ตอนที่ 545. กลแก้กล
พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้เจ็ดร้อยเจ็ดสิบสามพรรษา ปลายเดือนเก้า กองทัพวุยก๊กซึ่งตั้งทัพอยู่ในหุบเขาใกล้ตำบลตันฉองเผชิญกับพายุฝนอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งเดือน จนข่าวคราวความเดือดร้อนของไพร่พลดังก้องไปถึงลกเอี๋ยงราชธานี บรรดาขุนนางอาวุโสได้เข้าชื่อกันถวายฎีกาต่อพระเจ้าโจยอยให้ทรงเรียกกองทัพกลับ
พระเจ้าโจยอยได้ทอดพระเนตรฎีกาของขุนนางอาวุโสแล้วก็ลังเลในพระทัยว่า สมควรตรัสสั่งให้เลิกทัพกลับมาเมืองลกเอี๋ยงหรือไม่ ในขณะนั้นเหล่าขุนนางหลายคณะได้ทำฎีกาขึ้นกราบบังคมทูลเป็นทำนองเดียวกันอีกหลายฉบับ
พระเจ้าโจยอยเห็นเหล่าขุนนางทั้งปวงพร้อมใจกันทูลเกล้าถวายฎีกาเพื่อให้เลิกกองทัพกลับมาเมืองลกเอี๋ยง ทั้งยังไม่แน่นอนว่าฝนฟ้าจะหยุดตกเมื่อใด ดังนั้นจึงตัดสินพระทัยมีพระบรมราชโองการให้ม้าเร็วรีบเชิญไปให้แก่โจจิ๋นและสุมาอี้ เรียกกองทัพกลับคืนเมืองลกเอี๋ยง
ในขณะเดียวกันนั้นทั้งโจจิ๋นและสุมาอี้เห็นทหารได้ยากลำบากและป่วยเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากก็หันหน้าปรึกษากันว่าจะทำประการใด
ในที่สุดก็ตกลงพร้อมใจกันที่จะเลิกทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง พอดีม้าเร็วได้เชิญพระบรมราชโองการของพระเจ้าโจยอยไปถึงค่าย ครั้นโจจิ๋นและสุมาอี้ได้รับทราบพระบรมราชโองการแล้วจึงมีคำสั่งให้ทหารเตรียมพร้อมที่จะเลิกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง
โจจิ๋นได้ปรารภกับสุมาอี้ว่า ในระหว่างที่เราล่าทัพ ถ้าหากขงเบ้งยกกองทัพไล่ตามตีแล้วจะคิดอ่านประการใด
สุมาอี้จึงว่าการเรื่องนี้ข้าพเจ้าก็ได้คิดไว้แล้วว่าขงเบ้งอาจฉวยโอกาสยกกองทัพไล่ตามตีในยามที่เราถอยทัพ ดังนั้นข้าพเจ้าจะจัดทหารเป็นสองกอง ซุ่มดักไว้ในระหว่างทางแล้วค่อยเดินทัพอย่างช้า ๆ ระมัดระวังมิให้ขงเบ้งฉวยโอกาสไล่ตามตีได้
ครั้นปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันแล้ว โจจิ๋นจึงออกคำสั่งให้สลับกองทัพหลังเป็นกองทัพหน้า ให้กองทัพหน้าเป็นกองทัพหลัง ค่อย ๆ เคลื่อนถอยกลับไปอย่างช้า ๆ และสั่งให้จัดทหารอีกสองกองคอยซุ่มไว้สองข้างทางเพื่อคอยโจมตีกองทัพของขงเบ้ง
ฝ่ายขงเบ้งครั้นได้ให้ทหารพักผ่อนและเตรียมพร้อมครบเดือนหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะเห็นฝนหยุดตกแต่ท้องฟ้ายังคงมืดมัวไม่โปร่งใส แต่เมื่อคำนวณดูจากรายงานที่ อองเป๋งแจ้งเข้ามาเป็นระยะ ๆ ถึงความยากลำบากของกองทัพวุยก๊กแล้ว ขงเบ้งก็คาดหมายว่ากองทัพวุยก๊กเห็นจะต้องเลิกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยงเป็นแน่แท้
อยู่มาวันหนึ่งอองเป๋งได้ให้ม้าเร็วถือใบบอกมารายงานความแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้กองทัพของสุมาอี้ได้เลิกทัพและถอยทัพออกจากหุบเขาใกล้ตำบลตันฉองแล้ว
ขงเบ้งทราบรายงานแล้วจึงออกคำสั่งให้ม้าเร็วรีบกลับไปแจ้งแก่อองเป๋งว่า ซึ่งกองทัพวุยก๊กเลิกทัพกลับไปในครั้งนี้สมคะเนแล้ว แต่อย่าได้ลำบากติดตามหรือลอบจู่โจมตามกระบวนศึกเลย
บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงซึ่งชุมนุมพลอยู่นอกเมืองฮันต๋งได้ทราบความดังนั้น จึงพร้อมกันเข้าไปหาขงเบ้งแล้วว่า ซึ่งกองทัพวุยก๊กล่าถอยทัพกลับไปครั้งนี้เป็นทีแล้ว ชอบที่มหาอุปราชจะได้แต่งกองทัพไล่ตามตีก็จะได้ชัยชนะแก่ข้าศึก ทั้งจะยึดได้เสบียงอาหารและม้าศึกเป็นอันมาก แต่ไฉนเล่ามหาอุปราชจึงปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้ผ่านไป
ขงเบ้งจึงว่า ท่านทั้งปวงอย่าได้ดูแคลนข้าศึกเป็นอันขาด ด้วยสุมาอี้นั้นมีสติปัญญาในการสงครามหลักแหลมลึกซึ้ง ซึ่งได้ถอยทัพกลับในครั้งนี้ก็ย่อมเล็งการได้อย่างเดียวกันว่า เราจะยกกองทัพไล่ตามตี เห็นจะซุ่มกองทหารไว้โจมตีกองทัพเราเป็นมั่นคง ฉะนั้นหากขืนยกทหารไปไล่ตามตีก็จะเสียทีแก่สุมาอี้
แม่ทัพนายกองทั้งปวงจึงว่า มหาอุปราชกล่าวมาดังนี้ก็ชอบอยู่ แต่จะปล่อยให้กองทัพสุมาอี้ลอยนวลเลิกทัพกลับไปกระนั้นหรือ
ขงเบ้งจึงกล่าวว่า เราหรือจะยอมปล่อยให้ข้าศึกลอยชายกลับเมืองไปอย่างสบายได้ ซึ่งเราให้ทหารทั้งปวงชุมนุมพลและตระเตรียมการไว้ในระหว่างฝนตกหนักนั้นก็เพราะต้องการบุกวุยก๊กอีกครั้งหนึ่ง สุมาอี้คาดว่าเราจะส่งกองทัพไล่ตามตี แต่เมื่อเห็นว่าทหารเมืองเสฉวนไม่ได้ยกติดตามไป ก็จะล่าทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง เราจึงจะยกกองทัพไปยึดเอาชัยภูมิที่ตำบลเขากิสาน เห็นจะได้โดยง่าย
แม่ทัพนายกองทั้งปวงก็กล่าวอีกว่า มหาอุปราชบุกวุยก๊กโดยทางตำบลเขากิสานนี้ถึงสามครั้งแล้ว มาครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ก็จะยกไปทางตำบลเขากิสานอีกเล่า เห็นจะไม่ได้การเหมือนสามครั้งที่ผ่านมา ขอมหาอุปราชได้พิจารณาว่าจะไม่มีหนทางอื่นใดยกไปตีวุยก๊กอีกแล้วหรือ
ขงเบ้งจึงว่า เมืองเตียงอันนั้นเป็นปากประตูของเมืองลกเอี๋ยง ถ้ายึดได้เมืองเตียงอันแล้วก็จะยกเข้าตีและยึดเอาเมืองลกเอี๋ยงได้โดยง่าย แลตำบลเขากิสานนี้ก็คือปากประตูของเมืองเตียงอัน บรรดาหัวเมืองทางภาคตะวันตกของตงง้วน หากจะยกไปเมืองลกเอี๋ยงก็จำต้องอาศัยเส้นทางตำบลเขากิสานทั้งสิ้น
ขงเบ้งเห็นแม่ทัพนายกองทั้งปวงนิ่งฟังอยู่ด้วยความสนใจจึงกล่าวสืบไปว่า ตำบลเขากิสานนั้นเป็นชัยภูมิอันสำคัญ สามารถระดมเสบียงอาหารจากเมืองหลงเสได้โดยสะดวก จากตำบลเขากิสานไปข้างหน้าก็จะเป็นแม่น้ำอุยโห ข้ามแม่น้ำอุยโหแล้วก็จะรุกเข้าสู่เมืองเตียงอันได้โดยสะดวกเพราะเป็นทางราบเรียบ ดังนั้นเราจึงมุ่งที่จะยึดชัยภูมิอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ตำบลเขากิสานให้ได้ก่อน ก็จะทำการกับวุยก๊กได้ถนัดมือ เพราะเมื่อยึดตำบลเขากิสานได้แล้ว ด้านหลังก็จะอิงภูเขากิสานเป็นชัยภูมิป้องกันข้าศึก ด้านหน้ามีแม่น้ำอุยโห ข้าศึกจะยกมาทำการตีโต้ไม่สะดวก เห็นเป็นทีแล้วจึงยกกองทัพข้ามแม่น้ำอุยโหรุกเข้ายึดเมืองลกเอี๋ยงก็จะได้โดยง่าย
