ตอนที่ 523. การประเมินสงคราม

สุมาอี้ทราบว่าเบ้งตัดเจ้าเมืองซงหยงคบคิดกับขงเบ้งก็คาดการณ์แผนการว่า ขงเบ้งจะตีเข้ามาทางเมืองเตียงอัน ส่วนเบ้งตัดจะตีขึ้นไปทางเมืองลกเอี๋ยง หากสองทัพบุกโจมตีพร้อมกันแล้ววุยก๊กย่อมยากที่จะต่อสู้ได้ สุมาอี้จึงคิดกำจัดเบ้งตัดเสียก่อนเพื่อไม่ให้แผนการดังกล่าวบรรลุผล เพราะเมื่อกำจัดเบ้งตัดได้แล้วขงเบ้งก็จะขาดกำลัง ไม่สามารถบุกเข้ายึดวุยก๊กได้สำเร็จ

            สุมาสูบุตรของสุมาอี้ได้ยินว่าบิดาจะกำจัดเบ้งตัดเสียก่อนที่จะกราบบังคมทูลพระเจ้าโจยอยก็ท้วงว่า “เบ้งตัดเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ ขอให้บิดาบอกหนังสือขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าโจยอยให้ทราบก่อน” จึงจะชอบด้วยประเพณี มิฉะนั้นหากพลาดพลั้งไปท่านพ่อก็จะไม่พ้นผิด

            สุมาอี้จึงว่า “อันการกบฏจะนิ่งอยู่ช้านั้นไม่ได้ ข้าศึกจะมีกำลังมากขึ้น เราคิดอ่านยกกองทัพไปจับตัวเบ้งตัดแล้ว จึงมากราบทูลพระเจ้าโจยอยต่อภายหลัง”

            แล้วสุมาอี้จึงว่า อันผู้เป็นแม่ทัพจะต้องรู้การหนักเบาและดำเนินการสงครามคล้อยตามสภาพการณ์ที่เป็นไปในสมรภูมิ จะมัวติดยึดแต่ประเพณีนั้น หากเสียทีแก่ข้าศึกแล้วประเพณีนั้นก็คุ้มตัวให้พ้นผิดไม่ได้ หากเราจะกราบทูลพระเจ้าโจยอยก่อน กว่าจะเดินทางไปกลับก็เกินเดือน วุยก๊กจะไม่เสียแก่ขงเบ้งดอกหรือ เจ้าจะเติบใหญ่ไปในวันหน้า จงจำเหตุการณ์วันนี้ให้จงดี

            กล่าวดังนั้นแล้วสุมาอี้จึงคิดทำกลอุบายเพื่อให้เบ้งตัดวางใจ โดยแต่งหนังสือให้เลียงกี๋ถือไปให้แก่เบ้งตัดที่เมืองซงหยงว่า เราสุมาอี้ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกกองทัพไปบรรจบกับกองทัพหลวงที่เมืองเตียงอัน ดังนั้นจึงให้เบ้งตัดจัดเตรียมเสบียงอาหารไว้ให้พร้อมเพื่อเกณฑ์เข้ากองทัพแล้วจะได้ยกไปตามรับสั่ง เมื่อเลียงกี๋ออกไปแล้วสุมาอี้จึงรีบจัดแจงแต่งกองทัพ หลังจากนั้นอีกสองวันสุมาอี้ก็ยกกองทัพออกจากเมืองอ้วนเซีย

            ในขณะที่กองทัพสุมาอี้กำลังเคลื่อนตรงไปเมืองซงหยงนั้น ซิหลงก็คุมทหารมาจากเมืองลกเอี๋ยง ครั้นเห็นกองทัพสุมาอี้กำลังเคลื่อนไปอีกทางหนึ่ง ซิหลงจึงลงจากหลังม้าเข้ามาถามสุมาอี้ว่า พระเจ้าโจยอยกำลังจะยกกองทัพหลวงไปเมืองเตียงอัน เห็นท่านล่าช้าอยู่ จึงตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ามาเร่งรัดให้ท่านรีบยกทหารไปบรรจบทัพที่เมืองเตียงอันพร้อมกัน

