ตอนที่ 558. ใจคนย่อมไหลไปทางต่ำ

การถอยทัพครั้งที่ห้าของขงเบ้งในการบุกแดนวุยก๊กเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันความเสียหายจากการไล่ตามตี ขงเบ้งได้สั่งให้กองทัพที่ตำบลเขากิสานล่าทัพกลับไปก่อน ขงเบ้งจึงล่าถอยตาม แต่ไม่ใช่การล่าถอยเปล่า หากวางแผนซุ่มสังหารเตียวคับยอดทหารเสือของวุยก๊กไปพร้อมกันด้วย

            ทหารวุยก๊กซึ่งออคั่งกันอยู่ในหุบเขาด้วยความตกใจที่หลงเข้ามาในกลของข้าศึก ครั้นได้ยินคำขงเบ้งว่าจะปล่อยกลับไป ต่างพากันยินดี แล้วค่อย ๆ ทยอยถอยหลังกลับไปตามเส้นทางเดิม แล้วกลับไปที่กองทัพหลวง รายงานความทั้งปวงแก่สุมาอี้

            ฝ่ายสุมาอี้ครั้นทราบว่ากองทัพหน้าเสียที และเตียวคับถึงแก่ความตายก็ตกใจ คิดสงสารเตียวคับเป็นอันมาก รำพึงว่าซึ่งเตียวคับถึงแก่ความตายครั้งนี้เป็นเพราะเราใจอ่อนเอง รู้ทั้งรู้ว่าขงเบ้งนั้นมากด้วยกลอุบาย ยามจะล่าถอยทัพย่อมต้องวางกองกำลังซุ่มดักโจมตี ก็ยังเบาใจให้เตียวคับไปติดกับของขงเบ้งจนถึงแก่ความตาย

            สุมาอี้ตระหนักดีว่าซึ่งขงเบ้งฝากบอกมากับทหารว่าให้ระมัดระวังตัวให้จงดี จะคิดอ่านจับตัวสุมาอี้ให้ได้นั้น หาใช่เป็นเพียงคำขู่เพื่อให้เกรงกลัวไม่ หากย่อมเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของจ๊กก๊กที่ต้องการกำจัดตัวแม่ทัพให้ได้เสียก่อน การบุกวุยก๊กจึงจะประสบความสำเร็จ รำลึกดังนี้แล้วสุมาอี้ให้เกิดความรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นทั้งตัว เพราะรู้ตัวดีว่าตั้งแต่บัดนี้ไป เป้าหมายการสงครามของจ๊กก๊กคือการจับกุมตัวสุมาอี้ หรือสังหารตัวสุมาอี้เป็นเป้าหมายหลัก

            สุมาอี้คิดที่จะให้ทหารไปรับเอาศพของเตียวคับ แต่คิดเกรงว่าขงเบ้งย่อมรู้ดีว่าเตียวคับเป็นขุนพลคนสำคัญของวุยก๊ก เมื่อสิ้นชีวิตลงแล้ววุยก๊กย่อมยกทหารมาเก็บเอาศพไปจนได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ขงเบ้งย่อมซุ่มทหารไว้ดักโจมตีอีกระลอกหนึ่งเป็นมั่นคง หากให้ทหารไปเก็บเอาศพของเตียวคับก็อาจถูกขงเบ้งซุ่มโจมตีเสียหายอย่างยับเยินอีกครั้งหนึ่ง

            สุมาอี้คิดดังนั้นจึงตัดสินใจทิ้งศพเตียวคับพร้อมทหารห้าพันไว้ที่ซอกเขาตำบล บอกบุ๋น แล้วสั่งให้เลิกทัพยกกลับไปเมืองลกเอี๋ยง และเข้าไปเฝ้าพระเจ้าโจยอย กราบบังคมทูลความให้ทรงทราบทุกประการ

            พระเจ้าโจยอยทราบความว่าเตียวคับพลาดท่าเสียทีถึงแก่ชีวิตแล้วก็เศร้าโศกพระทัยเป็นอันมาก ตรัสกับขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า “เตียวคับนี้เป็นทหารเอกแต่ครั้งพระอัยกา แลบิดาจนมาถึงเรา บัดนี้มาถึงแก่ความตายในท่ามกลางศึก สมควรเป็นชาติทหาร”

