ตอนที่ 535. หลีกขวากหนามรุกสู่เป้าหมาย
พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดพรรษา เดือนยี่ ขงเบ้งได้รับพระบรมราชโองการจากพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้กรีฑาทัพบุกวุยก๊กครั้งที่สอง การบุก วุยก๊กครั้งนี้ได้เปลี่ยนเส้นทางเดินทัพรุกเข้าไปทางตำบลตันฉองซึ่งสุมาอี้ได้ให้เฮ็กเจียวมาก่อกำแพงปิดเส้นทาง และจัดทหารดูแลรักษาเส้นทางไว้
ทหารของเฮ็กเจียวตั้งอยู่ในชัยภูมิที่มั่นคงกว่าฝ่ายที่เข้าตี ดังนั้นจึงใช้เกาทัณฑ์ระดมยิง ทั้งทำลายบันไดและพะองที่ทหารขงเบ้งใช้หักเข้าตีกำแพงอย่างดุเดือด ทหารของขงเบ้งบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก จึงต้องพากันล่าถอยออกมาจากแนวกำแพง
ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงให้ทหารเอาไม้ไผ่มาขัดแตะเป็นฟากใช้สำหรับป้องกันลูกเกาทัณฑ์ แล้วหักเข้าตีกำแพงใหม่ เฮ็กเจียวเห็นดังนั้นจึงให้ทหารเอาเชือกผูกก้อนศิลาแล้วทิ้งใส่ฟากไม่ไผ่ที่ใช้กำบังตัวในการบุกขึ้นมาบนกำแพง
ก้อนศิลาถูกฟากไม้ไผ่ทำให้ทหารขงเบ้งเสียหลักร่วงหล่นและพลัดตกลงจากบันไดเป็นจำนวนมาก สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “เฮ็กเจียวเห็นทหารขงเบ้งทำแตะขังตัวเข้ามากันลูกเกาทัณฑ์ดังนั้น ก็ให้ทหารขนเอาก้อนศิลาผูกเชือกเข้าทิ้งลงไป ทหารขงเบ้งเอาแตะขึ้นรับทานมิได้ก็ถูกเจ็บปวดล้มตาย ครั้นจะชิงเอาก้อนศิลาก็มิได้ ทหารบนเชิงเทินทิ้งลงมาแล้วก็สาวกลับขึ้นไป”
ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ทหารล่าถอยออกมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้นพอตกกลางคืน ขงเบ้งจึงสั่งให้เลียวฮัวคุมทหารสามพันขุดอุโมงค์ลอดใต้กำแพงเพื่อจะลำเลียงทหารลอบยกเข้าไปยึดตำบลตันฉอง แต่เฮ็กเจียวนั้นมิได้ประมาท พอได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมก็ให้ขุดแนวสนามเพลาะป้องกันไว้ เลียวฮัวไม่สามารถขุดอุโมงค์ไปถึงตัวกำแพงได้ก็ล่าถอยกลับมา
ขงเบ้งพยายามเข้าตีกำแพงตันฉองเป็นเวลาถึงยี่สิบวันก็ยังไม่สามารถหักเข้ายึดตำบลตันฉองได้
วันหนึ่งหน่วยลาดตระเวนได้รายงานความแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้วุยก๊กได้จัดส่งกองทัพหนุนมาอีกกองหนึ่ง ตัวนายทัพชื่อว่าอองสง และกำลังจัดแจงกองทัพจะยกออกจากกำแพงเมืองมารบกับท่าน
ขงเบ้งได้ทราบรายงานจึงถามแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่าผู้ใดจะอาสาไปรบกับ อองสงบ้าง เจียหยงซึ่งเป็นนายทหารรองได้ฟังปรารภดังนั้นจึงขออาสาออกไปรบ ขงเบ้งอนุญาตและจัดทหารสามพันให้เจียหยงยกไปรบกับอองสง แต่พอเจียหยงออกไปแล้วขงเบ้งยังไม่วางใจ สั่งให้จงคีคุมทหารอีกสามพันยกหนุนไปช่วยเจียหยง แล้วสั่งให้ถอยทัพลงมาตั้งค่ายใหม่ห่างจากเดิมสองร้อยเส้น