ขงเบ้งได้กล่าวสืบไปว่า หนทางซึ่งจะยกไปตำบลเขากิสานนั้นเป็นซอกเขาและป่ารกชัฎมากมายสุดคณานับ เส้นทางก็แคบ เป็นความยากลำบากของฝ่ายเราที่จะรุกเข้าตีข้าศึก เพราะการเดินทัพทุรกันดารขัดสนอย่างหนึ่ง ลำเลียงเสบียงอาหารได้แต่น้อยและยากลำบากอีกประการหนึ่ง แต่ความยากลำบากนี้เราได้คิดการแก้ไขเอาไว้แล้ว
ขงเบ้งได้ชี้ให้บรรดาแม่ทัพนายกองดูแผนที่ภูมิประเทศที่จะยกไปตำบลเขากิสาน แล้วว่าแม้จะมีซอกห้วยธารเขาและป่ารกชัฏเป็นอันมาก แต่มีเส้นทางสำคัญสองสายที่เห็นจะยกไปตำบลเขากิสานได้ไม่ยากลำบากนัก คือตามเส้นทางด้านซ้ายมือที่จะไปทางตำบล กิก๊กเส้นหนึ่ง และเส้นทางด้านขวามือที่จะไปทางตำบลจำก๊กอีกเส้นหนึ่ง เราจะยาตราทัพผ่านเส้นทางสองสายนี้ไปออกทางเขากิสาน
บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังคำขงเบ้งอรรถาธิบายเหตุผลที่ไม่ยกกองทัพไล่ตามตีกองทัพวุยก๊ก ตลอดจนคำอธิบายเกี่ยวกับชัยภูมิภูมิประเทศ เส้นทางเดินทัพ และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในการโจมตีวุยก๊กครั้งนี้แล้ว ต่างพากันยกมือคำนับสรรเสริญขงเบ้งว่ามีความคิดอ่านในการสงครามลึกซึ้งดังเทพยดา
เมื่อแม่ทัพนายกองทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันแล้ว ขงเบ้งจึงสั่งให้จัดแจงกองทัพเป็นสามกอง ให้อุยเอี๋ยน เตียวหงี เตาเขง และตันเซ็ก คุมทหารกองหนึ่งยกไปตามเส้นทางสายตำบลกิก๊ก ให้ม้าต้าย อองเป๋ง เตียวเอ๊กและม้าตง คุมทหารอีกกองหนึ่งยกไปตามเส้นทางสายตำบลจำก๊ก กำหนดให้ไปถึงปากทางที่จะออกตำบลเขากิสานพร้อมกัน ตัวขงเบ้งคุมกองทัพหลวงจะยกหนุนตามไป
นายทัพทั้งแปดคนรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร และยกไปตามแผนการของขงเบ้ง หลังจากนั้นขงเบ้งจึงสั่งให้กวนหินและเลียวฮัวเป็นกองหน้า ตัวขงเบ้งเป็นกองทัพหลวง ยกกองทัพหลวงออกจากแดนเมืองฮันต๋งตรงไปที่เขากิสาน
ฝ่ายกองทัพวุยก๊ก ทั้งโจจิ๋นและสุมาอี้ได้ล่าถอยทัพอย่างระมัดระวังตามแผนการที่วางไว้ทุกประการ และให้ทหารลาดตระเวนทางด้านหลังเป็นระยะทางไกลมิได้ประมาท
กองทัพวุยก๊กได้ล่าถอยทัพอย่างช้า ๆ ทุกวันก็จะมีหน่วยสอดแนมเข้ามารายงานความเคลื่อนไหวของกองทัพเมืองเสฉวนว่า สถานการณ์ยังคงเป็นปกติ ทหารเมืองเสฉวนหาได้ไล่ตามมาแต่ประการใดไม่
สุมาอี้ได้ฟังรายงานแต่ละวันแล้วยังคงสั่งให้ล่าถอยทัพอย่างช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง การเคลื่อนทัพแต่ละช่วงก็จะถอนกองซุ่มที่อยู่ใกล้ตำบลตันฉองกลับมาตั้งซุ่มเป็นระยะ ๆ เพื่อคอยป้องกันและโจมตีกองทัพเมืองเสฉวน จึงทำให้กองทัพของวุยก๊กต้องล่าถอยทัพอย่างเชื่องช้ากว่าปกติ
โจจิ๋นเห็นว่าซึ่งกองทัพวุยก๊กล่าทัพมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และไม่ปรากฏข่าวคราวการติดตามโจมตีของกองทัพเมืองเสฉวน ก็มั่นใจว่ากองทัพเมืองเสฉวนเกรงความยากลำบากและกลัวการถูกซุ่มโจมตี จึงกล่าวกับสุมาอี้ว่าเหตุการณ์หลายวันที่ผ่านมานี้บ่งชี้ชัดเจนว่ากองทัพเมืองเสฉวนจะไม่ยกกองทัพไล่ตามตี แล้วไฉนท่านจึงสั่งให้เดินทัพอ้อยอิ่งอยู่ดังนี้ ทำให้ทหารได้ยากลำบากนัก ชอบที่จะเร่งถอยทัพกลับไปโดยไวจะดีกว่า