            บรรดาขุนนางทั้งปวงได้ทราบความดังนั้นต่างพากันกราบทูลพระเจ้าโจยอยว่า ซึ่งสุมาอี้ทิ้งศพเตียวคับไว้ ไม่เอากลับมาเมืองลกเอี๋ยงเป็นการไม่ชอบ ทำให้ทหารจ๊กก๊กหมิ่นประมาทแก่เราเป็นอันมาก และบัดนี้เวลาเนิ่นนาน เห็นขงเบ้งจะเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋งแล้ว ชอบที่จะให้ทหารไปรับเอาศพเตียวคับกลับมาทำพิธีฝังตามอย่างธรรมเนียมขุนนางชั้นผู้ใหญ่

            สุมาอี้ได้ยินคำขุนนางกราบทูลพระเจ้าโจยอยดังนั้นก็รู้สึกอัปยศอดสู ได้แต่ก้มหน้านิ่ง พระเจ้าโจยอยจึงตรัสสั่งให้จัดกองทหารออกไปรับศพเตียวคับ และศพของทหารอีกห้าพันกลับมาทำพิธีการศพที่เมืองลกเอี๋ยงอย่างสมเกียรติ แล้วนำไปฝังไว้ที่สุสานวีรชนในเมืองลกเอี๋ยง

            ฝ่ายขงเบ้ง ครั้นคิดกลอุบายได้รับชัยชนะต่อกองทัพหน้าของสุมาอี้อย่างงดงามแล้ว ก็สั่งให้ถอยทัพ บรรดานายทหารหลายคนได้เสนอขงเบ้งว่า ซึ่งศพเตียวคับและทหารยังค้างคาอยู่ที่ตำบลบอกบุ๋นนั้น เห็นทีสุมาอี้จะยกทหารมาเก็บเอาศพกลับไปเมือง ชอบที่มหาอุปราชจะจัดทหารไว้ซุ่มดักโจมตี เห็นจะได้ชัยชนะอย่างงดงาม

            ขงเบ้งจึงว่า สุมาอี้ชำนาญการสงคราม ย่อมคาดหมายได้เช่นเดียวกันว่าเราจะตั้งกองทหารไว้ซุ่มโจมตี เห็นว่าสุมาอี้จะยอมทิ้งศพของเตียวคับและทหารไว้ ฉะนั้นหากเราสั่งให้ทหารยกไปซุ่มก็จะยากลำบากแก่ไพร่พลโดยเปล่าประโยชน์

            กล่าวแล้วขงเบ้งจึงสั่งให้เลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง

            ฝ่ายลิเงียมซึ่งมาตั้งกองเกณฑ์เสบียงอาหารอยู่ที่เมืองฮันต๋งนั้น หลังจากมีหนังสือไปยังขงเบ้งแล้วก็ยังเกณฑ์เสบียงได้ไม่ครบจำนวน แต่ละวันสาละวนอยู่กับการพบปะพ่อค้า วานิช มิได้คิดคำนึงว่าซึ่งได้ให้หนังสือไปถึงขงเบ้งเพียงเพื่อหวังจะผัดผ่อนเวลาที่ลำเลียงเสบียงอาหารล่าช้าจะกลับกลายเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดทำให้กองทัพของขงเบ้งต้องยกกลับ ครั้นได้ทราบข่าวว่าขงเบ้งกำลังยกกองทัพกลับมาเมืองฮันต๋งก็ตกใจ

            ลิเงียมคิดทบทวนเรื่องราวก็รู้ว่าซึ่งขงเบ้งยกทัพกลับคืนเมืองฮันต๋งทั้งนี้ย่อมมีมาแต่เหตุจากจดหมายซึ่งให้ไปถึงขงเบ้งว่าซุนกวนคบคิดกับโจยอยจะยกมาตีเมืองเสฉวนก็ตกใจ เกรงว่าความผิดจะตกมาถึงตัว คิดดังนั้นแล้วลิเงียมจึงรีบเดินทางกลับเข้าไปเมืองเสฉวน

