ตอนที่ 537. กล "ลักเนื้อล่อเสือ"
กองทัพขงเบ้งไม่อาจลำเลียงเสบียงอาหารเป็นการใหญ่ได้เพราะต้องเคลื่อนทัพมาตามซอกเขาเล็ก ๆ ดังนั้นจึงมีเสบียงเหลือยันศึกเพียงเดือนเศษ พอขงเบ้งรู้ข่าวว่าข้าศึกกำลังลำเลียงเสบียงไปที่กองทัพโจหยินก็รู้สึกเฉลียวใจ จึงไต่สวนว่าใครเป็นนายทหารคุมเสบียง
ครั้นทราบความว่านายทหารของวุยก๊กที่คุมเสบียงในครั้งนี้คือซุนเล้ขุนนางฝ่ายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าโจยอยไว้วางพระราชหฤทัย ขงเบ้งก็แจ้งในกลอุบายของข้าศึก จึงปรารภกับแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า “โจจิ๋นนี้เห็นว่าเราขัดสนเสบียงอาหารอยู่แล้ว แกล้งแต่งซุนเล้ให้คุมลำเลียงมา หวังจะลวงเผาทหารเรา เราก็รู้อยู่ แต่แรกเราทำศึกมามีชัยชนะนั้นก็เพราะกลอุบายลวงเผาทหารข้าศึกอีก แลบัดนี้โจจิ๋นจะลักเอาความคิดของเรามาทำแก่เราผู้เจ้าของนี้ ยังจะได้อยู่หรือ”
ขงเบ้งปรารภดังนั้นแล้วจึงหัวเราะ และกล่าวว่าเราจะคิดกลลักเนื้อล่อเสือย้อนกลเอาเพลิงของโจจิ๋นเผาทหารโจจิ๋นให้วายวอดเสียในครั้งนี้
กล่าวแล้วขงเบ้งจึงสั่งม้าต้ายให้คุมทหารไปตีกองเสบียงของซุนเล้ แต่กำชับว่าอย่าได้เข้าปล้นชิงเอาเสบียง เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่ลมตะวันตกพัดกล้า ให้ยกทหารขึ้นไปทางด้านตะวันตกเหนือลม เมื่อซุนเล้คุมกองเสบียงมาถึงก็ให้จุดไฟเผาป่าลงมา เพลิงก็จะคลอกทหารของซุนเล้ตายสิ้น ม้าต้ายรับคำสั่งแล้วจึงคำนับลาขงเบ้งออกไปจัดแจงทหารและยกไปแต่เพลานั้น
ครั้นม้าต้ายออกไปแล้วขงเบ้งจึงกล่าวอีกว่า เมื่อโจจิ๋นรู้ว่าเรายกทหารไปตีกองเสบียงก็จะยกทหารมาปล้นเอาค่ายเรา ดังนั้นจึงให้ม้าตงและเตียวหงีคุมทหารห้าพันยกออกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าด้านนอกค่าย ถ้าโจจิ๋นยกทหารมาปล้นค่ายก็ให้ตีกระหนาบเข้ามา ม้าตงและเตียวหงีรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร
พอม้าตงและเตียวหงีกลับออกไป ขงเบ้งจึงเรียกกวนหินและเตียวเปาเข้ามาสั่งว่าซึ่งโจจิ๋นจะยกทหารมาปล้นค่ายเรานั้น ทหารในค่ายของโจจิ๋นก็จะเหลือแต่เบาบาง ให้เจ้าทั้งสองยกทหารไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้ค่ายของโจจิ๋น เมื่อโจจิ๋นยกทหารออกจากค่ายแล้วก็ให้ชิงเอาค่ายของโจจิ๋นให้จงได้ กวนหินและเตียวเปารับคำสั่งขงเบ้งแล้วก็คำนับลาออกไปจัดแจงการตามคำสั่ง
จากนั้นขงเบ้งจึงเรียกงอปั้นและงออี้มาสั่งว่า ซึ่งโจจิ๋นยกทหารมาปล้นค่ายเราในครั้งนี้เห็นจะเสียทีแตกกลับไปเป็นมั่นคง ให้ท่านคุมทหารยกไปสกัดต้นทางไว้ ถ้าโจจิ๋นเสียทีแตกหนีไปก็ให้ตีสกัดไว้ แล้วยึดเอาม้าและศาสตราวุธให้ได้จงมาก สองนายทหารรับคำสั่งขงเบ้งแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร
ครั้นสั่งการเสร็จสิ้นแล้ว ขงเบ้งจึงพาทหารคนสนิทและองครักษ์ออกจากค่ายขึ้นไปอยู่บนเนินเขาคอยสังเกตการณ์
ฝ่ายซุนเล้ครั้นคุมกองเสบียงมาถึงริมเขาด้านตะวันตกของค่ายโจจิ๋น หน่วยสอดแนมก็นำความมารายงานว่า ขงเบ้งได้แต่งทหารจะยกมาปล้นเสบียง ขณะนี้ทหารของขงเบ้งกำลังเคลื่อนออกจากค่ายแล้ว
