ตอนที่ 539. อุบาย "ลวงหน้าจริงหลัง"

ลกซุนเสนาธิการใหญ่ของง่อก๊กคิดแผนการให้จ๊กก๊กยกกองทัพไปตีวุยก๊กก่อน คอยท่าให้วุยก๊กอ่อนอิดโรยลงแล้วจึงค่อยยกกองทัพเข้าตีเมืองลกเอี๋ยง ขงเบ้งแจ้งในกลของลกซุน จึงแต่งกองทัพม้าให้เกียงอุยและอุยเอี๋ยนยกไปตีตำบลตันฉอง แล้วสั่งให้กวนหินและเตียวเปาลอบยกทหารไปอีกกองหนึ่ง ทำทีว่าทำการตามความคิดของลกซุน คอยท่าให้เมืองกังตั๋งยกไปตีเมืองลกเอี๋ยงแล้ว จึงค่อยยกกองทัพใหญ่ซ้ำตีอีกทีหนึ่ง

            ฝ่ายโกฉุยและเตียวคับซึ่งโจจิ๋นใช้ให้มารักษาด่านคอยป้องกันกองทัพจ๊กก๊กนั้น ครั้นได้ทราบว่าเฮ็กเจียวป่วยอาการมากก็วิตกว่าจะรักษาตำบลตันฉองไว้ไม่ได้ สองนายทหารจึงปรึกษาตกลงกันให้เตียวคับยกทหารสามพันยกหนุนไปช่วยเฮ็กเจียวรักษาตำบลตันฉอง

            ฝ่ายขงเบ้งเมื่อได้สั่งการกวนหินและเตียวเปาแล้ว ก็รีบจัดทหารม้าอีกกองหนึ่งรีบลอบยกตามกวนหินและเตียวเปาไปตั้งแต่กลางคืนวันนั้น

            อีกสองวันต่อมาอุยเอี๋ยนและเกียงอุยจัดแจงทหารแล้วเสร็จก็ยกกองทัพม้าออกจากเมืองฮันต๋งตรงไปที่ตำบลตันฉอง

            กองทัพของขงเบ้ง กวนหิน และเตียวเปา ได้ยกไปอย่างเงียบกริบ วกอ้อมทางไปด้านหลังตำบลตันฉองแล้วให้ทหารตั้งซุ่มอยู่ในป่า ห้ามมิให้ก่อฟืนไฟ เพื่อป้องกันมิให้ทหารวุยก๊กที่ตำบลตันฉองรู้ตัว แล้วแต่งทหารออกไปสอดแนมว่ากองทัพของอุยเอี๋ยนจะยกมาถึงเมื่อใด

            ฝ่ายเตียวคับครั้นยกทหารมาถึงตำบลตันฉองแล้วได้เข้าไปเยี่ยมอาการของเฮ็กเจียว เห็นเฮ็กเจียวป่วยหนักก็วิตกเป็นอันมาก รีบออกมากำชับทหารให้กวดขันการลาดตระเวน สืบข่าวคราวกองทัพเมืองฮันต๋ง

            ครั้นหน่วยลาดตระเวนกลับมารายงานว่า บัดนี้อุยเอี๋ยนและเกียงอุยได้ยกทหารม้าจะมาตีตำบลตันฉอง เตียวคับจึงเกณฑ์ทหารเพิ่มกำลังขึ้นรักษาด่านและเชิงเทิน คอยป้องกันทางด้านหน้าตำบลตันฉองไม่ให้กองทัพเมืองฮันต๋งหักเข้าตีค่ายได้

            ฝ่ายขงเบ้งเมื่อได้ทราบรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า กองทัพม้าของอุยเอี๋ยนและเกียงอุยกำลังยกมา และจะประชิดตำบลตันฉองในเวลาเช้าวันพรุ่งนี้ จึงสั่งทหารทั้งปวงให้รีบกินข้าวตั้งแต่เวลาบ่าย เตรียมกำลังทุกกองให้พร้อมไว้ ในขณะที่กองทัพวุยก๊กก็เตรียมพร้อมระวังด้านหน้าด่านที่กองทัพของอุยเอี๋ยนและเกียงอุยกำลังยกมา มิได้ระวังทางด้านหลังด่านแต่ประการใด