เจียหยงยกทหารไปถึงกลางทางก็สวนกับกองทัพของอองสง ทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากตะลุมบอนกันในทันที แต่พอเจียหยงเข้ารบกับอองสงได้เพียงสามเพลงก็ถูกอองสงแทงด้วยทวนพลัดตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตาย
ทหารของเจียหยงเห็นเสียตัวแม่ทัพจึงพากันถอยร่นกลับตามทางที่ยกมา อองสงเห็นได้ทีก็ขับทหารไล่ตามตี
ฝ่ายจงคียกทหารหนุนตามมา เห็นทหารของเจียหยงกำลังแตกถอยร่นลงมา ก็สั่งทหารให้ยกหนุนสวนขึ้นไป เข้าปะทะกับทหารของอองสง ตัวจงคีขี่ม้าตรงเข้าไปรบกับอองสง แต่พอรบกันได้เพียงสามเพลงจงคีก็ถูกอองสงแทงด้วยทวนถึงแก่ความตาย
ทหารของจงคีและเจียหยงจึงแตกหนีถอยลงมายังกองทัพของขงเบ้ง และรายงานความให้ขงเบ้งทราบทุกประการ
ขงเบ้งทราบความดังนั้นก็ตกใจ ปรารภว่าไฉนอองสงผู้นี้มีฝีมือรบพุ่งกล้าแข็งรวดเร็วดังนี้ เลียวฮัว อองเป๋ง และเตียวหงีได้ยินปรารภของขงเบ้งดังนั้นจึงขออาสายกทหารไปแก้แค้น ขงเบ้งจึงสั่งให้สามนายทหารคุมทหารยกออกไปรบกับอองสงอีกครั้งหนึ่ง
สามนายทหารรับคำสั่งแล้วพาทหารออกไปตั้งค่ายสกัดกองทัพของอองสงไว้ แต่พออองสงยกมาถึง เตียวหงีได้ให้อองเป๋งและเลียวฮัวอยู่รักษาค่าย ตัวเตียวหงีคุมทหารออกไปรบกับอองสง
การต่อสู้ด้วยฝีมือนายทหารเอกระหว่างเตียวหงีกับอองสงผ่านไปถึงสี่สิบเพลงรบก็มิได้เพลี่ยงพล้ำแก่กัน อองสงเห็นดังนั้นจึงแกล้งทำทีขี่ม้าหนี เตียวหงีไม่รู้กลจึงขี่ม้าไล่ตามไป เลียวฮัวเห็นดังนั้นก็รู้ว่าเตียวหงีหลงกลอองสง จึงร้องบอกให้อองสงถอยกลับมาแต่ไม่ทันการ อองสงได้ทิ้งลูกขลุบถูกเตียวหงีที่หน้าอกฟุบลงบนหลังม้า แล้วขี่ม้าหวนกลับมาหมายจะสังหารเตียวหงีเสีย
ฝ่ายเลียวฮัวและอองเป๋งอยู่รักษาค่าย เห็นเตียวหงีหลงกลไล่ตามอองสงไป ก็กริ่งใจว่าจะเสียทีแก่ข้าศึก จึงรีบคุมทหารออกจากค่าย พออองสงขี่ม้าเข้ามาใกล้เตียวหงี เลียวฮัวและอองเป๋งก็ขับม้าเข้าไปสกัดไว้ แล้วแก้เอาเตียวหงีออกมาได้
ทหารอองสงได้ไล่ตามตีอย่างกระชั้นชิด เลียวฮัวและอองเป๋งเห็นจะเข้าค่ายไม่ทันจึงพาทหารแตกหนีกลับไปหาขงเบ้ง และรายงานว่าอองสงผู้นี้มีกำลังกล้าหาญเข้มแข็งนัก กล่าวไม่ทันขาดคำเตียวหงีซึ่งถูกพยุงเข้ามาหาขงเบ้งด้วยก็อาเจียนออกมาเป็นโลหิต ขงเบ้งเห็นอาการของเตียวหงีสาหัสนักจึงให้ทหารพาตัวไปรักษา แล้วปรึกษากับเกียงอุยว่าข้าศึกยกมาครั้งนี้มีกำลังกล้าแข็งนัก ทั้งหนทางซึ่งจะยกไปล่วงเข้าไปตำบลตันฉองนั้นก็ถูกก่อกำแพงปิดกั้นไว้อย่างแน่นหนา ท่านจะคิดอ่านประการใด
เกียงอุยจึงว่า การศึกครั้งนี้แม่ทัพคนสำคัญคือโจจิ๋น หาใช่เฮ็กเจียวไม่ จุดยุทธศาสตร์เป้าหมายคือเมืองเตียงอัน หาใช่ตำบลตันฉองไม่ ชอบที่จะหลีกขวากหนามรุกสู่เป้าหมายโดยเร็วที่สุด แล้วเกียงอุยได้กล่าวสืบไปว่า “ซึ่งตำบลตันฉองนี้เป็นทางคับขัน แล้วเฮ็กเจียวก็มีสติปัญญา ฝีมือก็เข้มแข็งป้องกันรักษามั่นคงอยู่ จะหักไปมิได้ ขอให้ท่านแต่งทหารที่มีฝีมือยกไปตั้งค่ายสลักทางรักษาตำบลเกเต๋งไว้ แล้วจึงจัดทหารให้ตั้งรับอยู่ที่นี้กองหนึ่ง เราก็จะลอบยกทัพใหญ่ลัดไปออกเอาตำบลกิสาน อย่าให้ข้าศึกทันรู้ ข้าพเจ้าจะคิดกลอุบายจับเอาตัวโจจิ๋นให้ได้”