ซุนเล้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี กระหยิ่มใจว่ากลอุบายซึ่งจะวางเพลิงเผาทหารขงเบ้งครั้งนี้จะบรรลุผลเป็นแม่นมั่น จึงสั่งม้าเร็วให้นำความไปรายงานแก่โจจิ๋น
โจจิ๋นทราบความก็มีความยินดี สั่งให้เตียวฮองและงักหลิมซึ่งเป็นนายทหารรองคุมทหารจากค่ายหน้าเป็นกองทัพหน้ายกไปที่ค่ายของขงเบ้ง สั่งว่าถ้าเห็นแสงเพลิงขึ้นที่เขาตะวันตก เป็นอันแสดงว่าซุนเล้ได้วางเพลิงเผาทหารของขงเบ้งซึ่งยกไปปล้นกองเสบียงแล้ว ให้ท่านยกทหารเข้าตีเอาค่ายของขงเบ้ง
เตียวฮองและงักหลิมรับคำสั่งแล้วรีบยกทหารไปซุ่มอยู่ใกล้ค่ายของขงเบ้ง แล้วพาทหารคนสนิทขึ้นไปคอยสังเกตการณ์อยู่บนเนินเขา
ฝ่ายซุนเล้ครั้นรายงานความแก่โจจิ๋นแล้วก็ทำทีเป็นไม่รู้นัย แสร้งคุมกองเสบียงมาตามปกติ พอค่ำลงก็ถึงเขาด้านตะวันตก จึงให้เอาเกวียนมากองสุมรวมกันเป็นวงทำนองเดียวกับว่าเป็นเกวียนเสบียงจริง ๆ แล้วแกล้งให้ทหารทำทีเป็นคุมเวรยามกวดขันรักษากองเสบียงนั้น คอยท่าให้ขงเบ้งยกทหารเข้าปล้นเอาเสบียง
ฝ่ายม้าต้ายยกทหารมาซุ่มคุมเชิงอยู่ก่อน ได้ให้ทหารไปสอดแนม เห็นซุนเล้และทหารวุยก๊กอารักขากองเสบียงเป็นแข็งขันดังนั้น จึงสั่งทหารให้กระจายกำลังล้อมแนวป่าด้านตะวันตกข้างเหนือลมแล้วจุดเพลิงขึ้น แสงเพลิงได้ไหม้ลามอย่างรวดเร็ว แสงโชติช่วงสว่างดุจเวลากลางวัน
แรงลมตะวันตกพัดกล้าไปทางด้านตะวันออก ซุนเล้เห็นไฟลุกลามเข้ามาก็ตกใจ สั่งทหารให้รีบไปดับไฟ แต่แรงเพลิงแรงกล้าด้วยแรงลมโหมติดเชื้อไฟที่สุมอยู่ในเกวียนเสบียง ถูกดินประสิวสุพรรณถันระเบิดดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นกองเพลิงใหญ่ร้อนแรงกล้า ไหม้เผาผลาญทหารซุนเล้ล้มตายลงในเพลิงเป็นอันมาก
ซุนเล้และทหารที่เหลือทานแรงร้อนไม่ได้ จึงพากันหนีไปทางด้านตะวันออก ม้าต้ายก็สั่งทหารให้ออกไปสกัดซุ่มยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถูกทหารของซุนเล้บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ตัวซุนเล้และทหารไม่กี่คนหนีรอดออกไปได้
ฝ่ายเตียวฮองและงักหลิมซึ่งยกทหารไปซุ่มอยู่ใกล้ค่ายของขงเบ้ง เห็นแสงเพลิงทอทาบท้องฟ้ามาแต่ข้างเขาด้านทิศตะวันตก สำคัญว่าซุนเล้ทำการสำเร็จตามแผนการแล้ว รีบพาทหารออกจากที่ซุ่ม รุกเข้าจู่โจมจะปล้นค่ายของขงเบ้ง
เตียวฮองและงักหลิมยกทหารออกจากป่า ยังไม่ทันถึงหน้าค่ายของขงเบ้ง ก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นจากแนวป่าข้างค่ายทั้งสองด้าน ม้าตงและเตียวหงีนายทหารเมืองเสฉวนได้คุมทหารตีกระหนาบเข้ามาพร้อมกัน และระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่ทหารของเตียวฮองและงักหลิม ทหารวุยก๊กไม่ทันรู้ตัวจึงถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เตียวฮองและงักหลิมรู้ว่าต้องกลอุบายก็ตกใจ รีบพาทหารล่าถอยกลับไปตามเส้นทางเดิม
