกระทำได้แต่น้อย และขัดสน จึงกังวลว่าทหารจะรวนเรเสียขวัญกำลังใจ มหาอุปราชจะคิดอ่านประการใด

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวว่าความทั้งนี้เราได้คิดแก้ไขไว้ก่อนแล้ว ท่านอย่าได้วิตกเลย ประกอบกับทั้งขณะนั้นกองทหารช่างได้จัดทำโคกลแล้วเสร็จกว่าพันตัว จึงเอาตัวอย่างตัวหนึ่งมาให้ขงเบ้งดู ขงเบ้งจึงชวนเตียวหงีออกไปดูโคกลตัวอย่างนั้น

            เตียว หงีและแม่ทัพนายกองเห็นโคกลรูปร่างลักษณะประหลาดนักก็พากันสงสัย ขงเบ้งจึงกล่าวว่า ตั้งแต่ครั้งที่เราอยู่ในเมืองเสฉวนก็ได้ทดลองสร้างโคกลขึ้น ครั้นมาอยู่เมืองฮันต๋งก็ได้คิดแบบแปลนแผนผังรายละเอียดทุกประการ หวังจะใช้ในการลำเลียงเสบียงอาหารให้กับกองทัพ อันโคกลนี้ไม่กินหญ้า ไม่ดื่มน้ำ ไม่หลับนอน แต่ละตัวสามารถลากเกวียนเสบียงได้เล่มหนึ่ง เพียงแค่ผลักให้เดินไปข้างหน้าแต่เพียงครั้งเดียวก็จะเดินขึ้นเนิน ลงที่ลุ่มได้ดั่งโคเป็น และล้ำเลิศกว่าโคเป็นมากมายนัก ด้วยสามารถเดินทางทั้งวันทั้งคืนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บัดนี้เป็นฤดูฝนแล้ว โคกลได้สร้างเสร็จตามจำนวน เห็นจะแก้ไขปัญหาขัดสนในการลำเลียงเสบียงอาหารได้

            กล่าวแล้วขงเบ้งจึงใช้ทหารเข็นโคกลให้เดินไปข้างหน้า โคกลก็เดินไปเหมือนดังหนึ่งโคเป็นทุกประการ

            ขงเบ้งจึงพรรณนาสรรพคุณโคกลต่อไปว่า ถ้าเดินแต่ตัวเดียวจะได้ระยะทางวันละสามร้อยเส้น แต่ถ้าเดินไปเป็นฝูงก็จะเดินทางได้ถึงวันละเจ็ดร้อยถึงแปดร้อยเส้น

            เตียวหงีและแม่ทัพนายกองทั้งปวงเห็นดังนั้นต่างพากันตื่นเต้น สรรเสริญสติปัญญาริเริ่มสร้างสรรค์ของขงเบ้งเป็นอันมาก ว่าคิดการทั้งนี้ดุจหนึ่งพระวิษณุกรรมมาดลใจ

            โค กลอันขงเบ้งประดิษฐ์คิดค้นสร้างขึ้นในครั้งนี้ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เรียกว่าโคยนต์ซึ่งไม่เห็นสม เพราะในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องยนต์ เจมส์วัตส์นักประดิษฐ์ได้คิดค้นเครื่องยนต์เป็นคนแรกของโลก มีลักษณะเป็นเครื่องจักรไอน้ำหลังจากยุคของขงเบ้งร่วมสองพันปี ทั้งอุปกรณ์ภายในของโคกลก็มีลักษณะเป็นกลไก ไม่ถึงขนาดเป็นเครื่องยนต์ ดังนั้นจึงเรียกว่าโคกลย่อมจะสมและสอดคล้องกับสภาพยิ่งกว่า สามก๊กฉบับสมบูรณ์เรียกโคกลนี้ว่าโคไม้ม้าไหล ซึ่งใกล้เคียงกับลักษณะของโคกล คือมีลักษณะคล้ายโคหรือม้า และเพียงแค่ผลักก็เดินไปได้