สุมาอี้จึงว่า ขงเบ้งนั้นชำนาญในการสงคราม ย่อมคาดหมายได้ว่าเราจะซุ่มทหารไว้โจมตีในยามล่าถอย เหตุนี้จึงไม่ยกทหารไล่ตามตี ครั้นเห็นว่าเราชะล่าใจถอยทัพตามปกติแล้ว ขงเบ้งก็จะยกกองทัพมาไล่ตามตีเป็นมั่นคง
โจจิ๋นเห็นสุมาอี้ไม่เห็นด้วยก็จำยอมทำตามความเห็นของสุมาอี้ แต่ครั้นใกล้ตำบลเขากิสาน โจจิ๋นก็อดใจไว้ไม่ได้ เร่งรัดให้สุมาอี้รีบเคลื่อนทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยงแต่โดยเร็ว
สุมาอี้ได้ฟังคำเร่งของโจจิ๋นจึงกล่าวว่า ซึ่งขงเบ้งจะไม่ยกกองทัพมานั้นไม่ใช่ฐานะที่จะพึงเป็นไปได้โดยเด็ดขาด ข้าพเจ้าคาดการณ์ว่าขงเบ้งคิดกลแก้กล รอเวลาให้กองทัพเราถอยพ้นตำบลเขากิสานไปแล้ว ก็จะยกกองทัพมาชิงเอาตำบลเขากิสานเป็นมั่นคง
โจจิ๋นจึงแย้งว่า เราล่าถอยทัพมาเป็นเวลาหลายวันแล้วก็มิได้ข่าวคราวว่ากองทัพของขงเบ้งยกตามมา จนจะล่วงถึงตำบลเขากิสานแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ขงเบ้งจะยกมาตามตี จึงไม่ชอบที่จะให้ทหารต้องทนยากลำบากอีกสืบไป ควรจะรีบเคลื่อนทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง
สุมาอี้เห็นโจจิ๋นคาดคิดแต่เพียงการไล่ตามตี มิได้คาดคิดถึงการที่ขงเบ้งจะบุกโจมตีวุยก๊กครั้งใหม่ แต่เกรงใจฐานะของโจจิ๋นซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของพระเจ้าโจยอย จึงกล่าวว่า “ท่านมิเชื่อก็ขอให้แยกกองทัพไปคนละทางเถิด ท่านจงไปรักษาจำก๊กด้านตะวันตก ข้าพเจ้าจะไปรักษากิก๊กทิศตะวันออก ถ้าในสิบวันกองทัพขงเบ้งไม่ยกมา ข้าพเจ้าจะไปคำนับท่านถึงค่าย ขอให้ท่านเอาแป้งทาหน้าข้าพเจ้าเสีย แล้วเอาเสื้อผู้หญิงใส่ประจานให้ได้อายแก่ทหารทั้งปวงเถิด”
สามก๊กฉบับภาษาจีนได้ระบุไว้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าว่า สุมาอี้ไม่อาจขัดใจโจจิ๋นได้ แต่หากแม้นตามใจโจจิ๋น ขงเบ้งก็จะเข้ายึดเอาตำบลเขากิสานเป็นแน่แท้ สุมาอี้จึงเสนอให้แบ่งกองทัพออกเป็นสองกอง ให้โจจิ๋นคุมกองหนึ่งยกไปตั้งอยู่ที่ปากหุบเขาจำก๊กในท้องที่ตำบลเขากิสานด้านตะวันตก ส่วนสุมาอี้คุมทหารอีกกองหนึ่งยกไปตั้งอยู่ที่ปากหุบเขากิก๊กที่ตำบลเขากิสานด้านตะวันออก แต่ขอเวลาไว้เพียงสิบวัน ถ้าหากว่าภายในสิบวันขงเบ้งไม่ยกกองทัพมาแล้ว สุมาอี้ก็จะยอมไปคำนับโจจิ๋นถึงค่าย แล้วยอมให้โจจิ๋นเอาแป้งสีแดงสำหรับสตรีทาหน้า และเอาเสื้อผ้าของสตรีสวมใส่ประจานให้ได้อายแก่ทหารทั้งปวง
โจจิ๋นได้ฟังคำท้าของสุมาอี้ดังนั้นก็ขุ่นใจ รับคำท้าของสุมาอี้แล้วกล่าวว่าถ้าหากภายในสิบวันนี้ขงเบ้งยกทหารตามมา ข้าพเจ้าก็จะยอมคำนับท่าน และจะมอบเข็มขัดหยกอันเป็นเครื่องยศพระราชทานและม้าศึกพันธุ์ดีที่พระเจ้าโจยอยทรงพระราชทานมอบให้แก่ท่าน
เมื่อตกลงสัญญากันดังนั้นแล้ว ต่างคนต่างคุมกองทหารยกไปตั้งอยู่ตามสัญญา โดยสุมาอี้ยกกองทหารไปตั้งอยู่ที่ปากทางกิก๊กตำบลเขากิสานด้านตะวันออก ส่วนโจจิ๋นก็ยกทหารไปตั้งอยู่ที่จำก๊กตำบลเขากิสานด้านตะวันตก คอยวันเวลาครบสิบวันแล้วจะได้ปรับกันตามสัญญาต่อไป.