แต่พอเตียวฮองและงักหลิมพาทหารหนีไปใกล้ปากทาง เสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นอีก งอปั้นและงออี้ได้คุมทหารออกมาสกัดไว้ ระดมยิงเกาทัณฑ์และโจมตีเข้ามาอย่างดุเดือด เตียวฮองและงักหลิมเห็นดังนั้นจึงรีบพาทหารที่เหลือไม่กี่คนตีฝ่าหนีออกไปทางข้างทางจะกลับไปค่าย
ฝ่ายกวนหินและเตียวเปายกทหารมาซุ่มอยู่หน้าค่ายหน้าของกองทัพวุยก๊ก ครั้นเห็นเตียวฮองและงักหลิมยกทหารออกจากค่าย จึงคอยท่าอยู่อีกพักใหญ่ แล้วยกทหารเข้าหักเอาค่ายได้โดยสะดวก และสั่งให้ทหารซุ่มกำลังอยู่ในค่ายเป็นปกติอยู่ พอเห็นเตียวฮองและงักหลิมยกทหารหนีตายกลับมา จึงให้ทหารระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ และยกออกไปฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายลงอีกเป็นจำนวนมาก
เตียวฮองและงักหลิมถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยิ่งตกใจ รีบพาทหารหนีกลับไปที่ค่ายหลวงของโจจิ๋น แล้วรายงานความทั้งปวงให้โจจิ๋นทราบ
โจจิ๋นทราบความก็เสียน้ำใจ ตั้งแต่วันนั้นจึงสั่งทหารให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในค่าย ไม่ให้ออกรบกับขงเบ้งอีก
ฝ่ายทหารเมืองเสฉวนครั้นได้ชัยชนะแล้วต่างพากันกลับไปค่าย
ขงเบ้งได้ทราบรายงานจากทหารทุกกองแล้วมีความยินดี แต่ปรารภว่าจำเป็นจะต้องเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวนโดยเร็วที่สุด
เอียวหงีได้ฟังดังนั้นจึงท้วงว่า “สงครามครั้งนี้ก็มีชัยชนะแก่ข้าศึกอยู่อีก ไฉนท่านจะให้ทหารกลับคืนไปเล่า”
ขงเบ้งจึงว่าชัยชนะจากการยุทธครั้งนี้ไม่อาจถือเป็นสิ่งชี้ขาดแพ้ชนะของสงครามได้ แม้ว่ากองทัพเราจะได้ชัยชนะเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารทั้งปวง แต่เสบียงอาหารนั้นเบาบางแล้ว หากเนิ่นช้าอยู่ข้าศึกยกอ้อมไปปิดเส้นทางถอยเสียก็จะขัดสน ประการหนึ่งทหารวุยก๊กก็ยกหนุนเนื่องมา กว่าจะเผด็จศึกได้ก็ต้องเสียเวลาเนิ่นช้า กองทัพขาดเสบียงก็จะรวนเร วุ่นวายไป “อันการทำศึก ถ้าเห็นจะชนะก็ควรรีบรัดทำเสียแต่ต้นมือ อันเราจะเลิกทัพบัดนี้เล่าก็เพราะเห็นว่ากองทัพเมืองลกเอี๋ยงมิอาจตามเรา”
เอียวหงีได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย ขงเบ้งจึงกล่าวสืบไปว่าซึ่งจะเลิกทัพกลับไปครั้งนี้ จะเลิกไปแต่มือเปล่าก็เสียดายนัก จำจะคิดกลอุบายให้อุยเอี๋ยนฆ่าอองสงเป็นกำไรติดมือเสียก่อน กล่าวดังนั้นแล้วขงเบ้งจึงเขียนจดหมายปิดผนึกให้ม้าเร็วถือไปมอบแก่อุยเอี๋ยนที่ตำบลตันฉอง แล้วขงเบ้งจึงสั่งให้เลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง
ฝ่ายโจจิ๋นหลังจากเสียรู้ถูกขงเบ้งซ้อนกลวางเพลิงเผาทหาร ต้องสูญเสียเป็นอันมากแล้วก็ตั้งมั่นอยู่ในค่าย คอยระมัดระวังมิให้กองทัพเมืองเสฉวนเข้ามาปล้นค่าย อยู่มาวันหนึ่งเตียวคับได้คุมทหารมาที่ด่านซึ่งโจจิ๋นรักษาอยู่ แล้วแจ้งแก่โจจิ๋นว่าบัดนี้ พระเจ้าโจยอยได้ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ายกทหารหนุนมาช่วยท่าน สุดแท้แต่ท่านจะบัญชา
