ตอนที่ 516. กล "เป็ดแลกหงส์"

ขงเบ้งเห็นเกียงอุยมีสติปัญญาสามารถล่วงรู้ความคิดและมีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ จึงต้องการได้ตัวเกียงอุยมาเป็นศิษย์ จึงวางกลอุบายใช้แฮหัวหลิมเป็นเหยื่อ ทำให้กองทัพวุยก๊กสำคัญผิดคิดว่าเกียงอุยเป็นกบฏเข้าด้วยขงเบ้งแล้ว จากนั้นขงเบ้งก็ให้อุยเอี๋ยนไปยึดเมืองเอ๊กก๋วนแล้ววางแผนล้อมเกียงอุย และเกลี้ยกล่อมให้เกียงอุยยอมสวามิภักดิ์ด้วยใจ

            เกียงอุยแม้เคยได้ยินกิตติศัพท์ของขงเบ้งมาแต่ก่อนว่าทรงภูมิปัญญาวิชาคุณ แจ้งฟ้าจบดิน เป็นเอกแต่ผู้เดียวในใต้หล้าแต่ไม่เคยพบหน้า ดังนั้นแม้จะมีน้ำใจเลื่อมใสศรัทธาในฐานะที่เป็นผู้ใฝ่วิชาวิทยาคุณ แต่ก็มิได้ศรัทธาเลื่อมใสเท่าใดนัก ด้วยมั่นใจว่าภูมิวิทยาที่ได้เล่าเรียนมามิได้ด้อยกว่าขงเบ้ง แต่ครั้นมาพ่ายแพ้เสียรู้เสียทีถึงปานนี้ ก็ประจักษ์ว่าคำโบราณที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้านั้นเป็นความจริงที่เกิดและประสบแก่ตัวอยู่ในขณะนี้แล้ว ในน้ำใจก็รู้สึกนับถือเลื่อมใสยิ่งนัก ครั้นมาเห็นหน้าตาตัวจริง ฟังน้ำเสียงอันนุ่มนวลละมุนเต็มไปด้วยน้ำใจที่เมตตาอาทร อาบเอิบด้วยอุดมการณ์ที่จะทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข ทั้งยังยกย่องสรรเสริญเกียงอุยอย่างยิ่งยวด น้ำใจเกียงอุยก็นอบน้อมต่อขงเบ้งแต่วินาทีนั้นตามประสาบัณฑิตใฝ่เสวนาคบหาด้วยบัณฑิตเป็นกัลยาณมิตรฉะนั้น

            เกียงอุยปลงใจดังนั้นแล้วจึงคุกเข่าลงคำนับแทบเท้าขงเบ้ง แล้วกล่าวว่ามหาอุปราชเมตตาไว้ชีวิตและยังรับข้าพเจ้าเป็นศิษย์ดังนี้ พระคุณหาที่สุดมิได้ กายใจนี้ขอมอบไว้รับใช้มหาอุปราชไปจนชั่วชีวิต
           
            ขงเบ้งเห็นเกียงอุยนอบน้อมดังนั้นก็ยิ่งมีความเมตตา ก้มลงประคองเกียงอุยให้ลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พลางหันกลับไปที่เกวียนน้อยแล้วโบกพัดเป็นสัญญาณ ทหารซึ่งควบคุมเกวียนของขงเบ้งก็เข็นเกวียนวกกลับไปด้านหลัง เกวียนอีกเล่มหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังก็ถูกเข็นออกมาทางด้านหน้า

            เกียงอุยเห็นคนที่นั่งบนเกวียนเป็นมารดาตัวก็ตื่นเต้นตกใจ มองหน้าขงเบ้งด้วยความแปลกประหลาดใจ แล้วหันไปทางมารดาพลางกล่าวว่าท่านแม่มาที่นี่ได้อย่างไร