            ครั้นเวลายามหนึ่งขงเบ้งจึงให้ทหารปลอมเข้าไปในกำแพงด่าน แล้ววางเพลิงเผาบ้านเรือนและค่ายทหารข้างในด่านขึ้นพร้อมกันเป็นหลายจุด ทหารวุยก๊กซึ่งอยู่ภายในด่านไม่รู้ความก็แตกตื่นตกใจ พากันวิ่งหนีออกจากด่าน สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าทหารวุยก๊กเหยียบกันตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขงเบ้งเห็นได้ทีจึงยกทหารตีสวนเข้าไปในด่าน

            ทหารวุยก๊กกำลังแตกตื่นคุมกันไม่ติด จึงถูกทหารจ๊กก๊กฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารของขงเบ้งจู่โจมบุกเข้าไปถึงค่ายพักของเฮ็กเจียว

            ฝ่ายเฮ็กเจียวป่วยอาการหนักรักษาตัวอยู่ในค่าย ได้ยินเสียงทหารโห่ร้อง ลืมตามองออกไปด้านนอกเห็นแสงเพลิงลุกขึ้นในกำแพงด่านเป็นหลายแห่งก็ตกใจ พยุงตัวจะลุกขึ้นจากเตียงแต่สิ้นกำลังล้มลงขาดใจตาย

            ขงเบ้งคุมทหารจ๊กก๊กเข้ายึดด่านตำบลตันฉองไว้ได้โดยสะดวกตั้งแต่เวลาสองยาม แล้วสั่งให้ทหารเมืองเสฉวนปิดประตูด่าน ขึ้นรักษากำแพงและหอรบของด่านไว้เป็นมั่นคง

            พอฟ้าสางกองทัพม้าของอุยเอี๋ยนและเกียงอุยก็ยกมาถึงหน้าด่าน เห็นข้างในด่านเงียบสงัด ไม่เห็นทหารของเฮ็กเจียวรักษากำแพงด่าน กลับเห็นธงของจ๊กก๊กปักอยู่ตลอดแนวกำแพงด่านก็ประหลาดใจ ในพลันนั้นก็เห็นขงเบ้งเยี่ยมหน้าออกมาจากเสมากำแพง และร้องลงมาว่า “เป็นไฉนท่านทั้งสองจึงค่อยมาป่านนี้”

            อุยเอี๋ยนและเกียงอุยเห็นดังนั้นก็ยิ่งประหลาดใจ รีบชักม้าเข้าไปใกล้เชิงเทิน ลงจากหลังม้าคุกเข่าคำนับขงเบ้ง แล้วร้องถามขึ้นไปว่ามหาอุปราชทำประการใดจึงยึดได้ตำบลตันฉองก่อนพวกข้าพเจ้า

            ขงเบ้งจึงตอบลงไปว่า “เราแจ้งอยู่ว่าเฮ็กเจียวป่วยหนัก จึงเกณฑ์ให้ท่านทั้งสองรีบมา หวังจะให้กิตติศัพท์เลื่องลือ ให้เฮ็กเจียวระวังทัพท่านอยู่ เราจึงยกทหารลัดมาทางน้อย ปลอมเข้าจุดเพลิงเผาค่ายขึ้น ก็เข้าโจมตีเอาได้ง่าย”

            เกียงอุยและอุยเอี๋ยนได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นกล่าวสรรเสริญขงเบ้งพร้อมกันว่า ความคิดของมหาอุปราชทำการครั้งนี้เสมอด้วยเทพยดา เกินกว่าที่มนุษย์เดินดินจะหยั่งถึง