            ความ มหัศจรรย์ของโคกลเกิดแต่กลไกที่อาศัยพลังงานกลในการขับเคลื่อนครั้งแรก เมื่อขับเคลื่อนไปแล้วเท้าหลังจะส่งพลังกลต่อไปยังเท้าหน้า เท้าหน้าก็ก้าวไป แล้วส่งพลังกลกลับมายังเท้าหลัง เท้าหลังก็ก้าวไปเป็นวงจรต่อเนื่อง แต่ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือศักยภาพที่ถ้าหากเดินทางตัวเดียวกับเดิน ทางเป็นฝูงจะมีศักยภาพต่างกันเป็นระยะทางถึงวันละห้าร้อยเส้น แต่เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันนี้ก็แลเห็นได้ถึงความเป็นไปได้เช่นนั้น เพราะถ้าเดินตัวเดียวก็ต้องผ่านแรงเสียดทานโดยลำพังตน ครั้นเดินเป็นฝูงเส้นทางที่ตัวหลังเดินไปก็ราบเรียบขึ้น แรงเสียดทานของตัวหลังจึงแทบไม่มี แรงขับเคลื่อนของตัวหลังจะส่งพลังขับเคลื่อนถึงตัวหน้าให้เคลื่อนที่ได้เร็ว ขึ้นอีกด้วย

            หากจะพิจารณา ว่าขงเบ้งได้แนวคิดชนิดนี้มาจากที่ไหน ย่อมคาดหมายได้ว่า  ขงเบ้งเป็นชาวป่าชาวดอย เห็นฝูงหงส์ฝูงห่านป่าที่บินไปบนอากาศเป็นลักษณะรูปตัววี ซึ่งวิทยาศาสตร์ยุคหลังได้ยอมรับว่าเป็นความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ที่สัตว์เดรัจฉานดังกล่าวสามารถใช้ประโยชน์จากแรงอากาศพลศาสตร์ (Aero Dynamic) ได้ ทำให้การบินเป็นฝูงเร็วขึ้นกว่าการบินตัวเดียว และมีความปลอดภัยสูงกว่า เป็นแต่ว่าโคกลของขงเบ้งนั้นได้แปลงต้นคิดอากาศพลศาสตร์จากหงส์และห่านซึ่ง บินในอากาศ มาใช้กับโคกลซึ่งเดินบนดินเท่านั้น และหลักการอากาศพลศาสตร์นี้ย่อมถือได้ว่าเป็นต้นแบบที่แท้จริงของหลักอากาศ พลศาสตร์ที่มุนษย์ในยุคสองพันกว่าปีหลังได้นำมาใช้เป็นหลักในการกำหนดรูปแบบ เครื่องบินและรถยนต์

            หลังจากลงมือสร้างโคกลได้สิบสี่วัน กองพันโคกลก็สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างพร้อมใช้การได้กว่าพันตัว ครั้นเตรียมการพร้อมแล้วขงเบ้งจึงสั่งทหารพันนายให้คุมโคกลไปลำเลียงเสบียง อาหารจากด่านเกี้ยมโก๊ะมาส่งที่ค่ายเขากิสานเป็นหลายเที่ยว ปัญหาความ ยุ่งยากและขัดสนเสบียงอาหารของกองทัพจ๊กก๊กก็หมดสิ้นไป ทั้งไพร่และนายทหารต่างมีความชื่นชมยินดีถ้วนหน้ากัน

            ฝ่ายหน่วยสอดแนมของวุยก๊กได้ออกลาดตระเวนสอดแนมตามปกติ วันหนึ่งได้พบขบวนโคกลลำเลียงเสบียงอาหารมาแต่ด่านเกี้ยมโก๊ะก็ตกตะลึงพรึง เพริด หลังจากสังเกตเหตุการณถ้วนถี่แล้วจึงนำความไปรายงานแก่สุมาอี้ว่า กองทัพจ๊กก๊กได้ใช้โคกลขนเสบียงอาหารบำรุงกองทัพเป็นที่อัศจรรย์นัก 

            สุมาอี้ได้ยินรายงานก็ตกใจ ถามซ้ำซากสามสี่ครั้งว่าสิ่งที่พวกเจ้าเห็นนั้นเป็นความจริงหรือเรื่องละเมอ เพ้อฝัน ทหารหน่วยลาดตระเวนทุกหน่วยต่างรายงานความตรงกัน สุมาอี้ฟังได้ดังนั้นจึง ปรารภว่า “เราให้หน่วงไว้ไม่ออกรบพุ่ง หวังจะให้กองทัพขงเบ้งขาดเสบียง บัดนี้ขงเบ้งให้ทำโคยนต์เข็นเกวียนเสบียงมาส่งกันมิได้ขาด เห็นการสงครามนี้จะยืดยาวไป จำจะคิดอ่านให้ทหารไปตีเอาโคยนต์มาดูอย่าง จะได้ทำเข็นเกวียนเสบียงเราบ้าง”