พระเจ้าโจยอยได้ทอดพระเนตรฎีกาของขุนนางอาวุโสแล้วก็ลังเลในพระทัยว่า สมควรตรัสสั่งให้เลิกทัพกลับมาเมืองลกเอี๋ยงหรือไม่ ในขณะนั้นเหล่าขุนนางหลายคณะได้ทำฎีกาขึ้นกราบบังคมทูลเป็นทำนองเดียวกันอีกหลายฉบับ
พระเจ้าโจยอยเห็นเหล่าขุนนางทั้งปวงพร้อมใจกันทูลเกล้าถวายฎีกาเพื่อให้เลิกกองทัพกลับมาเมืองลกเอี๋ยง ทั้งยังไม่แน่นอนว่าฝนฟ้าจะหยุดตกเมื่อใด ดังนั้นจึงตัดสินพระทัยมีพระบรมราชโองการให้ม้าเร็วรีบเชิญไปให้แก่โจจิ๋นและสุมาอี้ เรียกกองทัพกลับคืนเมืองลกเอี๋ยง
ในขณะเดียวกันนั้นทั้งโจจิ๋นและสุมาอี้เห็นทหารได้ยากลำบากและป่วยเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากก็หันหน้าปรึกษากันว่าจะทำประการใด
ในที่สุดก็ตกลงพร้อมใจกันที่จะเลิกทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง พอดีม้าเร็วได้เชิญพระบรมราชโองการของพระเจ้าโจยอยไปถึงค่าย ครั้นโจจิ๋นและสุมาอี้ได้รับทราบพระบรมราชโองการแล้วจึงมีคำสั่งให้ทหารเตรียมพร้อมที่จะเลิกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง
โจจิ๋นได้ปรารภกับสุมาอี้ว่า ในระหว่างที่เราล่าทัพ ถ้าหากขงเบ้งยกกองทัพไล่ตามตีแล้วจะคิดอ่านประการใด
สุมาอี้จึงว่าการเรื่องนี้ข้าพเจ้าก็ได้คิดไว้แล้วว่าขงเบ้งอาจฉวยโอกาสยกกองทัพไล่ตามตีในยามที่เราถอยทัพ ดังนั้นข้าพเจ้าจะจัดทหารเป็นสองกอง ซุ่มดักไว้ในระหว่างทางแล้วค่อยเดินทัพอย่างช้า ๆ ระมัดระวังมิให้ขงเบ้งฉวยโอกาสไล่ตามตีได้
ครั้นปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันแล้ว โจจิ๋นจึงออกคำสั่งให้สลับกองทัพหลังเป็นกองทัพหน้า ให้กองทัพหน้าเป็นกองทัพหลัง ค่อย ๆ เคลื่อนถอยกลับไปอย่างช้า ๆ และสั่งให้จัดทหารอีกสองกองคอยซุ่มไว้สองข้างทางเพื่อคอยโจมตีกองทัพของขงเบ้ง
ฝ่ายขงเบ้งครั้นได้ให้ทหารพักผ่อนและเตรียมพร้อมครบเดือนหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะเห็นฝนหยุดตกแต่ท้องฟ้ายังคงมืดมัวไม่โปร่งใส แต่เมื่อคำนวณดูจากรายงานที่ อองเป๋งแจ้งเข้ามาเป็นระยะ ๆ ถึงความยากลำบากของกองทัพวุยก๊กแล้ว ขงเบ้งก็คาดหมายว่ากองทัพวุยก๊กเห็นจะต้องเลิกทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยงเป็นแน่แท้
อยู่มาวันหนึ่งอองเป๋งได้ให้ม้าเร็วถือใบบอกมารายงานความแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้กองทัพของสุมาอี้ได้เลิกทัพและถอยทัพออกจากหุบเขาใกล้ตำบลตันฉองแล้ว
ขงเบ้งทราบรายงานแล้วจึงออกคำสั่งให้ม้าเร็วรีบกลับไปแจ้งแก่อองเป๋งว่า ซึ่งกองทัพวุยก๊กเลิกทัพกลับไปในครั้งนี้สมคะเนแล้ว แต่อย่าได้ลำบากติดตามหรือลอบจู่โจมตามกระบวนศึกเลย
บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงซึ่งชุมนุมพลอยู่นอกเมืองฮันต๋งได้ทราบความดังนั้น จึงพร้อมกันเข้าไปหาขงเบ้งแล้วว่า ซึ่งกองทัพวุยก๊กล่าถอยทัพกลับไปครั้งนี้เป็นทีแล้ว ชอบที่มหาอุปราชจะได้แต่งกองทัพไล่ตามตีก็จะได้ชัยชนะแก่ข้าศึก ทั้งจะยึดได้เสบียงอาหารและม้าศึกเป็นอันมาก แต่ไฉนเล่ามหาอุปราชจึงปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้ผ่านไป
