ตอนที่ 542. อุบาย "ตีหลังดึงหน้า"
สุมาอี้พลาดท่าเสียทีแก่ขงเบ้งหลายครั้ง จึงตั้งค่ายมั่นไม่ยอมออกรบ ขงเบ้งจึงทำกลอุบายล่อเต่าออกจากกระดอง ทำทีเป็นถอยทัพสามครั้งสามครา เตียวคับขอนำกองทัพออกตามตีหลายครั้งหลายหน สุมาอี้ขัดใจมิได้จึงยอมตามใจและให้เตียวคับเป็นกองทัพหน้า ยกทหารตามกองทัพขงเบ้งไป
ครั้นเตียวคับยกทหารออกไปแล้ว สุมาอี้จึงยกกองทัพหลวงหนุนตามเตียวคับเผื่อว่าหากคับขันประการใด จะได้ช่วยกันแก้ไข
ฝ่ายขงเบ้งเมื่อทำกลล่าถอยทัพสามครั้งสามหนแล้ว ก็ให้หน่วยสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพสุมาอี้ ครั้นหน่วยสอดแนมทราบความว่ากองทัพสุมาอี้ยกตามมาจึงนำความไปรายงานแก่ขงเบ้ง
พอค่ำลงขงเบ้งจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า ซึ่งสุมาอี้ยกกองทัพมาครั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะขัดใจแม่ทัพนายกองทั้งปวงไม่ได้ ถือได้ว่าเป็นกองทัพเสี่ยงตาย เห็นจะทำการสู้รบเต็มกำลัง แลทหารเอกของสุมาอี้นั้นมีกำลังและฝีมือเป็นอันมาก ไม่เห็นนายทหารผู้ใดจะออกไปต่อรบด้วยข้าศึกได้
ขงเบ้งกล่าวแล้วก็หันไปจ้องหน้าอุยเอี๋ยน แล้วแสร้งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง อุยเอี๋ยนรู้ทีขงเบ้งจึงแกล้งเพิกเฉยเสีย
อองเป๋งเห็นบรรยากาศในที่ประชุมเงียบงันลง จึงขออาสาเป็นกองหน้ายกไปรบกับกองทัพสุมาอี้
ขงเบ้งหวังจะยุให้อุยเอี๋ยนออกรบ แต่กลับกลายเป็นอองเป๋งอาสาเสียเอง จึงกล่าวว่าท่านอาสาเจ้าด้วยภักดีดังนี้ซาบซึ้งกินใจเรานัก แต่กองทัพสุมาอี้ยกมาครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะมุ่งมั่นสู้ตาย จึงกริ่งใจว่าท่านผู้เดียวจะรับมือกองทัพสุมาอี้ไม่ได้
เตียวเอ๊กได้ฟังดังนั้นจึงอาสาว่า ข้าพเจ้าขออาสายกทหารไปช่วยอองเป๋งรบกับสุมาอี้เอง ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งท่านอาสานี้ก็ชอบใจ แต่ทว่าเตียวคับทหารเอกของสุมาอี้นั้นมีกำลังฝีมือเข้มแข็งเป็นอันมาก เห็นว่าท่านจะมิใช่คู่มือของเตียวคับ กล่าวแล้วขงเบ้งก็แสร้งจ้องมองหน้าอุยเอี๋ยนอีก
อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็แสร้งทำนิ่งเฉยดังเดิม เตียวเอ๊กจึงกล่าวว่ามหาอุปราชอย่ายกย่องเตียวคับให้เสียขวัญกำลังใจของทหารเลย เตียวคับเป็นคน ข้าพเจ้าก็เป็นคน หาได้เกรงกลัวฝีมือของเตียวคับไม่ หากแม้นสู้ไม่ได้ข้าพเจ้าก็ขอยอมตายในที่รบ จะไม่กลับมาให้มหาอุปราชเห็นหน้าอีกเลย หรือแม้หากเสียทีแก่ข้าศึก ก็ขอให้มหาอุปราชตัดศีรษะข้าพเจ้าเสียเถิด
ขงเบ้งได้ฟังคำอาสาแข็งขันดังนั้น จึงหันไปกล่าวกับอองเป๋งและเตียวเอ๊กว่า เราจะจัดทหารให้ท่านคนละหมื่นยกไปซุ่มอยู่สองข้างทางซึ่งสุมาอี้จะยกมา ถ้ากองทัพหน้าของสุมาอี้ยกมาถึงก็ปล่อยให้ล่วงเข้ามาเถิด ต่อเมื่อได้ยินเสียงทหารเราจุดประทัดโห่ร้องเป็นสัญญาณแล้ว จึงค่อยยกออกตีกระหนาบหลังกระทบขึ้นมา
อองเป๋งจึงถามว่า ถ้ากองทัพหลวงของสุมาอี้ยกตามมาแล้วจะทำประการใด