โจจิ๋นได้ฟังจึงแสร้งถามว่า ซึ่งท่านยกมาครั้งนี้ได้ไปลาสุมาอี้ก่อนหรือไม่ เตียวคับก็ตอบไปโดยซื่อว่าข้าพเจ้าได้ไปลาสุมาอี้แล้ว โจจิ๋นจึงถามสืบไปว่าสุมาอี้ได้ว่ากล่าวประการใดหรือไม่
เตียวคับจึงตอบว่าสุมาอี้ได้คาดคะเนว่าถ้าขงเบ้งเสียทีแก่ท่าน ก็จะยกกองทัพมาตีด่าน แต่ถ้าหากขงเบ้งได้รับชัยชนะก็จะเลิกทัพกลับไป กล่าวแล้วเตียวคับจึงถามกลับไปว่าซึ่งท่านเสียทีแก่ขงเบ้งแล้ว ยังได้ให้ทหารออกไปลาดตระเวนสืบข่าวกองทัพของขงเบ้งบ้างหรือไม่
โจจิ๋นจึงว่าเราตั้งมั่นรักษาด่านมิให้เป็นอันตราย จึงมิได้ส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปสืบข่าวคราว เมื่อท่านกล่าวดังนี้ก็จะลองให้ทหารออกไปลาดตระเวนดู หลังจากนั้นไม่นานหน่วยลาดตระเวนก็กลับมารายงานว่า ขณะนี้กองทัพเมืองเสฉวนได้เลิกทัพกลับไปแล้ว
โจจิ๋นได้ฟังรายงานก็รู้สึกละอายใจที่มิรู้ทันกลขงเบ้ง และซ้ำร้ายกว่านั้นการทั้งปวงดูเหมือนว่าสุมาอี้จะมองข้ามศีรษะตัวไปทั้งสิ้น
ฝ่ายอุยเอี๋ยนคุมทหารตั้งมั่นคอยสกัดข้าศึกมิให้โอบหลังกระหนาบตีกองทัพของขงเบ้งอยู่ที่ตำบลตันฉอง ครั้นได้ทราบความจากหนังสือลับที่ขงเบ้งสั่งมาแล้วจึงสั่งทหารกองหนึ่งให้ยกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังค่ายของอองสง กำชับว่าถ้าอองสงยกทหารไล่ตามตีเรา ก็ให้จุดเพลิงเผาค่ายอองสงเสีย แล้วให้รีบหนีกลับไปเมืองฮันต๋ง
ครั้นสั่งการเสร็จแล้ว อุยเอี๋ยนจึงให้ตีม้าล่อฆ้องกลองเป็นสัญญาณเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง และให้ทหารเดินทัพออกจากค่ายเป็นการเอิกเกริก ตัวอุยเอี๋ยนคุมทหารฝีมือดีสามสิบคนซุ่มอยู่ในป่าข้างทาง
ฝ่ายอองสงคุมทหารคุมเชิงกองทัพของอุยเอี๋ยนอยู่ ค่ำวันหนึ่งหน่วยสอดแนมได้มารายงานว่าเมื่อบ่ายใกล้พลบวันนี้กองทัพเมืองเสฉวนได้เลิกทัพกลับไปแล้ว อองสงได้ทราบรายงานก็มีความยินดี รีบจัดทหารยกตามกองทัพเมืองเสฉวนเพื่อจะไล่ตามตีตามกระบวนศึก
พออองสงคุมทหารออกจากค่ายได้พักใหญ่ ทหารของอุยเอี๋ยนซึ่งยกไปซุ่มอยู่ด้านหลังค่ายก็วางเพลิงเผาค่ายของอองสง และระดมยิงธนูเพลิงเข้าไปในค่าย ไฟก็ไหม้ค่ายของอองสงเป็นอันมาก แสงเพลิงทาบท้องฟ้าสว่างไสว ทหารของอุยเอี๋ยนซึ่งลอบไปวางเพลิงนั้นจึงพากันหนีกลับไปเมืองฮันต๋ง
ฝ่ายอองสงคุมทหารไล่ตามตีทหารเมืองเสฉวน เห็นแสงเพลิงลุกสว่างมาจากทางค่าย รู้ว่าต้องกลของอุยเอี๋ยนก็ตกใจ จึงรีบสั่งทหารให้ถอยกลับไปค่าย แต่พอมาถึงกลางทางพลันได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารดังมาจากแนวป่า อองสงก็ตกใจ ม้าที่ขี่นั้นผงะชะงักอยู่
ในทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดดังขึ้นว่ากูชื่ออุยเอี๋ยน จะมาเอาชีวิตมึงแล้ว อองสงตื่นจากตะลึงรีบกระชับง้าวในมือ แต่พลันนั้นอุยเอี๋ยนก็เอาง้าวฟันถูกอองสงขาดสองท่อนถึงแก่ความตาย ทหารของอองสงเห็นตัวนายถึงแก่ความตายก็พากันแตกหนีไปสิ้น อุยเอี๋ยนทำการสำเร็จตามคำสั่งของขงเบ้งแล้ว จึงพาทหารกลับไปเมืองฮันต๋ง รายงานความให้ขงเบ้งทราบทุกประการ.