ขงเบ้งได้ฟังแผนการของเกียงอุยก็เห็นด้วย จึงสั่งให้อองเป๋งและลิอิ๋นคุมทหารลอบยกไปตามเส้นทางน้อย ไปคุมจุดยุทธศาสตร์ที่ตำบลเกเต๋งไว้ รอกองทัพใหญ่จะยกตามไป และให้อุยเอี๋ยนคุมทหารประชิดตำบลตันฉองไว้
ครั้นจัดแจงเสร็จแล้วขงเบ้งจึงให้ม้าต้ายเป็นกองทัพหน้า กวนหินและเตียวเปาเป็นกองทัพหลัง ขงเบ้งและเกียงอุยเป็นกองทัพหลวง ลอบยกออกจากที่ตั้งเดิม วกไปทางตำบลจำก๊ก แล้วเคลื่อนทัพตรงไปที่เขากิสาน และให้ตั้งค่ายมั่นไว้
เมื่อตั้งค่ายเสร็จแล้วเกียงอุยจึงแต่งหนังสือลับฉบับหนึ่ง แล้วสั่งให้ทหารคนสนิทถือเอาไปให้โจจิ๋น
ฝ่ายโจจิ๋นซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายวุยก๊กตั้งกองทัพหลวงอยู่ที่ด่านปากทางเข้าเมืองลกเอี๋ยง หลังจากได้ทราบข่าวศึกว่าเฮ็กเจียวมีชัยชนะแก่กองทัพขงเบ้งหลายครั้งหลายหนก็มีความยินดี และให้ทหารคอยกวดขันลาดตระเวนป้องกันการสอดแนมจากฝ่ายจ๊กก๊กมิได้ประมาท วันหนึ่งหน่วยลาดตระเวนของโจจิ๋นได้จับทหารคนสนิทของเกียงอุยได้
หลังจากหน่วยลาดตระเวนไต่สวนทราบความแล้ว จึงพาทหารคนสนิทของ เกียงอุยไปพบโจจิ๋น แล้วแจ้งความให้ทราบว่าเกียงอุยมีความลับจะแจ้งให้ท่านทราบ กล่าวแล้วก็มองหน้าไปทางทหารในค่ายของโจจิ๋น
โจจิ๋นเห็นเป็นความนัย จึงขับทหารในค่ายออกไปด้านนอก ทหารคนสนิทของเกียงอุยจึงแหวกอกเสื้อเอาหนังสือลับของเกียงอุยมอบแก่โจจิ๋น
โจจิ๋นรับหนังสือนั้นออกอ่านดู เป็นใจความว่าข้าพเจ้าเกียงอุยข้าเก่าแห่งวุยก๊กขอคำนับมาถึงท่านแม่ทัพใหญ่ ด้วยข้าพเจ้าถูกใส่ความจากขุนนางกังฉิน จึงจำใจต้องยอมเข้าด้วยขงเบ้ง ทุกวันนี้มีความแค้นเคืองใจสาหัสนัก ปรารถนาจะใคร่กลับภูมิลำเนาเดิม แต่ยังมามิได้ ด้วยขงเบ้งได้ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ หาความรังเกียจอันใดมิได้ แต่ตัวข้าพเจ้านี้กายใจเป็นของวุยก๊ก ซึ่งจะเห็นคุณของคนอื่นยิ่งกว่าวุยก๊กนั้นหามิได้ จะช่วยเหลือเป็นไส้ศึกคิดอ่านให้ท่านได้ชัยชนะแก่กองทัพขงเบ้งให้จงได้ ขอให้ท่านแต่งกองทัพออกไปรบกับขงเบ้ง เมื่อขงเบ้งยกออกไปรบกับท่านข้าพเจ้าจะวางเพลิงเผาเสบียงอาหาร และค่ายขงเบ้งเสียให้สิ้น ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็จะถอยทัพกลับมารักษาค่าย ท่านจงยกกองทัพไล่ตามตี เห็นจะจับตัวขงเบ้งได้เป็นมั่นคง
โจจิ๋นเคยได้ยินกิตติศัพท์มาแต่ก่อนว่าเกียงอุยเป็นคนสัตย์ซื่อ แต่ถูกใส่ร้ายจาก ขุนนางวุยก๊กว่าเกียงอุยแปรพักตร์ไปเข้ากับขงเบ้ง จนเกียงอุยต้องยินยอมเข้ากับขงเบ้งในที่สุด ครั้นได้ทราบความตามหนังสือของเกียงอุยแล้วก็สำคัญว่าเป็นความจริง จึงมีความยินดีเป็นอันมาก ทั้งโจจิ๋นก็มีน้ำจิตริษยาอยู่ภายในใจว่าสุมาอี้ทำการมีความชอบล้ำหน้าไปมาก หากจับตัวขงเบ้งได้ก็จะมีความชอบยิ่งกว่าสุมาอี้