            สุ มาอี้ครุ่นคิดและเดินไปเดินมาอยู่ในค่ายเป็นหลายรอบ แล้วหวนกลับมา สอบถามหน่วยลาดตระเวนว่าซึ่งกองลำเลียงเสบียงโคกลนั้นมีทหาร ควบคุมไปมากแลน้อยประการใด ครั้นได้รับรายงานว่ากองลำเลียงเสบียงอันยาวเหยียดมีทหารควบคุมกองลำเลียง เพียงพันนาย กระจายกำลังดูแลตั้งแต่ต้นจนถึงปลายขบวน จึงเหลือแต่ละจุดเพียงไม่กี่คน สุมาอี้จึงตัดสินใจสั่งเตียวฮองและงักหลิมให้คุมทหารห้าร้อยนายปลอมตัวเป็น ทหารจ๊กก๊ก สั่งให้ลอบเดินทางโดยเส้นทางลัดในหุบเขาจำก๊ก ให้โจมตีชิงเอาโคกลสี่หรือห้าตัวเพื่อจะใช้เป็นต้นแบบสร้างโคกลเอามาใช้ใน การลำเลียงเสบียงอาหารบำรุงเลี้ยงกองทัพเหมือนอย่างขงเบ้งบ้าง

            เตียวฮองและงักหลิมรับคำสั่งสุมาอี้แล้ว จึงยกทหารไปตามแผนการของสุมาอี้ และตั้งกำลังซุ่มคอยทีอยู่ ครั้นเห็นโกเสียงนายกองลำเลียงเสบียงคุมกองเสบียงมายาวเหยียด จึงสั่งทหารเข้าจู่โจม ทหารของโกเสียงตรงจุดที่ถูกจู่โจมมีอยู่เพียงสี่ห้าคน พอถูกโจมตีก็พากันวิ่งหนี ทหารของสุมาอี้จึงชิงเอาโคกลได้ห้าตัวแล้วเข็นเอาไปมอบให้แก่สุมาอี้

            สุมาอี้เห็นโคกลเป็นที่ประหลาดนักก็ชื่นชมสติปัญญาของขงเบ้งเป็นอันมาก ว่ามีสติปัญญาคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์เหนือปัญญาของมนุษย์ และสั่งให้กองพันทหารช่างสร้างโคกลแบบเดียวกันกับโคกลของขงเบ้ง

            สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “สุ มาอี้เห็นโคยนต์นั้นดังเป็น ก็ชมว่าขงเบ้งนั้นคิดอ่านให้ทำดีนัก แล้วสุมาอี้ให้หาช่างมาประมาณร้อยเศษ ให้รื้อโคยนต์นั้นออกดูจำกำหนดที่ใหญ่น้อยหนาบาง แลส่วนสั้นยาวพร้อมกันแล้ว ก็ให้ช่างทำโคยนต์ ประมาณห้าสิบวันก็ได้โคยนต์ถึงสองพัน”

            นัก ลอกเลียนแบบคนแรกในประวัติศาสตร์ที่อาจถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร ตามแบบอย่างในปัจจุบันก็คือสุมาอี้นี่เอง และสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของโลกที่ถูกลอกเลียนแบบก็คือโคกลของขงเบ้งนั้น

            ครั้นกองพันทหารช่างสร้างโคกลเสร็จตามกำหนดแล้ว สุมาอี้ออกไปตรวจดูด้วยตนเอง แล้วหัวเราะดังก้องกังวานไปทั่ว พลางกล่าวว่าเราไม่ต้องเสียแรงคิดอ่าน ก็สามารถทำการสร้างโคกลได้เหมือนกับขงเบ้ง กล่าวแล้วสุมาอี้จึงสั่งให้งิมอุ๋ยคุมทหารพันเศษคุมขบวนโคกลไปขนลำเลียง เสบียงจากเมืองหลงเสมาบำรุงเลี้ยงกองทัพ

            ฝ่าย โกเสียงซึ่งถูกทหารของวุยก๊กโจมตีและชิงโคกลหนีกลับไปแล้ว โกเสียงจึงคุมขบวนโคกลที่เหลือกลับไปค่ายที่ตำบลเขากิสานแล้วรีบเข้าไปหา ขงเบ้ง คุกเข่า  รายงานสารภาพผิดที่ไม่สามารถคุ้มกันกองเสบียงให้ปลอดภัย ถูกทหารสุมาอี้ตีชิงโคกลไปได้ถึงห้าตัว.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