ครั้นทราบความว่านายทหารของวุยก๊กที่คุมเสบียงในครั้งนี้คือซุนเล้ขุนนางฝ่ายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าโจยอยไว้วางพระราชหฤทัย ขงเบ้งก็แจ้งในกลอุบายของข้าศึก จึงปรารภกับแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า “โจจิ๋นนี้เห็นว่าเราขัดสนเสบียงอาหารอยู่แล้ว แกล้งแต่งซุนเล้ให้คุมลำเลียงมา หวังจะลวงเผาทหารเรา เราก็รู้อยู่ แต่แรกเราทำศึกมามีชัยชนะนั้นก็เพราะกลอุบายลวงเผาทหารข้าศึกอีก แลบัดนี้โจจิ๋นจะลักเอาความคิดของเรามาทำแก่เราผู้เจ้าของนี้ ยังจะได้อยู่หรือ”
ขงเบ้งปรารภดังนั้นแล้วจึงหัวเราะ และกล่าวว่าเราจะคิดกลลักเนื้อล่อเสือย้อนกลเอาเพลิงของโจจิ๋นเผาทหารโจจิ๋นให้วายวอดเสียในครั้งนี้
กล่าวแล้วขงเบ้งจึงสั่งม้าต้ายให้คุมทหารไปตีกองเสบียงของซุนเล้ แต่กำชับว่าอย่าได้เข้าปล้นชิงเอาเสบียง เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่ลมตะวันตกพัดกล้า ให้ยกทหารขึ้นไปทางด้านตะวันตกเหนือลม เมื่อซุนเล้คุมกองเสบียงมาถึงก็ให้จุดไฟเผาป่าลงมา เพลิงก็จะคลอกทหารของซุนเล้ตายสิ้น ม้าต้ายรับคำสั่งแล้วจึงคำนับลาขงเบ้งออกไปจัดแจงทหารและยกไปแต่เพลานั้น
ครั้นม้าต้ายออกไปแล้วขงเบ้งจึงกล่าวอีกว่า เมื่อโจจิ๋นรู้ว่าเรายกทหารไปตีกองเสบียงก็จะยกทหารมาปล้นเอาค่ายเรา ดังนั้นจึงให้ม้าตงและเตียวหงีคุมทหารห้าพันยกออกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าด้านนอกค่าย ถ้าโจจิ๋นยกทหารมาปล้นค่ายก็ให้ตีกระหนาบเข้ามา ม้าตงและเตียวหงีรับคำสั่งขงเบ้งแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร
พอม้าตงและเตียวหงีกลับออกไป ขงเบ้งจึงเรียกกวนหินและเตียวเปาเข้ามาสั่งว่าซึ่งโจจิ๋นจะยกทหารมาปล้นค่ายเรานั้น ทหารในค่ายของโจจิ๋นก็จะเหลือแต่เบาบาง ให้เจ้าทั้งสองยกทหารไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้ค่ายของโจจิ๋น เมื่อโจจิ๋นยกทหารออกจากค่ายแล้วก็ให้ชิงเอาค่ายของโจจิ๋นให้จงได้ กวนหินและเตียวเปารับคำสั่งขงเบ้งแล้วก็คำนับลาออกไปจัดแจงการตามคำสั่ง
จากนั้นขงเบ้งจึงเรียกงอปั้นและงออี้มาสั่งว่า ซึ่งโจจิ๋นยกทหารมาปล้นค่ายเราในครั้งนี้เห็นจะเสียทีแตกกลับไปเป็นมั่นคง ให้ท่านคุมทหารยกไปสกัดต้นทางไว้ ถ้าโจจิ๋นเสียทีแตกหนีไปก็ให้ตีสกัดไว้ แล้วยึดเอาม้าและศาสตราวุธให้ได้จงมาก สองนายทหารรับคำสั่งขงเบ้งแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงทหาร
ครั้นสั่งการเสร็จสิ้นแล้ว ขงเบ้งจึงพาทหารคนสนิทและองครักษ์ออกจากค่ายขึ้นไปอยู่บนเนินเขาคอยสังเกตการณ์
ฝ่ายซุนเล้ครั้นคุมกองเสบียงมาถึงริมเขาด้านตะวันตกของค่ายโจจิ๋น หน่วยสอดแนมก็นำความมารายงานว่า ขงเบ้งได้แต่งทหารจะยกมาปล้นเสบียง ขณะนี้ทหารของขงเบ้งกำลังเคลื่อนออกจากค่ายแล้ว