โจจิ๋นคิดดังนั้นแล้วจึงรำพึงออกมาอย่างลืมตัวว่า ชะรอยเทพยดาจะมาช่วยเราให้ได้ความชอบครั้งนี้ รำพึงดังนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้ปูนบำเหน็จแก่ทหารคนสนิทของเกียงอุยเป็นอันมาก และสั่งแก่ทหารนั้นว่าท่านจงกลับไปบอกเกียงอุยเถิด ที่มีหนังสือมานั้นเราขอบใจ แต่จะยกไปทำการวันใดจะแจ้งไปให้ทราบต่อภายหลัง
ทหารคนสนิทของเกียงอุยรับคำโจจิ๋นแล้วจึงคำนับลาแล้วกลับไปหาเกียงอุย และรายงานความให้ทราบทุกประการ
ต่อมาโจจิ๋นจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า ซึ่งเกียงอุยมีหนังสือมาให้ยกกองทัพไปรบกับขงเบ้งนั้น ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
ปีเอียวซึ่งเป็นนายทหารผู้ใหญ่ ได้ฟังปรารภของโจจิ๋นดังนั้นจึงท้วงว่า เกียงอุยมีหนังสือมาครั้งนี้เห็นจะยังไว้วางใจมิได้ เพราะขงเบ้งนั้นมีสติปัญญาเปี่ยมไปด้วยกลอุบายหลายหลากนัก กริ่งว่าขงเบ้งจะให้เกียงอุยมีหนังสือมาลวงท่าน หากเชื่อคำ เกียงอุยก็จะเสียการไป ประการหนึ่งเล่าเกียงอุยได้แปรพักตร์ไปเข้ากับขงเบ้งนานช้าแล้ว หากจะคิดกลับคืนวุยก๊ก ไฉนจึงทอดเวลาเนิ่นช้าถึงปานนี้ เห็นผิดปกติอยู่ ท่านจงไตร่ตรองให้จงดี
โจจิ๋นได้ฟังปีเอียวท้วงก็แย้งว่า เกียงอุยนี้เป็นชาววุยก๊ก ซึ่งไปอยู่กับขงเบ้งนั้นเราก็รู้อยู่ว่าหาได้ไปอยู่ด้วยใจสมัครไม่ หากเป็นไปเพราะขุนนางวุยก๊กรังเกียจขับไสใส่ร้ายทางหนึ่ง ขงเบ้งก็ทำกลอุบายล่อลวงเกียงอุยเพื่อเอาตัวไปอยู่ด้วยอีกทางหนึ่ง ทางหนึ่งไล่ทางหนึ่งดึง เกียงอุยจึงจำใจไปฉะนี้ ยิ่งนานวันเกียงอุยยิ่งรำลึกถึงบ้านเมือง คิดจะกลับมาพบหน้าญาติพี่น้อง อย่าได้แคลงใจเกียงอุยสืบไปเลย
ปีเอียวจึงว่า ถึงแม้ท่านแม่ทัพจะวางใจเกียงอุยก็สุดแท้แต่ใจเถิด แต่จะประมาทเสียทีเดียวนั้นไม่ชอบ ควรที่ท่านแม่ทัพจะรักษาตัวตั้งมั่นอยู่ที่ด่านนี้ก่อน ข้าพเจ้าจะอาสายกไปทำการแทนท่านเอง หากเกียงอุยสุจริตต่อท่าน ความชอบก็จะมีอยู่แก่ท่าน แต่ถ้าหากเกียงอุยทำกลอุบายมา ข้าพเจ้าจะคิดอ่านแก้ไขมิให้ความร้ายตกมาถึงท่านจงได้
โจจิ๋นได้ฟังปีเอียวดังนั้นก็เห็นชอบ จึงจัดแจงทหารห้าหมื่นให้ปีเอียวยกไปรบกับ ขงเบ้งตามแผนการของเกียงอุย ปีเอียวรับคำสั่งโจจิ๋นแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปที่เขากิสาน
ปีเอียวเดินทัพไปสองวันก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่าขณะนี้กองทัพเมืองเสฉวนได้ยกมาตั้งอยู่ตำบลจำก๊ก และตั้งค่ายมั่นอยู่หลายค่าย ปีเอียวได้ฟังรายงานดังนั้นจึงเร่งทหารให้รีบเดินทัพไปที่ตำบลจำก๊ก
เมื่อปีเอียวยกกองทัพไปถึงตำบลจำก๊ก กองทัพเมืองเสฉวนก็ยกทหารออกมาเผชิญหน้า แต่พอปีเอียวสั่งทหารให้เข้ารบ ทหารเมืองเสฉวนกลับล่าถอยกลับไปตามเส้นทางเดิม
ปีเอียวเกรงว่าซึ่งกองทัพเมืองเสฉวนล่าถอยไปโดยไม่ทันรบจะเป็นกลอุบาย จึงสั่งให้พักทหารตั้งค่ายมั่นไว้.