ขงเบ้งจึงว่า ถ้ากองทัพหลวงของสุมาอี้ยกตามมา ก็ให้เตียวเอ๊กคุมทหารกลับหลังไปสกัดกองทัพหลวงของสุมาอี้ไว้ เราจะคิดกลอุบายทำลายกองทัพสุมาอี้เอง
อองเป๋งและเตียวเอ๊กได้ฟังดังนั้นก็รับคำ แล้วลาขงเบ้งออกไปจัดแจงทหารยกไปตั้งซุ่มอยู่สองข้างทางตามแผนการของขงเบ้งทุกประการ
เมื่ออองเป๋งและเตียวเอ๊กออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงเขียนหนังสือลับฉบับหนึ่งปิดผนึกใส่ซองหนังไว้ และเรียกเกียงอุยกับเลียวฮัวเข้ามาหา แล้วสั่งว่าเราคิดกลอุบายอันหนึ่งปิดผนึกไว้ในซองหนังนี้ ให้ท่านนำทหารม้าสามพันยกไปตั้งซุ่มอยู่บนเขาใกล้ ๆ กับที่ซึ่งอองเป๋งและเตียวเอ๊กยกไปตั้งซุ่มอยู่นั้น ถ้าทหารของสุมาอี้ล้อมอองเป๋งและเตียวเอ๊กไว้ไม่อาจตีฝ่าออกไปได้แล้ว ให้ท่านเปิดจดหมายลับในซองหนังนี้ และเร่งทำการตามอุบายที่กำหนดไว้นั้น กล่าวแล้วขงเบ้งจึงมอบจดหมายลับในซองหนังให้แก่เกียงอุย
เกียงอุยและเลียวฮัวมั่นใจในกลอุบายของขงเบ้ง พอได้ยินคำสั่งก็รับคำ รับซองหนังจากขงเบ้งแล้วรีบคำนับลาออกไปจัดแจงทหารยกตามอองเป๋งและเตียวเอ๊กไปแต่ในเพลานั้น
พอเกียงอุยและเลียวฮัวออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงเรียกงออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงีมาสั่งว่า พรุ่งนี้เวลาเช้าให้ท่านคุมทหารทำทีเป็นถอยทัพ เมื่อกองทัพหน้าของสุมาอี้ยกมาจงอย่าได้เห็นแก่การสู้รบเอาชัยชนะเลย ให้ทำทีรบพลางถอยพลาง เมื่อใดที่เห็นกวนหินคุมทหารเข้าตีกองทัพสุมาอี้แล้ว จึงให้กลับทหารกองหน้าเป็นกองหลัง กองหลังเป็นกองหน้า หันเข้าจู่โจมกองทัพสุมาอี้กระหนาบเข้าไป
งออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงีรับคำขงเบ้งแล้ว จึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหารและซักซ้อมแผนปฏิบัติการตั้งแต่คืนวันนั้น
พองออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงีออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงสั่งให้กวนหินคุมทหารห้าพันยกไปซุ่มอยู่ที่ซอกเขาใกล้ ๆ กับกองทหารของงออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงี กำชับว่าให้สังเกตดูสัญญาณธงแดงบนยอดเขา เมื่อเห็นเราโบกธงแดงเป็นสัญญาณแล้ว ก็ให้ยกทหารจู่โจมเข้าตีกองทัพของสุมาอี้
กวนหินรับคำขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร ฝ่ายขงเบ้งได้เรียกทหารคนสนิทมาซักซ้อมแผนการ ครั้นเวลาใกล้รุ่งขงเบ้งก็พาทหารขึ้นไปอยู่บนยอดเขา ในขณะที่กวนหินคุมทหารซุ่มอยู่ที่ซอกเขาข้างล่าง
ครั้นเวลาเช้าเตียวคับกับไต้เหลงยกกองทัพหน้าของวุยก๊กไล่ตามมาทันกับทหารของงอปั้น งออี้ ม้าตงและเตียวหงี เห็นทหารของขงเบ้งกำลังถอยทัพ เตียวคับจึงสั่งทหารให้โจมตีกองทัพเมืองเสฉวน
ทหารเมืองเสฉวนได้ซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี พอถูกโจมตีก็แสร้งรบพลางถอยพลาง กองหนึ่งรบถ่วงเวลา กองหนึ่งล่าถอยไปข้างหน้า แล้วผลัดเปลี่ยนให้กองที่รบถ่วงเวลาแกล้งถอยไปข้างหน้า กองที่ล่าถอยไปก่อนก็ตั้งสกัดกองทัพของเตียวคับไว้
ทหารเมืองเสฉวนรบหน่วงเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง กองทัพหน้าของเตียวคับก็หนุนเนื่องมาถึงจุดซุ่มของกวนหิน ในขณะนั้นเป็นเทศกาลหน้าร้อน อากาศร้อนจัด ทหารวุยก๊กถูก รบหน่วงประวิงเวลาหลายชั่วยามก็พากันหิวน้ำอ่อนล้าอิดโรยลง
ฝ่ายขงเบ้งยืนสังเกตการณ์อยู่บนยอดเขา เห็นทหารวุยก๊กอ่อนแรงอิดโรยลงดังนั้น จึงสั่งทหารให้โบกธงแดงเป็นสัญญาณ กวนหินซึ่งคุมทหารตั้งซุ่มอยู่ในซอกเขาเห็นสัญญาณแล้วจึงคุมทหารจู่โจมเข้าตีกลางกองทัพของเตียวคับ
ทหารเมืองเสฉวนได้โห่ร้องเข้าจู่โจมตัดเข้ากลางกองทัพของเตียวคับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทหารของเตียวคับจึงพากันแตกตื่นคุมกันไม่ติด ในขณะนั้นงออี้ งอปั้น ม้าตงและเตียวหงีได้ยินเสียงสู้รบเกิดขึ้นกลางกองทัพของเตียวคับตามแผนการของขงเบ้ง จึงสั่งทหารให้แปรขบวนกองหลังเป็นกองหน้า กองหน้าเป็นกองหลัง ตีกระหนาบกลับลงมา
ทหารเมืองเสฉวนเห็นได้ทีและทหารวุยก๊กกำลังรวนเร จึงพากันโห่ร้องเข้าตะลุมบอนอย่างเด็ดเดี่ยว ฆ่าฟันทหารของเตียวคับบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารของเตียวคับที่เหลือต้องแตกร่นไปทางด้านหลัง
ขงเบ้งเห็นทหารของเตียวคับแตกถอยร่นไปใกล้จุดซุ่มของเตียวเอ๊กและอองเป๋ง จึงสั่งให้จุดประทัดสัญญาณดังกึกก้องบนยอดเขา เตียวเอ๊กและอองเป๋งได้ยินเสียงประทัดสัญญาณจึงคุมทหารออกจากที่ซุ่ม โห่ร้องบุกเข้าตีกระหนาบกองทัพของเตียวคับ
เตียวคับและไต้เหลงตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมตีกระหนาบของกองทัพเมืองเสฉวนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในขณะที่กองทัพวุยก๊กก็แตกตื่นคุมกันไม่ติด จึงตัดสินใจสู้ตาย สั่งทหารให้ตีฝ่ากลับไปตามเส้นทางเดิมให้จงได้ ทหารเมืองเสฉวนก็รบต้านทานไว้เป็นสามารถ
ฝ่ายสุมาอี้ยกกองทัพหลวงตามกองทัพหน้าของเตียวคับมาห่าง ๆ แต่เพราะกองทัพหน้าของเตียวคับถูกรบถ่วงเวลาอยู่ถึงครึ่งวัน กองทัพสุมาอี้จึงหนุนตามเข้ามาใกล้ ดังนั้นในขณะที่กองทัพของเตียวคับกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ถูกล้อมตีกระหนาบทั้งหน้าหลัง กองทัพหลวงของสุมาอี้ก็ยกมาถึง
สุมาอี้เห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็รู้ว่าเตียวคับต้องกลของขงเบ้ง แต่มั่นใจว่าทหารกองทัพหลวงมีเป็นจำนวนมาก และเห็นทหารของอองเป๋งและเตียวเอ๊กซึ่งล้อมกระหนาบยันหน้ากองทัพเตียวคับไว้นั้นมีกำลังพลเพียงสองหมื่น จึงสั่งทหารในกองทัพหลวงให้จู่โจมหักเข้าไปช่วยเตียวคับ
กองทัพของอองเป๋งและเตียวเอ๊กจึงตกอยู่ในท่ามกลางการรบกระหนาบของทหารวุยก๊ก โดยกองทัพของเตียวคับซึ่งกำลังแตกถอยร่นตีเข้ามาทางด้านหน้า และกองทัพหลวงของสุมาอี้ตีกระหนาบเข้าไปทางด้านหลัง
เตียวเอ๊กเห็นกองทัพหลวงของสุมาอี้ยกมาตามแผนการของขงเบ้ง จึงสั่งทหารในบังคับบัญชาให้แปรขบวนกลับหน้าเข้าสกัดกองทัพของสุมาอี้ ทหารทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “ทหารทั้งสองฝ่ายถ้อยทีรบกันเป็นสามารถ ล้มตายลงในที่รบมากกว่ามาก”
ฝ่ายเกียงอุยและเลียวฮัวคุมทหารซุ่มอยู่บนภูเขา เห็นทหารของสุมาอี้ล้อมทหารของอองเป๋งและเตียวเอ๊กไว้ตามแผนการของขงเบ้ง และเห็นว่าอองเป๋งและเตียวเอ๊กถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาดังนั้น จึงเปิดซองหนังเอาจดหมายลับของขงเบ้งออกมาอ่าน
ปรากฏความในจดหมายลับของขงเบ้งนั้นว่า ถ้าสุมาอี้ยกกองทัพเข้าล้อมกองทัพของอองเป๋งและเตียวเอ๊กไว้แน่นหนาไม่สามารถตีฝ่าเอาชนะได้ ก็ให้รีบยกทหารย้อนไปยึดเอาค่ายสุมาอี้ไว้ สุมาอี้รู้ว่าเราแต่งทหารย้อนกลับไปยึดเอาค่าย ก็จะรีบพา ทหารกลับไปชิงเอาค่ายคืน ถ้าแลทหารสุมาอี้ยกไปชิงค่ายคืนนั้นมีจำนวนมาก ก็ให้ทิ้งค่ายแล้วรีบหนีกลับมา ถึงมาตรแม้นว่าจะชิงเอาค่ายสุมาอี้ไม่ได้ หรือต้องทิ้งค่ายก็ดี ความชอบก็จะมีแก่ท่านเป็นอันมาก
เกียงอุยและเลียวฮัวแจ้งในกลอุบายของขงเบ้งแล้ว จึงรีบพากองทัพม้ารีบยกไปที่ค่ายของสุมาอี้อย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงค่ายของสุมาอี้ปรากฏว่าทหารรักษาค่ายมีอยู่แต่น้อยตัว เพราะสุมาอี้เตรียมทหารยกตามเตียวคับไปเกือบหมดสิ้น กองทัพม้าของเกียงอุยและเลียวฮัวจู่โจมเข้าไปถึงค่าย ทหารของสุมาอี้ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว จึงถูกเกียงอุยและเลียวฮัวยึดค่ายได้โดยง่าย
ฝ่ายสุมาอี้ตั้งแต่ยกทหารออกจากค่าย ก็กริ่งใจว่าขงเบ้งจะลอบยกทหารย้อนมายึดเอาค่าย ดังนั้นตลอดรายทางจึงวางทหารลาดตระเวนไว้อย่างถี่ยิบ พอเกียงอุยและเลียวฮัวยกกองทัพม้าไปยึดค่าย หน่วยลาดตระเวนของสุมาอี้ก็รีบขึ้นไปแจ้งความให้สุมาอี้ทราบ แต่ไม่ทันที่สุมาอี้จะตัดสินใจประการใด หน่วยสอดแนมซึ่งอยู่ใกล้ค่ายก็ขี่ม้าไปรายงานให้ สุมาอี้ทราบว่า ขณะนี้ขงเบ้งได้ให้ทหารไปยึดเอาค่ายได้แล้ว
สุมาอี้ทราบความดังนั้นก็ตกใจ กล่าวตำหนิบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า เรา “รู้อยู่แล้วว่าขงเบ้งทำกล ท่านทั้งปวงมิฟังคำเราจึงเสียการ”
กล่าวแล้วสุมาอี้จึงสั่งให้ถอยทัพเพื่อจะกลับไปชิงเอาค่ายคืน เตียวคับและไต้เหลงตอนแรกรู้ว่ากองทัพหลวงยกหนุนมาช่วยก็มีกำลังใจสู้รบต่อไป ครั้นเห็นกองทัพหลวงล่าถอยกลับไปดื้อ ๆ ก็ประหลาดใจ รีบตีฝ่าออกจากที่ล้อมแต่ลำพัง ไล่ตามกองทัพของสุมาอี้ไป
ทหารเมืองเสฉวนเห็นได้ทีก็ยกไล่ตามตีทหารของสุมาอี้ ฆ่าฟันทหารของสุมาอี้และจับเชลยศึก ยึดศาสตราวุธและม้าได้เป็นจำนวนมาก
ฝ่ายเกียงอุยและเลียวฮัวเมื่อยึดค่ายสุมาอี้ได้แล้ว ก็ให้หน่วยลาดตระเวนสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกองทัพสุมาอี้ ครั้นได้ทราบรายงานจากทหารซึ่งอยู่บนหอคอยข้างในค่ายว่ากองทัพของสุมาอี้จำนวนมากกำลังยกย้อนกลับมา เกียงอุยเห็นเกินกำลังที่จะรักษาค่ายเอาไว้ได้จึงวางเพลิงเผาค่ายของสุมาอี้เสียเป็นหลายค่าย แล้วพา ทหารกลับไปหาขงเบ้ง.