            ลิเงียมทำผิดแล้วมิได้สำนึกผิด กลับคิดป้ายผิดให้กับขงเบ้งเพื่อให้ตัวพ้นจากความผิดต่อไปอีก ลิเงียมบัดนี้จึงกลายเป็นคนพาลสันดานชั่วไปแล้ว ผิดกับลิเงียมคนก่อนซึ่งทำราชการกับพระเจ้าเล่าปี่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดี มีวิริยะอุตสาหะเป็นล้นพ้น ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดแต่การเสพสุขโดยไม่รู้จักประมาณ จึงทำให้คุณธรรมในใจไหลลงในทางต่ำ กลายเป็นคนเลวทรามดังนี้

            ครั้นกลับไปถึงเมืองเสฉวนแล้วลิเงียมจึงรีบเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเล่าเสี้ยน กราบบังคมทูลว่าข้าพระองค์สู้ยากลำบากออกไปเกณฑ์เสบียงอาหารพร้อมที่จะลำเลียงส่งให้แก่กองทัพแล้ว แต่ขงเบ้งนี้มิได้เอาใจใส่ในราชการ จู่ ๆ ก็ยกกองทัพกลับมาโดยมิได้รับพระบรมราชานุญาต

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังคำกราบบังคมทูลของลิเงียมก็ทรงฉงนพระทัย เพราะความซึ่งลิเงียมกราบบังคมทูลนั้นมิใช่วิสัยของขงเบ้ง จึงตรัสสั่งให้บิฮุยรีบเดินทางไปเมืองฮันต๋ง ให้ไปถามขงเบ้งว่าซึ่งเลิกทัพกลับมาครั้งนี้เพราะเหตุผลต้นปลายประการใด

            บิฮุยเดินทางไปถึงเมืองฮันต๋งก็เข้าไปหาขงเบ้ง แล้วแจ้งความตามรับสั่งของพระเจ้าเล่าเสี้ยนแก่ขงเบ้งทุกประการ

            ขงเบ้งทราบความก็โกรธลิเงียม กล่าวว่า “ตัวเราทำการสงครามอยู่ พอลิเงียมมีหนังสือไปว่าซุนกวนจะยกไปตีเมืองเสฉวน เราตกใจด้วยเป็นกังวลหลัง จึงยกกองทัพกลับมาหวังจะป้องกันเมืองไว้”

            บิฮุยจึงว่า ลิเงียมอ้างว่าได้เตรียมเสบียงอาหารไว้พร้อมแล้วแต่ท่านไม่ใส่ใจในราชการจึงยกกองทัพกลับมา

            ขงเบ้งจึงว่า ลิเงียมจัดส่งเสบียงล่าช้ากว่ากำหนด จนกองทัพต้องแสวงหาเสบียงอาหารจากแนวหน้าด้วยความยากลำบาก สิยังมีหน้ามาอ้างว่าจัดเตรียมเสบียงอาหารไว้พร้อมอีกเล่า

            กล่าวแล้วขงเบ้งจึงสั่งให้ทหารออกไปตรวจสอบคลังเสบียงและกองลำเลียงเสบียง ต่อมาทหารนั้นได้กลับมารายงานว่า เสบียงอาหารในคลังและที่จัดเตรียมไว้ยังไม่ครบจำนวนที่กำหนด ลิเงียม เกรงความผิดจึงคิดอ่านมีหนังสือไปลวงท่าน

            ขงเบ้งได้ทราบความดังนั้นก็ยิ่งโกรธ สั่งทหารให้รีบเดินทางไปเมืองเสฉวน จับตัวลิเงียมกลับมาเมืองฮันต๋งเพื่อไต่สวนความผิด

            ครั้นทหารควบคุมตัวลิเงียมมาถึงเมืองฮันต๋งแล้ว จึงคุมตัวลิเงียมเข้าไปหาขงเบ้ง ลิเงียมในยามถูกควบคุมตัวบัดนี้เริ่มสำนึกผิดว่าคิดแต่เอาตัวรอด จึงทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ จนทำให้ราชการของกองทัพต้องเสียหาย ดังนั้นพอพบหน้าขงเบ้งจึงคุกเข่าคำนับสารภาพผิด และร้องขอให้ขงเบ้งไว้ชีวิต