ทหารของเฮ็กเจียวตั้งอยู่ในชัยภูมิที่มั่นคงกว่าฝ่ายที่เข้าตี ดังนั้นจึงใช้เกาทัณฑ์ระดมยิง ทั้งทำลายบันไดและพะองที่ทหารขงเบ้งใช้หักเข้าตีกำแพงอย่างดุเดือด ทหารของขงเบ้งบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก จึงต้องพากันล่าถอยออกมาจากแนวกำแพง
ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงให้ทหารเอาไม้ไผ่มาขัดแตะเป็นฟากใช้สำหรับป้องกันลูกเกาทัณฑ์ แล้วหักเข้าตีกำแพงใหม่ เฮ็กเจียวเห็นดังนั้นจึงให้ทหารเอาเชือกผูกก้อนศิลาแล้วทิ้งใส่ฟากไม่ไผ่ที่ใช้กำบังตัวในการบุกขึ้นมาบนกำแพง
ก้อนศิลาถูกฟากไม้ไผ่ทำให้ทหารขงเบ้งเสียหลักร่วงหล่นและพลัดตกลงจากบันไดเป็นจำนวนมาก สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่า “เฮ็กเจียวเห็นทหารขงเบ้งทำแตะขังตัวเข้ามากันลูกเกาทัณฑ์ดังนั้น ก็ให้ทหารขนเอาก้อนศิลาผูกเชือกเข้าทิ้งลงไป ทหารขงเบ้งเอาแตะขึ้นรับทานมิได้ก็ถูกเจ็บปวดล้มตาย ครั้นจะชิงเอาก้อนศิลาก็มิได้ ทหารบนเชิงเทินทิ้งลงมาแล้วก็สาวกลับขึ้นไป”
ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ทหารล่าถอยออกมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้นพอตกกลางคืน ขงเบ้งจึงสั่งให้เลียวฮัวคุมทหารสามพันขุดอุโมงค์ลอดใต้กำแพงเพื่อจะลำเลียงทหารลอบยกเข้าไปยึดตำบลตันฉอง แต่เฮ็กเจียวนั้นมิได้ประมาท พอได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมก็ให้ขุดแนวสนามเพลาะป้องกันไว้ เลียวฮัวไม่สามารถขุดอุโมงค์ไปถึงตัวกำแพงได้ก็ล่าถอยกลับมา
ขงเบ้งพยายามเข้าตีกำแพงตันฉองเป็นเวลาถึงยี่สิบวันก็ยังไม่สามารถหักเข้ายึดตำบลตันฉองได้
วันหนึ่งหน่วยลาดตระเวนได้รายงานความแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้วุยก๊กได้จัดส่งกองทัพหนุนมาอีกกองหนึ่ง ตัวนายทัพชื่อว่าอองสง และกำลังจัดแจงกองทัพจะยกออกจากกำแพงเมืองมารบกับท่าน
ขงเบ้งได้ทราบรายงานจึงถามแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่าผู้ใดจะอาสาไปรบกับ อองสงบ้าง เจียหยงซึ่งเป็นนายทหารรองได้ฟังปรารภดังนั้นจึงขออาสาออกไปรบ ขงเบ้งอนุญาตและจัดทหารสามพันให้เจียหยงยกไปรบกับอองสง แต่พอเจียหยงออกไปแล้วขงเบ้งยังไม่วางใจ สั่งให้จงคีคุมทหารอีกสามพันยกหนุนไปช่วยเจียหยง แล้วสั่งให้ถอยทัพลงมาตั้งค่ายใหม่ห่างจากเดิมสองร้อยเส้น
เจียหยงยกทหารไปถึงกลางทางก็สวนกับกองทัพของอองสง ทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากตะลุมบอนกันในทันที แต่พอเจียหยงเข้ารบกับอองสงได้เพียงสามเพลงก็ถูกอองสงแทงด้วยทวนพลัดตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตาย
ทหารของเจียหยงเห็นเสียตัวแม่ทัพจึงพากันถอยร่นกลับตามทางที่ยกมา อองสงเห็นได้ทีก็ขับทหารไล่ตามตี