            มารดาของเกียงอุยเดินลงจากเกวียนด้วยความปลาบปลื้มใจ น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงกล่าวกับเกียงอุยว่า ตัวเราเป็นคนรักแม่ไม่แพ้น้ำใจรักท่าน จึงรู้หัวอกท่านเป็นอย่างดีว่ากังวลด้วยมารดา ท่านเคารพห่วงใยมารดาอย่างไร เราก็รู้แก่ใจอย่างนั้น จึงเชิญมารดาท่านมาเพื่อให้ท่านคลายใจ

            เกียงอุยได้ฟังก็ซาบซึ้งน้ำใจขงเบ้ง แล้วคิดว่าขงเบ้งนี้สมเป็นครูผู้ใหญ่ มีความรู้สึกละเอียดอ่อน เอื้ออาทรต่อผู้น้อย และเข้าใจความรู้สึกตัวตรงแก่นถูกต้องยิ่งนักก็ยิ่งมีน้ำใจศรัทธาขงเบ้ง แล้วหันไปทางมารดา พอดีแม่เฒ่าเดินเข้ามาถึงเกียงอุยจึงคุกเข่าลงกราบเท้ามารดา และปลาบปลื้มใจจนร้องไห้ พลางกล่าวว่าลูกคิดถึงและเป็นห่วงท่านแม่เป็นอันมาก เดชะบุญมหาอุปราชมีน้ำใจเอื้ออาทรจึงชักพาแม่ลูกให้ได้พบกัน

            มารดาของเกียงอุยประคองลูกชายให้ลุกขึ้น โอบกอดเกียงอุยไว้ในอ้อมอกครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่ามหาอุปราชมีน้ำใจเมตตายิ่งนัก ให้ทหารดูแลรักษาแม่ราวกับเป็นแม่ของตัวเอง เป็นพระคุณยิ่งแล้ว ตัวเจ้าต้องตอบแทนคุณมหาอุปราช อย่าให้เสียทีที่ได้ให้ความเมตตา

            แล้วแม่เฒ่าได้กล่าวสืบไปว่า พวกเราเป็นข้าแผ่นดินในพระราชวงศ์ฮั่น คิดถึงคุณข้าวแดงแกงร้อนและความร่มเย็นเป็นสุขที่ราชวงศ์ฮั่นได้ประทานตลอดระยะเวลาอันยาวนานมาแต่บรรพบุรุษ เจ้าจงอยู่กับขงเบ้งรับใช้สนองคุณราชวงศ์ฮั่นอย่าได้เห็นแก่ความลำบาก หรือเสียดายแม้กระทั่งชีวิตเลย

            กล่าวแล้วแม่เฒ่าก็ชวนลูกชายคุกเข่าลงคำนับขงเบ้งอีกครั้งหนึ่ง ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงก้มลงประคองสองแม่ลูกให้ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้ารับเกียงอุยเป็นศิษย์ ถือเป็นคนกันเองแล้วอย่าได้มากพิธีรีตองอีกเลย กล่าวแล้วขงเบ้งก็พาสองแม่ลูกและทหารกลับไปค่าย และสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงเกียงอุยและมารดา เป็นการเฉลิมฉลองที่ได้คนต้องใจมาร่วมการอย่างอบอุ่นใจ

            ขงเบ้งอาศัยมารดาเกียงอุยผูกจิตตรึงใจเกียงอุยให้อ่อนน้อมสวามิภักดิ์ด้วยกายและใจ ซึ่งโจโฉก็เคยอาศัยมารดาของชีซีเพื่อจะผูกจิตตรึงใจชีซีให้ยอมอ่อนน้อมสวามิภักดิ์แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะโจโฉใช้วิธีการบังคับและหลอกลวงจนมารดาชีซีต้องฆ่าตัวตาย โจโฉจึงได้แต่กายของชีซีแต่ไม่ได้ใจ ดังนั้นตลอดชีวิตของชีซีที่อยู่กับโจโฉจึงไม่ยอมคิดกลอุบายหรือเป็นกำลังให้กับโจโฉแม้แต่น้อย ส่วนขงเบ้งนั้นล้อมกายเกียงอุยไว้ก่อนแล้วผูกจิตด้วยความเป็นมหาบัณฑิตผู้เรืองวิทยาการของตน เสนอรับเกียงอุยเป็นศิษย์ จนเกียงอุยพร้อมใจแล้วจึงตรึงใจเกียงอุยโดยอาศัยมารดาอบรมสั่งสอนให้จงรักภักดีต่อพระราชวงศ์ฮั่น ขงเบ้งจึงได้ทั้งกายและใจของเกียงอุยไปจนตลอดชีวิต