ขงเบ้งจึงว่า ท่านทั้งปวงอย่าได้ดูแคลนข้าศึกเป็นอันขาด ด้วยสุมาอี้นั้นมีสติปัญญาในการสงครามหลักแหลมลึกซึ้ง ซึ่งได้ถอยทัพกลับในครั้งนี้ก็ย่อมเล็งการได้อย่างเดียวกันว่า เราจะยกกองทัพไล่ตามตี เห็นจะซุ่มกองทหารไว้โจมตีกองทัพเราเป็นมั่นคง ฉะนั้นหากขืนยกทหารไปไล่ตามตีก็จะเสียทีแก่สุมาอี้
แม่ทัพนายกองทั้งปวงจึงว่า มหาอุปราชกล่าวมาดังนี้ก็ชอบอยู่ แต่จะปล่อยให้กองทัพสุมาอี้ลอยนวลเลิกทัพกลับไปกระนั้นหรือ
ขงเบ้งจึงกล่าวว่า เราหรือจะยอมปล่อยให้ข้าศึกลอยชายกลับเมืองไปอย่างสบายได้ ซึ่งเราให้ทหารทั้งปวงชุมนุมพลและตระเตรียมการไว้ในระหว่างฝนตกหนักนั้นก็เพราะต้องการบุกวุยก๊กอีกครั้งหนึ่ง สุมาอี้คาดว่าเราจะส่งกองทัพไล่ตามตี แต่เมื่อเห็นว่าทหารเมืองเสฉวนไม่ได้ยกติดตามไป ก็จะล่าทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง เราจึงจะยกกองทัพไปยึดเอาชัยภูมิที่ตำบลเขากิสาน เห็นจะได้โดยง่าย
แม่ทัพนายกองทั้งปวงก็กล่าวอีกว่า มหาอุปราชบุกวุยก๊กโดยทางตำบลเขากิสานนี้ถึงสามครั้งแล้ว มาครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ก็จะยกไปทางตำบลเขากิสานอีกเล่า เห็นจะไม่ได้การเหมือนสามครั้งที่ผ่านมา ขอมหาอุปราชได้พิจารณาว่าจะไม่มีหนทางอื่นใดยกไปตีวุยก๊กอีกแล้วหรือ
ขงเบ้งจึงว่า เมืองเตียงอันนั้นเป็นปากประตูของเมืองลกเอี๋ยง ถ้ายึดได้เมืองเตียงอันแล้วก็จะยกเข้าตีและยึดเอาเมืองลกเอี๋ยงได้โดยง่าย แลตำบลเขากิสานนี้ก็คือปากประตูของเมืองเตียงอัน บรรดาหัวเมืองทางภาคตะวันตกของตงง้วน หากจะยกไปเมืองลกเอี๋ยงก็จำต้องอาศัยเส้นทางตำบลเขากิสานทั้งสิ้น
ขงเบ้งเห็นแม่ทัพนายกองทั้งปวงนิ่งฟังอยู่ด้วยความสนใจจึงกล่าวสืบไปว่า ตำบลเขากิสานนั้นเป็นชัยภูมิอันสำคัญ สามารถระดมเสบียงอาหารจากเมืองหลงเสได้โดยสะดวก จากตำบลเขากิสานไปข้างหน้าก็จะเป็นแม่น้ำอุยโห ข้ามแม่น้ำอุยโหแล้วก็จะรุกเข้าสู่เมืองเตียงอันได้โดยสะดวกเพราะเป็นทางราบเรียบ ดังนั้นเราจึงมุ่งที่จะยึดชัยภูมิอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ตำบลเขากิสานให้ได้ก่อน ก็จะทำการกับวุยก๊กได้ถนัดมือ เพราะเมื่อยึดตำบลเขากิสานได้แล้ว ด้านหลังก็จะอิงภูเขากิสานเป็นชัยภูมิป้องกันข้าศึก ด้านหน้ามีแม่น้ำอุยโห ข้าศึกจะยกมาทำการตีโต้ไม่สะดวก เห็นเป็นทีแล้วจึงยกกองทัพข้ามแม่น้ำอุยโหรุกเข้ายึดเมืองลกเอี๋ยงก็จะได้โดยง่าย
ขงเบ้งได้กล่าวสืบไปว่า หนทางซึ่งจะยกไปตำบลเขากิสานนั้นเป็นซอกเขาและป่ารกชัฎมากมายสุดคณานับ เส้นทางก็แคบ เป็นความยากลำบากของฝ่ายเราที่จะรุกเข้าตีข้าศึก เพราะการเดินทัพทุรกันดารขัดสนอย่างหนึ่ง ลำเลียงเสบียงอาหารได้แต่น้อยและยากลำบากอีกประการหนึ่ง แต่ความยากลำบากนี้เราได้คิดการแก้ไขเอาไว้แล้ว
