ตอนที่ 561. ร่องรอยจากการตัดต้นไผ่

พระเจ้าโจยอยทราบว่าขงเบ้งยกกองทัพบุกวุยก๊ก  จึงโปรดเกล้าตั้งสุมาอี้เป็นแม่ทัพยกมาตั้งรับกองทัพของขงเบ้งอยู่ที่ริมแม่น้ำอุยโห และให้กองทัพหน้ายกข้าม แม่น้ำไปตั้งสกัดอยู่อีกสองค่าย พอตั้งค่ายเสร็จโกฉุยและซุนเล้เข้าไปเสนอแก่สุมาอี้ให้คิดอ่านป้องกันตำบลหลงเสมิให้ขงเบ้งยึดเป็นกำลังได้

            สุมาอี้ได้ฟังแผนการของโกฉุยจึงว่า ความคิดท่านลึกซึ้งรอบคอบนัก เราเองก็ลืมนึกว่าเมืองหลงเสและหัวเมืองข้างเคียงมีความสำคัญยิ่งนัก หากขงเบ้งยึดได้หัวเมืองหลงเส ทั้งปวงแล้วก็จะระดมไพร่พลเสริมกำลังกองทัพเข้มแข็งขึ้น ทั้งจะได้เสบียงอาหารเป็นอันมากอีกเล่า จึงให้ท่านทั้งสองยกทหารไปตั้งค่ายสกัดกองทัพขงเบ้งไว้ที่ตำบลปักหงวน ปากทางเมืองหลงเส อย่าให้ขงเบ้งยกไปทำอันตรายได้

            โกฉุยและซุนเล้รับคำสั่งสุมาอี้แล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร แล้วยกไปเมือง หลงเสตั้งแต่วันนั้น

            วันหนึ่งหน่วยสอดแนมได้นำความเข้าไปรายงานแก่ขงเบ้งว่า สุมาอี้ได้ใช้โกฉุยและซุนเล้ให้ยกทหารไปตั้งค่ายสกัดอยู่ที่ตำบลปักหงวนปากทางเมืองหลงเสแล้ว

            ค่ำวันนั้นขงเบ้งได้เรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้ามาพร้อมกัน แล้วปรารภว่าสุมาอี้ตั้งกองทัพอยู่ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำอุยโห ให้กองทัพหน้ายกมาตั้งอยู่ที่ฟากตะวันตก แต่ให้ทำสะพานข้ามแม่น้ำถึงกันได้เป็นหลายตำบล และยังยกทหารไป   ป้องกันเมืองหลงเสอีกเล่า สุมาอี้ทำการทั้งนี้เพื่อหวังจะตั้งรับ รอให้กองทัพเราสิ้นเสบียงอาหารลงแล้วจะต้องเลิกทัพกลับไปเอง และหากตั้งยันกันเช่นนี้สืบไปก็จะเป็นไปตามยุทธวิธีที่สุมาอี้ต้องการ จำจะคิดกลอุบายให้สุมาอี้ยกมารบพุ่งกับเราจงได้

            ขงเบ้งได้กล่าวสืบไปว่า กองทัพของเราตั้งค่ายอยู่ทางด้านเหนือน้ำ กองทัพสุมาอี้ตั้งอยู่ทางปลายน้ำ “เราจะให้ทำแพสักร้อยเศษ ขนเอาหญ้าฟางทำเชื้อเพลิงไว้หลังแพทั้งสิ้น จะเกณฑ์ทหารห้าพันซึ่งมีฝีมือชำนาญการเรือแพลงเตรียมไว้ แต่งทหารยกตามไปตีค่ายปักหงวน แลกองทัพเราจะเข้าตีค่ายหน้าซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำนั้นให้พร้อมกัน ฝ่าย  สุมาอี้ก็จะเป็นกังวลหน้าหลัง แล้วเราจึงให้วางแพลอยลงไป ถึงสะพานเข้าเมื่อใดจึงให้ทหารจุดเชื้อเพลิงขึ้น สะพานทั้งนั้นก็จะทำลายลงสิ้น ถึงจะให้ทหารหนุนเพิ่มเติมไปช่วยกันก็เห็นจะไม่ทัน แม้สุมาอี้เสียทีดังนี้ เห็นการเราจะสำเร็จเป็นมั่นคง”