            เสร็จแล้วขงเบ้งจึงปรึกษาถึงการจะตีเมืองเทียนซุยและเมืองเซียงเท้งว่าตัวท่านรู้การหนักเบาของเมืองเทียนซุยและเมืองเซียงเท้งเป็นอย่างดี จะคิดอ่านประการใดจึงจะตีเมืองทั้งสองได้สำเร็จ

            เกียงอุยจึงว่า ข้าพเจ้ามีเพื่อนทหารอยู่ในเมืองเทียนซุยชื่ออินเชียงและเลี้ยงชี มีความสนิทสนมแน่นแฟ้นกันมานาน ข้าพเจ้าจะคิดอ่านกลอุบายเขียนหนังสือถึงอินเชียงและเลี้ยงชีผูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมือง ให้อินเชียงและเลี้ยงชีเป็นไส้ศึกก่อการอยู่ในเมือง เห็นจะเกิดความวุ่นวายภายในเมืองเทียนซุยแล้วเราจึงค่อยยกกองทัพเข้าตี เห็นจะได้เมืองโดยง่าย

            ขงเบ้งได้ฟังก็เห็นด้วย เกียงอุยจึงเขียนหนังสือขึ้นเป็นสองฉบับ ฉบับหนึ่งถึงอินเชียงอีกฉบับหนึ่งถึงเลี้ยงชีแล้วผูกเข้ากับลูกเกาทัณฑ์ ให้ทหารยิงเข้าไปในเมืองเทียนซุย

            ทหารที่รักษาเมืองเทียนซุยเห็นลูกเกาทัณฑ์ที่ยิงเข้ามามีหนังสือผูกอยู่ก็เอาไปมอบให้แก่ม้าจุ้น

            เมื่อม้าจุ้นเห็นหนังสือทั้งสองฉบับก็สงสัย จึงเอาหนังสือทั้งสองฉบับนั้นไปปรึกษากับแฮหัวหลิมแล้วว่า อินเชียงและเลี้ยงชีสองคนนี้เป็นเพื่อนทหารสนิทกับเกียงอุยมาช้านาน ซึ่งเกียงอุยมีหนังสือมาถึงสองคนนี้เห็นทีว่าจะคบคิดกันเป็นไส้ศึก ท่านจะคิดอ่านประการใด

            แฮหัวหลิมแม้เป็นพระญาติวงศ์ของพระเจ้าโจยอย แต่อ่อนด้อยด้านสติปัญญา พอทราบความก็ระแวงว่าสองนายทหารจะคบคิดกับเกียงอุยเป็นกบฏ จึงกล่าวว่าหากอินเชียงและเลี้ยงชีไม่คบคิดกับเกียงอุยแล้ว ไฉนเล่าเกียงอุยจึงมีหนังสือมาดังนี้ ควรจะป้องกันไว้ดีกว่าคอยแก้ไข

            ว่าแล้วแฮหัวหลิมจึงสั่งม้าจุ้นให้ส่งทหารไปจับตัวอินเชียงและเลี้ยงชี แต่เนื่องจากอินเชียงและเลี้ยงชีเป็นนายทหารที่มีน้ำใจไมตรี มีเพื่อนฝูงเป็นอันมาก พรรคพวกของอินเชียงและเลี้ยงชีเมื่อทราบข่าวก็รีบนำความไปแจ้งให้อินเชียงและเลี้ยงชีทราบ

            ทั้งอินเชียงและเลี้ยงชีพอทราบความก็ตกใจ รีบปรึกษากันว่าหากจะนิ่งเฉยสืบไป ถูกเขาจับได้คงมีโทษถึงตายเป็นแน่แท้ กระนั้นเลย “จำเราจะคิดอ่านออกไปสมัครอยู่ด้วยขงเบ้งจึงจะพ้นอันตราย”

            พอเวลาค่ำทหารของแฮหัวหลิมและม้าจุ้นก็มาถึงกองทหารของอินเชียงและเลี้ยงชี แล้วแสร้งบอกว่า ท่านเจ้าเมืองม้าจุ้นมีราชการสำคัญต้องการพบ ให้รีบไปที่ศาลาว่าราชการโดยด่วน

            อินเชียงและเลี้ยงชีทราบความอยู่ก่อนแล้วก็รู้ว่าการเชิญไปพบนั้นเป็นการลวงให้ออกไปนอกกองทหารแล้วจับตัวไปประหารชีวิต จึงแสร้งกล่าวกับทหารซึ่งมาตามนั้นว่าให้ท่านกลับไปก่อน เราจะตามไปในภายหลัง ทหารซึ่งมาตามสำคัญว่าจริงจึงรีบกลับไปรายงานแก่ม้าจุ้น

            พอทหารนั้นออกไปแล้ว อินเชียงและเลี้ยงชีจึงเขียนหนังสือถึงเกียงอุยว่าให้รีบยกกองทัพเข้ามายึดเมือง จะเปิดประตูเมืองคอยรับ แล้วเอาหนังสือนั้นผูกเกาทัณฑ์ยิงออกไปที่ทหารของขงเบ้ง

            ทหารขงเบ้งเห็นหนังสือผูกเกาทัณฑ์ก็นำไปมอบให้แก่ขงเบ้ง ขงเบ้งจึงเอาหนังสือนั้นให้เกียงอุยอ่านดู เกียงอุยรับมาอ่านดูแล้วกล่าวว่าหนังสือนี้เป็นลายมือของอินเชียงและเลี้ยงชี ซึ่งสองคนนี้เร่งร้อนดังนี้เห็นทีจะกลัวม้าจุ้นจับตัวไปลงโทษ จึงชอบที่มหาอุปราชจะยกกองทัพเข้าทำการตามหนังสือของอินเชียงและเลี้ยงชีนั้น

            ขงเบ้งได้ฟังก็เห็นชอบ จึงสั่งแม่ทัพนายกองทั้งปวงให้เคลื่อนพลเข้าประชิดเมืองเทียนซุย

            ในขณะนั้นเป็นเวลาปลายยามหนึ่ง อินเชียงและเลี้ยงชีและพรรคพวกอีกสิบคนได้ลอบไปที่ประตูเมือง ฆ่าฟันทหารซึ่งรักษาประตูแล้วเปิดประตูเมืองออกไปหาทหารเมืองเสฉวนซึ่งกำลังยกเข้าประชิดตัวเมือง

            ทหารเมืองเสฉวนเห็นประตูเมืองเปิดก็เคลื่อนพลรุกเข้าไปในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว แล้วกระจายกำลังเข้ายึดเมืองเทียนซุย ฆ่าฟันทหารเมืองเทียนซุยที่ต่อต้านบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            แฮหัวหลิมและม้าจุ้นเห็นทหารเมืองเสฉวนโห่ร้องบุกเข้ายึดเมืองอย่างรวดเร็วก็ตกใจ จะสั่งการประการใดก็ไม่ได้ เพราะทหารซึ่งรักษาเมืองพากันแตกตื่นวิ่งหนีคุมกันไม่ติด เห็นจะรักษาเมืองต่อไปไม่ได้ แฮหัวหลิมและม้าจุ้นจึงพาทหารซึ่งสนิทร้อยคนเศษตีฝ่าหนีออกไปทางประตูเมืองด้านตะวันตก แล้วรีบหนีไปทางเมืองเกียงเสีย