ซุนเล้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี กระหยิ่มใจว่ากลอุบายซึ่งจะวางเพลิงเผาทหารขงเบ้งครั้งนี้จะบรรลุผลเป็นแม่นมั่น จึงสั่งม้าเร็วให้นำความไปรายงานแก่โจจิ๋น
โจจิ๋นทราบความก็มีความยินดี สั่งให้เตียวฮองและงักหลิมซึ่งเป็นนายทหารรองคุมทหารจากค่ายหน้าเป็นกองทัพหน้ายกไปที่ค่ายของขงเบ้ง สั่งว่าถ้าเห็นแสงเพลิงขึ้นที่เขาตะวันตก เป็นอันแสดงว่าซุนเล้ได้วางเพลิงเผาทหารของขงเบ้งซึ่งยกไปปล้นกองเสบียงแล้ว ให้ท่านยกทหารเข้าตีเอาค่ายของขงเบ้ง
เตียวฮองและงักหลิมรับคำสั่งแล้วรีบยกทหารไปซุ่มอยู่ใกล้ค่ายของขงเบ้ง แล้วพาทหารคนสนิทขึ้นไปคอยสังเกตการณ์อยู่บนเนินเขา
ฝ่ายซุนเล้ครั้นรายงานความแก่โจจิ๋นแล้วก็ทำทีเป็นไม่รู้นัย แสร้งคุมกองเสบียงมาตามปกติ พอค่ำลงก็ถึงเขาด้านตะวันตก จึงให้เอาเกวียนมากองสุมรวมกันเป็นวงทำนองเดียวกับว่าเป็นเกวียนเสบียงจริง ๆ แล้วแกล้งให้ทหารทำทีเป็นคุมเวรยามกวดขันรักษากองเสบียงนั้น คอยท่าให้ขงเบ้งยกทหารเข้าปล้นเอาเสบียง
ฝ่ายม้าต้ายยกทหารมาซุ่มคุมเชิงอยู่ก่อน ได้ให้ทหารไปสอดแนม เห็นซุนเล้และทหารวุยก๊กอารักขากองเสบียงเป็นแข็งขันดังนั้น จึงสั่งทหารให้กระจายกำลังล้อมแนวป่าด้านตะวันตกข้างเหนือลมแล้วจุดเพลิงขึ้น แสงเพลิงได้ไหม้ลามอย่างรวดเร็ว แสงโชติช่วงสว่างดุจเวลากลางวัน
แรงลมตะวันตกพัดกล้าไปทางด้านตะวันออก ซุนเล้เห็นไฟลุกลามเข้ามาก็ตกใจ สั่งทหารให้รีบไปดับไฟ แต่แรงเพลิงแรงกล้าด้วยแรงลมโหมติดเชื้อไฟที่สุมอยู่ในเกวียนเสบียง ถูกดินประสิวสุพรรณถันระเบิดดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นกองเพลิงใหญ่ร้อนแรงกล้า ไหม้เผาผลาญทหารซุนเล้ล้มตายลงในเพลิงเป็นอันมาก
ซุนเล้และทหารที่เหลือทานแรงร้อนไม่ได้ จึงพากันหนีไปทางด้านตะวันออก ม้าต้ายก็สั่งทหารให้ออกไปสกัดซุ่มยิงด้วยเกาทัณฑ์ ถูกทหารของซุนเล้บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก ตัวซุนเล้และทหารไม่กี่คนหนีรอดออกไปได้
ฝ่ายเตียวฮองและงักหลิมซึ่งยกทหารไปซุ่มอยู่ใกล้ค่ายของขงเบ้ง เห็นแสงเพลิงทอทาบท้องฟ้ามาแต่ข้างเขาด้านทิศตะวันตก สำคัญว่าซุนเล้ทำการสำเร็จตามแผนการแล้ว รีบพาทหารออกจากที่ซุ่ม รุกเข้าจู่โจมจะปล้นค่ายของขงเบ้ง
เตียวฮองและงักหลิมยกทหารออกจากป่า ยังไม่ทันถึงหน้าค่ายของขงเบ้ง ก็ได้ยินเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้นจากแนวป่าข้างค่ายทั้งสองด้าน ม้าตงและเตียวหงีนายทหารเมืองเสฉวนได้คุมทหารตีกระหนาบเข้ามาพร้อมกัน และระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่ทหารของเตียวฮองและงักหลิม ทหารวุยก๊กไม่ทันรู้ตัวจึงถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เตียวฮองและงักหลิมรู้ว่าต้องกลอุบายก็ตกใจ รีบพาทหารล่าถอยกลับไปตามเส้นทางเดิม
แต่พอเตียวฮองและงักหลิมพาทหารหนีไปใกล้ปากทาง เสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นอีก งอปั้นและงออี้ได้คุมทหารออกมาสกัดไว้ ระดมยิงเกาทัณฑ์และโจมตีเข้ามาอย่างดุเดือด เตียวฮองและงักหลิมเห็นดังนั้นจึงรีบพาทหารที่เหลือไม่กี่คนตีฝ่าหนีออกไปทางข้างทางจะกลับไปค่าย