ขงเบ้งได้ชี้ให้บรรดาแม่ทัพนายกองดูแผนที่ภูมิประเทศที่จะยกไปตำบลเขากิสาน แล้วว่าแม้จะมีซอกห้วยธารเขาและป่ารกชัฏเป็นอันมาก แต่มีเส้นทางสำคัญสองสายที่เห็นจะยกไปตำบลเขากิสานได้ไม่ยากลำบากนัก คือตามเส้นทางด้านซ้ายมือที่จะไปทางตำบล กิก๊กเส้นหนึ่ง และเส้นทางด้านขวามือที่จะไปทางตำบลจำก๊กอีกเส้นหนึ่ง เราจะยาตราทัพผ่านเส้นทางสองสายนี้ไปออกทางเขากิสาน
บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังคำขงเบ้งอรรถาธิบายเหตุผลที่ไม่ยกกองทัพไล่ตามตีกองทัพวุยก๊ก ตลอดจนคำอธิบายเกี่ยวกับชัยภูมิภูมิประเทศ เส้นทางเดินทัพ และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในการโจมตีวุยก๊กครั้งนี้แล้ว ต่างพากันยกมือคำนับสรรเสริญขงเบ้งว่ามีความคิดอ่านในการสงครามลึกซึ้งดังเทพยดา
เมื่อแม่ทัพนายกองทั้งปวงเห็นพ้องต้องกันแล้ว ขงเบ้งจึงสั่งให้จัดแจงกองทัพเป็นสามกอง ให้อุยเอี๋ยน เตียวหงี เตาเขง และตันเซ็ก คุมทหารกองหนึ่งยกไปตามเส้นทางสายตำบลกิก๊ก ให้ม้าต้าย อองเป๋ง เตียวเอ๊กและม้าตง คุมทหารอีกกองหนึ่งยกไปตามเส้นทางสายตำบลจำก๊ก กำหนดให้ไปถึงปากทางที่จะออกตำบลเขากิสานพร้อมกัน ตัวขงเบ้งคุมกองทัพหลวงจะยกหนุนตามไป
นายทัพทั้งแปดคนรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร และยกไปตามแผนการของขงเบ้ง หลังจากนั้นขงเบ้งจึงสั่งให้กวนหินและเลียวฮัวเป็นกองหน้า ตัวขงเบ้งเป็นกองทัพหลวง ยกกองทัพหลวงออกจากแดนเมืองฮันต๋งตรงไปที่เขากิสาน
ฝ่ายกองทัพวุยก๊ก ทั้งโจจิ๋นและสุมาอี้ได้ล่าถอยทัพอย่างระมัดระวังตามแผนการที่วางไว้ทุกประการ และให้ทหารลาดตระเวนทางด้านหลังเป็นระยะทางไกลมิได้ประมาท
กองทัพวุยก๊กได้ล่าถอยทัพอย่างช้า ๆ ทุกวันก็จะมีหน่วยสอดแนมเข้ามารายงานความเคลื่อนไหวของกองทัพเมืองเสฉวนว่า สถานการณ์ยังคงเป็นปกติ ทหารเมืองเสฉวนหาได้ไล่ตามมาแต่ประการใดไม่
สุมาอี้ได้ฟังรายงานแต่ละวันแล้วยังคงสั่งให้ล่าถอยทัพอย่างช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง การเคลื่อนทัพแต่ละช่วงก็จะถอนกองซุ่มที่อยู่ใกล้ตำบลตันฉองกลับมาตั้งซุ่มเป็นระยะ ๆ เพื่อคอยป้องกันและโจมตีกองทัพเมืองเสฉวน จึงทำให้กองทัพของวุยก๊กต้องล่าถอยทัพอย่างเชื่องช้ากว่าปกติ
โจจิ๋นเห็นว่าซึ่งกองทัพวุยก๊กล่าทัพมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และไม่ปรากฏข่าวคราวการติดตามโจมตีของกองทัพเมืองเสฉวน ก็มั่นใจว่ากองทัพเมืองเสฉวนเกรงความยากลำบากและกลัวการถูกซุ่มโจมตี จึงกล่าวกับสุมาอี้ว่าเหตุการณ์หลายวันที่ผ่านมานี้บ่งชี้ชัดเจนว่ากองทัพเมืองเสฉวนจะไม่ยกกองทัพไล่ตามตี แล้วไฉนท่านจึงสั่งให้เดินทัพอ้อยอิ่งอยู่ดังนี้ ทำให้ทหารได้ยากลำบากนัก ชอบที่จะเร่งถอยทัพกลับไปโดยไวจะดีกว่า