            ขงเบ้งจึงว่า ท่านกับเรารับราชการมาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ แต่ระยะหลังนี้ท่านเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใส่ใจในราชการ คบแต่พวกพาลสันดานหยาบ ปรารถนาแต่ลาภยศและอามิสมิรู้จักอิ่ม ราชการของพระเจ้าอยู่หัวจึงเสียไป ตัวท่านเป็นขุนนางมาแต่ก่อน รู้ดีว่าราชการกองทัพเป็นเรื่องความเป็นความตายของบ้านเมืองจะดูเบามิได้ คราก่อนกิอั๋นขุนนางในบังคับของท่านทรยศต่อแผ่นดินเข้าด้วยข้าศึก ทำให้เสียราชการมาครั้งหนึ่งแล้ว ควรที่ท่านจะตระหนักในผิดถูกชั่วดี แต่ตัวท่านกลับทำผิดเสียเอง การอันร้ายแรงครั้งนี้หากจะไม่ลงโทษท่านตามพระอัยการศึกก็จะเสียขวัญกำลังใจของทหารทั้งปวง

            กล่าวแล้วขงเบ้งจึงออกคำสั่งให้ทหารเอาตัวลิเงียมไปตัดศีรษะ แล้วเสียบประจานมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั้งปวงสืบไป

            บิฮุยได้ยินคำสั่งขงเบ้งดังนั้นก็ตกใจ ยกมือขึ้นห้ามทหารซึ่งกำลังจะคุมตัวลิเงียมออกไปให้หยุดไว้ก่อน พลางคุกเข่าลงคำนับขงเบ้งแล้วกล่าวว่า โทษลิเงียมครั้งนี้ถึงตายแล้ว ซึ่งมหาอุปราชจะลงโทษประหารชีวิตก็ชอบอยู่ แต่ลิเงียมนี้เคยทำคุณงามความดีมาแต่ก่อน “แต่ท่านจงคิดถึงพระเจ้าเล่าปี่ ซึ่งได้ฝากลิเงียมแลราชการไว้แก่ท่าน”

            ขงเบ้งได้ยินคำบิฮุยยกเอาพระบารมีของพระเจ้าเล่าปี่ขึ้นอ้าง น้ำใจก็ประหวัดไปถึงความแต่หนหลังครั้งที่ลิเงียมตั้งหน้าทำราชการกับพระเจ้าเล่าปี่ด้วยดีมาด้วยกัน ยามที่พระเจ้าเล่าปี่ทรงพระประชวรหนักใกล้สิ้นพระชนม์ก็คิดถึงคุณของลิเงียม จึงออกปากฝากฝังลิเงียมและการแผ่นดินทั้งสิ้นไว้กับขงเบ้ง ขงเบ้งรำลึกถึงพระเจ้าเล่าปี่ดังนั้นแล้วน้ำตาก็ไหลพรากอาบแก้ม และนิ่งอึ้งอยู่เป็นครู่ใหญ่

            หลังจากนั้นขงเบ้งจึงกล่าวกับลิเงียมว่าซึ่งข้าพเจ้ามีคำสั่งลงโทษท่านนั้นใช่จะเป็นด้วยน้ำใจชังแม้แต่น้อยหนึ่ง แต่จำต้องรักษาพระอัยการศึกให้เป็นแบบอย่างธรรมเนียมแก่ทหารไว้ เดชะบุญที่พระเจ้าเล่าปี่ก่อนสิ้นพระชนม์ได้ฝากฝังท่านไว้กับเรา เทียบเท่ากับพระบรมราชโองการยกโทษตายให้ไว้ล่วงหน้า ดังนั้นจึงลดโทษท่านเป็นถอดออกจากทุกตำแหน่งในราชการ และให้เนรเทศไปอยู่ที่ภูมิลำเนาเดิม และจะเอาบุตรของท่านทำราชการในหน้าที่แทนท่าน ท่านจะเห็นเป็นประการใด