ฝ่ายกวนหินและเตียวเปายกทหารมาซุ่มอยู่หน้าค่ายหน้าของกองทัพวุยก๊ก ครั้นเห็นเตียวฮองและงักหลิมยกทหารออกจากค่าย จึงคอยท่าอยู่อีกพักใหญ่ แล้วยกทหารเข้าหักเอาค่ายได้โดยสะดวก และสั่งให้ทหารซุ่มกำลังอยู่ในค่ายเป็นปกติอยู่ พอเห็นเตียวฮองและงักหลิมยกทหารหนีตายกลับมา จึงให้ทหารระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์ และยกออกไปฆ่าฟันทหารวุยก๊กบาดเจ็บล้มตายลงอีกเป็นจำนวนมาก
เตียวฮองและงักหลิมถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยิ่งตกใจ รีบพาทหารหนีกลับไปที่ค่ายหลวงของโจจิ๋น แล้วรายงานความทั้งปวงให้โจจิ๋นทราบ
โจจิ๋นทราบความก็เสียน้ำใจ ตั้งแต่วันนั้นจึงสั่งทหารให้ตั้งมั่นอยู่แต่ในค่าย ไม่ให้ออกรบกับขงเบ้งอีก
ฝ่ายทหารเมืองเสฉวนครั้นได้ชัยชนะแล้วต่างพากันกลับไปค่าย
ขงเบ้งได้ทราบรายงานจากทหารทุกกองแล้วมีความยินดี แต่ปรารภว่าจำเป็นจะต้องเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวนโดยเร็วที่สุด
เอียวหงีได้ฟังดังนั้นจึงท้วงว่า “สงครามครั้งนี้ก็มีชัยชนะแก่ข้าศึกอยู่อีก ไฉนท่านจะให้ทหารกลับคืนไปเล่า”
ขงเบ้งจึงว่าชัยชนะจากการยุทธครั้งนี้ไม่อาจถือเป็นสิ่งชี้ขาดแพ้ชนะของสงครามได้ แม้ว่ากองทัพเราจะได้ชัยชนะเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารทั้งปวง แต่เสบียงอาหารนั้นเบาบางแล้ว หากเนิ่นช้าอยู่ข้าศึกยกอ้อมไปปิดเส้นทางถอยเสียก็จะขัดสน ประการหนึ่งทหารวุยก๊กก็ยกหนุนเนื่องมา กว่าจะเผด็จศึกได้ก็ต้องเสียเวลาเนิ่นช้า กองทัพขาดเสบียงก็จะรวนเร วุ่นวายไป “อันการทำศึก ถ้าเห็นจะชนะก็ควรรีบรัดทำเสียแต่ต้นมือ อันเราจะเลิกทัพบัดนี้เล่าก็เพราะเห็นว่ากองทัพเมืองลกเอี๋ยงมิอาจตามเรา”
เอียวหงีได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย ขงเบ้งจึงกล่าวสืบไปว่าซึ่งจะเลิกทัพกลับไปครั้งนี้ จะเลิกไปแต่มือเปล่าก็เสียดายนัก จำจะคิดกลอุบายให้อุยเอี๋ยนฆ่าอองสงเป็นกำไรติดมือเสียก่อน กล่าวดังนั้นแล้วขงเบ้งจึงเขียนจดหมายปิดผนึกให้ม้าเร็วถือไปมอบแก่อุยเอี๋ยนที่ตำบลตันฉอง แล้วขงเบ้งจึงสั่งให้เลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง
ฝ่ายโจจิ๋นหลังจากเสียรู้ถูกขงเบ้งซ้อนกลวางเพลิงเผาทหาร ต้องสูญเสียเป็นอันมากแล้วก็ตั้งมั่นอยู่ในค่าย คอยระมัดระวังมิให้กองทัพเมืองเสฉวนเข้ามาปล้นค่าย อยู่มาวันหนึ่งเตียวคับได้คุมทหารมาที่ด่านซึ่งโจจิ๋นรักษาอยู่ แล้วแจ้งแก่โจจิ๋นว่าบัดนี้ พระเจ้าโจยอยได้ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ายกทหารหนุนมาช่วยท่าน สุดแท้แต่ท่านจะบัญชา
โจจิ๋นได้ฟังจึงแสร้งถามว่า ซึ่งท่านยกมาครั้งนี้ได้ไปลาสุมาอี้ก่อนหรือไม่ เตียวคับก็ตอบไปโดยซื่อว่าข้าพเจ้าได้ไปลาสุมาอี้แล้ว โจจิ๋นจึงถามสืบไปว่าสุมาอี้ได้ว่ากล่าวประการใดหรือไม่