            สุมาอี้ยังไม่ทันตอบความ ซิหลงก็กล่าวสืบไปว่าท่านจัดแจงแต่งกองทัพแล้ว ไฉนทิศทางการเดินทัพจึงไม่ไปยังเมืองเตียงอันเล่า

            สุมาอี้จึงว่า ข้าพเจ้าได้ทราบความว่าเบ้งตัดเจ้าเมืองซงหยงเป็นกบฏ คบคิดกับขงเบ้งจะยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง หากข้าพเจ้ายกกองทัพไปเมืองเตียงอันตามรับสั่งก่อน เบ้งตัดก็จะยึดเอาเมืองลกเอี๋ยง ดังนั้นจึงคิดอ่านยกกองทัพไปกำจัดเบ้งตัดเสียก่อน ท่านจะเห็นเป็นประการใด

            ซิหลงได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย สุมาอี้จึงชวนซิหลงว่าการข้างเมืองซงหยงนี้สำคัญและเร่งร้อนกว่า หากกำจัดเบ้งตัดได้แล้วก็จะสิ้นกังวลทางด้านเมืองซงหยง ทั้งขงเบ้งก็จะท้อใจ เห็นจะยกทัพกลับไปเมืองเสฉวนเอง ซิหลงได้ฟังก็สรรเสริญความคิดของสุมาอี้เป็นอันมาก และตกลงที่จะร่วมกับสุมาอี้กำจัดเบ้งตัดเสียก่อน

            สุมาอี้จึงให้ซิหลงเป็นกองทัพหน้า สุมาอี้เป็นกองทัพหลวง และให้บุตรทั้งสองคนเป็นกองทัพหลัง เคลื่อนทัพรุดหน้าไปยังเมืองซงหยง

            กองทัพสุมาอี้เคลื่อนมาถึงกลางทางก็เห็นทหารเมืองซงหยงสี่ห้าคน ซึ่งเบ้งตัดใช้ให้ถือหนังสือไปหาขงเบ้ง และขงเบ้งให้ถือหนังสือกลับมามอบแก่เบ้งตัดกำลังขี่ม้ามาจากเส้นทางที่มาจากเขากิสานจะตรงไปเมืองซงหยงอย่างรีบร้อนและมีท่าทางพิรุธ ทหารของสุมาอี้จึงเข้าควบคุมตัวทหารเมืองซงหยงเหล่านั้นแล้วจับตัวมามอบแก่สุมาอี้

            สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงรีบทำการไต่สวนปากคำ ถามว่าพวกเจ้าเป็นทหารเหล่าใด จะรีบเดินทางไปข้างไหน ให้รีบบอกมาตามจริง แม้นกล่าวความเท็จเราจะตัดศีรษะเสีย

            ทหารของเบ้งตัดเห็นสุมาอี้เฉียบขาดนักก็เกรงอาญา จึงบอกความจริงให้สุมาอี้ทราบทั้งสิ้น แล้วมอบหนังสือของขงเบ้งซึ่งมีไปถึงเบ้งตัดนั้นให้แก่สุมาอี้

            สุมาอี้เปิดหนังสือออกอ่านดู ทราบความที่ขงเบ้งให้เบ้งตัดยกกองทัพเข้าตีเมือง  ลกเอี๋ยงและกำชับอย่าให้ข่าวแพร่งพรายล่วงรู้ไปถึงสุมาอี้ก็ตกใจ กล่าวกับซิหลงว่า “ความคิดขงเบ้งนี้ต้องความคิดเรา แม้เบ้งตัดแจ้งหนังสือนี้แล้วทำตามขงเบ้ง ก็จะสำเร็จความคิดเป็นมั่นคง หากบุญเจ้าเรายังมากอยู่ เทพยดาจึงเผอิญให้เราจับผู้ถือหนังสือได้”

            สุมาอี้เห็นหนังสือแล้วก็รู้สึกประหวั่นใจว่าตัวเราได้ร่ำเรียนสรรพวิชาการและชำนาญการสงครามเป็นอันมาก ทะนงตัวตลอดมาว่าแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดมีสติปัญญาหลักแหลมเสมอเหมือน แต่หนังสือของขงเบ้งนั้นประจักษ์อยู่ในตัวว่าสติปัญญาความคิดในการสงครามของขงเบ้งมิได้ด้อยกว่าเราเลยแม้แต่น้อยนิด แต่สิ่งซึ่งยังไม่ประจักษ์นั้นยังไม่รู้ว่าขงเบ้งจะลึกล้ำยิ่งกว่าเราสักปานไหน แล้วปลอบใจตัวว่าตัวเราทำสงครามปกป้องดินแดนวุยก๊ก ปกป้องอาณาประชาราษฎรมิให้ได้รับความเดือดร้อนจากสงคราม ย่อมต้องได้รับการหนุนช่วยอย่างแข็งขันจากราษฎรทั้งปวง เป็นการทำสงครามที่เป็นธรรม มีอนาคตที่ต้องได้ชัยชนะประการหนึ่ง ขงเบ้งยกทัพตีวุยก๊กครั้งนี้เป็นการทำสงครามรุกราน ทำให้ราษฎรในวุยก๊กเดือดร้อน ย่อมได้รับการต่อต้านจากอาณาประชาราษฎร เป็นการทำสงครามที่ไม่เป็นธรรม มีอนาคตที่ต้องพ่ายแพ้ตามกฎแห่งสงครามประการหนึ่ง เราเป็นชาวเมืองวุยก๊ก รู้และชำนาญภูมิประเทศละเอียดถี่ถ้วนยิ่งกว่าขงเบ้ง แม้ขงเบ้งจะรู้ภูมิประเทศบ้างก็แต่เพียงผิวเผิน หาได้ลึกซึ้งเท่าเราไม่ เป็นเหตุปราชัยอย่างหนึ่ง กองทัพของขงเบ้งยกล่วงลึกเข้ามาในแดนวุยก๊ก การลำเลียงเสบียงอาหารและการเสริมกำลังพลลำบากขัดสน เป็นเหตุแห่งความปราชัยอย่างหนึ่ง และยิ่งขงเบ้งยกล่วงลึกเข้ามาเท่าใด ก็ต้องระวังหลังตลอดเส้นทางมากขึ้นเท่านั้น กำลังพลมากก็จะกลายเป็นกำลังพลน้อย เหมือนหนึ่งลูกเกาทัณฑ์ที่แล่นไปสุดกำลังแล้ว ย่อมไม่อาจทะลุแม้ผ้าไหมอันบางเบาได้ ย่อมเป็นเหตุปราชัยอีกประการหนึ่ง รวมเป็นเหตุปราชัยถึงห้าประการ แต่ความปราชัยนั้นจะปรากฏเป็นจริงได้ก็ต้องตัดความคิดขงเบ้ง ทำลายกลศึกกระหนาบเสียก่อน

            สุมาอี้ประมาณการศึกดังนั้นแล้วก็มุ่งมั่นที่จะกำจัดเบ้งตัดให้ได้โดยเร็วที่สุด จึงเร่งเดินทัพรุดหน้าไปทั้งกลางวันและกลางคืน

            ฝ่ายเบ้งตัดเจ้าเมืองซงหยงหลังจากคิดเอาใจออกหากจากวุยก๊กแล้ว ได้เกลี้ยกล่อมซินหงีเจ้าเมืองกิมเสียและซินต๋ำเจ้าเมืองชินเสียเข้าเป็นพวก เจ้าเมืองทั้งสองเป็นเจ้าหัวเมืองขึ้นต่อเมืองซงหยง มีความจงรักภักดีต่อวุยก๊ก แต่ในขณะเดียวกันก็เกรงกลัวอำนาจของเบ้งตัด จึงแสร้งรับคำแต่ในใจยังคงดำรงความภักดีต่อวุยก๊กดังเดิม เบ้งตัดเห็นสองเจ้าเมืองตกลงปลงใจก็วางใจ หาได้เฉลียวใจไม่ว่าเป็นการรับคำแต่ปาก เบ้งตัดจึงเสนอแผนการตีวุยก๊กและขออ่อนน้อมกับขงเบ้ง

            ซินหงีทราบแผนการของเบ้งตัดดังนั้นแล้ว จึงใช้ให้คนสนิทรีบนำความไปแจ้งแก่สุมาอี้ เป็นเหตุให้สุมาอี้ยกกองทัพมาที่เมืองซงหยง

            ครั้นเลียงกี๋ถือหนังสือของสุมาอี้มาให้เบ้งตัดเพื่อเกณฑ์เอาเสบียง เบ้งตัดทราบความแล้วจึงถามว่า สุมาอี้จะยกทหารมารับเอาเสบียงด้วยตนเองหรืออย่างไร เลียงกี๋จึงแสร้งตอบว่า สุมาอี้ได้จัดแจงกองทัพและยกไปเมืองเตียงอันแล้ว ให้ท่านจัดส่งเสบียงตามไปโดยเร็วที่สุด

            เบ้งตัดได้ฟังดังนั้นก็นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจว่าสุมาอี้ไม่รู้แผนการ จึงยิ่งตั้งอยู่ในความประมาท สั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงเลียงกี๋ตามธรรมเนียม แล้วว่าเรื่องเสบียงอาหารนั้นอย่าวิตกเลย เราจะส่งตามไปโดยเร็วที่สุด

            เสร็จการเลี้ยงแล้ว เลียงกี๋จึงคำนับลาเบ้งตัดแล้วเดินทางไปเมืองหาซินต๋ำและซินหงี แจ้งให้ทั้งสองเจ้าเมืองเร่งเกณฑ์เสบียงส่งไปที่เมืองเตียงอัน สองเจ้าเมืองจึงเล่าความที่เบ้งตัดคบคิดกับขงเบ้งให้เลียงกี๋ฟังทุกประการ

            เลียงกี๋เห็นสองเจ้าเมืองมีความภักดีต่อวุยก๊ก จึงบอกความให้ทราบว่าสุมาอี้ยังหาได้ยกกองทัพไปเมืองเตียงอันไม่ แต่กำลังยกกองทัพมาเมืองซงหยงเพื่อกำจัดเบ้งตัดเสียก่อน

            ซินต๋ำและซินหงีจึงแจ้งแก่เลียงกี๋ว่า เบ้งตัดมีหนังสือกำหนดนัดหมายมายังเราทั้งสองคนว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปให้เปลี่ยนธงประจำเมืองและกองทัพจากธงของวุยก๊กเป็นธงของจ๊กก๊ก และให้ยกกองทัพไปเมืองลกเอี๋ยง เลียงกี๋ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี และกล่าวว่าเบ้งตัดกำลังประมาท ในวันพรุ่งนี้แล้วกองทัพสุมาอี้ก็จะมาถึงเมืองซงหยง

            ซินต๋ำและซินหงีจึงบอกเลียงกี๋ให้กลับไปแจ้งแก่สุมาอี้ว่า ให้สุมาอี้รีบยกทหารเข้ารบเอาเมืองทางด้านหน้า เราจะยกไปทางด้านหลังทำทีไปช่วยเบ้งตัด แล้วตีกระหนาบเข้าไปพร้อมกัน เห็นจะกำจัดเบ้งตัดได้เป็นมั่นคง เลียงกี๋รับคำแล้วจึงรีบเดินทางกลับไปแจ้งความแก่สุมาอี้ เมื่อสุมาอี้ได้ทราบก็มีความยินดี เร่งเคลื่อนทัพกะให้ถึงหน้าเมืองซงหยงในวันรุ่งขึ้น

            ฝ่ายเบ้งตัดจัดแจงทหาร ศาสตราวุธ และเสบียงพร้อมแล้ว ได้สั่งทหารให้เตรียมธงของจ๊กก๊กไว้ให้พร้อม วันรุ่งขึ้นให้เปลี่ยนธงทั่วทั้งเมืองซงหยงเป็นธงของจ๊กก๊ก แล้วจะยกกองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยงตามที่ได้กำหนดสัญญาไว้กับซินต๋ำและซินหงี

            พอฟ้าสว่างทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานแก่เบ้งตัดว่า ขณะนี้มีกองทัพยกตรงมาที่เมืองซงหยง มีทหารเป็นอันมาก แต่ไม่รู้ว่าเป็นทหารของฝ่ายไหน เบ้งตัดได้ฟังก็แปลกใจ รีบพาทหารคนสนิทขึ้นไปบนเชิงเทินเมืองซงหยง พอกองทัพนั้นยกเข้ามาใกล้ เห็นธงประจำทัพจารึกชื่อซิหลงเป็นแม่ทัพกองทัพหน้ายกมาก็ตกใจ

            เบ้งตัดจึงสั่งทหารให้ชักสะพานข้ามคูเมืองไม่ให้ข้าศึกยกล่วงเข้ามาได้ และให้ปิดประตูเมืองทุกด้าน ให้ทหารบนเชิงเทินเตรียมพร้อมที่จะป้องกันข้าศึก

            ฝ่ายซิหลงยกทหารมาถึงเชิงเทินหน้าเมืองซงหยง เห็นเบ้งตัดยืนอยู่บนหอรบ จึงตะโกนด่าเบ้งตัดว่า อ้ายคนขบถ เร่งยอมจำนนเสียแต่โดยดีเราจะไว้ชีวิต

            เบ้งตัดได้ยินคำซิหลงก็โกรธ จึงสั่งทหารให้ระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่ซิหลง ซิหลงเห็นดังนั้นก็เอาทวนปัดลูกเกาทัณฑ์ และชักบังเหียนม้าเพื่อจะออกมาให้พ้นจากรัศมีเกาทัณฑ์ แต่ลูกเกาทัณฑ์ถูกระดมยิงมาราวห่าฝน ซิหลงป้องปัดไม่ทัน เกาทัณฑ์ดอกหนึ่งจึงถูกหน้าผากของซิหลงแล้วพลัดตกลงจากหลังม้า

            ทหารในกองทัพหน้าเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปแก้ไขประคองซิหลงออกมาจนพ้นรัศมีเกาทัณฑ์ และตีระฆังสัญญาณให้ถอยทัพ

            เบ้งตัดเห็นได้ทีก็คุมทหารยกออกจากเมืองซงหยงไล่ตามตีกองทัพของซิหลง กองทัพหน้าของซิหลงขาดตัวผู้บัญชาการทัพเพราะซิหลงต้องเกาทัณฑ์แล้วบาดเจ็บสาหัสสิ้นสติสมประดี จึงพากันแตกตื่นถอยไปตามทางเดิมที่ยกมา

            ฝ่ายสุมาอี้ยกกองทัพหลวงตามกองทัพหน้ามาไม่ไกลนัก ครั้นกองทัพหน้าของซิหลงแตกร่นถอยมากระทบ และได้รับรายงานว่าเบ้งตัดกำลังยกทหารไล่ตามมา สุมาอี้จึงสั่งทหารในกองทัพหลวงให้แหวกทางรับทหารของซิหลง แล้วให้รุกโจมตีทหารของเบ้งตัด

            เบ้งตัดกำลังคุมทหารไล่ตามตีอย่างมันมือ แต่ครั้นปะทะกับทหารของกองทัพหลวงของสุมาอี้ซึ่งหนุนเนื่องมาเป็นอันมาก เบ้งตัดเห็นจะไม่สามารถเอาชนะได้จึงสั่งทหารให้ถอยทัพจะกลับเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองซงหยง

            สุมาอี้เห็นทหารเมืองซงหยงล่าถอย จึงยกกองทัพตามไปตั้งประชิดหน้าเมืองซงหยงไว้

            เบ้งตัดถอยเข้าเมืองได้แล้วขึ้นไปบนหอรบบนประตูเมืองด้านหน้า เห็นทหารสุมาอี้ตั้งประชิดเมืองอยู่เป็นอันมากก็ประหวั่นใจ ในขณะนั้นทหารรักษาการณ์ได้ขึ้นมารายงานว่า ขณะนี้ซินต๋ำและซินหงีได้ยกทหารมาทางประตูเมืองด้านหลัง เบ้งตัดได้ทราบความก็มีความยินดี สำคัญว่าซินต๋ำและซินหงีจะยกมาช่วย จึงพาทหารไปที่ประตูเมืองด้านหลัง.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