            แผนการยุทธ์ของขงเบ้งในครั้งนี้ได้กำหนดขึ้นเป็นสามกระบวน กระบวนแรกทำหน้าที่ยกไปตีกองทัพของสุมาอี้ที่ยกไปตั้งขัดตาทัพอยู่ที่ตำบลปักหงวนปากทางเมืองหลงเส กระบวนที่สองทำหน้าที่ยกเข้าตีกองทัพหน้าของสุมาอี้ ซึ่งแฮหัวป๋าและแฮหัวฮุยยกมาตั้งค่ายสองค่ายอยู่ทางฝั่งแม่น้ำฟากตะวันตก กระบวนที่สามเป็นกระบวนแพ ทำหน้าที่ล่องแพเผาสะพานลอยข้ามแม่น้ำอุยโหทุกตำบลที่กองทัพสุมาอี้สร้างเชื่อมกองทัพหน้าและกองทัพหลวงเพื่อให้ช่วยเหลือถึงกันได้ แต่จะยกเข้าทำการเมื่อกระบวนที่หนึ่งและกระบวนที่สองเข้าตีกองทัพของสุมาอี้แล้วฉวยโอกาสที่กองทัพสุมาอี้สาละวนห่วงหน้าพะวงหลังยกเข้าทำการเผาสะพานลอยทุกตำบลเสีย เมื่อตัดกองทัพหน้าและกองทัพหลวงให้ขาดจากกันแล้ว กองทัพหน้าซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำเดียวกับขงเบ้งก็จะต้องแตกพ่ายไป จากนั้นจึงยกเข้าตีกองทัพหลวงต่อไป

            แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังแผนการรบดังนั้นก็พากันสรรเสริญสติปัญญาของขงเบ้งเป็นอันมาก ขงเบ้งจึงสั่งให้จัดทหารหมื่นคนตัดไม้ไผ่จากป่ามาทำแพ เอาหญ้าฟาง ดินประสิวสุพรรณถันเตรียมการไว้ให้พร้อม และกำชับว่าให้กระทำเป็นการลับ อย่าให้สุมาอี้ล่วงรู้แผนการได้

            ฝ่ายหน่วยสอดแนมของสุมาอี้เห็นทหารขงเบ้งเข้าป่าตัดไม้ไผ่เป็นจำนวนมาก จึงนำความเข้าไปรายงานให้สุมาอี้ทราบ พลันที่ทราบข่าวสุมาอี้ก็ตกใจ นั่งครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ จึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงเข้ามาพร้อมกัน แล้วปรารภความซึ่งทหารขงเบ้งตัดไม้ไผ่ดังกล่าว

            สุมาอี้เห็นแม่ทัพนายกองทั้งปวงนิ่งฟังอย่างตั้งใจ แต่มีท่าทีงุนงงสงสัย ไม่รู้ว่าทหารขงเบ้งตัดไม้ไผ่เพื่อทำการอันใด สุมาอี้จึงกล่าวสืบไปว่าบุญวุยก๊กเรายังมากอยู่ ทหารขงเบ้งเผลอเรอตัดไม้ไผ่เป็นการเอิกเกริกจึงเผยร่องรอยแผนการยุทธ์ให้เรารู้ หาไม่แล้วกองทัพเราก็จะพากันเป็นอันตรายสิ้น การทั้งนี้ “ขงเบ้งคิดกลศึกจะให้เป็นกังวลหน้าหลัง แล้วก็จะลอยแพมาทำลายสะพานเราเสีย จำจะคิดป้องกันมิให้กองทัพเราเป็นอันตรายได้”

            กล่าวแล้วสุมาอี้จึงสั่งให้ม้าเร็วรีบเดินทางไปแจ้งแก่โกฉุยและซุนเล้ ซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่ปากทางเมืองหลงเสว่า ขงเบ้งจะยกกองทัพไปตีแต่อย่าได้หวั่นไหว ให้ระมัดระวังรักษาค่ายและสอดแนมให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ ให้ซุนเล้และโกฉุยแบ่งทหารเป็นสองกอง กองหนึ่งทำหน้าที่รักษาค่าย อีกกองหนึ่งให้โกฉุยและซุนเล้คุมทหารยกไปซุ่มอยู่ในป่าสองข้างทางที่จะยกไปตำบลหลงเส ถ้ากองทัพขงเบ้งยกมาก็ให้ยกเข้าโจมตี ส่วนสุมาอี้จะยกทหารหนุนตามไปช่วยตีกระหนาบ

            จากนั้นสุมาอี้จึงเรียกแฮหัวป๋าและแฮหัวฮุยมาสั่งว่า ถ้าได้ยินเสียงรบพุ่ง รู้ว่ามีการ สู้รบกันที่ตำบลปักหงวนเมื่อใดแล้ว ให้แฮหัวป๋าและแฮหัวฮุยยกทหารออกไปตั้งซุ่มอยู่นอกค่ายด้านทิศใต้ ถ้าขงเบ้งยกทหารมาปล้นค่ายก็ให้ยกทหารที่ซุ่มไว้เข้าตีอย่าให้ทันตั้งตัว

            แฮหัวป๋าและแฮหัวฮุยรับคำสั่งสุมาอี้แล้วจึงข้ามฟากไปจัดแจงทหารเตรียมการไว้ตามคำสั่ง

            พอแฮหัวป๋าและแฮหัวฮุยกลับออกไปแล้ว สุมาอี้จึงสั่งเตียวฮองและงักหลิมให้คุมพลเกาทัณฑ์สองกอง กองละพันคน ยกลงไปซุ่มอยู่ที่ริมแม่น้ำอุยโหก่อนจะถึงสะพานลอยข้ามแม่น้ำ สั่งว่าถ้าเห็นแพของทหารขงเบ้งลอยมาก็ให้ระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ อย่าให้ทันจุดเพลิงเผาทำลายสะพานได้

            ครั้นเตียวฮองและงักหลิมคำนับกลับออกไปแล้ว สุมาอี้จึงเรียกสุมาสูและสุมาเจียวซึ่งเป็นบุตรทั้งสองคนเข้ามามอบหมายให้ทำหน้าที่รักษาค่ายหลวง ตัวสุมาอี้จะคุมทหารยกหนุนไปช่วยโกฉุยและซุนเล้ที่ตำบลปักหงวน แล้วสั่งสุมาสูและสุมาเจียวว่าถ้าขงเบ้งยกทหารมาปล้นค่ายกองทัพหน้า ก็ให้ยกทหารข้ามสะพานลอยหนุนไปช่วยกองทัพหน้าตีกระหนาบกองทัพขงเบ้งเข้าไปพร้อมกัน เห็นจะได้ชัยชนะ

            สุมาอี้สั่งจัดกระบวนรบถึงห้ากระบวน กระบวนหนึ่งทำหน้าที่ดักซุ่มกองทัพขงเบ้งอยู่ที่ข้างทางก่อนจะถึงตำบลปักหงวน กระบวนที่สองให้กองทัพหน้าทำหน้าที่ซุ่มตีกองทัพขงเบ้งซึ่งจะยกมาปล้นค่ายกองทัพหน้า กระบวนที่สามเป็นพลเกาทัณฑ์ทำหน้าที่ซุ่มยิงทหารขงเบ้งซึ่งคุมแพลอยมาเผาสะพาน กระบวนที่สี่รักษาค่ายหลวงคอยช่วยเหลือกองทัพหน้า และกระบวนที่ห้าสุมาอี้คุมด้วยตนเองยกหนุนไปช่วยโกฉุยและซุนเล้

            ครั้นสั่งการเสร็จสิ้นแล้ว ค่ำลงสุมาอี้จึงคุมทหารลอบยกออกทางด้านหลังค่ายกองทัพหลวง เดินทัพทางลัดยกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าใกล้กับตำบลปักหงวน

            ฝ่ายขงเบ้ง ครั้นรุ่งขึ้นจึงสั่งให้อุยเอี๋ยนและม้าต้ายคุมทหารกระบวนแรกยกไปตีค่ายของวุยก๊กที่ตำบลปักหงวน ให้งออี้และงอปั้นคุมทหารกระบวนที่สองคุมแพซึ่งเตรียมพร้อมที่จะยกไปเผาสะพานลอย ให้อองเป๋ง เตียวหงี เกียงอุย ม้าตง เลียวฮัวและเตียวเอ๊กคุมทหารเป็นกระบวนที่สาม ยกเป็นสามกองทำหน้าที่เข้าตีค่ายกองทัพหน้าของสุมาอี้ กำหนดเวลาพลบค่ำให้ทุกกระบวนรบเข้าโจมตีข้าศึกพร้อมกัน

            ยุทธการครั้งนี้สุมาอี้เพียงเห็นร่องรอยจากการตัดไม้ไผ่ของทหารขงเบ้ง ก็คาดการณ์แผนการรบของขงเบ้งได้อย่างถูกต้อง และเตรียมการรับมืออย่างละเอียดถี่ถ้วน ในขณะที่ขงเบ้งคาดไม่ถึงว่าแผนยุทธการซึ่งเป็นความลับนั้น ได้เผยร่องรอยให้สุมาอี้ล่วงรู้แล้ว กองทัพของขงเบ้งในยุทธการครั้งนี้จึงประดุจดังฝูงเนื้อวิ่งเข้าปากเสือฉะนั้น

            ครั้นเวลาพลบค่ำอุยเอี๋ยนและม้าต้ายได้ยกทหารข้ามแม่น้ำและเคลื่อนไปใกล้ปากทางตำบลปักหงวน เห็นค่ายของโกฉุยและซุนเล้เงียบสงัดอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจ อุยเอี๋ยนจึงสั่งทหารไม่ให้เข้าไปในค่าย และเตรียมการที่จะสั่งให้ล่าถอยด้วยเกรงว่าจะต้องกลข้าศึก

            ยังไม่ทันที่อุยเอี๋ยนจะออกคำสั่งถอยทัพ ก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องดังกึกก้องออกมาจากป่าสองข้างทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ข้างหน้าเป็นโกฉุยและซุนเล้คุมทหารจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่ด้านหลังนั้นสุมาอี้ก็ยกทหารจู่โจมตีกระหนาบเข้าไป

            กองทัพของวุยก๊กตีกระหนาบหน้าหลังฆ่าฟันทหารของอุยเอี๋ยนและม้าต้าย บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบพาทหารที่เหลือตีฝ่าหนีกลับไปทางด้านเหนือน้ำจะกลับไปยังค่ายหลวง พบกับงออี้กำลังเตรียมการจะล่องแพลงไปเผาสะพานลอยข้ามแม่น้ำ

            งออี้เห็นดังนั้นจึงสั่งให้เอาแพรับอุยเอี๋ยน ม้าต้ายและทหารข้ามฟากมายังแม่น้ำด้านตะวันตก ในขณะนั้นงอปั้นได้คุมแพกองหน้าลอยเข้าไปใกล้สะพานลอย ทันใดนั้นทหารของสุมาอี้ก็ได้ระดมยิงเกาทัณฑ์มาที่ขบวนแพดุจห่าฝน งอปั้นถูกเกาทัณฑ์ดอกหนึ่งที่ซอกคอถึงแก่ความตาย ทหารของงอปั้นถูกระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ บ้างก็กระโดดน้ำหนีถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก

            ทหารที่ควบคุมแพของจ๊กก๊กถูกระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ก็ไม่เป็นอันควบคุมแพ กระแสน้ำจึงพัดพาแพเข้าไปติดตลิ่ง เตียวฮองและงักหลิมเห็นได้ทีจึงคุมทหารฆ่าฟันและจับกุมตัวทหารของงอปั้นได้เป็นจำนวนมาก

            ฝ่ายอองเป๋ง เตียวหงี เกียงอุย ม้าตง เลียวฮัว และเตียวเอ๊กคุมทหารจะยกไปปล้นค่ายกองทัพหน้าของวุยก๊ก รอฟังสัญญาณการสู้รบทางด้านตำบลปักหงวนตามคำสั่งของขงเบ้ง จนถึงเวลาต้นยามสองก็ไม่ได้ยินเสียงสู้รบ จึงปรึกษากันว่าจะถอยทัพกลับไปค่ายหรือจะยกเข้าตีประการใด ด้วยการมิได้เป็นไปตามแผนการ

            ในขณะที่กำลังปรึกษากันอยู่นั้น ม้าเร็วได้เข้ามารายงานว่า กองทัพซึ่งยกไปตีตำบลปักหงวนและที่คุมขบวนแพไปเผาสะพานลอยนั้นเสียทีแก่ข้าศึกแล้ว บัดนี้ขงเบ้งสั่งให้พวกท่านยกกองทัพกลับไปกองทัพหลวง