เตียวคับจึงตอบว่าสุมาอี้ได้คาดคะเนว่าถ้าขงเบ้งเสียทีแก่ท่าน ก็จะยกกองทัพมาตีด่าน แต่ถ้าหากขงเบ้งได้รับชัยชนะก็จะเลิกทัพกลับไป กล่าวแล้วเตียวคับจึงถามกลับไปว่าซึ่งท่านเสียทีแก่ขงเบ้งแล้ว ยังได้ให้ทหารออกไปลาดตระเวนสืบข่าวกองทัพของขงเบ้งบ้างหรือไม่
โจจิ๋นจึงว่าเราตั้งมั่นรักษาด่านมิให้เป็นอันตราย จึงมิได้ส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปสืบข่าวคราว เมื่อท่านกล่าวดังนี้ก็จะลองให้ทหารออกไปลาดตระเวนดู หลังจากนั้นไม่นานหน่วยลาดตระเวนก็กลับมารายงานว่า ขณะนี้กองทัพเมืองเสฉวนได้เลิกทัพกลับไปแล้ว
โจจิ๋นได้ฟังรายงานก็รู้สึกละอายใจที่มิรู้ทันกลขงเบ้ง และซ้ำร้ายกว่านั้นการทั้งปวงดูเหมือนว่าสุมาอี้จะมองข้ามศีรษะตัวไปทั้งสิ้น
ฝ่ายอุยเอี๋ยนคุมทหารตั้งมั่นคอยสกัดข้าศึกมิให้โอบหลังกระหนาบตีกองทัพของขงเบ้งอยู่ที่ตำบลตันฉอง ครั้นได้ทราบความจากหนังสือลับที่ขงเบ้งสั่งมาแล้วจึงสั่งทหารกองหนึ่งให้ยกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังค่ายของอองสง กำชับว่าถ้าอองสงยกทหารไล่ตามตีเรา ก็ให้จุดเพลิงเผาค่ายอองสงเสีย แล้วให้รีบหนีกลับไปเมืองฮันต๋ง
ครั้นสั่งการเสร็จแล้ว อุยเอี๋ยนจึงให้ตีม้าล่อฆ้องกลองเป็นสัญญาณเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง และให้ทหารเดินทัพออกจากค่ายเป็นการเอิกเกริก ตัวอุยเอี๋ยนคุมทหารฝีมือดีสามสิบคนซุ่มอยู่ในป่าข้างทาง
ฝ่ายอองสงคุมทหารคุมเชิงกองทัพของอุยเอี๋ยนอยู่ ค่ำวันหนึ่งหน่วยสอดแนมได้มารายงานว่าเมื่อบ่ายใกล้พลบวันนี้กองทัพเมืองเสฉวนได้เลิกทัพกลับไปแล้ว อองสงได้ทราบรายงานก็มีความยินดี รีบจัดทหารยกตามกองทัพเมืองเสฉวนเพื่อจะไล่ตามตีตามกระบวนศึก
พออองสงคุมทหารออกจากค่ายได้พักใหญ่ ทหารของอุยเอี๋ยนซึ่งยกไปซุ่มอยู่ด้านหลังค่ายก็วางเพลิงเผาค่ายของอองสง และระดมยิงธนูเพลิงเข้าไปในค่าย ไฟก็ไหม้ค่ายของอองสงเป็นอันมาก แสงเพลิงทาบท้องฟ้าสว่างไสว ทหารของอุยเอี๋ยนซึ่งลอบไปวางเพลิงนั้นจึงพากันหนีกลับไปเมืองฮันต๋ง
ฝ่ายอองสงคุมทหารไล่ตามตีทหารเมืองเสฉวน เห็นแสงเพลิงลุกสว่างมาจากทางค่าย รู้ว่าต้องกลของอุยเอี๋ยนก็ตกใจ จึงรีบสั่งทหารให้ถอยกลับไปค่าย แต่พอมาถึงกลางทางพลันได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารดังมาจากแนวป่า อองสงก็ตกใจ ม้าที่ขี่นั้นผงะชะงักอยู่
ในทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดดังขึ้นว่ากูชื่ออุยเอี๋ยน จะมาเอาชีวิตมึงแล้ว อองสงตื่นจากตะลึงรีบกระชับง้าวในมือ แต่พลันนั้นอุยเอี๋ยนก็เอาง้าวฟันถูกอองสงขาดสองท่อนถึงแก่ความตาย ทหารของอองสงเห็นตัวนายถึงแก่ความตายก็พากันแตกหนีไปสิ้น อุยเอี๋ยนทำการสำเร็จตามคำสั่งของขงเบ้งแล้ว จึงพาทหารกลับไปเมืองฮันต๋ง รายงานความให้ขงเบ้งทราบทุกประการ.