สุมาอี้จึงว่า ขงเบ้งนั้นชำนาญในการสงคราม ย่อมคาดหมายได้ว่าเราจะซุ่มทหารไว้โจมตีในยามล่าถอย เหตุนี้จึงไม่ยกทหารไล่ตามตี ครั้นเห็นว่าเราชะล่าใจถอยทัพตามปกติแล้ว ขงเบ้งก็จะยกกองทัพมาไล่ตามตีเป็นมั่นคง
โจจิ๋นเห็นสุมาอี้ไม่เห็นด้วยก็จำยอมทำตามความเห็นของสุมาอี้ แต่ครั้นใกล้ตำบลเขากิสาน โจจิ๋นก็อดใจไว้ไม่ได้ เร่งรัดให้สุมาอี้รีบเคลื่อนทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยงแต่โดยเร็ว
สุมาอี้ได้ฟังคำเร่งของโจจิ๋นจึงกล่าวว่า ซึ่งขงเบ้งจะไม่ยกกองทัพมานั้นไม่ใช่ฐานะที่จะพึงเป็นไปได้โดยเด็ดขาด ข้าพเจ้าคาดการณ์ว่าขงเบ้งคิดกลแก้กล รอเวลาให้กองทัพเราถอยพ้นตำบลเขากิสานไปแล้ว ก็จะยกกองทัพมาชิงเอาตำบลเขากิสานเป็นมั่นคง
โจจิ๋นจึงแย้งว่า เราล่าถอยทัพมาเป็นเวลาหลายวันแล้วก็มิได้ข่าวคราวว่ากองทัพของขงเบ้งยกตามมา จนจะล่วงถึงตำบลเขากิสานแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ขงเบ้งจะยกมาตามตี จึงไม่ชอบที่จะให้ทหารต้องทนยากลำบากอีกสืบไป ควรจะรีบเคลื่อนทัพกลับไปเมืองลกเอี๋ยง
สุมาอี้เห็นโจจิ๋นคาดคิดแต่เพียงการไล่ตามตี มิได้คาดคิดถึงการที่ขงเบ้งจะบุกโจมตีวุยก๊กครั้งใหม่ แต่เกรงใจฐานะของโจจิ๋นซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของพระเจ้าโจยอย จึงกล่าวว่า “ท่านมิเชื่อก็ขอให้แยกกองทัพไปคนละทางเถิด ท่านจงไปรักษาจำก๊กด้านตะวันตก ข้าพเจ้าจะไปรักษากิก๊กทิศตะวันออก ถ้าในสิบวันกองทัพขงเบ้งไม่ยกมา ข้าพเจ้าจะไปคำนับท่านถึงค่าย ขอให้ท่านเอาแป้งทาหน้าข้าพเจ้าเสีย แล้วเอาเสื้อผู้หญิงใส่ประจานให้ได้อายแก่ทหารทั้งปวงเถิด”
สามก๊กฉบับภาษาจีนได้ระบุไว้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าว่า สุมาอี้ไม่อาจขัดใจโจจิ๋นได้ แต่หากแม้นตามใจโจจิ๋น ขงเบ้งก็จะเข้ายึดเอาตำบลเขากิสานเป็นแน่แท้ สุมาอี้จึงเสนอให้แบ่งกองทัพออกเป็นสองกอง ให้โจจิ๋นคุมกองหนึ่งยกไปตั้งอยู่ที่ปากหุบเขาจำก๊กในท้องที่ตำบลเขากิสานด้านตะวันตก ส่วนสุมาอี้คุมทหารอีกกองหนึ่งยกไปตั้งอยู่ที่ปากหุบเขากิก๊กที่ตำบลเขากิสานด้านตะวันออก แต่ขอเวลาไว้เพียงสิบวัน ถ้าหากว่าภายในสิบวันขงเบ้งไม่ยกกองทัพมาแล้ว สุมาอี้ก็จะยอมไปคำนับโจจิ๋นถึงค่าย แล้วยอมให้โจจิ๋นเอาแป้งสีแดงสำหรับสตรีทาหน้า และเอาเสื้อผ้าของสตรีสวมใส่ประจานให้ได้อายแก่ทหารทั้งปวง
โจจิ๋นได้ฟังคำท้าของสุมาอี้ดังนั้นก็ขุ่นใจ รับคำท้าของสุมาอี้แล้วกล่าวว่าถ้าหากภายในสิบวันนี้ขงเบ้งยกทหารตามมา ข้าพเจ้าก็จะยอมคำนับท่าน และจะมอบเข็มขัดหยกอันเป็นเครื่องยศพระราชทานและม้าศึกพันธุ์ดีที่พระเจ้าโจยอยทรงพระราชทานมอบให้แก่ท่าน
เมื่อตกลงสัญญากันดังนั้นแล้ว ต่างคนต่างคุมกองทหารยกไปตั้งอยู่ตามสัญญา โดยสุมาอี้ยกกองทหารไปตั้งอยู่ที่ปากทางกิก๊กตำบลเขากิสานด้านตะวันออก ส่วนโจจิ๋นก็ยกทหารไปตั้งอยู่ที่จำก๊กตำบลเขากิสานด้านตะวันตก คอยวันเวลาครบสิบวันแล้วจะได้ปรับกันตามสัญญาต่อไป.