ครั้นเตียวคับยกทหารออกไปแล้ว สุมาอี้จึงยกกองทัพหลวงหนุนตามเตียวคับเผื่อว่าหากคับขันประการใด จะได้ช่วยกันแก้ไข
ฝ่ายขงเบ้งเมื่อทำกลล่าถอยทัพสามครั้งสามหนแล้ว ก็ให้หน่วยสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพสุมาอี้ ครั้นหน่วยสอดแนมทราบความว่ากองทัพสุมาอี้ยกตามมาจึงนำความไปรายงานแก่ขงเบ้ง
พอค่ำลงขงเบ้งจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า ซึ่งสุมาอี้ยกกองทัพมาครั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะขัดใจแม่ทัพนายกองทั้งปวงไม่ได้ ถือได้ว่าเป็นกองทัพเสี่ยงตาย เห็นจะทำการสู้รบเต็มกำลัง แลทหารเอกของสุมาอี้นั้นมีกำลังและฝีมือเป็นอันมาก ไม่เห็นนายทหารผู้ใดจะออกไปต่อรบด้วยข้าศึกได้
ขงเบ้งกล่าวแล้วก็หันไปจ้องหน้าอุยเอี๋ยน แล้วแสร้งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง อุยเอี๋ยนรู้ทีขงเบ้งจึงแกล้งเพิกเฉยเสีย
อองเป๋งเห็นบรรยากาศในที่ประชุมเงียบงันลง จึงขออาสาเป็นกองหน้ายกไปรบกับกองทัพสุมาอี้
ขงเบ้งหวังจะยุให้อุยเอี๋ยนออกรบ แต่กลับกลายเป็นอองเป๋งอาสาเสียเอง จึงกล่าวว่าท่านอาสาเจ้าด้วยภักดีดังนี้ซาบซึ้งกินใจเรานัก แต่กองทัพสุมาอี้ยกมาครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะมุ่งมั่นสู้ตาย จึงกริ่งใจว่าท่านผู้เดียวจะรับมือกองทัพสุมาอี้ไม่ได้
เตียวเอ๊กได้ฟังดังนั้นจึงอาสาว่า ข้าพเจ้าขออาสายกทหารไปช่วยอองเป๋งรบกับสุมาอี้เอง ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งท่านอาสานี้ก็ชอบใจ แต่ทว่าเตียวคับทหารเอกของสุมาอี้นั้นมีกำลังฝีมือเข้มแข็งเป็นอันมาก เห็นว่าท่านจะมิใช่คู่มือของเตียวคับ กล่าวแล้วขงเบ้งก็แสร้งจ้องมองหน้าอุยเอี๋ยนอีก
อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็แสร้งทำนิ่งเฉยดังเดิม เตียวเอ๊กจึงกล่าวว่ามหาอุปราชอย่ายกย่องเตียวคับให้เสียขวัญกำลังใจของทหารเลย เตียวคับเป็นคน ข้าพเจ้าก็เป็นคน หาได้เกรงกลัวฝีมือของเตียวคับไม่ หากแม้นสู้ไม่ได้ข้าพเจ้าก็ขอยอมตายในที่รบ จะไม่กลับมาให้มหาอุปราชเห็นหน้าอีกเลย หรือแม้หากเสียทีแก่ข้าศึก ก็ขอให้มหาอุปราชตัดศีรษะข้าพเจ้าเสียเถิด
ขงเบ้งได้ฟังคำอาสาแข็งขันดังนั้น จึงหันไปกล่าวกับอองเป๋งและเตียวเอ๊กว่า เราจะจัดทหารให้ท่านคนละหมื่นยกไปซุ่มอยู่สองข้างทางซึ่งสุมาอี้จะยกมา ถ้ากองทัพหน้าของสุมาอี้ยกมาถึงก็ปล่อยให้ล่วงเข้ามาเถิด ต่อเมื่อได้ยินเสียงทหารเราจุดประทัดโห่ร้องเป็นสัญญาณแล้ว จึงค่อยยกออกตีกระหนาบหลังกระทบขึ้นมา
อองเป๋งจึงถามว่า ถ้ากองทัพหลวงของสุมาอี้ยกตามมาแล้วจะทำประการใด
ขงเบ้งจึงว่า ถ้ากองทัพหลวงของสุมาอี้ยกตามมา ก็ให้เตียวเอ๊กคุมทหารกลับหลังไปสกัดกองทัพหลวงของสุมาอี้ไว้ เราจะคิดกลอุบายทำลายกองทัพสุมาอี้เอง
อองเป๋งและเตียวเอ๊กได้ฟังดังนั้นก็รับคำ แล้วลาขงเบ้งออกไปจัดแจงทหารยกไปตั้งซุ่มอยู่สองข้างทางตามแผนการของขงเบ้งทุกประการ
