ตอนที่ 556. เหตุผลของคนโง่

ขงเบ้งใช้มนต์มายาและอุบายหลอกกองทัพสุมาอี้ให้ล่าถอยออกไปจากผาไม้ดำ และให้ทหารอีกกองหนึ่งเก็บเกี่ยวข้าวสาลีเข้าไปนวดในเมืองโลเสีย สุมาอี้จึงเตรียมการที่จะยกกองทัพเข้าตีเมืองโลเสียเพื่อจะจับตัวขงเบ้ง และเตรียมการที่จะตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงจากเมืองเสฉวนซึ่งลำเลียงผ่านด่านเกี้ยมโก๊ะอีกทางหนึ่งด้วย

            ฝ่ายเจ้าเมืองเลียงจิ๋วและเมืองเลงจิ๋วครั้นได้ทราบหมายเกณฑ์ทหารของสุมาอี้แล้ว จึงให้ซุนเล้คุมทหารจากสองเมืองจำนวนยี่สิบหมื่นยกไปสมทบกับกองทัพของสุมาอี้ ครั้นซุนเล้คุมกองทัพไปถึงแล้วจึงเข้าไปรายงานความกับสุมาอี้

            สุมาอี้ได้กำลังทหารมาสมทบถึงยี่สิบหมื่นก็มีความยินดี จึงแบ่งทหารให้โกฉุยและซุนเล้ยกไปตีด่านเกี้ยมโก๊ะ เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารที่จะมาส่งกองทัพของขงเบ้ง ในขณะที่สุมาอี้คุมทหารที่เหลือทั้งหมดเตรียมจะยกเข้าตีเมืองโลเสีย

            ฝ่ายขงเบ้งตั้งมั่นอยู่ในเมืองโลเสีย คอยท่าให้ทหารนวดข้าวเสร็จแล้วจะยกไปที่ตำบลเขากิสาน และได้ให้ทหารเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการบุกโจมตีของสุมาอี้ ครั้นเห็นว่าหลายวันผ่านไปแล้วสุมาอี้ก็ยังคุมเชิงสงบนิ่งอยู่ ขงเบ้งจึงเรียกเกียงอุยและม้าต้ายเข้ามาหา แล้วปรารภว่าการที่สุมาอี้ตั้งมั่นไม่ยอมยกออกมารบพุ่ง เห็นจะรอคอยกองทัพหนุนมาจากหัวเมืองอื่นแล้วจึงยกมาตีอย่างหนึ่ง และเห็นจะจัดทหารยกไปตีด่าน เกี้ยมโก๊ะเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารอีกทางหนึ่ง การตั้งรับอยู่ที่เมืองโลเสียนี้เห็นจะไม่เพลี่ยงพล้ำแก่สุมาอี้ วิตกก็แต่ด่านเกี้ยมโก๊ะหากสุมาอี้ส่งทหารไปยึดได้แล้ว เสบียงอาหารก็จะขัดสน

            ปรารภดังนั้นแล้วขงเบ้งจึงสั่งเกียงอุยและม้าต้ายให้คุมทหารหนึ่งหมื่นรีบยกไปป้องกันด่านเกี้ยมโก๊ะ ให้เร่งยกไปทั้งกลางวันและกลางคืน ขัดตาทัพไว้มิให้กองทัพของสุมาอี้ยกไปตีด่านเกี้ยมโก๊ะได้ เกียงอุยและม้าต้ายรับคำสั่งแล้วออกไปจัดแจงทหารและยกไปแต่ในวันนั้น

            พอเกียงอุยและม้าต้ายออกไปแล้ว เอียวหงีได้เข้าไปรายงานกับขงเบ้งว่าซึ่งมหาอุปราชยกกองทัพบุกวุยก๊กครั้งนี้จะครบกำหนดร้อยวันแล้ว ถึงวันเวลาผลัดเปลี่ยนทหารจากเมืองฮันต๋งมาแทน แต่ได้รับรายงานว่าทหารที่จะมาผลัดเปลี่ยนเวรจากเมืองฮันต๋งนั้นยกมาถึงกลางทางแล้วแต่ไม่ทราบภูมิประเทศในแดนวุยก๊ก ขอให้มหาอุปราชส่งทหารไปรับ