            เลี้ยงชีและอินเชียงเห็นทหารเสฉวนยึดเมืองเทียนซุยได้แล้วจึงเชิญขงเบ้งเข้าไปในเมือง และเรียกบรรดาขุนนางที่รักษาเมืองเข้ามายอมอ่อนน้อมต่อขงเบ้งจนหมดสิ้น

            ขงเบ้งจัดแจงบ้านเมืองเป็นปกติแล้ว จึงปรึกษากับแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า ก้าวต่อไปนี้จะต้องยึดเมืองเซียงเท้งให้ได้ จะทำประการใด

            เลี้ยงชีจึงว่า เลี้ยงเขียนซึ่งรักษาเมืองเซียงเท้งนั้นเป็นน้องของข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจะขออาสามหาอุปราชออกไปว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมให้เลี้ยงเขียนยอมอ่อนน้อมเอง ขงเบ้งหันมามองหน้าเกียงอุย เกียงอุยก็รู้ทีจึงว่า ขอมหาอุปราชได้อนุญาตให้เลียงชีไปเกลี้ยกล่อมเลี้ยงเขียนเถิด ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงสั่งให้เลี้ยงชีเดินทางไปเมืองเซียงเท้ง 

            เมื่อเลี้ยงชีเดินทางไปถึงเมืองเซียงเท้งแล้ว ได้พูดจาว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมกับเลี้ยงเขียนผู้น้อง ให้ยอมสวามิภักดิ์กับขงเบ้ง เลี้ยงเขียนเชื่อฟังพี่ชายจึงยอมตามแต่โดยดี แล้วพาพรรคพวกกลับไปหาขงเบ้ง

            ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็มีความยินดี สั่งให้ปูนบำเหน็จความชอบแก่เลี้ยงเขียน เลี้ยงชีและอินเชียงเป็นอันมาก แล้วแต่งตั้งให้เลี้ยงชีเป็นเจ้าเมืองเทียนซุย ให้เลี้ยงเขียนเป็นเจ้าเมืองเซียงเท้ง และให้อินเชียงเป็นเจ้าเมืองเอ๊กก๋วน

            จากนั้นขงเบ้งจึงสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงฉลองชัยชนะที่ยึดสามเมืองได้โดยไม่ยากลำบากได้ทั้งศิษย์ที่มีวิชาปัญญาคุณแลทหารเป็นอันมาก ในระหว่างงานเลี้ยงนั้นทหารทั้งปวงได้ ไต่ถามขงเบ้งว่ามหาอุปราชปล่อยแฮหัวหลิมกลับไปแล้วจะจัดการประการใด

            ขงเบ้งจึงว่า “เราปล่อยแฮหัวหลิมเสียนั้น เหมือนเสียเป็ดตัวหนึ่ง ได้เกียงอุยมาไว้เหมือนได้หงส์ตัวหนึ่ง แต่บังทองตายแล้วก็ไม่เห็นผู้ใดที่จะมีสติปัญญาเหมือนเกียงอุยฉะนี้”

            ทหารทั้งปวงได้ฟังคำไขของขงเบ้งแล้วพากันสรรเสริญสติปัญญาความคิดของขงเบ้งเป็นอันมาก สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ระบุว่าชัยชนะของขงเบ้งครั้งนี้ทำให้ “กิตติศัพท์ก็ฟุ้งเฟื่องต่อกันไป หัวเมืองทั้งปวงก็มาอ่อนน้อมต่อขงเบ้งเป็นอันมาก”

            ครั้นจัดแจงบ้านเมืองเป็นปกติแล้ว ขงเบ้งจึงสั่งให้เคลื่อนทัพไปที่เขากิสานซึ่งเป็นเส้นทางที่จะรุกเข้าตีเมืองฮูโต๋ต่อไป ครั้นถึงริมแม่น้ำอุยโหก็ให้ทหารตั้งค่ายลงไว้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