ฝ่ายจงคียกทหารหนุนตามมา เห็นทหารของเจียหยงกำลังแตกถอยร่นลงมา ก็สั่งทหารให้ยกหนุนสวนขึ้นไป เข้าปะทะกับทหารของอองสง ตัวจงคีขี่ม้าตรงเข้าไปรบกับอองสง แต่พอรบกันได้เพียงสามเพลงจงคีก็ถูกอองสงแทงด้วยทวนถึงแก่ความตาย
ทหารของจงคีและเจียหยงจึงแตกหนีถอยลงมายังกองทัพของขงเบ้ง และรายงานความให้ขงเบ้งทราบทุกประการ
ขงเบ้งทราบความดังนั้นก็ตกใจ ปรารภว่าไฉนอองสงผู้นี้มีฝีมือรบพุ่งกล้าแข็งรวดเร็วดังนี้ เลียวฮัว อองเป๋ง และเตียวหงีได้ยินปรารภของขงเบ้งดังนั้นจึงขออาสายกทหารไปแก้แค้น ขงเบ้งจึงสั่งให้สามนายทหารคุมทหารยกออกไปรบกับอองสงอีกครั้งหนึ่ง
สามนายทหารรับคำสั่งแล้วพาทหารออกไปตั้งค่ายสกัดกองทัพของอองสงไว้ แต่พออองสงยกมาถึง เตียวหงีได้ให้อองเป๋งและเลียวฮัวอยู่รักษาค่าย ตัวเตียวหงีคุมทหารออกไปรบกับอองสง
การต่อสู้ด้วยฝีมือนายทหารเอกระหว่างเตียวหงีกับอองสงผ่านไปถึงสี่สิบเพลงรบก็มิได้เพลี่ยงพล้ำแก่กัน อองสงเห็นดังนั้นจึงแกล้งทำทีขี่ม้าหนี เตียวหงีไม่รู้กลจึงขี่ม้าไล่ตามไป เลียวฮัวเห็นดังนั้นก็รู้ว่าเตียวหงีหลงกลอองสง จึงร้องบอกให้อองสงถอยกลับมาแต่ไม่ทันการ อองสงได้ทิ้งลูกขลุบถูกเตียวหงีที่หน้าอกฟุบลงบนหลังม้า แล้วขี่ม้าหวนกลับมาหมายจะสังหารเตียวหงีเสีย
ฝ่ายเลียวฮัวและอองเป๋งอยู่รักษาค่าย เห็นเตียวหงีหลงกลไล่ตามอองสงไป ก็กริ่งใจว่าจะเสียทีแก่ข้าศึก จึงรีบคุมทหารออกจากค่าย พออองสงขี่ม้าเข้ามาใกล้เตียวหงี เลียวฮัวและอองเป๋งก็ขับม้าเข้าไปสกัดไว้ แล้วแก้เอาเตียวหงีออกมาได้
ทหารอองสงได้ไล่ตามตีอย่างกระชั้นชิด เลียวฮัวและอองเป๋งเห็นจะเข้าค่ายไม่ทันจึงพาทหารแตกหนีกลับไปหาขงเบ้ง และรายงานว่าอองสงผู้นี้มีกำลังกล้าหาญเข้มแข็งนัก กล่าวไม่ทันขาดคำเตียวหงีซึ่งถูกพยุงเข้ามาหาขงเบ้งด้วยก็อาเจียนออกมาเป็นโลหิต ขงเบ้งเห็นอาการของเตียวหงีสาหัสนักจึงให้ทหารพาตัวไปรักษา แล้วปรึกษากับเกียงอุยว่าข้าศึกยกมาครั้งนี้มีกำลังกล้าแข็งนัก ทั้งหนทางซึ่งจะยกไปล่วงเข้าไปตำบลตันฉองนั้นก็ถูกก่อกำแพงปิดกั้นไว้อย่างแน่นหนา ท่านจะคิดอ่านประการใด
เกียงอุยจึงว่า การศึกครั้งนี้แม่ทัพคนสำคัญคือโจจิ๋น หาใช่เฮ็กเจียวไม่ จุดยุทธศาสตร์เป้าหมายคือเมืองเตียงอัน หาใช่ตำบลตันฉองไม่ ชอบที่จะหลีกขวากหนามรุกสู่เป้าหมายโดยเร็วที่สุด แล้วเกียงอุยได้กล่าวสืบไปว่า “ซึ่งตำบลตันฉองนี้เป็นทางคับขัน แล้วเฮ็กเจียวก็มีสติปัญญา ฝีมือก็เข้มแข็งป้องกันรักษามั่นคงอยู่ จะหักไปมิได้ ขอให้ท่านแต่งทหารที่มีฝีมือยกไปตั้งค่ายสลักทางรักษาตำบลเกเต๋งไว้ แล้วจึงจัดทหารให้ตั้งรับอยู่ที่นี้กองหนึ่ง เราก็จะลอบยกทัพใหญ่ลัดไปออกเอาตำบลกิสาน อย่าให้ข้าศึกทันรู้ ข้าพเจ้าจะคิดกลอุบายจับเอาตัวโจจิ๋นให้ได้”
ขงเบ้งได้ฟังแผนการของเกียงอุยก็เห็นด้วย จึงสั่งให้อองเป๋งและลิอิ๋นคุมทหารลอบยกไปตามเส้นทางน้อย ไปคุมจุดยุทธศาสตร์ที่ตำบลเกเต๋งไว้ รอกองทัพใหญ่จะยกตามไป และให้อุยเอี๋ยนคุมทหารประชิดตำบลตันฉองไว้
ครั้นจัดแจงเสร็จแล้วขงเบ้งจึงให้ม้าต้ายเป็นกองทัพหน้า กวนหินและเตียวเปาเป็นกองทัพหลัง ขงเบ้งและเกียงอุยเป็นกองทัพหลวง ลอบยกออกจากที่ตั้งเดิม วกไปทางตำบลจำก๊ก แล้วเคลื่อนทัพตรงไปที่เขากิสาน และให้ตั้งค่ายมั่นไว้
เมื่อตั้งค่ายเสร็จแล้วเกียงอุยจึงแต่งหนังสือลับฉบับหนึ่ง แล้วสั่งให้ทหารคนสนิทถือเอาไปให้โจจิ๋น
ฝ่ายโจจิ๋นซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายวุยก๊กตั้งกองทัพหลวงอยู่ที่ด่านปากทางเข้าเมืองลกเอี๋ยง หลังจากได้ทราบข่าวศึกว่าเฮ็กเจียวมีชัยชนะแก่กองทัพขงเบ้งหลายครั้งหลายหนก็มีความยินดี และให้ทหารคอยกวดขันลาดตระเวนป้องกันการสอดแนมจากฝ่ายจ๊กก๊กมิได้ประมาท วันหนึ่งหน่วยลาดตระเวนของโจจิ๋นได้จับทหารคนสนิทของเกียงอุยได้
หลังจากหน่วยลาดตระเวนไต่สวนทราบความแล้ว จึงพาทหารคนสนิทของ เกียงอุยไปพบโจจิ๋น แล้วแจ้งความให้ทราบว่าเกียงอุยมีความลับจะแจ้งให้ท่านทราบ กล่าวแล้วก็มองหน้าไปทางทหารในค่ายของโจจิ๋น
โจจิ๋นเห็นเป็นความนัย จึงขับทหารในค่ายออกไปด้านนอก ทหารคนสนิทของเกียงอุยจึงแหวกอกเสื้อเอาหนังสือลับของเกียงอุยมอบแก่โจจิ๋น
โจจิ๋นรับหนังสือนั้นออกอ่านดู เป็นใจความว่าข้าพเจ้าเกียงอุยข้าเก่าแห่งวุยก๊กขอคำนับมาถึงท่านแม่ทัพใหญ่ ด้วยข้าพเจ้าถูกใส่ความจากขุนนางกังฉิน จึงจำใจต้องยอมเข้าด้วยขงเบ้ง ทุกวันนี้มีความแค้นเคืองใจสาหัสนัก ปรารถนาจะใคร่กลับภูมิลำเนาเดิม แต่ยังมามิได้ ด้วยขงเบ้งได้ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ หาความรังเกียจอันใดมิได้ แต่ตัวข้าพเจ้านี้กายใจเป็นของวุยก๊ก ซึ่งจะเห็นคุณของคนอื่นยิ่งกว่าวุยก๊กนั้นหามิได้ จะช่วยเหลือเป็นไส้ศึกคิดอ่านให้ท่านได้ชัยชนะแก่กองทัพขงเบ้งให้จงได้ ขอให้ท่านแต่งกองทัพออกไปรบกับขงเบ้ง เมื่อขงเบ้งยกออกไปรบกับท่านข้าพเจ้าจะวางเพลิงเผาเสบียงอาหาร และค่ายขงเบ้งเสียให้สิ้น ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็จะถอยทัพกลับมารักษาค่าย ท่านจงยกกองทัพไล่ตามตี เห็นจะจับตัวขงเบ้งได้เป็นมั่นคง
โจจิ๋นเคยได้ยินกิตติศัพท์มาแต่ก่อนว่าเกียงอุยเป็นคนสัตย์ซื่อ แต่ถูกใส่ร้ายจาก ขุนนางวุยก๊กว่าเกียงอุยแปรพักตร์ไปเข้ากับขงเบ้ง จนเกียงอุยต้องยินยอมเข้ากับขงเบ้งในที่สุด ครั้นได้ทราบความตามหนังสือของเกียงอุยแล้วก็สำคัญว่าเป็นความจริง จึงมีความยินดีเป็นอันมาก ทั้งโจจิ๋นก็มีน้ำจิตริษยาอยู่ภายในใจว่าสุมาอี้ทำการมีความชอบล้ำหน้าไปมาก หากจับตัวขงเบ้งได้ก็จะมีความชอบยิ่งกว่าสุมาอี้
โจจิ๋นคิดดังนั้นแล้วจึงรำพึงออกมาอย่างลืมตัวว่า ชะรอยเทพยดาจะมาช่วยเราให้ได้ความชอบครั้งนี้ รำพึงดังนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้ปูนบำเหน็จแก่ทหารคนสนิทของเกียงอุยเป็นอันมาก และสั่งแก่ทหารนั้นว่าท่านจงกลับไปบอกเกียงอุยเถิด ที่มีหนังสือมานั้นเราขอบใจ แต่จะยกไปทำการวันใดจะแจ้งไปให้ทราบต่อภายหลัง
ทหารคนสนิทของเกียงอุยรับคำโจจิ๋นแล้วจึงคำนับลาแล้วกลับไปหาเกียงอุย และรายงานความให้ทราบทุกประการ
ต่อมาโจจิ๋นจึงเรียกแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า ซึ่งเกียงอุยมีหนังสือมาให้ยกกองทัพไปรบกับขงเบ้งนั้น ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
ปีเอียวซึ่งเป็นนายทหารผู้ใหญ่ ได้ฟังปรารภของโจจิ๋นดังนั้นจึงท้วงว่า เกียงอุยมีหนังสือมาครั้งนี้เห็นจะยังไว้วางใจมิได้ เพราะขงเบ้งนั้นมีสติปัญญาเปี่ยมไปด้วยกลอุบายหลายหลากนัก กริ่งว่าขงเบ้งจะให้เกียงอุยมีหนังสือมาลวงท่าน หากเชื่อคำ เกียงอุยก็จะเสียการไป ประการหนึ่งเล่าเกียงอุยได้แปรพักตร์ไปเข้ากับขงเบ้งนานช้าแล้ว หากจะคิดกลับคืนวุยก๊ก ไฉนจึงทอดเวลาเนิ่นช้าถึงปานนี้ เห็นผิดปกติอยู่ ท่านจงไตร่ตรองให้จงดี
โจจิ๋นได้ฟังปีเอียวท้วงก็แย้งว่า เกียงอุยนี้เป็นชาววุยก๊ก ซึ่งไปอยู่กับขงเบ้งนั้นเราก็รู้อยู่ว่าหาได้ไปอยู่ด้วยใจสมัครไม่ หากเป็นไปเพราะขุนนางวุยก๊กรังเกียจขับไสใส่ร้ายทางหนึ่ง ขงเบ้งก็ทำกลอุบายล่อลวงเกียงอุยเพื่อเอาตัวไปอยู่ด้วยอีกทางหนึ่ง ทางหนึ่งไล่ทางหนึ่งดึง เกียงอุยจึงจำใจไปฉะนี้ ยิ่งนานวันเกียงอุยยิ่งรำลึกถึงบ้านเมือง คิดจะกลับมาพบหน้าญาติพี่น้อง อย่าได้แคลงใจเกียงอุยสืบไปเลย
ปีเอียวจึงว่า ถึงแม้ท่านแม่ทัพจะวางใจเกียงอุยก็สุดแท้แต่ใจเถิด แต่จะประมาทเสียทีเดียวนั้นไม่ชอบ ควรที่ท่านแม่ทัพจะรักษาตัวตั้งมั่นอยู่ที่ด่านนี้ก่อน ข้าพเจ้าจะอาสายกไปทำการแทนท่านเอง หากเกียงอุยสุจริตต่อท่าน ความชอบก็จะมีอยู่แก่ท่าน แต่ถ้าหากเกียงอุยทำกลอุบายมา ข้าพเจ้าจะคิดอ่านแก้ไขมิให้ความร้ายตกมาถึงท่านจงได้
โจจิ๋นได้ฟังปีเอียวดังนั้นก็เห็นชอบ จึงจัดแจงทหารห้าหมื่นให้ปีเอียวยกไปรบกับ ขงเบ้งตามแผนการของเกียงอุย ปีเอียวรับคำสั่งโจจิ๋นแล้วจึงคำนับลาออกไปจัดแจงทหารแล้วยกไปที่เขากิสาน
ปีเอียวเดินทัพไปสองวันก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่าขณะนี้กองทัพเมืองเสฉวนได้ยกมาตั้งอยู่ตำบลจำก๊ก และตั้งค่ายมั่นอยู่หลายค่าย ปีเอียวได้ฟังรายงานดังนั้นจึงเร่งทหารให้รีบเดินทัพไปที่ตำบลจำก๊ก
เมื่อปีเอียวยกกองทัพไปถึงตำบลจำก๊ก กองทัพเมืองเสฉวนก็ยกทหารออกมาเผชิญหน้า แต่พอปีเอียวสั่งทหารให้เข้ารบ ทหารเมืองเสฉวนกลับล่าถอยกลับไปตามเส้นทางเดิม
ปีเอียวเกรงว่าซึ่งกองทัพเมืองเสฉวนล่าถอยไปโดยไม่ทันรบจะเป็นกลอุบาย จึงสั่งให้พักทหารตั้งค่ายมั่นไว้.