เมื่ออองเป๋งและเตียวเอ๊กออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงเขียนหนังสือลับฉบับหนึ่งปิดผนึกใส่ซองหนังไว้ และเรียกเกียงอุยกับเลียวฮัวเข้ามาหา แล้วสั่งว่าเราคิดกลอุบายอันหนึ่งปิดผนึกไว้ในซองหนังนี้ ให้ท่านนำทหารม้าสามพันยกไปตั้งซุ่มอยู่บนเขาใกล้ ๆ กับที่ซึ่งอองเป๋งและเตียวเอ๊กยกไปตั้งซุ่มอยู่นั้น ถ้าทหารของสุมาอี้ล้อมอองเป๋งและเตียวเอ๊กไว้ไม่อาจตีฝ่าออกไปได้แล้ว ให้ท่านเปิดจดหมายลับในซองหนังนี้ และเร่งทำการตามอุบายที่กำหนดไว้นั้น กล่าวแล้วขงเบ้งจึงมอบจดหมายลับในซองหนังให้แก่เกียงอุย
เกียงอุยและเลียวฮัวมั่นใจในกลอุบายของขงเบ้ง พอได้ยินคำสั่งก็รับคำ รับซองหนังจากขงเบ้งแล้วรีบคำนับลาออกไปจัดแจงทหารยกตามอองเป๋งและเตียวเอ๊กไปแต่ในเพลานั้น
พอเกียงอุยและเลียวฮัวออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงเรียกงออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงีมาสั่งว่า พรุ่งนี้เวลาเช้าให้ท่านคุมทหารทำทีเป็นถอยทัพ เมื่อกองทัพหน้าของสุมาอี้ยกมาจงอย่าได้เห็นแก่การสู้รบเอาชัยชนะเลย ให้ทำทีรบพลางถอยพลาง เมื่อใดที่เห็นกวนหินคุมทหารเข้าตีกองทัพสุมาอี้แล้ว จึงให้กลับทหารกองหน้าเป็นกองหลัง กองหลังเป็นกองหน้า หันเข้าจู่โจมกองทัพสุมาอี้กระหนาบเข้าไป
งออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงีรับคำขงเบ้งแล้ว จึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหารและซักซ้อมแผนปฏิบัติการตั้งแต่คืนวันนั้น
พองออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงีออกไปแล้ว ขงเบ้งจึงสั่งให้กวนหินคุมทหารห้าพันยกไปซุ่มอยู่ที่ซอกเขาใกล้ ๆ กับกองทหารของงออี้ งอปั้น ม้าตง และเตียวหงี กำชับว่าให้สังเกตดูสัญญาณธงแดงบนยอดเขา เมื่อเห็นเราโบกธงแดงเป็นสัญญาณแล้ว ก็ให้ยกทหารจู่โจมเข้าตีกองทัพของสุมาอี้
กวนหินรับคำขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร ฝ่ายขงเบ้งได้เรียกทหารคนสนิทมาซักซ้อมแผนการ ครั้นเวลาใกล้รุ่งขงเบ้งก็พาทหารขึ้นไปอยู่บนยอดเขา ในขณะที่กวนหินคุมทหารซุ่มอยู่ที่ซอกเขาข้างล่าง
ครั้นเวลาเช้าเตียวคับกับไต้เหลงยกกองทัพหน้าของวุยก๊กไล่ตามมาทันกับทหารของงอปั้น งออี้ ม้าตงและเตียวหงี เห็นทหารของขงเบ้งกำลังถอยทัพ เตียวคับจึงสั่งทหารให้โจมตีกองทัพเมืองเสฉวน
ทหารเมืองเสฉวนได้ซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี พอถูกโจมตีก็แสร้งรบพลางถอยพลาง กองหนึ่งรบถ่วงเวลา กองหนึ่งล่าถอยไปข้างหน้า แล้วผลัดเปลี่ยนให้กองที่รบถ่วงเวลาแกล้งถอยไปข้างหน้า กองที่ล่าถอยไปก่อนก็ตั้งสกัดกองทัพของเตียวคับไว้
ทหารเมืองเสฉวนรบหน่วงเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง กองทัพหน้าของเตียวคับก็หนุนเนื่องมาถึงจุดซุ่มของกวนหิน ในขณะนั้นเป็นเทศกาลหน้าร้อน อากาศร้อนจัด ทหารวุยก๊กถูก รบหน่วงประวิงเวลาหลายชั่วยามก็พากันหิวน้ำอ่อนล้าอิดโรยลง