            นายทหารทั้งหกคนทราบความดังนั้นก็ตกใจ พากันถอยทัพจะกลับไปค่ายหลวง ในทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทหารวุยก๊กโห่ร้องดังมาจากทุกทิศทาง แล้วจุดเพลิงสว่างไสวทั้งสี่ทิศ สุมาสู สุมาเจียว แฮหัวป๋า และแฮหัวฮุย ได้คุมทหารยกตีกระหนาบเข้ามาพร้อมกันทั้งสี่ทิศทาง ทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันเป็นสามารถ แต่กองทัพจ๊กก๊กถูกตีกระหนาบโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวจึงพากันแตกตื่นตกใจ ถูกทหารวุยก๊กฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงถึงครึ่งหนึ่ง

            เนื่องเพราะนายทหารจ๊กก๊กทั้งหกคนล้วนมีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ จึงนำทหารที่เหลือตีฝ่าหนีกลับไปหาขงเบ้งได้ และเข้าไปรายงานความให้ขงเบ้งทราบทุกประการ

            ขงเบ้งทราบว่าทหารทุกกระบวนที่ยกออกไปทำศึกกับวุยก๊กล้วนแตกพ่ายเสียที ก็รู้ว่าสุมาอี้อ่านแผนการยุทธการได้กระจ่าง แล้วคิดการตอบโต้จนต้องเสียทียับเยินดังนี้ขงเบ้งจึงรู้สึกละอายใจ และร้อนใจเป็นอันมาก

            ในขณะที่ขงเบ้งกำลังเป็นทุกข์ใจว่าจะคิดอ่านแผนการแก้มือสุมาอี้ประการใดนั้น บิฮุยขุนนางผู้ใหญ่ก็เดินทางจากเมืองเสฉวนมาตรวจราชการกองทัพ และได้เข้าไปหาขงเบ้ง ต่างคนต่างคำนับกันตามธรรมเนียม บิฮุยไต่ถามสภาพการณ์ต่าง ๆ แล้วจะขอลาขงเบ้ง กลับไปเมืองเสฉวน

            ขงเบ้งจึงว่า การปราบปรามวุยก๊กนั้นเป็นภาระร่วมกันระหว่างจ๊กก๊กกับง่อก๊ก เมื่อครั้งก่อนพระเจ้าซุนกวนมีพระราชสาส์นขอให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนยกกองทัพไปตีวุยก๊ก แล้วพระเจ้าซุนกวนก็จะยกกองทัพตีขึ้นมาจากทางใต้ แต่การครั้งนั้นยังไม่สำเร็จ บัดนี้กองทัพเราได้ยกมาทำศึกกับวุยก๊กอีกครั้งหนึ่ง ชอบที่พระเจ้าซุนกวนจะยกกองทัพรุกเข้าตีเมืองลกเอี๋ยงจากทางด้านใต้ ดังนั้นจึงขอไหว้วานให้ท่านถือหนังสือของข้าพเจ้าไปถวายพระเจ้าซุนกวน เมื่อสองก๊กร่วมมือกันดังนี้แล้ว แผ่นดินก็จะสงบสุขสืบไป

            บิฮุยได้ยินดังนั้นก็รับคำ ขงเบ้งจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งปิดผนึกแล้วมอบให้แก่บิฮุย เอาไปทูลเกล้าถวายพระเจ้าซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง

            ฝ่ายพระเจ้าซุนกวนครั้นทราบว่าบิฮุยถือหนังสือของขงเบ้งมาถึงเมืองกังตั๋ง จึงตรัสสั่งให้เรียกประชุมขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งปวง และโปรดให้บิฮุยเข้าเฝ้าท่ามกลางมหาสมาคม

            บิฮุยถวายบังคมพระเจ้าซุนกวนตามประเพณีแล้ว จึงกราบทูลว่ามหาอุปราชจูกัดเหลียงได้สั่งให้ข้าพเจ้าถือหนังสือมาถวายพระองค์ กราบทูลแล้วจึงยื่นหนังสือให้ขันทีรับไปถวายพระเจ้าซุนกวน.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