            ขงเบ้งหัวเราะแล้วสั่งเกียงอุยและอุยเอี๋ยนว่า ซึ่งได้ตำบลตันฉองนี้จะตั้งช้าอยู่นั้นไม่ได้ ข้าศึกตั้งตัวได้ทันแล้วยกมาโจมตีจะได้ยากแก่ทหาร ท่านทั้งสองอย่าเห็นแก่ยากลำบากเลย จงรีบยกไปตีเอาด่านซันกวนเสียโดยเร็ว อย่าให้ข้าศึกทันได้ระมัดระวังตัว

            อุยเอี๋ยนและเกียงอุยได้ยินดังนั้นจึงคำนับลาขงเบ้งกลับไปขึ้นม้า แล้วพาทหารยกไปที่ด่านซันกวน

            กองทัพม้าของอุยเอี๋ยนและเกียงอุยยกไปอย่างรวดเร็ว กว่าที่ชาวด่านซันกวนจะทราบข่าวกองทัพม้าของจ๊กก๊กก็ยกบุกเข้าไปในด่าน ชาวด่านและทหารซึ่งรักษาด่านไม่ทันรู้ตัวก็พากันแตกตื่นหนีออกจากด่าน ที่หนีไม่ทันก็ยอมจำนนแต่โดยดี อุยเอี๋ยนและเกียงอุยจึงเข้ายึดเอาด่านซันกวนได้โดยสะดวก

            ฝ่ายเตียวคับพาทหารแตกหนีมาจากตำบลตันฉอง คิดจะมาตั้งหลักต่อสู้ทหารจ๊กก๊กอยู่ที่ด่านซันกวน แต่พอยกทหารมาถึงหน้าด่านเห็นธงทิวบนกำแพงด่านเป็นธงของจ๊กก๊ก ก็รู้ว่าด่านซันกวนเสียแก่ขงเบ้งแล้ว จึงตกใจเป็นอันมาก รีบสั่งทหารให้ล่าถอย ในขณะนั้นเกียงอุยและอุยเอี๋ยนคุมทหารรักษาด่านซันกวนอยู่บนหอรบ เห็นเตียวคับกำลังพา ทหารล่าถอยจึงคุมทหารม้าออกไล่โจมตี ฆ่าฟันทหารของเตียวคับบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก เตียวคับรีบพาทหารที่เหลือหนีกระสานซ่านเซ็นเข้าไปในป่า จนพ้นการติดตามของทหารจ๊กก๊ก

            อุยเอี๋ยนและเกียงอุยได้ชัยชนะอย่างงดงามแล้วจึงพาทหารกลับเข้าไปในด่าน แล้วอุยเอี๋ยนจึงแต่งหนังสือให้เกียงอุยถือไปรายงานความให้ขงเบ้งทราบทุกประการ ขงเบ้งทราบความแล้วก็มีความยินดี สั่งให้เคลื่อนทัพตรงไปที่ตำบลเขากิสาน ให้ทหารตั้งค่ายมั่นไว้และให้เกณฑ์ทหารเพิ่มเติมมาจากเมืองฮันต๋ง

            วันรุ่งขึ้นขงเบ้งเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า “แต่เรายกมาทำการ ณ ตำบลกิสานนี้ ก็เสียทีต้องยกพลทหารกลับไปถึงสองครั้งแล้ว มิได้ชัยชนะเลย ครั้งนี้เราทำการได้สมคะเนเหมือนใจคิด เห็นสุมาอี้จะหมายว่าบัดนี้เราจะยกเข้าไปทางเมืองไปเซียแลเมืองหยงจิ๋ว ดีร้ายจะยกทหารมาสกัดทางอยู่คอยรบพุ่งเราเหมือนครั้งก่อน ครั้นเราจะยกกองทัพไปทางนั้นเล่าก็มิได้ จำจะยกไปทางเมืองอิมเป๋ง ปูเต๋า เดินหลีกเสีย ล่อเข้าไปตีเมืองอิมเป๋ง ปูเต๋าให้ได้ก่อน แม้ได้เมืองสองเมืองนี้แล้วก็เห็นจะทำการตลอดเข้าไปได้ถึงเมืองลกเอี๋ยง”