ฝ่ายขงเบ้งยืนสังเกตการณ์อยู่บนยอดเขา เห็นทหารวุยก๊กอ่อนแรงอิดโรยลงดังนั้น จึงสั่งทหารให้โบกธงแดงเป็นสัญญาณ กวนหินซึ่งคุมทหารตั้งซุ่มอยู่ในซอกเขาเห็นสัญญาณแล้วจึงคุมทหารจู่โจมเข้าตีกลางกองทัพของเตียวคับ
ทหารเมืองเสฉวนได้โห่ร้องเข้าจู่โจมตัดเข้ากลางกองทัพของเตียวคับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทหารของเตียวคับจึงพากันแตกตื่นคุมกันไม่ติด ในขณะนั้นงออี้ งอปั้น ม้าตงและเตียวหงีได้ยินเสียงสู้รบเกิดขึ้นกลางกองทัพของเตียวคับตามแผนการของขงเบ้ง จึงสั่งทหารให้แปรขบวนกองหลังเป็นกองหน้า กองหน้าเป็นกองหลัง ตีกระหนาบกลับลงมา
ทหารเมืองเสฉวนเห็นได้ทีและทหารวุยก๊กกำลังรวนเร จึงพากันโห่ร้องเข้าตะลุมบอนอย่างเด็ดเดี่ยว ฆ่าฟันทหารของเตียวคับบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารของเตียวคับที่เหลือต้องแตกร่นไปทางด้านหลัง
ขงเบ้งเห็นทหารของเตียวคับแตกถอยร่นไปใกล้จุดซุ่มของเตียวเอ๊กและอองเป๋ง จึงสั่งให้จุดประทัดสัญญาณดังกึกก้องบนยอดเขา เตียวเอ๊กและอองเป๋งได้ยินเสียงประทัดสัญญาณจึงคุมทหารออกจากที่ซุ่ม โห่ร้องบุกเข้าตีกระหนาบกองทัพของเตียวคับ
เตียวคับและไต้เหลงตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมตีกระหนาบของกองทัพเมืองเสฉวนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในขณะที่กองทัพวุยก๊กก็แตกตื่นคุมกันไม่ติด จึงตัดสินใจสู้ตาย สั่งทหารให้ตีฝ่ากลับไปตามเส้นทางเดิมให้จงได้ ทหารเมืองเสฉวนก็รบต้านทานไว้เป็นสามารถ
ฝ่ายสุมาอี้ยกกองทัพหลวงตามกองทัพหน้าของเตียวคับมาห่าง ๆ แต่เพราะกองทัพหน้าของเตียวคับถูกรบถ่วงเวลาอยู่ถึงครึ่งวัน กองทัพสุมาอี้จึงหนุนตามเข้ามาใกล้ ดังนั้นในขณะที่กองทัพของเตียวคับกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ถูกล้อมตีกระหนาบทั้งหน้าหลัง กองทัพหลวงของสุมาอี้ก็ยกมาถึง
สุมาอี้เห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็รู้ว่าเตียวคับต้องกลของขงเบ้ง แต่มั่นใจว่าทหารกองทัพหลวงมีเป็นจำนวนมาก และเห็นทหารของอองเป๋งและเตียวเอ๊กซึ่งล้อมกระหนาบยันหน้ากองทัพเตียวคับไว้นั้นมีกำลังพลเพียงสองหมื่น จึงสั่งทหารในกองทัพหลวงให้จู่โจมหักเข้าไปช่วยเตียวคับ
กองทัพของอองเป๋งและเตียวเอ๊กจึงตกอยู่ในท่ามกลางการรบกระหนาบของทหารวุยก๊ก โดยกองทัพของเตียวคับซึ่งกำลังแตกถอยร่นตีเข้ามาทางด้านหน้า และกองทัพหลวงของสุมาอี้ตีกระหนาบเข้าไปทางด้านหลัง
เตียวเอ๊กเห็นกองทัพหลวงของสุมาอี้ยกมาตามแผนการของขงเบ้ง จึงสั่งทหารในบังคับบัญชาให้แปรขบวนกลับหน้าเข้าสกัดกองทัพของสุมาอี้ ทหารทั้งสองฝ่ายได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “ทหารทั้งสองฝ่ายถ้อยทีรบกันเป็นสามารถ ล้มตายลงในที่รบมากกว่ามาก”
ฝ่ายเกียงอุยและเลียวฮัวคุมทหารซุ่มอยู่บนภูเขา เห็นทหารของสุมาอี้ล้อมทหารของอองเป๋งและเตียวเอ๊กไว้ตามแผนการของขงเบ้ง และเห็นว่าอองเป๋งและเตียวเอ๊กถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาดังนั้น จึงเปิดซองหนังเอาจดหมายลับของขงเบ้งออกมาอ่าน
ปรากฏความในจดหมายลับของขงเบ้งนั้นว่า ถ้าสุมาอี้ยกกองทัพเข้าล้อมกองทัพของอองเป๋งและเตียวเอ๊กไว้แน่นหนาไม่สามารถตีฝ่าเอาชนะได้ ก็ให้รีบยกทหารย้อนไปยึดเอาค่ายสุมาอี้ไว้ สุมาอี้รู้ว่าเราแต่งทหารย้อนกลับไปยึดเอาค่าย ก็จะรีบพา ทหารกลับไปชิงเอาค่ายคืน ถ้าแลทหารสุมาอี้ยกไปชิงค่ายคืนนั้นมีจำนวนมาก ก็ให้ทิ้งค่ายแล้วรีบหนีกลับมา ถึงมาตรแม้นว่าจะชิงเอาค่ายสุมาอี้ไม่ได้ หรือต้องทิ้งค่ายก็ดี ความชอบก็จะมีแก่ท่านเป็นอันมาก
เกียงอุยและเลียวฮัวแจ้งในกลอุบายของขงเบ้งแล้ว จึงรีบพากองทัพม้ารีบยกไปที่ค่ายของสุมาอี้อย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงค่ายของสุมาอี้ปรากฏว่าทหารรักษาค่ายมีอยู่แต่น้อยตัว เพราะสุมาอี้เตรียมทหารยกตามเตียวคับไปเกือบหมดสิ้น กองทัพม้าของเกียงอุยและเลียวฮัวจู่โจมเข้าไปถึงค่าย ทหารของสุมาอี้ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว จึงถูกเกียงอุยและเลียวฮัวยึดค่ายได้โดยง่าย
ฝ่ายสุมาอี้ตั้งแต่ยกทหารออกจากค่าย ก็กริ่งใจว่าขงเบ้งจะลอบยกทหารย้อนมายึดเอาค่าย ดังนั้นตลอดรายทางจึงวางทหารลาดตระเวนไว้อย่างถี่ยิบ พอเกียงอุยและเลียวฮัวยกกองทัพม้าไปยึดค่าย หน่วยลาดตระเวนของสุมาอี้ก็รีบขึ้นไปแจ้งความให้สุมาอี้ทราบ แต่ไม่ทันที่สุมาอี้จะตัดสินใจประการใด หน่วยสอดแนมซึ่งอยู่ใกล้ค่ายก็ขี่ม้าไปรายงานให้ สุมาอี้ทราบว่า ขณะนี้ขงเบ้งได้ให้ทหารไปยึดเอาค่ายได้แล้ว
สุมาอี้ทราบความดังนั้นก็ตกใจ กล่าวตำหนิบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า เรา “รู้อยู่แล้วว่าขงเบ้งทำกล ท่านทั้งปวงมิฟังคำเราจึงเสียการ”
กล่าวแล้วสุมาอี้จึงสั่งให้ถอยทัพเพื่อจะกลับไปชิงเอาค่ายคืน เตียวคับและไต้เหลงตอนแรกรู้ว่ากองทัพหลวงยกหนุนมาช่วยก็มีกำลังใจสู้รบต่อไป ครั้นเห็นกองทัพหลวงล่าถอยกลับไปดื้อ ๆ ก็ประหลาดใจ รีบตีฝ่าออกจากที่ล้อมแต่ลำพัง ไล่ตามกองทัพของสุมาอี้ไป
ทหารเมืองเสฉวนเห็นได้ทีก็ยกไล่ตามตีทหารของสุมาอี้ ฆ่าฟันทหารของสุมาอี้และจับเชลยศึก ยึดศาสตราวุธและม้าได้เป็นจำนวนมาก
ฝ่ายเกียงอุยและเลียวฮัวเมื่อยึดค่ายสุมาอี้ได้แล้ว ก็ให้หน่วยลาดตระเวนสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกองทัพสุมาอี้ ครั้นได้ทราบรายงานจากทหารซึ่งอยู่บนหอคอยข้างในค่ายว่ากองทัพของสุมาอี้จำนวนมากกำลังยกย้อนกลับมา เกียงอุยเห็นเกินกำลังที่จะรักษาค่ายเอาไว้ได้จึงวางเพลิงเผาค่ายของสุมาอี้เสียเป็นหลายค่าย แล้วพา ทหารกลับไปหาขงเบ้ง.