            ลิเงียมได้ยินดังนั้นจึงคำนับขอบคุณขงเบ้ง เอามือตบหน้าตัวเองสองสามครั้ง ร่ำไห้แล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้าสำนึกผิดว่าทำการของเจ้าให้เสียไป ซึ่งมหาอุปราชมีใจกรุณาลงโทษดังนี้ ข้าพเจ้าเต็มใจรับโทษทุกประการ

            ขงเบ้งได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้บิฮุยและลิเงียมกลับเข้าไปเมืองเสฉวน ให้ไปกราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนตามที่ขงเบ้งได้ตัดสินโทษ

            บิฮุยพาลิเงียมเข้าไปถึงเมืองเสฉวนแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเล่าเสี้ยน กราบบังคมทูลตามที่ขงเบ้งได้บอกมานั้นทุกประการ

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังคำกราบบังคมทูลก็ทรงพระโกรธลิเงียมเป็นอันมาก ตรัสสั่งให้เอาตัวลิเงียมไปประหารชีวิต

            บิฮุยได้ยินรับสั่งก็คุกเข่าถวายบังคม แล้วกราบบังคมทูลความซึ่งได้ทักท้วงและตอบโต้กับขงเบ้งให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนทราบ และกราบบังคมทูลต่อไปว่าความผิดของลิเงียมครั้งนี้มหาอุปราชได้ตัดสินลงโทษตามพระอัยการศึกแล้ว ขอพระองค์ได้ไตร่ตรองอีกครั้งหนึ่ง

            พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังคำท้วงก็ได้พระสติ จึงตรัสสั่งให้ถอดยศและปลดลิเงียมออกจากตำแหน่ง เนรเทศให้กลับไปอยู่ภูมิลำเนาเดิมตามคำตัดสินของขงเบ้ง และโปรดให้ตั้งลิหลวงบุตรของลิเงียมเป็นขุนนางแทนตำแหน่งของลิเงียมตั้งแต่บัดนั้น

            ฝ่ายขงเบ้งหลังจากยกกองทัพกลับมาตั้งอยู่ที่เมืองฮันต๋งแล้ว ก็ปรารภว่าเราได้ยกกองทัพบุกเข้าแดนวุยก๊กถึงห้าครั้ง การก็ยังไม่สำเร็จดังปรารถนา แต่สูญเสียทแกล้วทหารและเสบียงเป็นอันมาก ดังนั้นจำจะตระเตรียมซ่องสุมผู้คนและเสบียงอาหารอีกสามปีให้พรักพร้อมก่อนแล้วจึงค่อยยกไปตีวุยก๊กอีกครั้งหนึ่ง

            ขงเบ้งรำลึกต่อไปว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นกษัตริย์หนุ่มอ่อนแก่ความนัก ผิดกับพระเจ้าเล่าปี่และมิได้มีอุดมการณ์ที่จะกอบกู้บ้านเมืองฟื้นฟูพระราชวงศ์ฮั่น มักเสพสุขและทรงพระเกษมสำราญกับเหล่าขันที และคนพาลหยาบช้า ถ้าหากตัวเราเข้าไปอยู่ที่เมืองเสฉวนเห็นพฤติกรรมที่ผิดธรรมเนียมประเพณีก็จะอดใจไว้ไม่ได้ จำทัดทานขัดขวางก็จะไม่ต้องพระทัย เห็นจะผิดใจกัน ไม่พระเจ้าเล่าเสี้ยนคิดทำร้ายเรา เราก็อาจต้องถือรับสั่งของพระเจ้าเล่าปี่สังหารพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสียซึ่งไม่สมควรทั้งสองทาง กระนั้นเลยจำจะคุมทหารตั้งซ่องสุมผู้คนและเสบียงไว้ที่เมืองฮันต๋งจะควรยิ่งกว่า

            ขงเบ้งคิดดังนั้นแล้วจึงตั้งมั่นอยู่ที่เมืองฮันต๋ง ฝึกปรือไพร่พล ซ่องสุมผู้คนและเสบียงอาหาร กำหนดครบสามปีแล้วจะยกกองทัพบุกวุยก๊กอีกครั้งหนึ่ง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