            เมื่อปรารภดังนั้นแล้วขงเบ้งจึงถามแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า จะมีผู้ใดอาสายกไปตีเอาเมืองอิมเป๋งและเมืองปูเต๋าบ้างเล่า

            เกียงอุยและอองเป๋งได้ยินดังนั้นจึงขันอาสา ขงเบ้งเห็นเป็นเกียงอุยและอองเป๋งซึ่งมีสติปัญญาและประสบการณ์ในการสงครามอาสาศึกก็มีความยินดี ตั้งให้เกียงอุยและอองเป๋งเป็นแม่ทัพคุมทหารคนละหมื่น ให้เกียงอุยยกไปตีเมืองปูเต๋า ให้อองเป๋งยกไปตีเมืองอิมเป๋ง

            สองนายทหารรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร แล้วยกไปแต่วันนั้น

            ฝ่ายเตียวคับครั้นเสียทีพาทหารแตกหนีเข้าไปในป่าแล้ว ได้เกลี้ยกล่อมทหารที่กระจัดกระจายแล้วพากันยกกลับไปเมืองเตียงอัน ครั้นถึงเมืองเตียงอันก็รีบเข้าไปหาโกฉุย เล่าความศึกทั้งปวงให้ทราบ แล้วว่าขณะนี้กองทัพขงเบ้งได้ยกล่วงเข้ามาตั้งอยู่ที่ตำบลเขากิสานแล้ว จะคิดอ่านประการใด

            โกฉุยจึงว่า ซึ่งเราจะยกไปรับศึกก็หาใช่คู่มือของขงเบ้งไม่ ทั้งจะเป็นการทำการนอกเหนือรับสั่ง ชอบที่จะทำฎีกากราบบังคมทูลให้พระเจ้าโจยอยทรงทราบ คอยฟังรับสั่งแล้วจึงค่อยทำการสืบไป

            เตียวคับได้ฟังความคิดของโกฉุยก็เห็นชอบ จึงร่วมกันแต่งฎีกาให้ทหารถือไปกราบบังคมทูลพระเจ้าโจยอย แล้วปรึกษากันต่อไปว่าขงเบ้งยกกองทัพมาตั้งที่เขากิสานครั้งนี้เห็นจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองไปเซียและเมืองหยงจิ๋ว จำจะแต่งทหารไปช่วยป้องกันรักษาเมืองทั้งสองนี้

            ครั้นปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันแล้ว จึงตกลงกันให้เตียวคับอยู่รักษาเมืองเตียงอัน ให้ซุนเล้ไปรักษาเมืองหยงจิ๋ว ส่วนโกฉุยยกทหารไปรักษาเมืองไปเซีย

            ฝ่ายพระเจ้าโจยอย ครั้นทรงทราบฎีกาของเตียวคับและโกฉุยแล้วก็ทรงวิตก พอดีฝ่ายข่าวกรองได้นำความเข้ามากราบบังคมทูลว่า เมืองกังตั๋งและเมืองเสฉวนได้คบคิดกันให้ขงเบ้งยกกองทัพตีมาทางภาคตะวันตก ลกซุนจะยกกองทัพตีมาจากทางใต้ ขณะนี้ลกซุนกำลังเกณฑ์ทหารจะยกมาตีเมืองลกเอี๋ยง

            พระเจ้าโจยอยได้ทราบรายงานดังนั้นก็ตกพระทัย วันรุ่งขึ้นจึงเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งปวง แล้วมีพระราชปรารภว่าจ๊กก๊กและวุยก๊กคบคิดกันดังนี้อันตรายจะมาถึงเมืองเรา ท่านทั้งปวงจะคิดอ่านประการใด