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่า วันเวลาผ่านไปรวดเร็วนักจนเราเกือบจะลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป เมื่อครบกำหนดที่ทหารจะได้กลับบ้านก็ชอบที่จะรักษาคำสัตย์ จะให้ทหารที่ยกมาด้วยเรากลับไปก่อนเป็นกองแรก ให้ผู้นำทางไปกับกองแรกเพื่อส่งทหารที่ครบเวรกลับไปเมืองฮันต๋ง และรับเอาทหารจากเมืองฮันต๋งซึ่งยกมาแล้วไปที่ตำบลเขากิสาน เมื่อทหารที่ผลัดเปลี่ยนเวรมาถึงแล้วก็ให้ทหารที่ตำบลเขากิสานกลับไปเมืองฮันต๋ง

            แล้วขงเบ้งจึงสั่งให้เอียวหงีออกไปจัดแจงทหารเพื่อให้กองแรกกลับไปพักผ่อนที่เมืองฮันต๋งก่อน คงเหลือไว้เฉพาะกองลำเลียงข้าวโพดสาลีเท่านั้น ทหารเมืองเสฉวนพอคนทราบความว่าจะได้กลับไปบ้านต่างก็มีความยินดี พากันจัดแจงข้าวของเตรียมที่จะเดินทางกลับ

            วันรุ่งขึ้นยังไม่ทันที่ทหารซึ่งครบกำหนดเปลี่ยนเวรและจะได้กลับเมืองฮันต๋ง หน่วยสอดแนมก็ได้เข้ามารายงานความแก่ขงเบ้งว่า เมื่อเวลาวานนี้ซุนเล้ได้คุมทหารยี่สิบหมื่นยกมาช่วยสุมาอี้ สุมาอี้ได้ให้โกฉุยและซุนเล้แบ่งทหารยกไปตีด่านเกี้ยมโก๊ะ ตัวสุมาอี้เองกำลังจัดเตรียมทหารที่เหลือทั้งหมดจะยกมาตีเมืองโลเสียในวันพรุ่งนี้

            เอียวหงีได้ยินดังนั้นจึงกล่าวกับขงเบ้งว่า ซึ่งมหาอุปราชจะให้ทหารผลัดเวรกลับไปเมืองฮันต๋งก่อนนั้น ชอบที่จะรั้งตัวเอาไว้ก่อนเพื่อรับมือกับกองทัพของสุมาอี้

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่า เราได้อนุญาตเป็นสัญญาว่าจะให้ทหารกลับไปบ้านเมืองแล้ว หากจะผิดสัญญากลับคำเสีย ขวัญกำลังใจของทหารก็จะเสื่อมไป จะใช้ทำการสงครามเห็นขัดสน จำจะคิดกลอุบายให้ทหารเหล่านั้นเต็มใจรบพุ่งจะดีกว่า

            ขงเบ้งคิดดังนั้นแล้วจึงให้ออกประกาศไปยังทหารที่กำลังเตรียมตัวจะเดินทางกลับเมืองฮันต๋งว่า ถึงแม้กองทัพสุมาอี้จะยกมาตีเมืองโลเสีย แต่มหาอุปราชก็ยังยึดมั่นในคำสัญญาที่จะให้ทหารทั้งปวงได้กลับไปบ้านเมือง จึงให้ออกเดินทางกลับไปเมืองฮันต๋งตามกำหนด มหาอุปราชและทหารที่เหลืออยู่จะรับมือกับกองทัพของสุมาอี้เอง อย่าได้ห่วงใยเลย ถึงมาตรแม้นว่าจะเสียทีแก่สุมาอี้ก็จะมิให้เสียคำสัตย์ของผู้ถืออาญาสิทธิ์กองทัพเป็นอันขาด

            พอทหารทั้งปวงได้ทราบดังนั้นก็พากันสรรเสริญขงเบ้งว่ามหาอุปราชยึดมั่นในคำสัตย์และเอื้ออาทรต่อเหล่าทหาร แต่หากพวกเราพากันกลับไปเมือง มหาอุปราชเหลือทหารอยู่แต่น้อย อาจพลาดพลั้งเสียทีแก่สุมาอี้ พวกเราจะมีแก่ใจเดินทางกลับบ้านเมืองได้กระนั้นหรือ

            เพียงชั่วครู่เท่านั้นบรรดาทหารทั้งปวงก็ตกลงพร้อมใจกันว่า จะอยู่กับขงเบ้งเพื่อรับมือกับกองทัพสุมาอี้ก่อน ถึงแม้ขงเบ้งจะเร่งรัดให้เดินทางกลับไปเมืองฮันต๋งก็จะไม่ยอมกลับไป

            สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าบรรดาทหารทั้งปวงซึ่งถูกเร่งรัดให้เดินทางกลับเมืองฮันต๋ง ได้พากันเข้าไปแจ้งแก่ขงเบ้งว่า “ข้าพเจ้าทั้งนี้จะขอเอาชีวิตอยู่แทนคุณ อาสาท่านทำการเอาชนะแก่ข้าศึกให้จงได้ก่อนจึงจะไป”

            ขงเบ้งเห็นทหารทั้งปวงเต็มใจอาสาสู้รบโดยไม่คิดชีวิตดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวกับบรรดาทหารทั้งปวงว่า ซึ่งท่านเห็นแก่การใหญ่ของบ้านเมือง สละสิทธิ์และความสุขส่วนตัวครั้งนี้ เราขอบใจยิ่งนัก

            กล่าวแล้วขงเบ้งจึงเรียกประชุมบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวง แล้วสั่งว่ากองทัพสุมาอี้พาทหารซึ่งมาใหม่จะมาตีเมืองโลเสีย ทหารทั้งนั้นเดินทัพมาแต่ทางไกล ยังอ่อนล้าอิดโรยอยู่ ดังนั้นให้ทหารทั้งปวงเตรียมรบไว้ให้พร้อม ในทันทีที่กองทัพสุมาอี้ยกมาถึงและกำลังจะตั้งค่าย ก็ให้โจมตีกองทัพของสุมาอี้พร้อมกัน แม้ว่าทหารของสุมาอี้จะมีเป็นจำนวนมากแต่อ่อนอิดโรยไร้เรี่ยวแรง ประดุจธนูแล่นออกจากแหล่งสุดกำลังแล้ว เราใช้ทหารแม้น้อยกว่าก็จะเอาชนะได้เป็นมั่นคง

            แม่ทัพนายกองทั้งปวงรับคำขงเบ้งแล้วลากลับออกไปเตรียมม้าและศาสตราวุธทั้งปวงพร้อมไว้รอฟังคำสั่งของขงเบ้ง

            ฝ่ายสุมาอี้นำกองทัพรีบรุดมา ครั้นถึงเมืองโลเสียก็สั่งทหารให้ตั้งค่ายประชิดเมือง ทหารทั้งนั้นเดินทัพมาแต่ทางไกล เมื่อมาถึงกองทัพสุมาอี้แล้วก็มิได้พักผ่อน ถูกสั่งให้รีบเดินทัพมาประชิดเมืองโลเสีย พอได้ยินคำสั่งให้ตั้งค่าย ต่างคนต่างรีบลงจากหลังม้า พากันขนข้าวของสัมภาระและปักไม้ตั้งค่ายเป็นชุลมุน

            ในทันใดนั้นเสียงประทัดใหญ่ก็ดังลั่นขึ้นภายในเมืองโลเสีย ประตูเมืองถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว กองทัพของขงเบ้งทั้งทหารม้าและทหารราบพากันโห่ร้องรุกจู่โจมเข้าตีทหารของสุมาอี้ซึ่งกำลังสาละวนตั้งค่ายอย่างดุเดือด

            ทหารของสุมาอี้กำลังสาละวนอยู่กับการตั้งค่าย ครั้นถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวดังนั้นก็พากันแตกตื่นตกใจ ยังไม่ทันได้ฉวยหาอาวุธหรือขึ้นหลังม้าก็ถูกทหารของขงเบ้งบุกเข้าถึงตัว ฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก พวกที่เหลือก็พากันแตกตื่น วิ่งหนีคนละทิศคนละทาง สุมาอี้เห็นจะคุมทหารไม่ได้จึงออกคำสั่งให้ถอยทัพ แล้วพาทหารแตกหนีไป

            ทหารของขงเบ้งได้รับชัยชนะอย่างงดงามเพราะได้ถนอมออมกำลังพร้อมอยู่ในเมือง และเตรียมการโจมตีเป็นอย่างดี ในขณะที่ข้าศึกอ่อนล้าอิดโรยและไม่ทันตั้งตัว ครั้นได้รับชัยชนะแล้วจึงเก็บเอาศาสตราวุธ ม้าและเชลยศึกพากันเข้าไปในเมืองแล้วรายงานความทั้งปวงให้ขงเบ้งทราบ

            ขงเบ้งทราบรายงานแล้วจึงสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่บรรดาแม่ทัพนายกองและทหารซึ่งมีความชอบเป็นอันมาก

            ในบ่ายวันนั้นทหารรักษาการณ์เข้ามารายงานแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้ลิเงียมซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่รับผิดชอบจัดส่งเสบียงอาหาร ได้ให้ทหารถือหนังสือมามอบแก่มหาอุปราช

            ขงเบ้งรับเอาหนังสือนั้นมาอ่านดู ปรากฎความจากหนังสือของลิเงียมว่า ยังไม่สามารถจัดส่งเสบียงอาหารมาได้ทันตามกำหนด เนื่องจากได้ทราบข่าวว่าซุนกวนคบคิดกับโจยอยจะยกกองทัพมาตีเมืองเสฉวน และโจยอยกะเกณฑ์ให้ซุนกวนยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนทางด้านใต้ก่อน แล้วโจยอยจึงจะส่งกองทัพเข้าตีเมืองเสฉวนทางด้านเหนือ ขณะนี้ทหารเมืองกังตั๋งยังคุมกำลังตั้งมั่นอยู่ จึงยังวางใจมิได้ เหตุนี้จึงยังไม่อาจลำเลียงเสบียงอาหารมาส่งให้แก่มหาอุปราช

            ความจริงลิเงียมผู้นี้เป็นขุนนางผู้ใหญ่มาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ ครั้นมีอำนาจวาสนามากขึ้นในเมืองเสฉวน ได้คบหาสมาคมเสวนาด้วยเหล่าขุนนางและพ่อค้าวานิชเป็นอันมาก ความเอาใจใส่ในราชการที่เคยมีมาแต่ก่อนก็หย่อนคลายลง มุ่งเน้นไปในทางเสพสุขและแสวงหาประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวกมากขึ้นโดยลำดับ จึงมีเหล่าคนพาลเข้าหาแวดล้อมมิได้ขาด จนแต่ละวันไม่เป็นอันปฏิบัติหน้าที่ราชการ เอาแต่พบปะคบหาพ่อค้าวานิชและเสพสุขทั้งสตรีและสุรา ประกอบทั้งขุ่นเคืองใจที่ขงเบ้งลงโทษตีกิอั๋นขุนนางคนสนิทเมื่อครั้งที่ลำเลียงเสบียงอาหารล่าช้า ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่เร่งรัดเสบียงอาหารของลิเงียมจึงไม่เป็นไปตามกำหนด ถึงกำหนดแล้วก็ยังไม่สามารถลำเลียงเสบียงอาหารไปส่งแก่กองทัพได้ แต่ครั้นจะไม่ชี้แจงแสดงเหตุผลก็เกรงขงเบ้งจะเอาเป็นโทษ จึงมีหนังสือไปถึงขงเบ้งอ้างเหตุผลที่ไม่อาจลำเลียงเสบียงไปส่งได้ทันตามกำหนด ว่าเป็นเพราะจำต้องระมัดระวังกองทัพเมืองกังตั๋ง ซึ่งบัดนี้ได้คบคิดกับวุยก๊กจะยกมาตีเมืองเสฉวน

            เหตุผลของลิเงียมเป็นเหตุผลเพียงเพื่อจะเอาตัวรอดให้พ้นจากความผิดฐานลำเลียงเสบียงอาหารไปส่งกองทัพไม่ทัน แต่ลืมคำนึงไปว่าการอ้างเหตุผลเช่นนี้ย่อมกระทบต่อการทำสงครามของขงเบ้งอย่างรุนแรง เพราะขงเบ้งกรำศึกอยู่ในแดนลึกเข้าไปในแดนวุยก๊ก มีความเชื่อถือลิเงียมที่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่เก่าแก่มาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ เมื่อได้เห็นหนังสือของลิเงียมแล้ว ไหนเลยจะมามัวคิดถึงเรื่องเสบียงอาหารอยู่อีก ย่อมต้องวิตกกังวลด้วยการป้องกันรักษาเมืองเสฉวนมิให้เป็นอันตราย เหตุผลเล็กจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ และทำลายการบุกวุยก๊กครั้งที่ห้าลงอย่างน่าเสียดาย แต่เหตุผลของคนโง่ที่คิดว่าฉลาดแบบนี้ก็ยังคงมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

            ขงเบ้งทราบความตามหนังสือของลิเงียมก็ตกใจเป็นอันมาก รีบเรียกบรรดาแม่ทัพนายกองมาปรึกษาแล้วปรารภความตามหนังสือของลิเงียมให้ทราบ และกล่าวว่า “ครั้นเราจะทำศึกอยู่กับสุมาอี้บัดนี้ก็เป็นกังวลหลัง ด้วยซุนกวนจะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวน เราจำจะเลิกทัพกลับไปรักษาเมืองไว้จึงจะควร”

            แม่ทัพนายกองได้ฟังคำขงเบ้งดังนั้นก็เห็นด้วย ขงเบ้งจึงแต่งหนังสือให้ม้าเร็วถือไปถึงกองทัพซึ่งตั้งอยู่ ณ ตำบลเขากิสาน ให้ถอยทัพกลับไปเมืองเสฉวนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ให้ถอยทัพอย่างช้า ๆ อย่าให้ข้าศึกรู้ว่าถอยจริงหรือถอยลวง

            เอียวหงีจึงถามว่า ซึ่งมหาอุปราชจะให้กองทัพล่าถอยจากตำบลเขากิสาน จะไม่คิดอ่านป้องกันระวังการไล่ตามตีของทหารวุยก๊กหรือ

            ขงเบ้งจึงว่า แรกที่สุมาอี้ยกมาตั้งที่ริมแม่น้ำอุยโห ก็ไม่กล้ายกกองทัพออกมารบพุ่งกับเรา บัดนี้สุมาอี้ให้เตียวคับตั้งมั่นอยู่ที่ริมแม่น้ำอุยโห ตัวสุมาอี้ยกมาที่เมืองหลงเส จะเกรงกลัวอันใดกับเตียวคับเล่า อนึ่งนั้นเห็นสุมาอี้จะกำชับเตียวคับไว้เป็นแน่นหนา ให้ตั้งมั่นคอยสกัดอยู่ที่ริมแม่น้ำอุยโห ไม่ให้ยกไปรบพุ่งด้วยเกรงว่าจะต้องกลอุบายเรา ดังนั้นกองทัพที่ตำบลเขากิสานย่อมล่าถอยได้โดยไม่เป็นอันตราย ท่านอย่าได้กังวลเลย.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