            สุมาอี้จึงเข้าไปกราบบังคมทูลว่า “พระองค์อย่าวิตกเลย อันเมืองกังตั๋งนั้นเห็นจะไม่มาทำร้ายเรา ด้วยเป็นอริกันอยู่กับเมืองเสฉวน ขงเบ้งคิดจะแก้แค้นเมื่อครั้งตำบลเฮาเต๋งอยู่มิได้ขาด บัดนี้คิดกลัวอยู่ว่ากองทัพเราจะยกไปตีเมืองเสฉวน เกรงซุนกวนจะพลอยทัพหลังเข้า จึงแกล้งแต่งกลไปประจบประแจงเสียหวังมิให้ทำร้าย ฝ่ายเมืองกังตั๋งก็ซังตายรับไว้เปล่า ๆ ด้วยเสียมิได้กลัวจะอาย ซึ่งลกซุนตระเตรียมทหารซักซ้อมไว้ทั้งนี้ทำแต่พอให้ขงเบ้งเชื่อมิให้ระแวงใจ ที่จริงนั้นลกซุนจะคอยดูเล่นดอก แม้ขงเบ้งเพลี่ยงพล้ำเราลงก็เห็นลกซุนจะซ้ำเอาอีก อันกองทัพเมืองกังตั๋งนั้นจะปรารมภ์ไปไย”

            สุมาอี้อ่านกลการเมืองระหว่างสามก๊กได้กระจ่างว่า ระหว่างจ๊กก๊กและง่อก๊กนั้นยังมีรอยแผลใจที่ไม่อาจลืมเลือนได้ แต่เกรงว่าวุยก๊กจะยกไปตี จึงทำทีเป็นพันธไมตรีต่อกัน ซึ่งลกซุนเตรียมกองทัพซักซ้อมเอิกเกริกนั้น เพียงเพื่อมิให้เสียไมตรีกับจ๊กก๊กเท่านั้น เห็นจะไม่ยกมาโจมตีวุยก๊ก จึงกราบบังคมทูลให้พระเจ้าโจยอยวางพระทัย แล้วถือเอาการศึกกับจ๊กก๊กเป็นด้านหลัก

            พระเจ้าโจยอยได้ฟังคำกราบทูลของสุมาอี้แล้วทรงตรัสสรรเสริญว่า สติปัญญาคิดอ่านความบ้านการเมืองของท่านรู้แจ้งแทงตลอด หาผู้ใดเสมอมิได้ ตรัสแล้วจึงโปรดเกล้าตั้งให้สุมาอี้เป็นแม่ทัพถืออาญาสิทธิ์บัญชาการทั้งทหารและพลเรือน ยกไปรบกับขงเบ้ง และให้เลื่อนตำแหน่งสุมาอี้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งแคว้นแทนตำแหน่งของโจจิ๋น

            แต่เพราะเหตุที่ตราประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้นได้พระราชทานให้แก่โจจิ๋นไปแล้ว จึงตรัสสั่งให้ข้าหลวงไปเรียกเอาตราประจำตำแหน่งคืนจากโจจิ๋น

            สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงเข้าไปถวายบังคมขอบพระทัยพระเจ้าโจยอย แล้วกราบทูลว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นที่พระองค์ไว้วางพระราชหฤทัย ซึ่งจะให้ข้าหลวงไปเวนคืนเอาตราสำคัญทางทหารจากโจจิ๋นนั้นกริ่งว่าโจจิ๋นจะไม่พอใจ แล้วจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมือง ด้วยเป็นธรรมดาของผู้ถือศาสตราอาวุธ ย่อมวางใจมิได้ ดีร้ายก็อาจใช้อาวุธแลอำนาจนั้นก่อปัญหาขึ้นได้ ข้าพระองค์จะคิดอ่านอุบายไปขอรับเอาตราสำคัญจากโจจิ๋นด้วยความพร้อมใจของโจจิ๋นเอง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร